พลังของ Soft Power นั้นน่ากลัวกว่าที่คิดนะครับ ในหลาย ๆ ครั้งเนื้อหาของคอนเทนต์ก็เข้ามาควบคุมจิตใจเรา สะกดจิตให้เกิดความอยากต่าง ๆ นา ๆ สั่งให้เดินไปที่ตู้เย็นเปิดหยิบน้ำแข็งบ้าง หาเครื่องดื่มเย็น ๆ บ้าง หรือไปจนถึงจัดจานวางถั่วใส่เพื่อกินคู่กันบ้าง เฮ้ออ ขออนุญาตหยิบเครื่องดื่มก่อนจะเขียนบรรทัดถัดไปครับ UNLOCKMEN ชวนทุกคนดูหนังและซีรีส์ในวันที่ต้องการพักผ่อน ปล่อยตัวอยู่บนโซฟา ละเมียดเครื่องดื่มเย็น ๆ แล้วปล่อยให้มันชำระล้างความเหนื่อยล้าของวันจนหมดสิ้น Weakest Beast (2018) ซีรีส์เพชรเม็ดงามจากแดนอาทิตย์อุทัย ซ่อนตัวอยู่ใน Netflix มาหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้ถูกหยิบมาพูดถึงเท่าไหร่ ว่าด้วยเรื่องราวของผู้คนในชีวิตวัยทำงาน ที่มีปัญหาในความฝันกับการใช้ชีวิตซึ่งต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว ‘โคเซ’ ชายหนุ่มเจ้าของสำนักงานทนายความที่ต้องเลือกระหว่างการทำผิดกฎหมายเพื่อช่วยคนอื่น และ ‘อากิระ’ หญิงสาวพนักงานออฟฟิศที่ Job Description เยอะเกินหน้าที่ จนเธอตั้งคำถามว่าการงานที่ทำอยู่อย่างนี้มันดีแล้วเหรอ ทุกครั้งที่ตัวละครมีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้น (ซึ่งก็มีทุกตอนแหละ) ทุกคนมักเลือกแก้ปัญหาด้วยการไปที่ร้าน 5 Trap บาร์ที่มีเครื่องดื่มพร้อมกับเจ้าของร้านที่เป็นผู้รับฟังที่ดีคอยบริการอยู่ ปัญหาของพวกเขาค่อย ๆ ได้รับการแก้ไข เมื่อเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟเคล้ากับบรรยากาศที่มีแสงไฟสลัวของร้าน
เก็บชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลได้สำเร็จ สำหรับทีม Manchester United ภายใต้การนำทัพของ Erik Ten Hag และนับว่าเป็นสามแต้มอันล้ำค่ามาก ๆ เพราะปีศาจแดงสามารถยัดเยียดความปราชัยให้แก่ Liverpool คู่ปรับตลอดกาลได้ซักที หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วโดนหงส์แดงยำเละไม่เป็นท่าทั้งไปทั้งกลับ โดยก่อนที่เกมแดงเดือดจะเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร่ ฝั่งเจ้าบ้าน Man UTD แพ้รวดมา 2 นัด จมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง ทำให้เกมนี้มีการปรับหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Raphael Varane ที่ลงเล่นแทน Harry Maguire กัปตันจอมสร้างคอนเทนต์, Tyler Malacia เสียบตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน Luke Shawn, Scott McTominay แทน Fred และ Anthony Elanga แทน Cristiano Ronaldo ส่วนทีมเยือนรองแชมป์เก่าก็เสมอมา 2 นัดรวด เก็บได้เพียง 2 คะแนน แถมยังขาดนักเตะตัวหลักไปหลายคน
นี่เป็นคนชอบอ่านมังงะที่มีความเรียลชีวิตจริงแบบเศร้า ๆ มาก แล้วทุกครั้งจะต้องเศร้าตามพร้อมกับเสียน้ำตาไปหลายลิตร แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเราเสพติดความเศร้าหรืออะไรนะ มันเป็นเพราะความเศร้าได้สร้างคุณค่าให้ชีวิตเรา ไปพร้อม ๆ กับเติมเต็มว่าปัจจุบันเรายังมีชีวิตอยู่ วันนี้อยากจะขอพูดถึงมังงะภาพสวย พล็อตแสนเศร้า ซึ่งมาพร้อมกับบทสรุปอันแสนงดงาม ชื่อ My Broken Mariko ผลงานเดบิวต์ปี 2020 ของคุณ Waka Hirako ผู้ที่เขียนพร้อมวาดมังงะเรื่องนี้จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของตัวเอง โดยเลือกถ่ายทอดความเจ็บปวดได้อย่างเข้าใจ * Trigger Warning ต้องขอเตือนก่อนเลยว่า My Broken Mariko