ยังเป็นอีก 1 เดือน ที่โรงหนังปิดจากโรคระบาดที่ไม่มีแผ่ว ทำให้ Netflix ยังคงเป็นสตรีมมิ่งคู่ใจคนรักหนังที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเหมือนเช่นเคย และเดือนสิงหาคม ก็ยังเป็นอีกเดือนหนึ่ง ที่eอุดมไปด้วยหนังเจ๋ง ๆ ทั้งจาก Netflix Original เอง และหนังที่นำมาฉายที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป มีเรื่องอะไรบ้าง อย่ารอช้า เช็คลิสต์ของเดือนนี้กันได้เลย Blood Red Sky งูบนเครื่องบินก็มีมาแล้ว / ผู้ก่อการร้ายบนเครื่องก็มีบ่อยๆ ทำไมจะมีแวมไพร์บนเครื่องบินไม่ได้ และ Blood Red Sky ก็ทำให้คอหนังได้สมหวัง เมื่อแม่เลี้ยงเดี่ยวพาลูกนั่งเครื่องบินที่ผู้ก่อการร้ายบุกจี้และฆ่าเธอ หารู้ไม่ว่าเธอเป็นอมตะ…เธอเป็นแวมไพร์กระหายเลือดที่พร้อมจะจัดการเหล่าเดนคนบนเครื่องบินให้สิ้นซาก หนังเต็มไปด้วยความระทึก ทั้งระทึกบนเครื่อง ระทึกกับการอาละวาดของแวมไพร์ Blood Red Sky จึงเป็นหนังไฮบริดลูกผสมที่ทั้งลุ้นทั้งสยอง และเปี่ยมล้นด้วยดราม่าความรักของแม่ที่เสียสละเพื่อลูกได้ถึงใจจริงๆ รับชมได้แล้ววันนี้ Sweet Girl การสูญเสียภรรยาสุดที่รักของ Raymond “Ray” Cooper (นำแสดงโดย Jason Momoa แห่ง Aquaman)
มหกรรม Tokyo Olympic 2020 ที่ถึงแม้จะล่าช้าจากโรคระบาดที่สะเทือนไปทั่วทั้งโลก แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งสปิริตอันแรงกล้าของเจ้าภาพญี่ปุ่นที่ข้ามพรมแดนของโรคระบาด พร้อมประกาศจัดงานอย่างอลังการ เพื่อให้รู้ว่าพลังของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่พอที่จะสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคเพื่อยืนหยัดสู่ที่ 1 ของโลกให้จงได้ และในประวัติศาสตร์ของมหกรรมกีฬาระดับโลกนี้ ไม่แปลกใจเลยที่โลกของภาพยนตร์ ได้บันทึกเรื่องราวอันหลากหลาย ที่น่าทึ่ง ทั้งซาบซึ้ง ทั้งระทึกใจ และนี่คือหนังเกี่ยวกับมหกรรมโอลิมปิก ที่คุณควรหาชม เพราะสนุกไม่ต่างกับการลุ้นการแข่งขันจริง ๆ เลย Tokyo Olympiad (1962, Kon Ichikawa) เริ่มต้นด้วยสารคดีที่บันทึกความยิ่งใหญ่สมัยที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพในการจัดงานโอลิมปิคในครั้งแรกเมื่อปี 1964 ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน Kon Ichikawa บันทึกภาพทั้งความยิ่งใหญ่ในการจัดงาน เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมของประเทศญี่ปุ่นหลังพ่ายแพ่ต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เวลาเยียวยาพัฒนาจนกลับมายิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันหนังก็ได้รับการยกย่องในฐานะการสรรสร้างศิลปะบนเฟรมด้วยการถ่ายภาพระดับ Super Close-Up ที่ใกล้ชิดจนเห็นถึงกล้ามเนื้อและหยดเหงื่อ ทั้ง ๆ ที่การถ่ายทำนั้นไม่ได้มีการเซ็ทใด ๆ ผู้กำกับและตากล้องที่มีเพียง 2 คน ต่างสามารถบันทึกภาพงดงามของการแข่งขันในเสี้ยววินาทีราวกับงานศิลปะสุดอ่อนช้อย เข้มแข็ง และยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ หนังพูดน้อยมากเพื่อให้เราซึมซับภาพการแข่งขันอันสุดทะเยอทะยานชุดนี้ แม้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 50 นาที
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสที่ทำลายทุกวงการ โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ที่ต่างต้องหยุดฉายเลื่อนวันกันจนเสียขบวน จากสถานการณ์ที่ส่งผลให้โรงหนังในประเทศไทยถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด แต่วิกฤตที่ว่าหนักหน่วงนี้ ก็ไม่อาจปิดกั้นประกายแห่งความสำเร็จและความยอดเยี่ยมของผู้กำกับสายเลือดไทย ที่ได้ออกไปสร้างชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ในต่างแดน ในฐานะผู้นำพาความภาคภูมิใจ และประจักษ์แก่ฝีมือว่าฟิล์มเมคเกอร์ไทยนั้นมีฝีมือไม่แพ้ขาติใดในโลก UNLOCKMEN ขอนำคุณไปรู้จักกับผู้กำกับสุดยอดฝีมือทั้ง 3 ท่าน ที่มีผลงานคว้ารางวัลระดับโลก และขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินอย่างสมภาคภูมิ และมาดูกันว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้นำไปปรับใช้ได้สำหรับทุกคน เริ่มจากผู้กำกับที่หลักไมล์ในวงการหนังไทยอาจดูน้อยเมื่อเทียบกับผู้กำกับท่านอื่น ๆ เนื่องจากมีผลงานที่ผ่านตากับหนังเรื่องยาวเพียง 2 เรื่องเท่านั้น นั่นคือ Countdown (2012) และ ฉลาดเกมส์โกง (2017) แต่เพราะผลงานหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง ได้สร้างรูปแบบเฉพาะตัว จนกลายเป็นงานเปี่ยมล้นด้วยสไตล์ที่ล้ำสมัยและสื่อสารทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้อยู่หมัด ทำให้ชื่อของ “บาส นัฐวุฒิ” กลายเป็นฟิล์มเมคเกอร์รุ่นใหม่ที่ฝีไม้ลายมือเป็นที่กล่าวขานในระดับสากล โดยที่หนัง ฉลาดเกมส์โกง หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Bad Genius ได้สร้างชื่อเสียงในระดับอินเตอร์โดยเฉพาะประเทศจีนที่สามารถทำรายได้ระดับปรากฏการณ์ ทำให้ชื่อของบาส ทำลายกำแพงภาษา เป็นที่เตะตาของผู้สร้างระดับโลกที่อยากจะชวนเขามาร่วมงานด้วย และผู้โชคดีที่ได้ร่วมโปรเจกต์หนังเรื่องต่อมาของบาสก็คือ ผู้กำกับผู้ทรงอิทธิพลของคนยุคใหม่อย่าง หว่องการ์ไว (Wong Kar-wai) นั่นเอง ใน One for the
