เพื่อน ๆ ชาว UNLOCKMEN หลายต่อหลายนคงเคยได้ยินคำว่า “Rock Never Dies” เพื่อเปรียบเปรยถึงการอยู่ยงคงกระพันของดนตรีแนวนี้ ที่ดำรงคงอยู่มานานกว่า 50 ปีแล้ว และแตกกิ่งก้านสาขาไปจนมีแนวทางยิบย่อยจวนจนปัจจุบัน แต่เวลาผ่านไปดูเหมือนคำๆนี้จะค่อยๆคลายมนต์ขลังอย่างเหลือเชื่อ จนคำว่า “Rock is Dead” ดูจะมีเป็นความจริงมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งคนที่มายืนยันทฤษฎีก็ไม่ใช่ที่ไหน คือป๊ะป๋าแห่งวงการร็อคที่อยู่มาอย่างยาวนานอย่างลุง Gene Simmons มือเบสแห่งวงร็อคในตำนานอย่าง Kiss ที่มาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้มาหลายต่อหลายครั้ง ครั้งแรกที่ Gene พูดถึงกรณีของการล่มสลายของดนตรีร็อคเกิดขึ้นในปี 2014 ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับลูกชายของเขา Nick Simmons กับนิตยสาร Esquire ว่า “ค่ายเพลงเริ่มไม่มาเหลียวแลวงร็อคแล้ว พวกเขาไปโอ๋ศิลปินแนวอื่นกันหมด” ครั้งต่อมา Gene ก็ย้ำอีกครั้งในการสัมภาษณ์ให้กับ Gulf News ว่า “หมดเวลาของการสร้างภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเหล่าร็อคสตาร์แล้ว!!! และครั้งล่าสุด ก็เกิดขึ้นมาหมาดๆ เมื่อ Gene ได้ไปให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ Q104.3 Radio Station ที่จัดรายการโดย Jonathan
แม้จะผ่านปี 2021 ไปเพียงเดือนเดียว แต่อัลบั้มใหม่ ๆ มากมายก็ไหลบ่าให้คนฟังเพลงได้ฟังกันแทบไม่หวาดไม่ไหว UNLOCKMEN จึงได้คัดเลือกอัลบั้มแจ่ม ๆ ที่เพื่อน ๆ น่าจะชอบกันประจำเดือนมกราคม โดยเฉพาะคอ Post-Punk ที่พาเหรดกันออกอัลบั้มเจ๋ง ๆ มากมาย ลองมาดูกันว่ามีอัลบั้มไหนที่ตรงใจแฟน ๆ กันบ้าง 10. Martin Gore – The Third Chimpanzee [Electronica / UK] หากเอ่ยชื่อ Martin Gore คนฟังเพลงรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นสักเท่าไหร่ แต่หากกล่าวว่าเขาคือเรี่ยวแรงสำคัญแห่งวง Electronics ยุค 80s อย่าง Depeche Mode หลายท่านน่าจะร้องอ๋อ ระหว่างที่รอคอยโปรเจกต์ใหม่ของวง Martin Gore ก็ใช้ช่วงเวลานี้ ทำโปรเจกต์ดนตรีสังเคราะห์แบบส่วนตัว โดยนำเผ่าพันธุ์ลิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Howler, Mandrill, Capuchin ไปจนถึง
ทุกวันนี้เทคโนโลยีรุดหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งศิลปินที่อยู่ในครรภ์มารดาก็สามารถทำอัลบั้มได้แล้ว ทุกท่านอาจจะงงว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ลูกในท้องที่ยังไม่คลอดเนี่ยนะ จะเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆ เมื่อ Luca Yupanqui ผลิตผลอันแสนภาคภูมิใจของแม่นักดนตรีอย่าง Elizabeth Hart มือเบสวง Psychic Ills และ พ่อ Lee “ Scratch” Perry ได้ทำงานร่วมกันกับซาวด์เอนจิเนียริง Iván Diaz Mathe ได้สร้างบทเพลงที่บันทึกความเคลื่อนไหวผ่านอุปกรณ์ที่ชื่อ Biosonic MIDI ที่ติดอยู่ตรงท้องของ Elizabeth และแปลการเคลื่อนไหวของลูกเธอให้กลายเป็นเสียง ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้มีทั้งเสียงหัวใจ การขยับตัว และถอดเป็นเสียงซินธิไซเซอร์ซึ่งเกิดจากกระบวนการทำสมาธิของเธอเป็นเวลา 5 ชั่วโมงนั่นเอง และบทเพลงที่เปรียบเสมือนสัญญาณชีวิตของเด็กน้อยที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกนี้ ก็แปรเปลี่ยนเป็นงาน Ambient อันน่าทึ่งที่คุณจะได้รับฟังมิติของเสียงในรูปแบบใหม่โดยทั้งพ่อและแม่ต่างคารพในการเคลื่อนไหวของลูกน้อย Luca Yupanqui พวกเขาทำหน้าที่เพียงผสมเสียงเท่านั้นไม่ได้ดัดแปลงเพิ่มเติมใดๆ มันจึงกลายเป็นบทเพลงแห่งความบริสุทธิ์ที่สร้างขึ้นจากเด็กน้อยจริงๆ อัลบั้ม Sounds of the Unborn จะได้รับการจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 2 เมษายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ศิลปินตัวน้อยอย่าง
