มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือประสบการณ์การทำงานที่เริ่มต้นจากตำแหน่งเล็ก ๆ ไปจนถึงหัวหน้าที่มีความรับผิดชอบระดับสูง ซึ่งเติบโตตามประสบการณ์และอายุ ความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ว่า “ใครไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ก่อนกัน” เท่านั้นเอง ว่ากันตามตรงแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนที่อยู่ในช่วงตำแหน่งเล็กถึงกลาง อาจจะกำลังทำงานแบบมึน ๆ ไร้เป้าหมายในการทำงาน เพราะยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองชอบทำจริง ๆ หรืออาจจะไม่มีไฟ เพราะถ้ามองไปถึงตำแหน่งใหญ่ ๆ ตัวเลขรายได้ที่ต้องการ มันช่างอยู่ห่างออกไปไกลอีกหลายปีเหลือเกิน ทำให้หลายคนเกิดอาการ “ช่างแม่งละกัน” หมดอารมณ์ทำงานขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะคนเราชอบอะไรที่ง่าย เห็นผลเร็ว อยากตื่นขึ้นมาแล้วเงินเดือนเพิ่มแตะหลักแสนภายในข้ามคืน ไม่ว่าคุณจะหมดไฟ หรือมีไฟแต่ไม่รู้จะเน้นโชว์ศักยภาพจุดไหนดี จะได้เปล่งรัศมีกระแทกตาหัวหน้าจนต้องรีบแจกโบนัส อัพเงินเดือน โปรโมตตำแหน่งกันเร็วไว แต่โชคดีแล้วที่คุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาเผย 3 คุณสมบัติหลักที่หัวหน้าทุกบริษัทมองหาจากคุณ นี่เป็นคำแนะนำจากปากผู้บริหารบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ที่เราไปนั่งพูดคุยอย่างใกล้ชิด และนำมาสรุปให้เข้าใจง่าย โดยใช้หลัก rating จากสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 1. Give a damn พื้นฐานเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หลายคนลืมหรือมองข้ามหัวมันไป การ Give a damn คือการมีเอาใจใส่ มีส่วนร่วมกับคนในทีม และในทุกกิจกรรมของบริษัท ไม่ใช่ใครรวมกลุ่มทำอะไร
คุณคงเคยได้ยินใครหลายคนชอบพูดว่า ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำเพราะเหตุผลคือ “ไม่มีเวลา” สำหรับคนที่ศึกษาเรื่องพัฒนาตัวเอง คุณก็จะต้องเคยได้ยินอีกนั่นแหละว่า “ไม่มีหรอก ไม่มีเวลา มีแต่มันไม่สำคัญมากพอ คุณเลยไม่หาทางจัดเวลาให้มัน” ในฐานะที่ตัวเองเป็นพนักงานประจำที่ขับรถไป-กลับที่ทำงานวันละ 100 km. ผมพบว่า “ผมไม่ได้มีประเด็นเรื่องไม่มีเวลา ผมรู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับตัวเองและจัดเวลาให้มันได้ แต่สิ่งที่พบคือเวลาแต่ละวันก็ยังไม่พอที่จะเติมเต็มทุกด้านของชีวิตอยู่ดี” คำถามคือ “แล้วเราจะสร้างเวลาขึ้นมาเพิ่มเพื่อเติมเต็มชีวิตให้รอบด้านมากขึ้นได้ยังไง?” และนี่คือ 3 วิธีที่ผมใช้ และอยากจะเอามาแบ่งปันให้ฟังกันครับ 1. Kaizen (Continuous improvement) ทุกบริษัทญี่ปุ่นจะมีหลักการข้อหนึ่งที่ยึดถือกันเป็นสรณะเหมือนกันคือ Kaizen แปลเป็นไทยว่า “การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ผมใช้หลักการนี้กับชีวิตตัวเองเสมอ ถามว่าใช้ยังไง อันดับแรกคุณต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละวันคุณทำอะไรอยู่บ้าง เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรบ้างทั้งวัน คุณจะเห็นว่าตัวเองใช้เวลากับแต่ละเรื่องเยอะ-น้อยแค่ไหน