รถยนต์สำหรับคุณคืออะไร? สำหรับบางคน รถยนต์ก็แค่ซื้อเอาไว้ใช้งาน ขอแค่พาเราผ่านจากจุด A ไปจุด B ได้ก็พอ บางคนอาจจะเลือกรถยนต์จากเหตุผลความชอบบางอย่าง ชอบราคาความคุ้มค่า ชอบความหรูหราเพื่อสะท้อนภาพความสำเร็จ แต่สำหรับกลุ่มคน BMW ต้องบอกว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมากในเรื่องของความสนุกสนานในการขับรถ ความมันส์ของการขับขี่ ลุคสปอร์ตที่ดูโฉบเฉี่ยว และสิ่งที่เราได้เห็นจากกลุ่มคนใช้ BMW คือความยึดติดกับแบรนด์ที่ยากจะเปลี่ยนไปขับรถค่ายอื่น เราจะเรียกว่า BMW Proud ก็ไม่ผิด ซึ่งเราเองก็มี BMW ในครอบครองมากกว่า 1 คัน (F10 520d / F30 320i) เรียกได้ว่า JOY passion ของเราไม่แพ้ใคร เราจึงไม่พลาดไปรวมตัวพบปะชาวเหล่า BMW ที่เพิ่งจะจัดงานไปอย่างยิ่งใหญ่ BIMMERMEET2 ที่ลานตรงข้ามสวนสนุก Wonder World ซึ่งในวันนั้นได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสวนสนุกสำหรับชาว Bimmer ไปแบบเฉพาะกิจ อาจจะมีแค่กลุ่มคน BMW เท่านั้นที่มีการพบปะกันอย่างใหญ่โตขนาดนี้ เพราะในปีล่าสุดต้องบอกว่าจำนวนรถ BMW ที่เข้ามาโชว์ตัวกันในงานนี้นั้น มีจำนวนมากมายกว่า 100 คัน
ในยุค 1950s เป็นปีช่วงหลังสงครามโลก หลายสิ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อฉลองให้ความสงบสุข แม้จะมีวัตถุดิบในการผลิตจำกัดเพราะถูกทำลายไปจากการรบ แต่ก็ทำให้มนุษย์รู้จักใช้สอยสิ่งของอย่างชาญฉลาดขึ้น ส่งผลไปถึงการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับความพยายามพิสูจน์ตัวเองของ Chrysler Corporation ที่ริเริ่ม Project ‘Plymouth Belmont’ รถสปอร์ต 2 ที่นั่งในสีแดงสดบนโครงสร้าง Fiberglass body รูปทรงสวยงามสุดคลาสสิค แต่น่าเสียดายที่คนในยุคนั้นไม่เห็นด้วย ทำให้ Plymouth Belmont ต้องหยุดอยู่แค่ขั้น Concept Car ไม่สามารถผ่านเข้าไปเป็น Production Car ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มันมีหลุดรอดมา 1 คัน และมันมีมูลค่ามากกว่า 42 ล้านบาท แต่แทนที่ Plymouth Belmont จะถูกหยุดพัฒนา และยกไปทำลายเหมือนรถรุ่นอื่น Virgil Exner ผู้บริหารของบริษัทไม่สามารถทนเห็นรถสปอร์ตคันงามถูกบดขยี้ได้ จึงนัดประชุมเพื่อพูดคุยขอนำ Belmont คันนี้ไปเก็บไว้ใช้ส่วนตัว แม้จะเป็นเรื่องไม่ปกติในยุคนั้น แต่การตัดสินใจของ Exner ก็ทำให้รถสปอร์ต 2 ประตู เครื่องยนต์ V8 157
ชั่วโมงนี้ นอกจาก Ferrari ที่ยังยืนเสียงแข็งว่าจะไม่เข้าร่วมสังคายนาในตลาด SUV ก็ไม่มีแบรนด์รถยนต์ค่ายไหนที่ทนการเติบโตอันหอมหวานของ Segment กลุ่มนี้ได้เลยสักราย ล่าสุดแม้แต่ Lamborghini ก็ส่งตัวแรงเข้าไปร่วมแจม แต่ยังบอกว่าตัวเองนั้นแตกต่างในฐานะที่ Urus เป็น Super-Sport Utility Vehicle (SSUV) ไม่ใช่รถ SUV ธรรมดา ระหว่างที่ทั้งโลกกำลังให้ความสนใจใน Urus ยังไม่ทันน้ำลายแห้ง แบรนด์รถหรูที่สุดในโลกอย่าง Rolls-Royce ก็เตรียมเปิดตัว ‘Cullinan’ รถ SUV ที่ไม่ขอเรียกว่า SUV บ้างแล้วเหมือนกัน เรียกว่ามาเงียบ ๆ แต่พร้อมเปิดตัวเฉย จากที่ล่าสุดมีเพียงภาพรถ Spy shot แบบพลางตัวออกมา สำหรับ Rolls-Royce SUV แต่มาวันนี้กลับมีข่าวอัพเดทจาก Automotive News ออกมาว่า ‘Cullinan Project’ พร้อมเปิดตัวแบบ Exclusive ให้เฉพาะ Potential Buyers ที่รวยจริงจัง