26 ปีก่อน หากใครมาบอกว่า จะมีไอ้หน้าจ๋อง ๆ ที่เป็นมือกลองและพูดไม่เยอะ จะยืนอยู่หน้าเวทีแล้วเปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นกีตาร์และร้องนำ หลายคนคงขำและคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดนอกจากเขาจะทำได้แล้ว ชายคนนั้นยังชี้ชะตาวงการดนตรีร็อครุ่นใหม่ และกลายร่างเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางดนตรีในกาลต่อมาอีกด้วย แม้ Nirvana จะแลกคำว่าตำนานกับเลือกจะปลิดชีพลมหายใจของ Kurt Cobain แต่ Dave Grohl กลับเลือกที่จะสร้างตำนานบทใหม่ด้วยความบ้า และบทเพลงทรงพลังด้วยตัวเขาเองด้วยวง Foo Fighters ที่เปรียบได้ดั่งจานผีลึกลับที่มาสร้างความปั่นป่วนให้วงการ Alternative Rock “แม่งเหมือนผมกำลังทำโปรเจกต์ และออกไปรายงานหน้าชั้น แม่งโคตรตื่นเต้นและกดดันสัส ๆ ” Foo Fighters [1995] หลังจาก Icon แห่งยุคสมัยอย่าง Kurt Cobain ได้จากโลกใบนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับและนำพา Nirvana สู่นิพพานทางดนตรีจริง ๆ ไม่แปลกใจที่สมาชิกที่เหลือทั้ง 2 อย่าง Krist Novoselic และ Dave Grohl จะสับสนในการจัดการชีวิตต่ออย่างไร จน Dave
เมื่อว่าด้วยเรื่องการขาย แน่นอนว่าเราต่างหนีไม่พ้นที่ต้องขาย…ในแต่ละวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายของสำหรับอาชีพพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ (ซึ่งน่าจะเห็นชัดเจนที่สุดเมื่อพูดถึงเรื่องการขาย) ขายไอเดียเมื่อถูกกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ขายงานให้ผ่านการอนุมัติเมื่อต้องพิชชิ่งกับคู่แข่งข้างนอกมากมาย หรือแม้แต่ขายความเก่งของตัวเองในกรณีที่ต้องการรับเลือกให้เป็นแคนดิเดตในการสมัครงานตำแหน่งที่ใช่ บทความนี้จึงอยากลองชวนคุณมาสวมบทบาท “นักขาย…” โดยลองนำเทคนิคที่ถอดมาจากแนวคิดการทำงานของเหล่าศิลปินที่สร้างผลงานให้คนรักทั่วโลก มาดูกันว่า กว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ได้นั้น พวกเขายึดหลักการอะไรในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ “ขาย” ให้คนฟังทั่วโลกยอมรับในฝีมือจนได้ Eminem จริงจังและจริงใจในสิ่งที่ทำ ตำนานแร็ปเปอร์ระดับโลกอย่าง Eminem ผู้ที่ไม่ยอมเรียกตัวเองว่า King of Rap แต่เลือกจะขนานนามตัวเองว่าเป็น Rap God เหมือนเพลงที่เขาแต่ง แน่นอนว่าผู้คนต่างไม่ปฏิเสธ เพราะนอกจากจะสร้างสถิติแรปได้เร็วที่สุด โดยแรป 330 พยางค์ ภายใน 31 วินาที จากเพลง Godzilla แล้วนั้น เขายังสร้างผลงานเพลงมากมายจนเป็นที่ยอมรับอีกด้วย Source: Ft หากจะบอกว่าสารตั้งต้นการสร้างผลงานให้คนรักเกิดจาก “ความรัก” ก็ไม่ผิดนัก เพราะเขาค้นพบว่าตัวเองหลงใหลการเรียงร้อยถ้อยคำภาษาอังกฤษและดนตรีฮิปฮอปตั้งแต่อายุสิบสี่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสานต่อความรักและความฝันที่จะทำเพลงฮิปฮอปจนโด่งดังขึ้นมาได้นั้นล้วนใช้ความพยายามและตั้งใจมากท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเริ่มต้น