จากจุดๆนั้นคุณจะสามารถหาวิธีปรับปรุงวิธีการใช้ชีวิตของคุณได้หลายอย่าง เช่น ลดเวลากิจกรรมบางอันได้ไหม ทำอะไรให้เร็วขึ้นได้บ้าง สร้างระบบ หาเครื่องมือช่วยได้รึเปล่า เป็นต้น เราโตขึ้นทุก ๆ ปีครับ ทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ มาก็มาก ยิ่งทำซ้ำมาก ยิ่งเชี่ยวชาญมาก คำถามคือ “จะเป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้อะไรเร็วขึ้นบ้างไม่ได้เลย จะเป็นไปได้ยังไง?” 2. Outsourcing
ใกล้สิ้นปีกันอีกแล้ว เป้าหมายที่เราเคยตั้งไว้ต้นปีเป็นอย่างไรกันบ้าง ? บางคนสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ แต่หลายคนอาจจะยังทำไม่ได้ นั่นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การเดินหน้าต่อไป เพราะเวลายังเหลือ! ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ โดยเฉพาะการลงทุน สำหรับการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ เราต้องคิดต้องทำเสียแต่บัดนี้แล้ว เพราะใกล้สิ้นปีเต็มที ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วง “มรสุม” สำหรับการลงทุน สินทรัพย์หลายตัวตกลงมาอย่างน่าใจหาย และนั่นคือ “โอกาสในวิกฤต” ส่วนมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย “อสังหาริมทรัพย์ทำเลดี ที่ถูกลดราคาลงมา” สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับปีนี้หลายคนคงเห็นแล้วว่า ภาคเศรษฐกิจของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งตกต่ำลงมาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนโดมิเนียม ที่แม้จะอยู่ในทำเลที่ดีมากแต่มีราคาถูกลงเหลือเชื่อ หากติดตามตัวเลขสถิติจะพบว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มที่ราคาขายต่อตารางเมตรจะลดลง ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาจไม่สามารถซื้ออสังหาฯ ทำเลดี ๆ แบบนี้ได้ในราคาที่ทั้งลดทั้งแถม เหมาะกับการวางแผนการลงทุนแบบนี้ คนที่มีเงินในการช้อปฯ อสังหาฯ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงฟ้าเปิด ทำเลดี เพราะราคาส่วนลดกับออพชั่นน่าเล็งใกล้สถานีรถไฟฟ้า หลายทำเล แบรนด์ดัง ๆ พาเหรดกับลดราคาลงมา และหลายที่ Developer เองเป็นผู้ลดราคาเสียด้วย เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้เขาต้องขายสินค้าไม่ให้ค้างสต๊อก เพื่อให้ได้เงินนำไปจ่ายค่าก่อสร้างโครงการ แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นโอกาสคงไม่ได้แล้ว เมื่อโอกาสเป็นของผู้ซื้ออย่างเราตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องเลือกเสียหน่อย “หุ้นสามัญ
ถ้าพูดถึงแฟชั่น เรานึกถึงแบรนด์ฝรั่งเศส ถ้าพูดถึงรถยนต์ เรานึกถึงประเทศเยอรมนี ในด้านงาน Craft ของสินค้า กระบวนการผลิต และความสวยงาม ประเทศไทยของเรานั้นถือว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้ใครในโลก เรามีของดี จากวัตถุดิบที่ดี แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่จะอยู่แค่ในระดับ OTOP หรือสินค้าพื้นบ้าน ในขณะที่เรานั่งมองสิ่งเหล่านั้นจนชิน แบรนด์ฝรั่งต่างชาติ ต่างขวนขวายเอาของดี