โลกแฟนตาซีที่ไร้ซึ่งศีลธรรม มหกรรมแห่งการโรมรันอันเร่าร้อนบนจอ Porn Movie หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า หนังโป๊ / หนังผู้ใหญ่ / หนังเอวี แม้จะอยู่ขั้วตรงข้ามกับความดีงามและความถูกต้อง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังอินดี้ที่ประหยัดงบคอสตูม ถ่ายกันอยู่ไม่กี่คน กลับเป็นแรงผลักดันมหาศาลต่อธุรกิจความบันเทิงมานานนับศตวรรษ และปั้นเม็ดเงินจนได้ให้กำเนิดนวัตกรรมสำคัญแห่งโลกเทคโนโลยีในปัจจุบัน และเพื่อต้อนรับซีรีส์ The Naked Director 2 เรามาทำความรู้จักกับหนังแนวนี้กันทีละก้าว เพื่อรู้ว่า หนังโป๊ที่เสื่อมศีลธรรม กลับสร้างนวัตกรรมมากมาย และผลักดันเศรษฐกิจให้กับโลกใบนี้ได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนศตวรรษที่ 20 Porn Movie เรื่องแรกของโลก ย้อนกลับไป ตั้งแต่โลกใบนี้เพิ่งรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ใหม่ ๆ ตั้งแต่ยุคหนังเงียบนั้น หนังที่เปลืองเนื้อหนังมังสาก็คลานตามกันมาไม่นานเช่นกัน มีข้อถกเถียงมากมายว่าหนังเรื่องไหนที่ควรนับเป็นหนังอีโรติกเรื่องแรก ถ้าเป็นการ “ถอดทีละชิ้น” เพื่อเห็นปทุมถันและของพึงสงวน หนังเรื่องแรกที่ควรได้รับตำแหน่งนั้นก็น่าจะเป็นหนังเงียบจากประเทศฝรั่งเศสเรื่อง “Le Coucher de la Mariée” ที่นักแสดงตลกสาว Louise Willy ลงทุนเปลื้องผ้าจะจะตาให้เห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1899 แต่ถ้าหนังอิโรติกที่มีฉากร่วมรักกันให้เห็น หนังเรื่อง
มีหนังมากมาย ที่ยามออกฉาย ได้สร้างปรากฏการณ์ทางสังคม จนทำให้หนังเรื่องนั้นยืนยงและยืนหยัดเหนือกาลเวลา บางเรื่องก็ล้ำสมัยจนคนดูรับไม่ได้ บางเรื่องเป็นหมุดหมายสำคัญที่เปลี่ยนหน้าอนาคตของสังคมไปตลอดกาล มาทำความรู้จักกับ A Clockwork Orange หนังเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อสังคม แฟชั่น และพลิกหน้าประวัติศาสตร์สู่สังคมสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความโหด และความรุนแรงแบบเต็มข้อเต็มอารมณ์ แม้อายุของหนังจะครบ 40 ขวบปีแล้วก็ตาม Dystopia ในโลกแห่งความรุนแรง A Clockwork Orange เล่าเรื่องราวของอังกฤษในโลกอนาคตที่ผู้คนวิปริตบิดเบี้ยวทางศีลธรรมขั้นสูงสุด Alex DeLarge หัวหน้าแก๊ง Droogs ที่ในแต่ละวันเขาและชาวแก๊งมักจะใช้เวลาหมดลงไปกับการยกพวกตีกับแก๊งคู่อริและคนไร้บ้าน ทำลายข้าวของ รวมไปถึงข่มขืนข่มเหงหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่สนว่าสิ่งที่เขาทำจะผิดถูกครรลองคลองธรรมอย่างไร การปล้น ฆ่า ข่มขืน คือสิ่งชอบธรรมที่เป็นกิจวัตรไม่ต่างกับการกินข้าว กินนม แล้วก็นอน กระทั่งวันหนึ่งเขาเผลอฆ่าคนตาย และถูกเพื่อนในแก๊งหักหลังจนถูกตำรวจจับ เขาถูกพาเข้าโครงการบำบัดเปลี่ยนคนชั่วให้กลายเป็นคนดี Alex ยอมทำตามแต่โดยดี หารู้ไม่ว่าการยัดเยียดความดีภายใต้สังคมที่เลวทรามนั้น มันหดหู่และบีบคั้นเขาขนาดไหน เมื่อเขาออกจากคุกโดยถูกล้างสมองจนกลายเป็นคนละคนสำเร็จแล้ว แต่เหมือนสังคมจะไม่พอใจ กลับเอาคืนด้วยการซ้ำเติมความเลวร้ายให้ต้องบอบช้ำและหนักข้อยิ่งกว่าเดิม เอาคืนความรุนแรง ด้วยความรุนแรงยิ่งกว่า หนัง A Clockwork Orange
กลับมาอีกครั้งกับเดือนกรกฎาคมที่ยังคงคุกรุ่นด้วยความทะมึนของไวรัสและวัคซีน เป็นอีกเดือนที่โรงหนังยังคงปิดเช่นเคยแถมร้านอาหารก็ยังมาปิด เราเลยไม่พลาดที่จะคัดโปรแกรมหนังเด็ด ๆ จาก Netflix ประจำเดือนกรกฎาคม 2021 ที่จะช่วยให้คุณลืมความเครียดในช่วงเวลานี้ไม่มากก็น้อย Kingdom: Ashin of the North กำหนดฉาย 23 กรกฎาคม เริ่มกันด้วยไฮไลท์ประจำเดือนนี้ จากซีรีส์ K-Zombie ชื่อดัง กับ Side Story ที่เล่าถึงมือปราบซอมบี้แห่งเผ่าเหนือ ที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตผีดิบออกอาละวาดไม่แพ้ตำหนักวังหลวง โดยหนังเรื่องนี้เล่าถึงเด็กสาวอาชิน ที่สูญเสียครอบครัวจากโศกนาฏกรรมปริศนา ทำให้เธอต้องเติบโตอย่างโดดเดี่ยวและแข็งแกร่ง พร้อมรอวันล้างแค้นและล้างบางกองทัพผีดิบนี้ สิ่งที่พิเศษสำหรับหนังภาคแยกนี้คือการมารับบทบาทของยัยตัวร้าย ชอน จี ฮยอน ที่ทั้งสวย เด็ด เผ็ด ดุ กับบทบาทมือปราบซอมบี้สาวสุดแกร่งที่พกแรงแค้นรอวันชำระ ซึ่งมั่นใจได้ว่า สนุก มันส์ ระห่ำ เลือดกระฉูดจอ อย่างแน่นอน Fear Street Trilogy (1994 / 1978 / 1666) กำหนดฉาย
นอกจากปี 2001 เป็นปีที่เริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ สำหรับวงการหนังก็นับเป็นปีแห่งการเริ่มต้นของหนังหลายเรื่องที่กลายเป็นตำนาน UNLOCKMEN ขอนำคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลา ในโลกแห่งความเร็ว / พ่อมดแห่งโลกเวทย์มนต์ / การผจญภัยของวงแหวน และหนังอีกมากมายที่มาร่วมเติมเต็มทุกความทรงจำสำหรับคุณ ที่ทุกคนรู้สึกว่ามันเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน The Fast and the Furious จุดเริ่มต้นของหนังเร็ว แรง แซงนรก จากหนังที่เล่าเรื่องราวของตำรวจที่แฝงตัวในแก๊งซิ่ง ที่ค่ายหนังอย่าง Universal เห็นค่าเพียงหนังฟอร์มเล็กคั่นโปรแกรม ใครเลยจะรู้ว่าอนาคตมันกลับกลายเป็นสุดยอดหนังเรื่องยิ่งใหญ่ ที่สร้างสาวกติดตามอย่างเหนียวแน่นได้ขนาดนี้ จนเกิดเป็นหนังภาคต่อ แจ้งเกิดนักแสดงมากมาย และกลายเป็นโปรแกรมยักษ์รับซัมเมอร์ที่ทุกคนรอคอยว่าภาคต่อไปจะมียานพาหนะไหนที่มาทดสอบความเร็วบ้าง นักแสดงคนไหนที่เคยถูกฆ่า จะถูกชุบชีวิตกลับมาโลดแล่นได้ใหม่ แม้กระทั่งนักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง Paul Walker ที่จากไปด้วยอุบัติเหตุจากรถยนต์ ยังพร้อมถูกชุบชีวิตด้วยเทคนิค CGI บนจออยู่เสมอ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนแล้วแต่สร้างจักรวาลอันแข็งแกร่งให้หนังเร็วแรงนี้มีอายุยืนยาวจวบจนปัจจุบัน 20 ปีต่อมา… แม้ Paul Walker จะจากไป แต่ Vin Diesel ก็ยังคงแบกหนังเรื่องนี้ไว้และไปต่อ ขณะเดียวกันก็มีภาคแยก Spin Off อย่าง