ชื่อของ Ralph Lauren ในสายตาคนทั่วไปอาจจะรู้จักกันในนามของแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า POLO อันโด่งดัง แต่ใครจะไปรู้ว่านอกจากการเป็นดีไซน์เนอร์แล้ว Ralph Lauren ยังเป็นหนึ่งในนักสะสมรถตัวยง ที่มีคอลเลคชั่นรถหรูส่วนตัว ที่หายากซึ่งมีมูลค่ารวมกันแล้วเกินกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ จากการประเมินค่าของ Forbes สำหรับคอลเลคชั่นสะสมรถของ Ralph Lauren นั้นมีมูลค่ารวมมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ นับจากจำนวนรถที่มีเกินกว่า70 คัน ทำให้ Ralph Lauren ถือได้ว่าเป็นคนที่ครอบครองคอลเลคชั่นรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอพาไปส่องรถในคอลเลคชั่นรถของ Ralph Lauren กันดูสักหน่อย ว่าในอภิมหา Garage ของเขานั้นมีของเด็ดคันไหนจอดอยู่บ้าง 1938 Alfa Romeo 8C 2900 Mille Miglia มูลค่า $3,000,000 (ราว 96,000,000 บาท) 1929 Birkin Blower Bentley มูลค่า $5,000,000
มี Iconic Car จากภาพยนตร์ไม่มากนัก ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแซงจนทำให้ภาพยนตร์ดังตามไปด้วย แต่สำหรับ 1968 Ford Mustang 390GT Fastback ‘Bullitt’ ในสี Highland Green คันนี้ถือว่าพิเศษสุด ๆ เป็นรถที่สามารถใช้คำว่า Iconic Car ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ชื่อ Bullitt ของ Mustang ถูกตั้งขึ้นเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งคอภาพยนตร์และแฟนพันธุ์แท้รถยนต์ น่าจะจดจำฉาก Action ไล่ล่าอย่างบ้าระห่ำกลางเมือง San Francisco โดยผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเท่ที่สุดในโลก the King of Cool ‘Steve McQueen’ ได้รับการขนานนามว่าเป็นฉากที่มันส์ติดชาร์ท และเป็นมาตรฐาน Car Chase Scene ในภาพยนตร์ถึงทุกวันนี้ ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณไม่เคยเห็นฉากไล่ล่าอันมีชื่อเสียงนี้ เพราะคาดว่าคนอ่านเราน่าจะอายุไม่ถึง 50 ปี เราไปเจอคลิปที่ตัดมาเฉพาะฉากนี้มาฝากกัน มันเป็นความมันส์ระดับชนะรางวัล Academy Award สาขา best film editing แล้วจะรู้เลยว่าทำไม
ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ 4-wheel drive off-road ที่มีความคลาสสิค หลายคนหลงรักในความดิบ ไม่สนใจยุคสมัยของมัน ซึ่งจุดนี้ทำให้ Land Rover Defender มีอายุขัยทำตลาดที่ยาวนานถึง 68 ปี เป็นโมเดลที่พัฒนามาจากต้นแบบของ Land Rover Series ตั้งแต่ปี 1948 ซึ่งในช่วงแรกจะถูกเรียกว่า Land Rover Ninety (1983) บ้างก็เรียกว่า Land Rover One Ten (1984) ตัวเลขเหล่านั้นมาจากระยะฐานล้อที่ต่างกัน (90 นิ้ว และ 110 นิ้ว) กว่าจะมาได้ชื่อ Defender แบบเต็ม ๆ ก็ปาเข้าไปช่วงปี 1990 แต่ก็ถือว่าเป็นรถตระกูลเดียวกันนั่นเอง Land Rover Defender คันสุดท้ายในสายการผลิต “H166 HUE edition” หยุดลงในวันที่ 29 มกราคม 2016
ในฐานะที่เราเองก็เป็นคนชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ ครั้งแรกที่ได้เห็นชื่อ คุณณัฐพัชร์ จรรยาพาณิชย์ ในงานเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ ที่จัดโดย รถจักรยานยนต์ฮอนด้า นอกจากความตื่นเต้นกับดีไซน์สวยงามของรถรุ่นใหม่ที่กำลังเปิดตัวบนเวที อีกสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นกว่านั้น คือชื่อของคนที่ออกแบบมอเตอร์ไซค์ที่เรากำลังมองตาค้างอยู่นั่นเอง “คุณณัฐพัชร์ จรรยาพาณิชย์ ดีไซน์ โปรเจกต์ ลีดเดอร์” พิธีกรบนเวทีพูดชื่อพร้อมแนะนำตำแหน่งของเขาใน ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เซ้าท์อีสท์ เอเซีย เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าในบริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างฮอนด้า จะมีคนไทยเป็นดีไซน์เนอร์อยู่ในนั้นด้วย และยังเป็นถึงระดับโปรเจกต์ ลีดเดอร์อีกต่างหาก พร้อมคิดในใจว่าอยากนั่งพูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจกับผู้ชายคนนี้สักครั้ง และวันนึงเราก็มีโอกาสได้พูดคุย ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ มีมุมมองดี ๆ และประสบการณ์ที่น่าสนใจมากมาย น่าจะถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้เราไล่ตามความฝันได้ไม่ยากเลยครับ อะไรที่ทำให้เลือกมาเป็นดีไซน์เนอร์สายอุตสาหกรรมยานยนต์ ‘เพราะเป็นคนชอบเรื่องของยานพาหนะมาตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบขับรถ จริง ๆ ชอบยานพาหนะทุกอย่างเลยครับ พอตอนจะเข้ามหาลัยเลยเลือกคณะสถาปัตยกรรม โปรดักส์ ดีไซน์ ศิลปะอุตสาหกรรม ซึ่งจริง ๆ ก็จะแยกเป็นหลายแขนง แต่ผมเลือกยานยนต์’ รู้ตัวว่าอยากออกแบบมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ช่วงเรียนเลยไหม ‘ถ้าหมายถึงจุดเริ่มต้นที่อยากออกแบบรถมอเตอร์ไซค์จริง ๆ คือตอนเรียนปี 5 ครับ ตอนนั้นยังเรียนไม่จบ อยู่ในช่วงทำธีสิสผมกำลังอินกับมอเตอร์ไซค์ แล้วได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่ได้เข้าไปทำงานออกแบบของฮอนด้า เล่าให้ฟังว่าการได้ทำงานออกแบบรถมอเตอร์ไซค์แล้วได้เห็นคนใช้งานมันจริง ๆ เห็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลไปกับสิ่งที่เราออกแบบมันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
บางทีพวกเราก็อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างประกอบกันอยู่ในรถยนต์ของเรา สำหรับบางคนที่มีสกิลช่างระดับเทพ ก็คงแกะเข้า แงะออกได้สบาย ไม่มีปัญหา แต่สำหรับอีกหลายคน ต้องบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ต่อให้เป็นรถบ้านที่ส่วนประกอบไม่ซับซ้อนอะไรมากมายก็ตาม ยิ่งถ้าเป็น 12 Iconic Car ระดับโลก ที่มีความซับซ้อนของเทคโนโลยีอยู่ข้างใน ถ้าไม่ใช่คนพิเศษจริง ๆ คงไม่มีทางได้พบเห็นในชาตินี้ แต่โชคดีที่มักจะมีศิลปินรับผิดชอบงานด้านนี้โดยเฉพาะ ค่อย ๆ ศึกษาชิ้นส่วนแต่ละอย่างของ Supercar ก่อนจะค่อย ๆ วาดมันออกมาให้เหมือนจริงที่สุด ซึ่งขั้นตอนการวาดถือว่าเป็นขั้นตอนที่ง่ายไปเลย ถ้าเทียบกับการแพลนล่วงหน้าว่าจะนำเสนอยังไงให้คนดูเข้าใจง่าย เพราะภาพวาดพวกนี้มันจะต้องนำเอาใช้ใน Catalogue, Manual รถคันนั้น ๆ และนี่คือ 12 ผลงาน Cutaways ที่สวยงาม ดูง่าย และน่าตื่นเต้นจนเราต้องนำมาฝากกัน เพราะนอกจากรูปสาว ๆ แล้ว ก็เป็นระบบที่สวยงามของรถ Iconic Car นี่แหละ Ford GT40 Mk. IV by James Allington Lancia
หนึ่งใน Iconic Supercar ในช่วง 1974 – 1990 ต้องมีชื่อ Lamborghini Countach อยู่ในนั้นแน่นอน ถ้าใครนึกภาพไม่ออก มันคือรถที่ Jordan Belfort (Leonardo DiCaprio) ใน Wolf of Wall Street ใช้ขับจนพังด้วยความเมานั่นเอง (รู้หรือไม่ว่า Martin Scorsese ผู้กำกับภาพยนตร์ลงทุนใช้ 25th Anniversary Lamborghini Countach ของจริง เอามาชนจนพังจริง เพื่อให้ได้อารมณ์ที่สุด แต่ก็แอบเสียดายรถแทนมากเลย) ความเท่ของรถคันนี้เริ่มจากชื่อ Countach ที่ไม่มีความหมายในภาษาอังกฤษ เพราะ Lamborghini เอามาจากภาษา Piedmontese ภาษาพื้นเมืองทางตอนเหนือของ Italy ที่มีคนพูดได้อยู่ราว 1 – 2 ล้านคน น้อยคนนักจะรู้ว่าชื่อนี้แปลว่าอะไร แต่เราหาข้อมูลมาแล้ว เราจะบอกให้ว่า คำว่า coon-tahshe—is แปลเป็นไทยง่าย ๆ ได้ว่า “เหยดดดดด”
วงการรถยนต์ถือเป็นวงการที่แข่งขันกันดุเดือด ย้อนกลับไปในอดีต เวลาเราเห็นรถยนต์เปิดตัวใหม่ พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในยุค และตัวเลขสมรรถนะที่ทำลายขีดจำกัดความเร็วกันไปมาระหว่างแบรนด์คู่แข่ง ทำให้เรารู้สึกสงสัยว่าขีดจำกัดของรถยนต์นั้นจะไปหยุดอยู่ตรงไหน การทำความเร็ว 0 – 100 km/h จะสามารถเร็วที่สุดได้แค่ไหน ความเร็วสูงสุดที่ 4 ล้อสามารถรับได้คือเท่าไหร่ ในความรู้สึกและวิทยาศาสตร์บอกว่า เราพวกเราใกล้จะถึงยุคของคำตอบนั้นแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ในปี 2017 ที่ผ่านมา ก็มีสุดยอดอภิมหารถยนต์เปิดตัวมาหลายรุ่น ซึ่งเราได้รวบรวมโมเดลที่ทำลายขีดจำกัด สร้างมาตรฐานใหม่ให้ปี 2018 ต้องไล่ตามมานำเสนอ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรตรงใจคุณกันบ้าง Mercedes-AMG Project One ข้อดีของการลงทุนลงแรง ร่วมแข่งขันในวงการ Formula One ก็คือการได้พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ของตัวเองไปในตัว และยิ่งเป็นทีมระดับแชมป์อย่าง ‘Silver Arrows’ Mercedes Formula One teams ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม การอาศัยถ่ายโอนเทคโนโลยีแห่งความสำเร็จบน track สำหรับมือโปร ลงสู่รถยนต์รุ่นพิเศษเพื่อลูกค้าที่ใจถึงและเงินถึง ซึ่งนี่เป็นที่มาของอภิมหาโปรเจค ‘Mercedes-AMG Project One’ hypercar ราคาเฉียด 100 ล้านบาท Mercedes-AMG