ไอเดียสินค้าจักสานของไทยไปปรับเปลี่ยน สร้างมูลค่าให้แบรนด์เหล่านั้นกันเป็นว่าเล่น เพียงเพราะเราขาดการทำ branding ที่ดี ขาดการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเหล่านั้น แต่ข่าวดีคือตอนนี้เราได้รู้จักกับ StartUp น้องใหม่ ที่คว้ารางวัลชนะเลิศบนเวทีการประกวดมาแล้วมากมาย โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การผลักดันให้สินค้างาน Craft ของไทย มีการออกแบบที่ทันสมัย มี branding ที่ดี รวมถึงการทำ packaging ที่สร้างมูลค่าได้มากมายทวีคูณ จักสานไทยสู่ตลาดสากล website น้องใหม่ในนาม VT THAI หรือวิถีไทย เกิดขึ้นริเริ่มด้วยคุณจิรโรจน์ ได้มีโอกาสเดินทางไปตามต่างจังหวัดของไทยในแต่ละพื้นที่ซึ่งเห็นว่างานจักสานของไทยนั้นเป็นงานฝีมือภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีความสวยงาม มีคุณค่าและใช้เวลาในการทำ หากแต่ราคาของมันนั้นช่างสวนทางกับมูลค่าและคุณค่าที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นยังได้เห็นถึงปัญหาในด้านต่าง ๆ อาทิ การออกแบบสินค้าที่ไม่มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย หรือความรู้ในด้านภาษาต่างประเทศ ไปจนถึงการทำการตลาด ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดสากล
“ชีวิตจะดี ถ้าเรามองโลกในแง่ดีนะนาย” คำพูดโคตรง่าย ที่ง่ายเฉพาะในหนัง หรือง่ายต่อเมื่อเราเป็นฝ่ายพูดปลอบใจใครสักคน “ชีวิตกูแม่งแย่ ไม่มีอะไรดี ไม่มาเป็นกู มึงไม่รู้หรอกว่าแม่งรู้สึกยังไง” คำพูดโคตรง่าย ที่ง่ายในชีวิตจริง ง่ายเมื่อเราเป็นฝ่ายเจอปัญหา อันที่จริงแล้ว การมองโลกในแง่ร้าย ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า เพราะมันได้ถูกฝังอยู่ใน DNA ของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ การมองโลกในแง่ร้าย เป็นหนึ่งในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่สำคัญของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เมื่อเจอเสียงหลอน ๆ กลางป่า บรรพบุรุษของเราก็จะเตรียมรบหรือหาที่หลบซ่อน เมื่อเจอท่าทีว่าจะมีภัยธรรมชาติ บรรพบุรุษของเราก็เตรียมหาทางเอาตัวรอด สมอง จึงพาเราไปหมกมุ่นอยู่ในการมองโลกแง่ร้ายอยู่เสมอ ถ้างั้นการมองโลกในแง่ร้าย ก็ไม่แย่ซะทีเดียว? ในยุคที่ต้องเอาตัวรอดจากธรรมชาติ ก็คงต้องตอบว่าใช่ แต่ในชีวิตการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน การมองโลกในแง่ร้าย นอกจากจะดึงดูดพลังงานลบเข้าหาตัวแล้ว ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าเป็นการค่อย ๆ ทำร้ายสุขภาพร่างกายโดยไม่รู้ตัว ต่อให้ไม่พูดออกมา ความเครียด ความหดหู่จากการคิดเรื่องร้าย ๆ ในหัว ก็สามารถทำร้ายให้ร่างกายทรุดโทรมได้เช่นเดียวกัน และที่สำคัญ งานวิจัยจาก University of Michigan สรุปว่า คนที่มองโลกในแง่ร้าย มักจะมีอายุขัยสั้นกว่าคนมองโลกในแง่ดี (ดังนั้นเกลียดใครหนักมาก ก็จงยุยงให้มันเครียดเข้าไว้ มันอาจจะอยู่ได้ไม่เกิน 50
ทำไมคนบางคนถึงกลายเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวยจนเราโคตรอิจฉา ในขณะที่ทำไมอีกหลายคนถึงเป็นได้แค่คนธรรมดาทั่วไป? หลายครั้งที่เราตั้งคำถามนี้กับตัวเอง แต่รู้หรือไม่ว่าการเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยบางครั้งก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างที่เราเข้าใจ แต่คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินนั้นมีนิสัยที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น นิสัยเหล่านี้ก็ไม่ใช่นิสัยที่พิเศษจนเกินความสามารถคนธรรมดาอย่างเรา แต่เป็นนิสัยที่เราสามารถเอามาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อยู่ที่ว่าเราจะอยากทำมันหรือเปล่า ถ้าสนใจ UNLOCKMEN ก็เอา 5 นิสัยที่คนมั่งคั่งระดับโลกมาเสนอให้คุณลองพิจารณาดูแล้ว ค้นหาแพสชั่นในการทำงาน คนมั่งคั่งร่ำรวยระดับโลกมักร่ำรวยมาจากการมีบริษัท การเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง ผู้ประกอบการเหล่านี้ สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันหมดก็คือมีแพสชั่นในสิ่งที่พวกเขาทำ แม้งานที่พวกเขาทำจะน่าเบื่อแค่ไหน แต่มันเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่พวกเขาก็จะทำมันอย่างมีความหลงใหลไม่หยุดหย่อนเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด ไม่ใช่แค่ดีพอผ่าน ๆ เงินไม่ใช่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าถามคนที่รวยระดับโลกว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคืออะไร คำตอบที่เราได้ยินจะไม่ใช่การมีเงินล้นมือ (ถึงแม้ว่าเขาจะมีมากอยู่แล้วก็เถอะ) เพราะเงินเป็นเพียงตัวขับเคลื่อนรองลงมา สิ่งที่พวกเขาอยากมีคือการขับเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งโซเชียลเน็ตเวิร์คชื่อดังก้องโลกดู เขาไม่ได้ต้องการเงิน แต่เขาต้องการเปลี่ยนวิธีสื่อสารของคนในโลกต่างหาก! โฟกัส! คนที่ประสบความสำเร็จหรือคนที่ร่ำรวยระดับโลกมักมีความสามารถในการโฟกัสไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนกว่าพวกเขาจะแก้มันให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ต่างจากคนอื่น ๆ ที่อาจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อันไหนพอทำไม่ได้ก็ปล่อยให้หลุดมือไป ลองเสี่ยงดู คนรวยจำนวนมากไม่ได้เกิดมาพร้อมทางเดินที่ปูให้เขาด้วยความมั่นคงเสมอไป ยังมีเศรษฐีระดับโลกจำนวนมากที่เติบโตจากการไม่มีอะไรก่อนจะกลายมาเป็นคนร่ำรวยอย่างที่เป็นทุกวันนี้ การลงไปเสี่ยงหรืออยู่ในสภาวะที่เราอาจจะต้องแลกกับหลายสิ่งที่มีอยู่ในมือหลายครั้งก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราเติบโตขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน อย่ากลัวความล้มเหลว คนจำนวนมากกลัวความล้มเหลว พวกเขากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวนั้นและกังวลว่าความล้มเหลวนั้นจะทำให้ชีวิตพวกเขามีประสบการณ์ที่ไม่ดี แต่คนที่มั่งคั่งร่ำรวยมักทำตรงกันข้าม พวกเขายอมรับความล้มเหลวของตัวเอง และมักมาแยกองค์ประกอบของมันเป็นส่วน ๆ ว่าพวกเขาทำอะไรผิดพลาดตรงไหน ดังนั้นการยอมรับและประเมิณความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ทำได้ยากแต่สำคัญที่คนร่ำรวยมักทำอยู่เสมอ อ่านดูแล้ว UNLOCKMEN