เรียกได้ว่า มาแรงแซงทางโค้งกันไปเลย สำหรับสตริมมิ่งเจ้าใหม่ แม้กระทั่ง Netflix ที่ยึดหัวหาดมานานต้องมีร้อนหนาว กับสตูดิโอหนังยักษ์ใหญ่ที่ลงมาร่วมชิงชัย แย่งชิงเวลาอันมีค่าของคนดูที่ตอนนี้มีเวลากันเหลือเฟือ เพราะไม่กล้าจะออกไปไหนในช่วงไวรัสระบาด อย่างช่อง Disney+ Hotstar ที่แม้จะเป็นสตรีมมิ่งเจ้าใหม่ของเมืองไทย แต่สำหรับชื่อ Disney คือเจ้าแห่งคลังสมบัติความบันเทิงที่มีทั้งหนัง / การ์ตูน และสารคดีมากมายให้ดูกันจนตาแฉะ แต่วันนี้ Unlockmen ของเสนอในส่วนของ Disney+ Original Content ที่มีให้ชมแค่ในช่องนี้เท่านั้น ทั้งในส่วนหนังและซีรีส์ ว่าแต่จะมีเรื่องอะไร เรารู้ว่าเวลามีค่า รีบมาอ่านเพื่อตัดสินใจรับชมกันได้เลย หนังเจ๋ง Disney+ Original Films Cruella จากหนังใหญ่ที่ตอนแรกวางโปรแกรมฉายในโรงภาพยนตร์ เป็นการคอนเฟิร์มแล้วว่าหนังได้ถูกถอดโปรแกรมเป็นที่เรียบร้อย กับหนัง Side Story ของ Cruella de Vil วายร้ายสาวผู้เป็นไม้เบื่อไม่เมากับเจ้าจุดจำนวน 101 ตัว ในแอนนิเมชั่น 101 Dalmatians แต่ Cruella ในภาคนี้นั้นเลือกที่จะเล่าเรื่องราวที่เป็นจุดกำเนิดในยุค 1970s
“เพราะการเดินทาง คือการเติมเต็มชีวิต และค้นหาตัวตน” ใครบางคนเคยกล่าวคำเท่ ๆ เอาไว้ ถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังถิ่นเมืองแปลก จะด้วยการไปเพื่อผ่อนคลายหรือไปเพื่อผจญภัยก็ตาม แต่คนที่กล่าวอาจจะไม่ทันได้คิดว่าโลกจะเข้าสู่วิกฤตโรคระบาด ที่รุนแรงถึงขั้นมนุษย์ไม่อาจจะเดินทางไปไหนได้ไกลจากรั้วบ้าน ซึ่งมันก็ผ่านไปปีกว่าแล้ว ยังคงไร้วี่แววที่เราจะแพ็คกระเป๋าออกเดินทางไหนได้เลย เราเข้าใจในความอึดอัดนี้ จึงขอแบ่งปันหนังเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่เราคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด อย่างน้อยก็ได้เที่ยวทิพย์ผ่านการดูหนังก็ยังดี โดยเราแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อความชอบตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ถ้าพร้อมแล้วก็หยิบรีโมทค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช่ แล้วออกเดินทางแบบเที่ยวทิพย์ไปพร้อมๆกันเลย Wild (2014) เรื่องราวที่สร้างจากชีวิตจริงของ Cheryl Strayed ผู้ทิ้งความหดหู่ของชีวิตในเมืองใหญ่ ตัดสินใจแบกเป้เดินเท้ากว่า 1,100 ไมล์ เพื่อออกตามหาความหมายของชีวิต หนังกล่าวถึงการต่อสู้ในจิตใจสับสนจากอดีตอันแสนช้ำตรม เพื่อมาสัมผัสธรรมชาติที่แม้จะโหดร้าย แต่กลับช่วยเยียวยาจิตใจ และช่วยให้เข้าใจความหมายอันถ่องแท้ของชีวิต Wild สร้างและแสดงนำโดย Reese Witherspoon หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือ Wild: From Lost to Found on the Pacific Crest Trail บทบันทึกที่เล่าถึงการเดินทางไปยัง “แปซิฟิก เครสต์ เทรล” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าตามสันเขาที่ทอดยาวตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐ
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่มาพร้อมถังออกซิเจนและทรงผมพะรุงพะรัง เพียงแว็บแรกคุณอาจจะรู้สึกขำมากกว่าหวาดกลัว แต่ใครเลยจะรู้ว่า ในมือที่ถือถังออกซิเจนดูไร้พิษภัยคู่นั้น กลับเป็นอาวุธที่สุดแสนอำมหิต และเขาคือวายร้ายสุดคลั่งแห่งโลกภาพยนตร์ทศวรรษที่ 2000s กระทั่งคนรับบทบาทยังรู้เกลียดกลัวคาแรคเตอร์นี้จนเกือบจะไม่รับเล่นมัน มาทำความรู้จักกับ Anton Chigurh วายร้ายอำมหิตแห่งหนังฟิล์มนัวร์ยุคใหม่ จากภาพยนตร์ No Country for Old Men ที่ร้ายจนทำให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ หนัง No Country for Old Men ออกฉายในปี 2007 สามารถสะกดคนดูด้วยการเล่าเรื่องผ่านตัวละคร 3 ตัว โดยจุดเริ่มต้นมาจากการปะทะกันของ 2 แก๊งค้ายาที่นำพาให้เกิดการยิงกันและตายเกลื่อน Llewelyn Moss (นำแสดงโดย Josh Brolin) นักล่าสัตว์พบเจอศพคนโฉดนอนเรี่ยราดบนพื้น เขาสำรวจตรวจตราก็พบว่ามีกระเป๋าเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางกองเลือดที่นองพื้นนั้น ไม่รอช้า เขาหยิบมันและจัดการนัดแนะแฟนสาวให้ออกจากบ้านไป เพราะมั่นใจว่าเจ้าของเงินน่าจะตามมาหาเขาในไม่ช้า ขณะเดียวกันหนังก็เล่าถึง Ed Tom Bell (นำแสดงโดย Tommy Lee Jones) นายอำเภอสุดเก๋าล้นประสบการณ์ แม้อายุอานามของเขาจะมากจนอยากเกษียณ
ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งการล็อคดาวน์ มีหนังเกี่ยวกับการอยู่ในที่แคบหรือพื้นที่จำกัดมากมายที่แสดงให้เห็นสภาวะอันอึดอัด และการต้องหาทางรอดของตัวละครในหนัง ซึ่งการทำหนังที่เกี่ยวกับพื้นที่แคบนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะในเรื่องของเนื้อหา การสื่อสารกับคนดู ทุนสร้าง หรือจำนวนบุคลากรที่ต้องลดจำนวนลง ดังนั้นเวลาเราดูหนังยิ่งมีพื้นที่แคบอยู่ในไม่กี่สถานที่ กลับเป็นการท้าทายไอเดียที่ยากยิ่งกว่าสำหรับผู้สร้างเพื่อจะก้าวข้ามขีดจำกัดต่าง ๆให้ได้ ไม่ใช่หนังที่ถ่ายง่าย ๆ อย่างที่หลายคนคิด มาดูกันว่ามีหนังในที่แคบเรื่องอะไรกันบ้าง แล้วเขามีเทคนิคในการถ่ายทำอย่างไร Rear Window (1954) Directed by Alfred Hitchcock ถือเป็นหนังต้นตำรับบิดาแห่งการกักตัวของตำนานภาพยนตร์อย่างแท้จริง เรื่องราวของพระเอก James Stewart