อันเกิดจากอคติสีผิว เพราะฮิปฮอปเป็นวัฒนธรรมของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน จึงไม่แปลกที่คนมักค่อนแคะว่าคนผิวขาวอย่างเขาจะทำมันได้จริงหรือ ถึงอย่างนั้น Eminem ก็ทลายทุกกำแพงอคติที่ว่าลงได้เมื่อเขาได้แสดงให้เห็นศักยภาพด้านดนตรีจนได้เดบิวต์อัลบั้มแรกออกมา ที่สำคัญ เขายังวางเป้าหมายในการแต่งเพลงอัลบั้มต่อไปด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสร้างสรรค์งานที่จุดประกายแรงบันดาลใจชีวิต
ก่อนที่ Rock Music จะถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ โลกของดนตรีได้ถูกขับกล่อมโดยแนว Classical / Jazz / Country หรือแม้กระทั่งเพลง Blues มาช้านาน จนเรียกได้ว่าดนตรีร็อคนั้นเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นตามหลังกว่าดนตรีแนวอื่น ๆ หลายสิบปี แต่แนวดนตรีที่เกิดช้าแนวนี้ กลับสร้างคุณูปการมากมายให้วงการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมทางศิลปะแบบก้าวกระโดด การก่อกำเนิดแฟชั่นร่วมสมัย แตกกิ่งก้านสาขาออกมาเป็นแนวดนตรีอันหลากหลาย และสร้างวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับศิลปะ วันนี้ UNLOCKMEN จะขอพาคุณย้อนไปสู่ยุคสมัยต่างๆของดนตรี Rock เพื่อค้นหารากเหง้าและจุดกำเนิดของดนตรีที่มีวัฒนธรรมยาวนานมากว่า 80 ปี มาดูกันว่าบทเพลงแนวนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมและส่งผลอะไรบ้างกับสังคมโลก ถ้าพร้อมแล้วเรามานั่งไทม์แมชชินย้อนไปดูต้นกำเนิดของดนตรีแนวนี้ไปพร้อมกันเลย ก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า Rock n Roll ผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีต่างพากันค้นหาหลักฐานของจุดเริ่มต้นของดนตรีนี้อย่างแพร่หลาย ซึ่งพอจะแยกย่อยได้สามทาง ดังนี้ สมมติฐานที่ 1 การเร่งเร้าจังหวะของเพลง Blues บทเพลงร็อคแอนด์โรลถือกำเนิดจากรากของดนตรี Blues เนื่องด้วยในโลกยุคทศวรรษที่ 1940’s แนวทางของดนตรีมิได้มีความแพร่หลายนักหากเทียบเท่ากับปัจจุบัน ดนตรี Jazz ยังคงเป็นความบันเทิงที่คนยุคนั้นสรรหามาเติมเต็มให้กับชนชั้นกลางถึงสูง ขณะที่ชนชั้นล่างอย่างคนผิวดำที่ยังไม่สามารถปลดแอกจากการเป็นทาส ก็ใช้ดนตรี Blues เพื่อระบายออกถึงความคับแค้นยากเข็ญที่พวกเขาจำต้องเผชิญ และความเหลื่อมล้ำก็จุดประกายดนตรีหมองหม่นนี้ให้เฉิดฉาย
UrboyTJ คือหนึ่งในแรปเปอร์มากความสามารถแห่งยุค ด้วยสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลิกทะเล้นมาดกวน และการแต่งตัวที่โคตรเฟี้ยว ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ใครไม่ใช่สาวกเพลงฮิปฮอปก็ต้องรู้จักเขาจากที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน ณ วันนี้ UrboyTJ ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมา และเรียกกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทุกบทเพลงในนั้นมีครบรสหลากอารมณ์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคย และมีความลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งกว่าจะทำอัลบั้มนี้จนสมบูรณ์ได้ เขาต้องใช้เวลาสั่งสมในวงการดนตรีมามากกว่า 10 ปี จนตกผลึกมาเป็น ‘Selfmade’ อัลบั้มที่บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของ UrboyTJ ถึงการเป็นคนที่ไม่อยากเป็น