เป็นมังงะที่มีเนื้อหาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ด้วยภาพของการทำร้ายในครอบครัว และภาพของการพยายามจบชีวิตตัวเองของตัวละคร * แต่ UNLOCKMEN อยากให้คุณได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ที่พาเราไปสัมผัสกับ ‘อาการซึมเศร้า’ แบบที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมาพร้อมกับคุณค่าดี ๆ มากมายเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่กันต่อไป เรื่องย่อ : หลังจากที่ได้ยินข่าวว่า ‘มาริโกะ’ จากไปอย่างกระทันหันด้วยสาเหตุที่ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรับได้ ‘ชิอิโนะ โทโมยะ’ ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเป็นเพื่อนคนเดียวถึงจะถูกกว่า รู้ถึงสาเหตุเบื้องหลังนี้ จึงออกไปโขมย
Arctic Monkeys คือวงดนตรีแห่งยุคโพสต์พังก์รีไววัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ด้วยเสน่ห์ทางดนตรีที่ชวนดึงดูด บวกกับภาพลักษณ์สุดเท่ของวง นั่นทำให้พวกเขาสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ออกผลงานอัลบั้มแรกที่มีชื่อว่ายาว ๆ ว่า “Whatever People Say I Am, That’s What I’m Not” ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี 2006 กับสังกัด Domino Recording Company ผลงานชุดนี้ทางวงได้ Jim Abbiss มารับหน้าที่โปรดิวซ์เซอร์ ซึ่งเขาเคยร่วมงานกับ Bjork และ Massive Attack มาแล้ว รวมไปถึงได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ The Chapel ในเมืองเชฟฟิลด์ บ้านเกิดของพวกเขาเอง ส่วนชื่ออัลบั้มก็ได้มาจากประโยคหนึ่งจากนวนิยายเรื่อง “Saturday Night and Sunday Morning” ประพันธ์โดย Alan Sillitoe “Whatever People Say I
ดนตรีร็อกแม้ในปัจจุบันอาจจะดูเหงาลงไปบ้าง แต่ถ้าย้อนกลับไปในอดีต แนวดนตรีที่มีเสียงกีตาร์อันแตกพร่าจะโผล่ขึ้นมาเป็นกระแสหลักได้ตลอด เช่นเดียวกับในช่วงยุค 80’s จนถึงช่วงต้นยุค 90’s แนวดนตรีแกลมร็อก/เมทัล หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกกันว่า “แฮร์แบนด์” ก็เคยได้รับความนิยมอย่างสุดขีดมาแล้วเช่นกัน (ก่อนจะโดนกรันจ์กินเรียบ) ภาพจำของวงดนตรีแฮร์แบนด์ คงหนีไม่พ้น การแต่งหน้าแต่งตาคล้ายผู้หญิงของบรรดาศิลปินชาย, การแต่งตัวที่แสดง Sex Appeal สูง, ดนตรีหนักแน่นในแบบเฮฟวี่เมทัลกับฮาร์ดร็อก ที่ฉาบไปด้วยเมโลดี้สุดป๊อป จนเคยถูกแซะว่าเป็น “ป๊อปเมทัล” และนอกจากจะมีเพลงเร็วไว้สร้างความมันส์ วงเหล่านี้มักจะต้องมีเพลงช้าสไตล์บัลลาดเป็นเพลงขายอยู่เสมอ ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ผลพลอยได้นอกจากยอดขายอัลบั้มของศิลปิน ก็คือกำไรหูของคนฟัง ที่มีเพลงเพราะ ๆ ให้ฟังอย่างไม่ขาดสาย และนี่คือ “Unlockmen Playlitst : 10 สุดยอดเพลงบัลลาดแห่งยุคแฮร์แบนด์” ที่เราคัดสรรค์มาให้ครับ NOVEMBER RAIN – GUNS N’ ROSES Guns N’ Roses คือหนึ่งในวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงยุคแฮร์แบนด์ครองตลาด พวกเขาเป็นวงที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นมาก แต่ที่เด็ดกว่านั้นนั่นคือดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความสุดยอดจนใคร ๆ ก็ต่างยกย่องให้กลายเป็นระดับตำนาน