คงไม่มีใครชอบการทำงานอืดเอื่อยสุดล่าช้าของคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นคนในทีมด้วยกัน หรือลูกน้องที่คอยรับคำสั่งจากเรา เพราะการทำงานต้องการการเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่เสมอ จะให้มานั่งรอคนคนเดียวคงไม่ส่งผลดีแน่ แต่ในทางกลับกันคนในองค์กรที่ทำงานอย่ารวดเร็ว ฉับไว เพื่อให้ได้ชื่อว่า ‘ทำงานเสร็จรวดเร็ว’ ทั้ง ๆ ที่การทำงานนั้นบางครั้งเกิดข้อผิดพลาด หรือสร้างความบกพร่องรุนแรงไว้ให้กับองค์กรอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน ปัญหาก็คือผู้คนในองค์กรต่างชื่นชมการทำงานอย่างเร่งด่วนรวดเร็วราวกับคนคนนั้นเป็นฮีโร่ขององค์กรอยู่เสมอ แม้ผลที่ออกมาจะมีความผิดพลาดตามมาก็ตาม แต่เราก็จะยกย่องว่าการทำงานรวดเร็วคือสุดยอดความเจ๋ง แถมไม่แม้แต่จะมองว่านี่แหละคือปัญหาขององค์กรอีกปัญหาหนึ่ง! ก็แน่ล่ะใครจะมองว่าการที่พนักงานคนหนึ่งหรือคนหนึ่งในทีมรีบทำงานให้เสร็จลุล่วงจะถูกนับเป็นปัญหาการจัดการในองค์กรไปด้วย แต่จากรายงานเปิดเผยว่าแต่ละองค์กรต้องสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการตัดสินใจหรือทำอะไรอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้ชื่อว่าเสร็จ ๆ ไปก่อน แต่ทิ้งความผิดพลาดเอาไว้ อย่างไรก็ตามคนในทีมที่ทำงานแบบเร่งด่วนก็มักจะเป็นคนคนเดียวกับที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเราก็ต้องระมัดระวังการบอกเขามากที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีมเช่นกัน วิธีต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยจัดการคนในทีมที่ออกแนวด่วนแต่สะเพร่าได้ดีพอสมควร ช่วยให้เขามองเห็นว่าการกระทำของเขามีผลต่อคนอื่นอย่างไร หลายครั้งที่คนทำงานด่วน งานเร็ว มองเห็นแต่เป้าหมายของตัวเอง จนอยากรีบทำทุกอย่างให้เสร็จ ๆ ไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำงานเสร็จ แล้วปัดงานนั้นให้พ้นตัวเพื่อให้คนอื่นนั้นรับช่วงงานต่อต่อไป การทำแบบนั้นไม่ได้มีอะไรผิดต่อการทำงานส่วนตัวแต่อย่างใด (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด) แต่ในฐานะการทำงานเป็นทีมการทำแล้วปัด ๆ ส่งไปไม่มีผลดีต่อความร่วมมือกันเป็นแน่ ดังนั้นต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขาเห็นว่านี่คือการทำงานเป็นทีม เป้าหมายคือเป้าหมายของทีมร่วมกันไม่ใช่งานของเขาคนเดียวที่ทำแล้วจบไป ที่สำคัญคนในทีมต้องรู้จักชมผลงานของเขาในแง่กระบวนการการทำ ไม่ใช่ชมแค่ผลงานของเขาที่เขาทำเสร็จแล้ว และชี้ให้เห็นว่าการทำงานของเขาไม่ได้มีค่าแค่ต่อตัวเอง แต่ส่งผลในฐานะความเป็นทีมอย่างไร ให้เขาระบุผลของการกระทำของเขาออกมา บางทีการชี้ให้เห็นอาจไม่มากเพียงพอ เราอาจต้องช่วยกระตุ้นให้เขาเห็นว่าการกระทำของเขาส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง เพราะเขาอาจเห็นแต่ข้อดีที่ทุกคนชมเขา (หรือเขาเห็นเอง) ว่าเขาทำงานเสร็จเร็ว ตัดสินใจได้ด่วนกว่าคนอื่น แต่เขาไม่เคยมองเห็นว่าข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานเร็วเกินไปคืออะไร ดังนั้นเราต้องกระตุ้นให้เขาหาให้เจอให้ได้ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันคืออะไร มันเกิดจากอะไร
