นิสัยคล้าย ๆ กันของคนประสบความสำเร็จทางการเงินที่เราควรทำตาม
ความเชือใจในที่ทำงาน กุญแจสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม
โบกมือลาทัศนคติบางอย่าง เพื่อสร้างสรรค์ความสำเร็จ
ทำงานเป็นทีมจุดเริ่มต้นของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของลูกผู้ชาย
ไม่รู้จริง ๆ ก็ไม่ผิด แต่ตอบไม่รู้บ่อย ๆ ก็อาจดูไม่เป็นมืออาชีพได้
หมั่นตรวจสอบการทำงานของตัวเองบ่อย เป็นอีกวิธีในการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
ยุคนี้ใครยังใช้ Adobe Photoshop และ Lightroom ไม่ได้ ถือว่าเสียเปรียบและเสียโอกาสค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันเรามักหลีกเลี่ยงช่องทางออนไลน์ไม่ได้ มันไม่ใช่ software สำหรับนักออกแบบอย่างเดียวอีกต่อไป สำหรับคนทั่วไป มันช่วยให้คุณได้รูปภาพสวย ๆ ไว้โพสลง Social Network ก่อให้เกิดความภูมิใจ รู้สึกดีกับตัวเอง ทำไปทำมา เริ่มใช้ Photoshop คล่อง ๆ ก็สามารถเลื่อนขั้นไปเป็น Blogger ได้ไม่ยาก หรือใครใจรัก อาจจะกลายเป็น Freelance Graphic Designer รับงาน รับเงินได้อีกช่องทาง เราจึงมองว่ามันเป็นสกิลที่สำคัญ และควรจะเป็นสกิลพื้นฐานที่คนยุคนี้ควรมีติดตัว Adobe package มันแพง ค่าเรียนก็แพง?? ถ้าใครยังคิดแบบนี้อยู่ แสดงว่ายังไม่เคยเข้าไปหาข้อมูลดูสักครั้งอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน ราคา Adobe package นั้นถูกแสนถูก ถ้าเน้นใช้แค่ปรับรูป แต่งรูป ก็มีแพครายปี Photoshop + Lightroom ที่จ่ายเฉลี่ยแค่เดือนละ 356
เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะไม่ค่อยมองเห็นข้อเสียของตัวเอง โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะมีเหตุผลรองรับการกระทำของตัวเอง คิดอะไรเข้าข้างตัวเอง แม้เหตุผลนั้นอาจจะฟังดูไร้สาระ ขาดซึ่งหลักการใด ๆ ในโลกใบนี้ก็ตามที เราถึงมีคำว่า “มึงเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือไง” เกิดขึ้นมาให้ใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมไทยนั่นเอง การเป็นศูนย์กลางจักรวาลนั้น ที่จริงก็ไม่ใช่ความผิดของแต่ละบุคคลซะทีเดียว เพราะมนุษย์มีพื้นฐานสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมความเชื่อในวัยเด็กที่แตกต่างกัน ทำให้การตีความของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไปอย่างช่วยไม่ได้ หลายคนจึงทำตามที่ตัวเองอยากทำ โดยมีเหตุผลปลอบใจเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอว่า “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง ใคร ๆ ก็ทำกัน” เมื่อเคยตัวมากเข้าก็เริ่มหนักข้อมากขึ้น ก็เริ่มคิดว่า “ช่างมันว่ะ ไม่ใช่บริษัทกู ทำ ๆ ไป เดี๋ยวรอเงินเดือนขึ้น โบนัสออกดีกว่า” ซึ่งแน่นอนครับว่า ยิ่งถ้าเราเผลอทำพฤติกรรมแย่ ๆ ทำตัวชิว ๆ เป็นเวลานาน ๆ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง นอกจากเงินเดือนจะไม่ขึ้น โบนัสไม่ต้องพูดถึง แถมยังเสี่ยงพร้อมโดนไล่ออกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วพฤติกรรมศูนย์กลางจักรวาลในหมู่คนทำงานแบบไหนบ้าง ที่ถือว่ามีความเสี่ยงและอาจอันตรายต่ออนาคต แต่กลับเห็นได้มากมายในสังคม และเจ้าตัวมักจะคิดว่าไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก (เหรอ?) ลองมาดูกัน เพื่อปรับกันตอนนี้ยังไม่สาย จักรวาลนินทา ด่าเจ้านาย ขายเพื่อนร่วมงาน คนแบบนี้แปลกตรงไหน
มีผู้กล่าวว่าสมองของมนุษย์ใช้ความสามารถเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แล้วอีก 90 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือล่ะ หากเราสามารถกระตุ้นให้สมองทำงานได้มากขึ้นจะทำให้เราฉลาดขึ้น? ตัดสินใจได้ดีขึ้น? เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น? นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาหลายทศวรรษเพื่อตอบข้อสงสัยเหล่านี้ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างเต็มปากนัก มีเพียงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าสมองแต่ละส่วนมีบทบาทและทำหน้าที่เฉพาะแตกต่างกันไป และมนุษย์ก็ใช้สมองหลากหลายส่วนพร้อมกันเพื่อการดำรงชีวิตในแต่ละวัน สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการรวมถึงการตัดสินใจนั้นได้แก่สมองส่วนหน้า (frontal lobe หรือ neocortex) ที่ได้ชื่อว่า Neocortex ก็เพราะสมองส่วนนี้จะค่อย ๆ พัฒนาจนทำงานได้เต็มที่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น นั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเด็กน้อยจึงยังไม่สามารถฟอร์มความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลในเชิงตรรกะได้มากนัก สมองส่วนที่ควบคุมเรื่องอารมณ์ทำงานเป็นเครือข่ายเรียกว่าระบบลิมบิก (limbic system) โดยมีกองบัญชาการหลักคือ อะมิกดาลา (Amygdala) ชื่อเดียวกับเจ้าหญิงอะมิกดาล่าในหนังเรื่องสตาร์วอร์ และ ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งกองบัญชาการทั้งสองนี้ตั้งอยู่ติดกันบนตำแหน่งใกล้แนวกึ่งกลางสมอง ทุกครั้งที่เราเผชิญกับข้อมูลที่ต้องตัดสินใจหรือปัญหาที่ต้องแก้ไข สมองทั้งส่วนความคิดและอารมณ์จะถูกกระตุ้นอย่างหนักและทำงานเชื่อมโยงกันเสมอ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันจากการถ่ายภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ของคนที่กำลังใช้ความคิดเพื่อตัดสินใจ จะเห็นว่าบริเวณสมองส่วนหน้าบริเวณ frontopolar cortex (หรือที่รู้จักกันดีในนามของ executive area ในสมอง) และตำแหน่งบริเวณกลางสมองที่ควบคุมด้านอารมณ์จะมีการใช้พลังงานมากกว่าสมองส่วนอื่นๆ (ภาพประกอบจากวารสารวิชาการ ‘Nature’) อารมณ์เป็นสิ่งจำเป็นในการตัดสินใจ สมองด้านอารมณ์ทำงานโต้ตอบกับสิ่งเร้าได้รวดเร็วกว่าสมองด้านความคิด เพราะมันทำงานโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความคิดไตร่ตรอง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมบางครั้งถึงไม่ค่อยเท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของเราแต่กลับมานึกได้ทีหลังว่ารู้สึกโกรธ คุณเคยมีประสบการณ์ที่ชอบหรือไม่ชอบหน้าใครบางคนตั้งแต่แรกเห็นโดยที่ยังไม่ทันรู้จักบ้างมั้ย
ในโลกปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมีความเป็นปัจเจก เส้นสมมติที่เคยขีดรอยทางให้เราต้องดำเนินชีวิตตามกระแสหลักที่ใคร ๆ ต่างก็ว่าดี มันค่อย ๆ จางลง มีพื้นที่ซึ่งเปิดกว้างให้เรามีอิสระที่จะคิด ที่จะแสดงออกความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น หากมองในแง่การตลาด นี่คือโจทย์ยากที่จะสร้างแบรนด์ให้สามารถครองใจผู้บริโภคได้ในปัจจุบัน แต่ยังมีอยู่หนึ่งก้อนความคิดที่สามารถสร้างจุดร่วมให้เกิดการยอมรับในตัวแบรนด์ นั่นคือ ‘ให้แบรนด์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความเป็นตัวตนที่แตกต่าง’ ซะเลย ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้ในปัจจุบันเราได้เห็นสื่อโฆษณา รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ใส่ความสนุก และกล้าที่จะแตกต่าง ลงไปในตัวงานมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีในแง่ของการจุดประกายไอเดีย สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นอกเหนือจากการโฆษณาเพียงอย่างเดียว ซึ่ง U BEER ถือเป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามอง ด้วยความโดดเด่นในการนำแนวคิดที่เป็นตัวแทนของความแตกต่างมาใช้ได้อย่างชัดเจน ด้วยการตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ พิสูจน์ได้จากกระแสโซเชียลที่ร้อนแรงมาตั้งแต่ปลายปีก่อน และหลังจากที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์เบียร์ขวดไปแล้ว ล่าสุด U BEER ยังได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบกระป๋อง ตอกย้ำภาพลักษณ์ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์ของแพ็คเกจที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเท่ โดดเด่นด้วยโลโก้ตัว U สีดำ ตัดกับกระป๋องสีเหลืองตัวแทนของความสนุกสดใส และการสร้างจินตนาการอย่างไม่หยุดยั้ง และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวนี้ ยังคงแนวคิดของ U BEER เอาไว้อย่างชัดเจน ด้วยความมุ่งหวังที่ต้องการให้แบรนด์ U เป็นแบรนด์ของ YOU หรือพวกเราทุกคน
ลองตื่นมาใช้ชีวิตตอนเช้าให้เหมือนคนประสบความสำเร็จระดับโลกดูไหม?
วันหยุดทั้งที พักผ่อนอย่างไรให้กลับมาทำงานได้ดีกว่าเดิม