ชื่อของ Kenichi Yamamoto อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของคนทั่วไป แต่สำหรับคนในวงการยานยนต์ตัวจริง น่าจะรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของชื่อนี้เป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้เป็นบิดาแห่งเครื่องยนต์ Rotary เอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ Mazda เป็นผู้สร้างสรรค์ให้เกิดรถยนต์สปอรต์ระดับโลกอย่าง RX-7 และ MX-5 จะเรียกว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญที่นำพาให้รถยนต์ Mazda ประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ Kenichi Yamamoto เพิ่งจะเสียชีวิตไปเร็ว ๆ นี้ด้วยวัย 95 ปี และเราคิดว่าทุกคนน่าจะได้รู้จักเรื่องราวของชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้กันมากขึ้น จุดเริ่มต้นของ Kenichi นั้นไม่ง่ายเลย เกิดที่เมือง Hiroshima ในปี 1922 ก่อนจะเข้าไปเรียนจนจบมหาวิทยาลัย Tokyo Imperial University ในปี 1944 แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มต้นชีวิตหลังเรียนจบอย่างที่หวังไว้ หนึ่งปีผ่านไป ประเทศญี่ปุ่นก็เข้าสู่ช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 Hiroshima บ้านเกิดของ Kenichi ถูกระเบิด atomic bomb ‘Little Boy’ ทิ้งใส่จนไม่เหลือซาก ด้วยความหวาดกลัวว่าข่าวร้ายจะมาถึงตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนึงก็มีจดหมายจากแม่ของ Kenichi ส่งมาบอกว่า บ้านของเขาพังทลาย และที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือน้องสาวที่เพิ่งจะเรียนจบมัธยมเสียชีวิตลงไปจากเหตุการณ์นี้ด้วย
ผู้ชายที่ยอดเยี่ยม และมีรสนิยมส่วนใหญ่ มักจะรู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับตัวเองที่สุดให้กับตัวเองอยู่เสมอ จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ ครั้งเรามักจะได้เห็นประโยคที่คอยเตือนให้เรารู้ว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสิ่งซึ่งควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ อย่างประโยคคลาสสิคที่ว่า “Dress Italian, Drive German, Drink Scott, Smoke Cuba และ Kiss French” ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ ล้วนก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเถียงได้ ว่ามันไม่จริง หรือยังมีสิ่งที่ดีกว่า เพราะมันผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ทั้งในเรื่องของ คุณภาพ คุณค่า และกาลเวลา อย่างที่ว่า ทอง ยังไงก็ยังเป็นทองอยู่วันยันค่ำ ไม่เคยเสื่อมคุณค่า หรือมีอะไรที่ถดถอยไปตามกาลเวลา กลับมาที่ประโยคคลาสสิคที่เราอ้างถึงก่อนหน้านี้กันสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่า คำพูดประโยคนั้น มันอาจจะดูเหมือนไกลตัวพวกเราชาวไทยไป ไล่เรียงรายชื่อแต่ละประเทศในประโยค ก็ไม่เห็นจะมีประเทศไหนอยู่ใกล้กับประเทศของเราเลย แต่ถ้าหากคุณลองคิดดูดี ๆ จะเห็นได้เลยว่า จริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ได้ไกลตัวของเราไปมากมายจนเกินเอื้อมถึง ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์จากประเทศ German ที่เราเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ตาม หากมีโอกาสเลือกรถให้กับตัวเองได้สักคันหนึ่ง ก็คงจะต้องมีชื่อแบรนด์ BMW