งานต่อให้เรารักแค่ไหน แต่ทำไปทำมาเมื่อมันเริ่มวนลูปเดิม ๆ เจอปัญหาเก่า ๆ ที่แก้แล้วแก้อีกก็ยังวนกลับมาไม่หยุด คนเราก็ต้องมีเบื่อบ้าง หรือบางคนอาจจะเบื่อจนอยากร้องตะโกนโวยวายทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้ว่าต้องไปทำงาน ถ้ามันจะเบื่อขนาดนั้นแล้วล่ะก็ UNLOCKMEN เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปแล้วคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ UNLOCKMEN เสนอว่ามันพอมี 5 วิธีเล็ก ๆ น้อยให้ลองทำดูเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง งานมีไว้ทำแค่ที่ทำงาน แม้จะดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน แต่ถ้าชีวิตเดินทางมาถึงจุดที่การต้องตื่นไปทำงานทุกวันทำให้คุณรู้สึกเหมือนโลกจะแตกสลาย หรือถ้าโลกแตกสลายลงก็ยังดีกว่าต้องแบกร่างไร้วิญญานไปทำงานแล้วล่ะก็ นี่ก็อาจเป็นกลยุทธแรก ๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม คุณเข้างานตรงเวลาก็ควรเลิกงานตรงเวลา ปล่อยให้งานอยู่แค่ที่ทำงานเท่านั้น ทันทีที่คุณเลิกงานคุณควรปล่อยวาง เลิกคิดว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไร มีอะไรที่คั่งค้าง แล้วใช้เวลากับการพักผ่อนให้เต็มที่ อีเมลงานก็ปล่อยไว้ก่อนเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเองสักระยะ แล้วค่อยมาเช็คอีเมลทันทีที่เวลาเริ่มงานตอนเช้าเริ่มต้นก็ไม่เสียหาย สมองคุณจะได้แยกแยะให้ชัดเจนว่าเวลาไหนคือเวลางาน เวลาไหนคือเวลาที่ได้พักผ่อนเต็มที่เพื่อชาร์จพลังไว้สู้กับงานในเวลางานได้อย่างเต็มกำลังนั่นเอง ออกไปพักผ่อนเสียบ้าง อีกสาเหตุที่อาจทำให้คุณรู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับการทำงานเหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่าคุณรู้สึกว่าชีวิตนี้ของคุณมันไม่มีอะไรหลงเหลือให้รอคอยอยู่อีกแล้วนอกจากงาน งาน และงาน ถ้าเป็นช่วงที่คุณมีไฟเหลือเฟือ ตะลุยงานได้ไม่มีวันหยุดหย่อนก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะคุณจะพร้อมกระโจนใส่งานได้อย่างโคตรบ้าคลั่ง แต่ไม่ใช่กับช่วงหมดไฟ UNLOCKMEN แนะนำว่าคุณต้องการการพักผ่อนอย่างถึงที่สุด อาจจะลาไปพักร้อนสัก 3-4 วันยาว ๆ หรือจะชอบใช้วันหยุดทีละเล็กละน้อย ลาเพิ่มจากวันเสาร์อาทิตย์ไปเลยสัปดาห์ละวัน ก็ได้พักผ่อนแทบทุกอาทิตย์ไปอีกแบบ แต่เรารับรองได้ว่าการชักปลั๊กการทำงานไปพักผ่อนที่จะทำให้คุณลืมเรื่องงานไปได้ชั่วคราวจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นหลายระดับ หารางวัลไว้หลอกล่อตัวเอง
