เรามักสนใจสิ่งรอบข้าง หรือวิธีสู่ให้สำเร็จมากเกินไป จนลืมไปว่า สิ่งที่แรกที่เราควรเข้าใจและพัฒนาที่สุดคือ ตัวเราเอง
พูดถึงเรื่อง Mindset หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายที่ชัดเจน ว่าตกลงแล้ว Mindset คือนิสัยที่ติดตัวเรามาหรือเปล่า
หากคุณกำลังจิตตกจากตลาดหุ้น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อหุ้นตก เรามีคำตอบให้คุณ
แรกเริ่มเดิมทีถ้าใจของเรารักที่จะสะสมอะไรสักอย่างแล้ว ลำดับต่อไปควรต้องถามตัวเองว่าจุดมุ่งหมายที่จะเริ่มสะสมสิ่งเหล่านั้นคืออะไร ถ้าคำตอบมีเพียงสะสมเพื่อสนองตัณหาของตนเอง เราก็ควรถามตัวเองต่อว่า อยากให้ของที่เราสะสมเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ หรือไม่ว่ายังไงก็จะไม่ขายของสะสมออกไป ต้องการสะสมเพียงอย่างเดียวไม่สนใจที่จะมอบให้เป็นมรดกตกทอดกับใคร ถ้าคำตอบเป็นอย่างนั้นคุณจะสะสมอะไรก็ได้แม้แต่ซากแมลงก็ตาม เพราะคุณไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นที่มาสะสมเพราะความชอบเพียงอย่างเดียว แต่พอคุณเริ่มสะสมไประยะนึงความอยากรู้อยากเห็นหรือความสนใจในของสะสมจะต้องเพิ่มมากขึ้นไปโดยปริยาย ไม่งั้นคุณจะเริ่มเบื่อหรือเริ่มรู้สึกว่าของที่สะสมมามันเริ่มรกบ้าน เริ่มรู้สึกไม่มีประโยชน์ในการสะสมเพราะการเก็บของสะสมมันไม่มีจุดมุ่งหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องถามตัวเราเองว่าจุดมุ่งหมายในการสะสมคืออะไร อยากกลายเป็นเทพหรือเซียนของของสะสมประเภทนั้นเหรอ หรือหามิตรภาพจากเพื่อนที่รักในของสะสมเหมือน ๆ กัน หรือหวังว่าจะได้รับทั้งความสุขทางใจและผลตอบแทนจากการสะสมของควบคู่กันไป ด้วยเหตุนี้จึงถือกำเนิดศาสตร์ใหม่ที่เรียกว่า Passion Investment ขึ้นมา WHAT EXACTLY IS PASSION INVESTMENT? ครั้งแรกที่ผมได้พูดเรื่องนี้คงเป็นที่ Luxellence Center เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว และครั้งต่อมาที่งาน Stock2morrow เมื่อหลายปีแล้วเช่นกัน จนผมเคยหยอกล้อกับทางผู้จัดเล่น ๆ ว่าสงสัยเพราะเซียนเกิดขึ้นเยอะจึงทำให้เขาไม่ต้องเชิญผมไปพูดแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะผู้คนหันมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นจำนวนมากขึ้นจึงทำให้คนเข้าใจถึงการสะสม และการเพิ่มมูลค่าของสะสมมากขึ้น Passion Investment คือคำนิยามง่าย ๆ ว่า “การลงทุนในการสะสมของ และทำให้ของที่เราสะสมมีมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งตัวผู้สะสมเองต้องมีความสุขในการใช้หรือเก็บสะสมของเหล่านั้นด้วยเช่นกัน” Passion Investment ใช้ได้กับของสะสมทุกอย่างที่มีตลาดรองรับ ถ้าเป็นตลาดโลกเราก็จะมองที่ Sotheby’s หรือ