ตากล้องผู้โชคร้ายที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนอยู่บนรถเข็นเนื่องจากประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาจึงต้องหาอะไรทำแก้เซ็งด้วยการส่องดูชีวิตคนที่อพาร์ทเมนท์ฝั่งตรงข้าม แต่ด้วยความสอดรู้สอดเห็น มันนำพาให้เขาได้พบเห็นความน่าสงสัยของใครบางคน จากนั้นเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวในค่ำคืนหนึ่ง ก็ทำให้ชายหนุ่มบนรถเข็นเชื่อมโยงปะติดปะต่อเรื่องราวว่าสิ่งที่เขาได้พบเห็นนั้นมีความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน อย่างที่รู้กันว่า Alfred Hitchcock คือราชาหนังที่เล่นแร่แปรธาตุในการสร้างความแปลกและแตกต่างให้กับภาษาหนังมือต้น ๆ ของโลก และในเรื่องนี้ Hitchcock ได้ทำการทดลองสถานการณ์ในพื้นที่จำกัด ด้วยการให้พระเอกของเรานั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เน้นแสดงออกทางสายตาเพื่อให้สื่อสารอากัปกิริยาที่แตกต่างไป หนังวนเวียนอยู่แค่ในบ้านและวิวนอกหน้าต่าง แต่ถึงกระนั้น Hitchcock ก็ได้ให้ทีมงานออกแบบห้องพัก และด้านนอกของตึกแถวจำนวน 7 ชั้นสร้างใน Paramount Studio โดยออกแบบเสมือนจริงที่สุด และใช้ความระทึกขวัญสั่นประสาท
แม้สถานการณ์ COVID-19 ในเดือนมิถุนายน จะยังทรงตัวจนไม่สามารถไปดูหนังในโรงหนังได้ (แต่เมืองนอกตอนนี้ได้ดูยัน Fast 9 แล้ว) แต่ถึงกระนั้นความบันเทิงในจอสตริมมิ่งโดยเฉพาะ Netflix ยังคงคึกคักและมีหนังเจ๋ง ๆ ไอเดียแจ่ม ๆ ให้ดูมากมายเช่นเคย และเหมือนเดิมที่ UNLOCKMEN ก็ขอเสนอหนังเจ๋ง ๆ ทั้งแมสและไม่แมสให้ดูทุก ๆ เดือน มาดูกันว่าเดือนมิถุนายนนี้ที่อุณหภูมิข้างนอกร้อนระอุแบบนี้ จะมีหนังเรื่องอะไรมาแนะนำกันบ้าง Skater Girl มาเริ่มต้นด้วยหนัง Coming-of-Age สัญชาติอินเดีย/อเมริกันเรื่องนี้ ที่เข้ากับยุคสมัยที่การไถสเก็ตยังคงเป็นกิจกรรมสุดคูล แต่สาวน้อยชาวอินเดียในเมืองที่ห่างไกลความเจริญผู้นี้ กลับเลือกไถสเก็ตเพื่อจุดประกายความกล้าหาญ หนังเล่าถึง Prerna (Rachel Saanchita Gupta ในการแสดงครั้งแรกของเธอ) สาววัยรุ่นที่ชีวิตอยู่ในกรอบระเบียบประเพณีที่เคร่งครัดในรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย จนเธอได้รู้จักกับสาวลอนดอนผู้มาเรียนรู้ชีวิตท้องถิ่น แลกกับการได้รู้จักกับสเก็ตบอร์ด ที่เปลี่ยนชีวิตของ Prerna และเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน ท่ามกลางการคัดค้านของเหล่าผู้ใหญ่ที่เคร่งในประเพณีโบราณ เจ้าบอร์ดติดล้อนี้ มันได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของ Prerna อย่างสิ้นเชิง จากที่คิดว่าชีวิตจะต้องจมปรักอยู่กับประเพณีอันคร่ำครึ สเก็ตบอร์ดได้นำพาความฝันอันยิ่งใหญ่ และความหวังที่ไปไกลในระดับอินเตอร์ด้วยการที่เธอหวังไปชิงชัยในการแข่ง