ถือเป็นธรรมเนียมประจำปีที่ทางนิตยสาร Forbes จะจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยทั่วโลก ซึ่งปีนี้แม้เศรษฐกิจโลกดูเหมือนจะซบเซา แต่ก็มีเศรษฐีใหม่เพิ่มเป็น 2,043 คนจาก 1,810 คน ในปีก่อน และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้น 18% เป็นจำนวนเงินกว่า 7.67 ล้านล้านเหรียญ เรียกได้ว่าเป็นสถิติการเปลี่ยนแปลงจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในรอบ 31 ปี ส่วนโฉมหน้าอภิมหาเศรษฐี 5 อันดับแรกของปี 2017 จะเป็นใครบ้างเดี๋ยวเราจะมาอัพเดทให้ทราบกัน มาเริ่มกันที่คนแรกถือว่ายังครองตำแหน่งผู้ชายผู้มั่งคั่งที่สุดในโลกอย่างเหนียวแน่นเป็นเวลากว่า 4 ปี อีกทั้งเขาเคยคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งมาแล้วจำนวน 18 ครั้งในรอบ 23 ปี ชายคนนั้นก็คือ Bill Gates ที่แม้ว่าปัจจุบันจะเทขายหุ้นของ Microsoft ทิ้งไปจนเกือบหมดแล้ว แต่ Bill Gates ก็ยังมีทรัพย์สินอยู่ราว 86 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ชายผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นอันดับ 1 อย่างแท้จริง ส่วนอันดับสองก็ยังคงตกเป็นของ Warren Buffett พ่อมดการเงินที่มีรายได้ทรัพย์สินรวมในปี 2017 อยู่ที่
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการพยายามทำอะไรให้สำเร็จ แต่บางทีการพยายามมุ่งแต่จะเอาชนะจนลืมรายละเอียดหลาย ๆ อย่างไปอาจทำให้เราพลาดบางสิ่งที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จไปได้ วันนี้ UNLOCKMEN นำ 5 เรื่องราวดี ๆ ของการไม่พยายามเอาชะอย่างเดียวว่าจะนำพาอะไรดี ๆ มาในชีวิตบ้าง ผ่อนคลาย ไม่กดดันตัวเอง การบอกตัวเองว่าต้องชนะ ๆ แม้ทางหนึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองทำให้สำเร็จ แต่อีกทางหนึ่งคือการกดดันตัวเอง และการกดดันตัวเองหลายครั้งนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นการไม่พยายามจะเอาชนะมากเกินไป ให้เวลาตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง ทำตามหนทางที่วางไว้แบบค่อยเป็นค่อยไป หรือถ้าจะรีบก็รีบเพราะความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะกดดันตัวเองว่าต้องก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง รับรองว่าคุณจะได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว มีโอกาสมองหาบทเรียนระหว่างทาง บางครั้งบทเรียนในชีวิตไม่ได้มาในรูปแบบการลงคอร์สเรียน หรือการมุ่งหาที่เรียนเสมอไป เราไม่ได้บอกคุณว่า หยุดนะ! หยุดเรียนตามระบบ แต่เราแค่จะบอกว่าการพยายามเอาชนะมากเกินไปทำให้คุณละเลยที่จะมองเห็นบทเรียนต่าง ๆ ระหว่างทาง เพราะหลาย ๆ ครั้งบทเรียนหรือการเรียนรู้อะไรบางอย่างก็ไม่ในมาแค่ในห้องเรียน หรือในการทำงาน การไม่พยายามเอาชนะเพียงอย่างเดียวทำให้คุณได้บทเรียนอันล้ำค่าจากระหว่างทางที่คุณหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว คอนเนคชั่นที่ได้มาโดยไม่รู้ตัว การไม่เร่งรีบเอาชนะทำให้เรามีโอกาสได้ซึมซับระหว่างทางมากขึ้น ระหว่างทางนอกจากมีบทเรียนดี ๆ ให้คุณได้เรียนรู้อย่างล้นหลามแล้ว ยังมีคอนเนคชั่นแบบที่คุณคาดไม่ถึงอีกด้วย ไม่มีใครกำหนดซักหน่อยว่าคอนเนคชั่นจะมาแค่ในการเจรจาในวงธุรกิจเท่านั้น เพราะหลาย ๆ ครั้งคอนเนคชั่นก็มาในวงเหล้า มาจากการเดินออกไปสูบบุหรี่ชิล ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองอยากมุ่งเอาชนะรีบทำแต่อะไรในกรอบจนลืมอะไรนอกกรอบแล้วต้องพลาดคอนเนคชั่นดี ๆ