เราต่างก็หวาดกลัวการถูกปฏิเสธ เพราะการปฏิเสธหมายถึงการไม่ได้อย่างที่ใจหวัง การถูกมองว่าเราดีไม่พอ เราไม่เป็นที่ต้องการ หรือการที่เราไม่ถูกเลือก แต่วันนี้ UNLOCKMEN ขอนำเสนอเรื่องราวของ Jia Jiang ชายหนุ่มชาวจีนที่จะทำให้คุณมองเรื่องราวของการถูกปฏิเสธเปลี่ยนไปตลอดกาล ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธต้นเหตุของความไม่กล้า Jia Jiang ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายอย่างเรา ๆ ที่มีไอดอลในดวงใจหนึ่งคนแล้วใฝ่ฝันว่าสักวันจะเป็นอย่างเขาคนนั้นให้ได้ ตอน Jia Jiang อายุ 14 เขาได้ฟัง Bill Gates พูด ทันทีที่ได้ฟังเขาก็รู้สึกฮึกเหิมมากและคิดว่าภายในอายุ 25 ปีเขาต้องมีบริษัทเป็นของตัวเองให้ได้และบริษัทนั้นต้องยิ่งใหญ่ ร่ำรวยมากพอที่จะซื้อบริษัทไมโครซอฟต์ของ Bill Gates ให้ได้เช่นกัน! แต่เวลาล่วงผ่านไปจนจะเข้าอายุ 30 เขาก็ยังไม่มีความกล้าหาญที่จะทำอะไรอย่างที่เขาตอนอายุ 14 พูดไว้แม้แต่น้อย เขารู้สึกท้อใจและนั่งทบทวนว่าอะไรกันแน่คือสาเหตุที่เขาไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเขาก็พบว่ามันคือความกลัวที่จะถูกปฏิเสธนั่นเอง เราไม่กล้าออกไปพรีเซนต์งานเพราะกลัวจะถูกมองว่าทำได้ไม่ดี เราไม่กล้าเริ่มอะไรใหม่ ๆ เพราะกลัวจะผิดหวัง เราไม่กล้าลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนเพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธให้พลาดไปจากความตั้งใจเดิมของเรา Rejection Therapy: เพราะเราต้องเผชิญหน้ากับการปฏิเสธ Jia Jiang ตัดสินใจแแล้วว่าเขาจะไม่ยอมให้ความกลัวมาทำให้เขาจมอยู่กับที่อีกต่อไปแล้ว เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามหาวิธีเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธนี้จนกระทั่งเข้าไปเจอ Rejection Therapy เกมที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย
คุณเบื่อไหม เมื่อพูดถึงความยั่งยืน? คุณเบื่อเพราะคิดว่ามันเป็นคำพูดสวย ๆ คำนึงเพื่อใช้ขายของอะไรสักอย่าง แต่เพราะคุณมัวแต่เบื่อ เยาวชนอย่าง Greta Thunberg ถึงลุกขึ้นมาเริ่มพูดว่าคุณควรจะสนใจมันได้แล้วนะ คุณอย่ามัวเอาแต่พูดว่าใส่ใจห่าเหวอะไรในโลกใบนี้ คุณต้องทำอะไรสักอย่างกับมันสักที ไม่ใช่เอาแต่ฝากความหวังให้คนรุ่นหลังโดยไม่แม้แต่จะพยายามทำอะไรสักอย่าง ความเดือดดาลของเด็กสาวคนนึงที่พูดประโยคตีแสกหน้าในเวทีการประชุมสหประชาชาติต้นอาทิตย์ทำให้เราเริ่มคิดถึงเรื่อง Core Corporate หรือ Core Business ที่อยู่รอบตัวคนเมืองอย่างพวกเราในไทย มีใครบ้างที่คิดถึงเรื่องความยั่งยืน มีใครบ้างที่เขาคิดถึงคุณภาพชีวิต ถึงเราจะพูดว่าคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน แต่อย่าเหมาเอาว่าเราจะพูดถึงองค์กรการกุศลเด็ดขาด การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีมันไม่ใช่ให้ควักเนื้อทางธุรกิจ เรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้ขาดจากกัน เพราะการทำแบบนั้นมันไม่ได้ยั่งยืน ไม่มีคนซื้อพวกเขาจะเอารายได้จากไหนมาพัฒนาให้นิเวศสมดุล? ทุกอย่างล้วนต้องลงทุนทั้งนั้น เอาเป็นว่าเราจะไปอ่าน Vision ไม่ใช่ตัวเลข และบอกก่อนว่า คอนเทนต์นี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย แต่เอาไว้เป็นกรณีศึกษา หลังจากที่เรามีโอกาสได้รับฟังและรู้เรื่องข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของการสร้างโครงการใหม่ ๆ กับเบื้องหลังปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเท่านั้น ครั้งนี้ UNLOCKMEN เลยเริ่มคิดถึงที่แรกอย่างคอนโดก่อน เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองที่เราอยู่มันต้องเริ่มจากรากที่เรานอน เราจึงเลือกพูดถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เขากล่าวกันว่าจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เราเป็นประเภทแรก คำว่าดีมาจากไหน คำว่าดี ดีอย่างไร ? เราขอเริ่มต้นเจาะริเน็นจากที่ AP THAILAND เป็นที่แรก เพราะเรารู้มาว่าเขาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดการทำอสังหาฯ
ทุกวันนี้เซอร์วิสแบบ all in one ป้อนถึงที่ คายถึงปาก แทบจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกอุตสาหกรรมลุกขึ้นมาทำกันทั้งนั้น กระทั่งเอเจนซี่เองก็มีหน้าใหม่หน้าเก่าเข้าออกในวงการอยู่ตลอดเวลา อะไรที่ทำให้บางเอเจนซี่ขายได้ แต่บางแห่งต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ยังขายไม่ออก? หรืออะไรที่ทำให้เอเจนซี่เล็ก ๆ แย่งงานเอเจนซี่เจ้าดังได้ เราเองพยายามหาข้อเท็จจริงเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน กระทั่งไปเจอแนวคำตอบที่น่าสนใจของ Dave Trott นักโฆษณาที่เขียนหนังสือชื่อ “Predatory Thinking” หรือที่แปลเป็นฉบับไทยว่า “เกิดเป็นกระต่ายต้องคิดได้ให้อย่างหมาป่า” ซึ่งพูดถึงการคิดต่างที่จะทำให้เราพลิกเกมการทำงานและการใช้ชีวิตได้ UNLOCKMEN คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจสำหรับทั้งคนทำธุรกิจและพนักงานตาดำ ๆ ทั่วไป เราจะไม่พูดเด็ดขาดว่าเราไม่อยากเป็นเจ้าของเงินก้อนนั้นที่ลูกค้าวางไว้ ดังนั้น เพื่อให้คุณมีโอกาสได้เงินก้อนนั้นมาก่อนที่คนอื่นจะคาบไปรับประทาน ลองมาดูกันว่าเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าไม่ซื้อมันเพราะอะไรกันแน่ โฆษณาดีแค่ไหนก็ไม่ได้การันตียอดขาย อยากมีตัวตน อยากให้คนพูดถึง อยากเอาชนะการกด skip นี่คือโจทย์ที่นักโฆษณามือทองทุกคนพยายามดันผลงานให้ไปถึง แต่คำว่า “ดี” นั้น ต่อให้มากแค่ไหน คว้ารางวัล Cannes Lions มาได้ ก็แทบไม่มีความหมาย หากลูกค้าต้องการให้นำไปวัดเม็ดเงินที่จะคืนกลับมาที่บริษัท รู้ไหมเพราะอะไร? เพราะความเป็นจริงคนเราไม่ได้ตัดสินใจซื้อจากแค่โฆษณาไง ถ้าคุณเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ต่อให้เราพยายามขายบุหรี่พรีเมี่ยมแค่ไหนให้ คุณก็ไม่ซื้อมันอยู่ดี คุณเป็นคนไม่อยากได้รถ เราโฆษณารถหมื่นแรงม้า