การมีอยู่ของตัวตนที่เมคขึ้นมา หรือความคาดหวังจากคนอื่น ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสูญเสียตัวตนไป คอลัมน์ Garage ประจำสัปดาห์นี้ เราจะพาทุกคนไปพบกับ UrboyTJ หรือ จิรายุทธ ผโลประการ กับเบื้องลึกเบื้องหลัง และจุดเริ่มต้นสู่การปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเอง เราสนใจเพลงแนวนี้ก่อนจะเข้ามากามิกาเซ่หรือเปล่า แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ UrboyTJ หันมาฟังเพลง Hip Hop “จริง ๆ ผมฟังฮิปฮอปมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ แล้วครับ ตั้งแต่ประถมได้ เพราะตอนเด็กผมมีญาติที่อยู่ฝรั่งเศส เวลาเขาบินกลับมาไทย เขาจะพกวอล์กแมนมาตัวนึง ตอนนั้นในเครื่องใส่เพลงของ
เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบในวัฒนธรรม Chicano culture (Mexican-American culture) ดนตรี รอยสัก รวมไปถึงคนที่เคยดูภาพยนตร์สารคดีอย่าง LA Originals คงจะรู้จักศิลปินชายเดี่ยวที่มีชื่อว่า ‘MISTER CARTOON’ หรือ Mark Machado กันอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีฝีไม้ลายมือในการสักที่เรียกได้ว่าเป็นระดับตำนานแล้ว เขายังมีผลงานออกแบบ Collaboration กับแบรนด์ดังระดับโลกขึ้นหิ้งเอาไว้มากมาย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับชายผู้นี้ แถมยังมีข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ของ ‘MISTER CARTOON’ ชาวไทยโดยเฉพาะมาฝากอีกด้วย ส่วนข่าวดีนั้นจะเป็นอะไร ไปติดตามดูกันได้เลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของชายคนนี้กันหน่อย MISTER CARTOON หรือชื่อจริงคือ Mark Machado ศิลปินสัก และศิลปินกราฟฟิตี้ระดับโลก เกิด โต และอาศัยอยู่ที่ Los Angeles, Califonia ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองจนพบ นั่นก็คือการวาดรูป และทำให้เขาเริ่มต้นวาดรูปอย่างจริงจังจากนั้นเป็นต้นมา เมื่ออายุได้ 12 ปี ก็เริ่มหาเงินเลี้ยงตัวเองได้จากการใช้
สำหรับชาวร็อกที่เติบโตมาในยุคอินดี้เฟื่องฟู เราเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ MAD PACK IT เจ้าของเพลงดังในอดีตอย่าง ‘รักในสันดาน’ ‘อยู่เพื่อตัวเอง’ ‘เลิก’ ‘กวนตีน’ และ ‘คำให้การ’ ด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมา ภาษาที่โดนใจ รวมถุงเสียงร้อง เสียงดนตรีที่จัดจ้านทำให้พวกเขาสร้างฐานแฟนเพลงได้ไม่ใช่น้อย โดยผลงานสตูดิโออัลบั้ม 2 ชุด, E.P. อัลบั้มอีก 1 ชุด รวมถึง ‘MAD PACK IT X-TREAM CONCERT’ คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของพวกเขาซึ่งจัดขึ้นในปี 2547 คือสิ่งการันตีความนิยม และความเหนียวแน่นของกลุ่มแฟน ๆ MPI เป็นอย่างดี จนเมื่อเวลาผ่าน ยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้จึงได้กลายสภาพเป็นความทรงจำดี ๆ ยุคอินดี้ ไปพร้อม ๆ กับชื่อเสียงของพวกเขาที่ค่อย ๆ จางหายไปจากวงการเพลงในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา จะมีก็เพียงผลงานซิงเกิ้ลใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันเฉลี่ยปีละครั้ง แต่ถึงกระนั้นบทเพลงเก่า ๆ ของพวกเขาก็ยังคงถูกเปิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องราวของพวกเขาก็ยังคงถูกพูดถึงในกลุ่มแฟน ๆ