หากลองมาคิดดูว่าในปัจจุบันนี้เงินจำนวน 899 บาท ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้หมดในครั้งเดียว จะสามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คงหนีไม่พ้นค่าบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง อาหารญี่ปุ่น 1 มื้อ หรือไม่ก็ค่าโทรศัพท์ + แพ็คเกจอินเตอร์เน็ตรายเดือน แต่คงไม่มีใครคิดว่าเงินจำนวนเท่านี้ จำนวนที่ถูกกว่าค่าเช่าหอ เช่าอพาร์ทเม้นต์รายเดือนเสียด้วยซ้ำ จะนำมาใช้เริ่มต้นสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตด้วยการมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง กับคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งถ้าอยู่ในพื้นที่พิกัดทำเลดี ๆ หากต้องการขยับขยายครอบครัวย้ายไปหาบ้านใหม่ ก็ยังสามารถปล่อยคอนโดให้เช่าสร้างรายได้ระยะยาว หรือประกาศขายทำกำไร เอาไปโปะค่าบ้านก็น่าสนใจไม่ใช่เล่น จาก Insight ดังกล่าว ‘คอนโด ยู เกษตร – นวมินทร์’ โครงการคอนโดมิเนียมน้องใหม่ล่าสุด จากค่ายแกรนด์ ยูนิตี้ จึงงัดกลยุทธ์แหวกกระแส ผุดแคมเปญ ‘ตัดภาระทางการเงิน’ ทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง กับการเพิ่มมูลค่าของเงิน 899 บาท ให้สามารถเป็นงบประมาณต่อเดือนในการผ่อนคอนโดได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี จากที่ปกติห้องราคาประมาณ 2 ล้าน จะมียอดผ่อนชำระต่อเดือนประมาณหมื่นกว่าบาท ถือได้ว่าแคมเปญนี้ช่วยประหยัดเงินไปได้อีกเป็นกอง แถมยังนำเงินส่วนต่างตรงนี้ ไปเป็นเงินเก็บลงทุนต่อยอดได้อีกมากมาย และเชื่อว่าจะสามารถสร้างกระแสการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคได้ไม่ยาก นอกเหนือจากกลยุทธ์เด็ดของแคมเปญที่มีจุดเด่นอย่างค่างวดผ่อนแสนถูก
สำหรับคนในแวดวงงานออกแบบ และงานโฆษณา คงจะรู้จักชื่อของผู้ชายคนที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้เป็นอย่างดีแน่นอน ด้วยศักยภาพ และความโดดเด่นของผลงานทั้งหมดของเขา ที่ผ่านการกวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วเรียกได้ว่าทุกเวที ไม่ว่าจะเป็น LIA Awards, CLIO Awards, D&AD Award รวมไปถึง Cannes Lion Awards และอีกมากมายจนไม่สามารถจะเรียบเรียงได้หมด จนตอนนี้เขาคนนี้ถือเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ และกลายเป็น No.1 ของโลกไปแล้ว ชายคนนั้นก็คือ “พี่ชัย” หรือ “สุรชัย พุฒิกุลางกูร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิลลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็น บริษัท CGI สตูดิโอสัญชาติ ไทยที่โด่งดังไปไกล และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสดี ๆ ที่จะไปพูดคุยกับ “พี่ชัย” กันถึงในห้องทำงาน และ สอบถามถึงเรื่องราวที่น่าสนใจในหลากหลายแง่มุม ทั้งเรื่องประสบการณ์การทำงาน, เรื่องของมุมมองความสำเร็จ และอื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่รับรองว่า คุณจะได้สาระดี ๆ จากผู้ชายคนนี้อีกหลายด้านที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด ตอนนี้เราไปพบกับบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของคนที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จในชีวิตจนกลายเป็นที่