หลังจากที่ระบบสตรีมมิ่งในอินเทอร์เน็ตเข้ามาแทนที่โทรทัศน์ ก็ทำเอาไลฟ์สไตล์ของผู้ชายเราผูกโยงกับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอสมาร์ตโฟนมากกว่าจอแก้วที่ดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้การมาของวิดีโอสตรีมมิ่งจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดทำลายธุรกิจโทรทัศน์ได้ แต่มันก็เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปโดยที่วงการจอแก้วยากจะต่อกร ถ้าบอกว่าธุรกิจแนวนี้กำลังมาแรงก็คงไม่แปลกนัก เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีสตรีมมิ่งวิดีโอเกิดขึ้นมากมายและผู้คนก็นิยมอย่างล้นหลาม ทั้ง LINE TV, Netflix, Roku, Disney และเจ้าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน พวกเขาต่างต่อสู้ฟาดฟันกันเพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะซีรีส์ ภาพยนตร์ แอนิเมชัน หรือแม้แต่ภาพยนตร์สารคดีก็ตาม แต่ไม่นานมานี้ความมั่นคงของค่ายยักษ์แห่งวงการสตรีมมิ่งวิดีโอก็ต้องสั่นคลอนอีกครั้ง เมื่อ Apple ประกาศเปิดตัว Apple TV+ พร้อมชูจุดขาย “Cheaper Streaming Service” หรือ “บริการสตรีมมิ่งที่ถูกกว่า” จากบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สุดแข็งแกร่งของโลก เตรียมมุ่งหน้าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งอย่างเต็มตัว ผลที่ตามมาคือทำให้หุ้นของ Netflix ลดลงถึง 3.25% หุ้น Disney ลด 2.76% และหุ้นของ Roku ลดลงมากถึง 12.62% การต่อสู้กับคู่แข่งตัวฉกาจ แม้ Apple จะมีรากฐานที่แข็งแรง แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับน้องใหม่ที่ต้องสู้รบกับพี่ ๆ ยักษ์ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการนี้มาก่อนหลายปี ไหนจะ Disney
ข่าว Jack Ma ลงจากเก้าอี้ แม้ว่าได้ยินมาตั้งแต่ช่วงนี้ปีที่แล้ว แต่พอนับ Day 1 การเกษียณจริง ๆ เปลี่ยนตำแหน่งจาก CEO ไปนั่งเป็นกรรมการบริหารบริษัทแทน อาจทำให้บางคนรู้สึกใจหาย ทว่าสำหรับผู้ถือหุ้น เรื่องนี้ไม่ค่อยมีผลกระทบนัก เพราะจระเข้แห่งแยงซีรุ่นต่อไปของ Alibaba อย่าง Daniel Zhang เองก็ซ่อนเขี้ยวเล็บที่ไม่ธรรมดาไว้มากมาย ภาพเฮีย Ma ขาร็อก แสดงบนเวทีเป็นการส่งท้ายลงบัลลังก์อย่างประทับใจและมี Daniel Zhang ขึ้นมาร้องเพลงบนเวทีเป็น Extra Special ในงานฉลองครบรอบบริษัท 20 ปี ถือเป็นบทส่งท้ายของผู้ก่อตั้งที่ทั้งเท่ แหวกแนว ติดตาคนทั่วโลก LEEEEEEET'S ROCK! Sunglass-clad Jack Ma performs rock music during the Alibaba gala in Hangzhou on Tuesday. #JackMa @AlibabaGroup