Christopher Wallace หรือชื่อที่โลกรู้จักในฐานะ rapper ‘Notorious BIG’ ‘Biggie Smalls’ ‘ Biggie’ แต่ไม่ว่าจะเป็น aka ไหนก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเค้าคือ King of New York rapper มาโดยตลอด แม้จะถูกลอบยิงเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 1997 วันที่ East Coast vs West Coast rap เหลือไว้เพียงตำนานตลอดกาล ก่อนหน้าวันเสียชีวิต Biggie Smalls มี Photo session เพื่อถ่ายรูปโปรโมตอัลบั้มใหม่ของเค้า มันคือภาพที่ Biggie สวมมงกุฎสีทองอยู่บนศีรษะที่พวกเรารู้จักกันดี ซึ่งมงกุฎนั้นถูกเรียกว่า K.N.O.Y. Crown (ย่อจาก King of New York) วันที่ 6 มีนาคม 1997, Biggie
ถ้าคุณโตมากับดนตรีร็อคยุคหลังปี 2000 เป็นต้นมา คงไม่มีใครไม่รู้จักเว็บ myspace.com เว็บที่เหล่าวงดนตรีทั้งหลายใช้เป็นพื้นที่สำหรับโชว์ผลงานเพลงตัวเองลงบนหน้า profile การได้มีเพลงอยู่บนหน้าเว็บ myspace ของวงเป็นอะไรที่โคตรเท่ ถือเป็นยุคแรก ๆ ของโซเซียลมีเดียแห่งวงการดนตรีเลยก็ว่าได้ มีวงร็อคมากมายที่โด่งดังในกลุ่มอันเดอร์กราวด์ฝั่งอเมริกาตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น SAOSIN, UNDEROATH, THE USED, BLESSTHEFALL, FROM FIRST TO LAST, และ STORY OF THE YEAR ฯลฯ และนั่นก็เป็นยุคเดียวกันกับที่วงร็อคอันเดอร์กราวด์ในไทยกำลังบูม มีกลุ่มแฟน ๆ ติดตามอย่างเหนียวแน่น เรียกได้ว่าเกือบทุกอาทิตย์จะมีคอนเสิร์ต ให้ชาวร็อค ได้ออกไปเสพการแสดงสดอย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งเป็นงานอันเดอร์กราวด์จัดในสถานที่เล็กบ้างใหญ่บ้าง มีทั้งงานโคฟเวอร์เพลงวงต่างประเทศ หรือจะเป็นเพลงออริจินัลจากศิลปินไทยเองก็มีให้ตามชม ตามฟังกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นงาน อ๊าก ว๊าก จ๊าก, Yos Fest ที่ขนเอาศิลปินในเส้นทางร็อคผลัดกันขึ้นไประเบิดความมันส์บนเวที ส่วนคนดูก็มีวัฒนธรรมการชมคอนเสิร์ตที่ภาพอาจจะดูรุนแรง เช่นการ mosh pit (การเหวี่ยงหมัดไปรอบ ๆ) circle
GARAGE สัปดาห์นี้ขอพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับ Lomosonic กลุ่มคนดนตรีตัวจริง ที่ผ่านการเดินทางมายาวนานกว่า 15 ปีตั้งแต่ก่อตั้งวง หรือ 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้ออกอัลบั้มชุดแรก กับเรื่องราวที่มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หยาดเหงื่อ และความผิดหวัง ซึ่งบทสนทนาในวันนี้คือการพูดคุยย้อนไปตั้งแต่วันแรกของทุกคนก่อนจะได้มารวมกลุ่ม ฟอร์มทีม ร่วมฝ่าฟันความฝันบนเส้นทางดนตรีไปด้วยกัน ถือเป็นการคุ้ยกล่องความทรงจำตลอดหลายปีในนาม Lomosonic ของ ‘บอย-อริย์ธัช พลตาล’, ‘ป้อม-ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย’, ‘ ปิติ-ปิติ เอสตราลาโด สหพงศ์ เดน โดมินิค’ และ ‘ออตโต้-ชาญเดช จันทร์จำเริญ’ ที่เรื่องราวทั้งหลายของพวกเขาได้ตกผลึกจนกลายมาเป็นประสบการณ์และผลงานดนตรีที่บ่งบอกตัวตนของพวกเขา ณ ปัจจุบัน จุดเริ่มต้น บอย: สิ่งที่ทำให้เริ่มมาเล่นดนตรีได้ รู้สึกว่าร้องเพลงมาตั้งแต่จำความได้ เราถูกปลูกฝังมาว่าการร้องเพลงมันเป็นการสร้างความบันเทิงให้คนอื่น แต่ว่ามันก็จะมีความขี้อาย หรือว่าเวลาผู้ใหญ่เขาถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าคำตอบที่มันทำให้ผู้ใหญ่พึงพอใจ คือ การเป็นหมอ การเป็นทหาร การเป็นอะไรที่เขาให้คำนิยามเกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่จริง ๆ แล้ว ผมอยากเป็นนักร้องมาตลอด เพราะดู ไมเคิล