ชีวิตประจำวันมันเครียด แต่เสียงหัวเราะจะช่วยเยียวยาเราได้ อยากหนีเรื่องเครียดเป็นสัญชาตญาณสากล ทำให้ “เสียงหัวเราะ” เป็นหนึ่งธุรกิจที่ขายได้ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะกับชาติไทยเราที่เป็นชาติแห่งอารมณ์ขัน เพราะไม่ว่าสถานการณ์ไหน ทั้งวงเพื่อน วงเหล้า วงเหงา วงเครียด วงแดก หรือห้วงรัก ไทม์ไลน์ชีวิตเราต่างแทรกซึมด้วยเสียงหัวเราะเข้าไปได้เสียทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าตอนที่เราเล่นเอง มุกจะกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจก็ตาม ตอนที่คิดจะลุกมาเขียนบทความนี้ ต้องยอมรับว่าเขียนถึงด้วยความคิดถึงและความบังเอิญ หลังจากที่เราไม่ได้เปิดทีวีมานานแล้วดันไปเจอว่าตอนนี้ทางกลุ่มบันลือกรุ๊ปเขาบุกตลาดซิตคอมผลิต “ขายหัวเราะ On Air” ด้วยการใช้คนแสดง เกิดเป็นรายการเข้าช่องเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่เราเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาทุกอย่างยังเงียบสงบและอาศัย 2 ทางคือ การขายเสียงหัวเราะผ่านการ์ตูนช่องที่เป็นรูปแบบสิ่งพิมพ์บนแผงกับการขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ แต่เอาเข้าจริง พอเข้าไปไล่ดูจริง ๆ มันไม่ได้มีแค่นั้น อุตสาหกรรมคอนเทนต์ตลกของ “บันลือกรุ๊ป” งอกลูกหลานออกมาตบมุกเยอะแยะไปหมด และกระจายออกไปหลายแพลตฟอร์มชนิดที่เราเองก็ไม่รู้และไม่ทันสังเกตมาก่อนเหมือนกัน ซึ่งวิสัยทัศน์การขยายตัวทางธุรกิจนี้ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว การแข่งขันแม้ไม่มีคู่เทียบที่ชัดเจนและครองตำแหน่งตำนานตลกสุดคลาสสิกในตลาดมายาวนานบางคนอาจจะมองว่าสามารถเล่นแบบเพลย์เซฟไปได้เรื่อย ๆ แต่ในวันที่โลกทั้งใบโดน Disrupt โอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเติบโตหรือคงอยู่พร้อมจะเกิดขึ้นเสมอ ทำให้ไม่มีใครยอมล้าหลังอยู่ที่เดิมสักคน ลองมาดูความดุของการลงทุนที่ไม่ใช่แค่ราคา 5 บาท 10 บาท แต่กางแขนขาโอบคลุมทั้งตลาดความฮาแบบครบวงจรกันว่ามันเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหนลองไปดู เรื่องตลกจะไปอยู่ตรงไหนได้บ้าง?
จะมีไหมคนที่ไม่เคยอกหักบนโลกใบนี้ หล่อไม่โดนทิ้ง รวยไม่โดนหลอก ? “ความรัก” มันเป็นเรื่องราวที่ไม่เข้าใครออกใคร หลายครั้งพวกเราชอบไปอิจฉาว่าคนนั้นหน้าตาดี ไอ้นี่บ้านมันมีเงิน แต่ข่าวเต็มฟีดที่เป็นกระแสมาเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ชายไม่ว่าจะมี Profile แบบไหนก็เป็นคนธรรมดาที่มีหัวใจ มีความรู้สึก ช้ำได้ ล้มเป็น ชั่วก็คนไม่ต่างกัน #พีชพชร #พีชแพท กำลังโด่งดังทั่วโซเชียล 2-3 วันนี้ มาจากเหตุการณ์ที่ “พีช พชร จิราธิวัฒน์” ลูกชายเครือเซ็นทรัลอกหักจากนักแสดงสาวแพทริเซีย กู้ด ก่อนหน้าจะออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง กระแสข่าวลือว่าทั้งคู่เลิกรากันมีมาสักพัก เพราะฝ่ายหญิงดันไปมีข่าวลือว่ามีสัมพันธ์กับหนุ่มใหม่ โน้ต วิเศษ แต่ตอนนั้นพีชออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าความรักยังราบรื่น ฝ่ายหญิงมีเพื่อนผู้ชายเยอะ แต่ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายภาพหลุดไปกินข้าวรวมกับภาพวันเกิดที่ไม่มีวี่แววของพีช พชร และการ unfollow แฟนสาวของฝ่ายชายก็ทำให้สื่อกลับมาจับจ้องอีกที จนในที่สุดวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา พีชก็ออกมายอมรับว่าทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็น ภาพ Exclusive "พีช" ฝืนไม่ไหว! ปล่อยโฮเดินกลับบ้าน【คลิป】 ภาพ Exclusive "พีช" ฝืนไม่ไหว! ปล่อยโฮเดินกลับบ้าน【คลิป】..แม้จะเข้มแข็งขนาดไหนตอนให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นสะเทือนใจ
ตอนที่เราเคยคิดจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง มีคนเคยบอกเราว่า ถ้าอยากทำธุรกิจที่ไม่ต้องกังวลเรื่องขายได้ไม่ได้ “ของกิน” นี่แหละเสี่ยงเจ๊งน้อยที่สุด เพราะยังไงคนก็ต้องกิน ถ้าเทียบกับของสิ้นเปลืองอื่นที่จะใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ เศรษฐกิจฝืด ๆ แบบนี้ เรื่องกินยังเป็นเรื่องใหญ่ที่เรายอมจ่าย หลังจากออกไปทำงานเยอะ ๆ เข้า มีโอกาสเจอคนในวงการอาหารจริง ๆ แล้วพูดคุยกัน ความจริงที่เห็นมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการแข่งขันสูง คนก็เอาใจยากขึ้นเยอะ เราเลยเปลี่ยนใจหันหลังให้กับการจับตะหลิวมากอดคีย์บอร์ดแทน มองความเปลี่ยนไปของวงการอาหารจากมุมนอกและทำเรื่องที่ถนัดกว่าอย่างการสั่งมากิน แต่ถ้าวันนี้มีใครสักคนถามเราว่า วงการอาหารยังมีที่ว่างเหลือไหม เราจะพูดว่า “มี” ถ้าคุณเตรียมตอบโจทย์การตั้งคำถามที่ว่า “แล้วเราจะได้อะไร?” จากฝั่งลูกค้าได้มากขึ้นหรือดีกว่าจากสิ่งที่ทั่วโลกกำลังทำอยู่ตอนนี้ และนี่คือคำตอบของนักธุรกิจที่เรารวบรวมมาให้ ทั้งแบบที่เกี่ยวข้องแบบร้านอาหารโดยตรงและคนที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาปรุงอาหารเองแต่ก็ขอมีเอี่ยวกับสายนี้ด้วยคน ดังต่อไปนี้ “หิว” แต่ไม่รู้จะกินอะไร ร้านอาหารดี ๆ มีเยอะ อยู่ในตรอกซอกซอยเต็มไปหมด แค่เฉพาะในเมืองหลวงกรุงเทพฯ ยังมีหลายร้านที่เราไม่เคยไปสักครั้งหรืออาจจะไม่โดดเด่นเท่าแบรนด์ดัง วิธีการที่ดีที่สุดที่หลายคนทำคือวิ่งเข้าหน้า Feed และโฆษณาอย่างมีชั้นเชิง หนึ่งในวิธีเรียกร้องความสนใจไปให้คนหิวก็คือการไปเคาะหน้าตาจอถึงที่ เช่นเดียวกับที่ร้านขายเบอร์เกอร์ในต่างประเทศอย่าง Wendy ใช้ คือการโปรโมตร้านผ่านเกม Fornite เกมต่อสู้ยอดนิยม โดยสร้างตัวละครคาแรกเตอร์หญิงเข้าไปทำลายตู้แช่แข็งเบอร์เกอร์ เพราะ Wendy ที่ทนไม่ได้กับการแช่แข็ง