หลังจากเคยถอดออกจาก Netflix (ไทย) ไปแล้วครั้งนึง ตอนนี้ Death Proof ภาพยนตร์ปี 2017 ของเจ้าพ่อหนังคัลท์ยุคใหม่ Quentin Tarantino ก็กลับมาสตรีมมิ่งอีกครั้ง ใครที่ยังไม่เคยดูบอกเลยห้ามพลาด! ด้วยเสน่ห์ที่มีกลิ่นอายความสยองขวัญแบบปี 80s ซึ่งมาพร้อมกับความฟิล์มนัวร์ Noise มาเต็มที่ได้อารมณ์มาก ๆ และถ้าคุณรักรถ Vintage อย่าง Chevy Nova เรียกว่าจะได้เชยชมความงามที่มาพร้อมความแรงตลอดเรื่องกันเลยล่ะ สำหรับ Death Proof เควนตินเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผลงานที่ชอบน้อยที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา แต่ถ้าถามความเห็นของเราที่เป็นแฟนคลับเขา และเพิ่งจะดูเรื่องนี้อีกครั้งไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าแย่ กลับกันคือยังเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ (และกวนตีน) สไตล์เควนตินเหมือนเดิม และที่ชอบมากโดยส่วนตัว คือการแตกไอเดียหัวข้อ ‘Death Proof’ อันเป็นเรื่องราวว่าด้วยรถซิ่งของสตั๊นแมนยุคเก่า ที่ใช้เพื่อชนจริง กระแทกจริง ไม่มี CGI ผสมใด ๆ มาเป็นเรื่องราว 2 ชั่วโมงได้อย่างสนุกจนน่าเหลือเชื่อ และปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่น่าประทับใจนอกจากการได้เห็น Mary Elizabeth Winstead ใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีเหลืองแล้ว
หากคุณเป็นคอดนตรีและชื่นชอบการชม Netflix เป็นพิเศษ เราก็ไม่อยากให้คุณพลาดกับ Trainwreck : Woodstock ‘99 โดยเด็ดขาด สารคดีที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ทิ้งทวนยุค 90’s โดยแท้จริง มันจะทำให้คุณได้ซึบซับว่าช่วงเวลาดังกล่าวดนตรีแนวไหนได้รับความนิยมสุดขีด และวัฒนธรรมการเสพดนตรีในช่วงนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่นั่นคงไม่ใช่หัวข้อหลักที่ทางสารคดีได้นำเสนอ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องที่ทุกคนต่างพูดถึงกันมาจวบจนปัจจุบัน มันคือ “หายนะ” สุดชิบหายวายป่วงที่ได้เกิดขึ้นในเทศกาลดนตรี Woodstock ‘99 ต่างหาก ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน (ก่อนปี 1999) หรือในปี 1969 เทศกาลดนตรี Woodstock ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยจัดงานกันที่ไวท์เลค ในเมืองเบเธล รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 15 – 18 สิงหาคม มันคือช่วงเวลาที่ทุกคนได้ร่วมกันดื่มด่ำความสุข, ความรัก, ความอบอุ่น และสันติภาพ ผ่านเสียงดนตรีจากศิลปินมากมายที่มาร่วมบรรเลง ไม่ว่าจะเป็น Jimi
ในช่วงยุค 90’s เป็นช่วงเวลาที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟเบิกบานสุดขีด ช่วยสร้างสีสันให้กับทั่วโลกได้เป็นอย่างดี มีวงมากมายเกิดขึ้นมาในยุคนั้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ทำให้เราได้มีโอกาสเสพดนตรีที่ไม่ได้มาจากค่ายใหญ่เพียงอย่างเดียว มีตัวเลือกจากบรรดาวงนอกกระแสให้ได้ลิ้มลองกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งแน่นอนว่าก็มีอยู่หลาย ๆ เพลงที่ติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ด้วยเหตุนี้ Unlockmen เลยอยากขอพาทุกคนย้อนไปเวลาไปกับเพลย์ลิสต์ “10 เพลงโคตรเพราะฟังเพลินช่วงฝนตกจากยุคอัลเทอร์เนทีฟ 90’s” ให้ทุกคนได้เสพบรรยากาศเหล่านั้นกัน ก่อน – MODERNDOG Moderndog ถือได้ว่าเป็นวงหัวหอกในยุคอัลเทอร์เนทีฟไทยโดยแท้จริง พวกเขาแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า “เสริมสุขภาพ” โดยมีเพลง “บุษบา” ที่เมื่อไหร่ที่ได้ฟังรับประกันได้เลยว่าโดดกันมันส์ แต่หากให้พูดถึงเพลงเพราะที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งประเทศคงหนีไม่พ้น “ก่อน” ผลงานการเขียนเพลงของพราย ปฐมพร เพลง “ก่อน” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนถึงติดอันดับ 1 บนชาร์ตหลายคลื่นวิทยุ กลายเป็นผลงานสร้างชื่อและเป็นรากฐานสำคัญของวง Moderndog มาจนถึงปัจจุบัน ระหว่างเรา – อรอรีย์ เจ้าของฉายา “เจ้าแม่กรันจ์” ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ความเจ๋งของเธอมันสะท้อนออกมาจากผลงานอัลบั้ม “Natural High” และ “Peel” ซึ่งมันได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าของวงการอัลเทอร์เนทีฟไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเพลง “ระหว่างเรา”
48 ชั่วโมง คำ ๆ นี้หลอกหลอนแฟนฟุตบอล Manchester United มาอย่างยาวนาน เพราะมันทำให้แฟนบอลต้องคอยรีเฟรชตามสำนักข่าวต่าง ๆ ว่าทีมรักของเขาจะปิดดีลนักเตะใหม่ได้หรือไม่ และส่วนมากคำตอบที่ได้คือ “แห้ว” นั่นเอง โดยเฉพาะรายล่าสุดกับ Frenkie De Jong กองกลางชาวดัตช์ของสโมสร Barcelona ที่ดีลยังคงยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้นซักที โอเคมันก็มีอยู่หลาย ๆ ครั้งที่ได้นักเตะระดับโลกย้ายมาร่วมทีมแบบสมใจยาก ไมว่าจะเป็น Jaap Stam, Ruud Van Nistelrooy, Rio Ferdinand, Wayne Rooney, Dimitar Berbatov, Angel Di Maria หรือล่าสุดคือการกลับมาของ Cristiano Ronaldo เป็นต้น แต่สำหรับเคสที่พลาดก็มีหลาย ๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นบรรดานักเตะเหล่านั้นสวมเสื้อทีมปีศาจแดงเพื่อลงเล่นซักครั้งในชีวิต และนี่คือ 48 ชั่วโมง! รวมตำนานดีลล่มของทีมปีศาจแดง ที่ทำให้แฟนบอลต้องหัวร้อนมาแล้ว WESLY SNEIJDER เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ผู้นี้
“Wonderwall” คือหนึ่งในบทเพลงของวง Oasis สุดยิ่งใหญ่ ที่คงมีน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินผ่านหู ในปัจจุบันมันมียอดวิวห่างจากเพลง “Don’t Look Back In Anger” อีกหนึ่งฮิตมากถึง 200 ล้านวิว ซึ่งทั้ง 2 ผลงานก็มาจากอัลบั้มขึ้นแห่งยุคบริตป๊อป “(What’s The Story) Morning Glory?” เช่นกัน จะต่างกันตรงที่เพลงแรกเป็นเสียงร้องของ Liam Gallagher ส่วนเพลงหลังเป็นเสียงร้องของ Noel Gallagher ว่ากันตามตรงแล้วเพลง “Wonderwall” ไม่ได้มีดนตรีที่หวือหวาเวอร์วังอลังการแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกันมันเป็นเพลงที่ดูเรียบง่าย ใช้เสียงกีตาร์อะคูสติคเป็นตัวชูโรง เล่นตีคอร์ดไปมาคลอไปกับภาคริธึ่มที่เล่นด้วยไดนามิคสุดนุ่มนวล มีเสียงเครื่องสายมาขยายมิติให้กับเพลง ปิดท้ายด้วยเสียงร้องสุดเท่ที่พร้อมสะกดคนฟังได้จากทุก ๆ ตัวโน๊ตที่เขาถ่ายทอดออกมา “Wonderwall” ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1995 โดยก่อนที่เพลงนี้จะถือกำเนิด พวกเขาได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ Rockfield Studio ณ ประเทศเวลส์ เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้ม “(What’s The Story) Morning
ถ้าพูดถึงประเทศแห่งความฝัน นอกจาก American Dream ก็มีญี่ปุ่นนี่ล่ะที่หัวข้อ ‘สู้เพื่อฝัน’ ถูกยกขึ้นมาพูดอย่างไม่เคยขาดในทุกสื่อ ไม่ว่าจะใน Soft Power หลักอย่างมังงะ อนิเมะ จนถึงวรรณกรรมหลาย ๆ เล่มเองก็ตั้งคำถามถึงสิ่งนี้เสมอ ถ้ายังจำกันได้ ตอนโอลิมปิกส์ปี 2020 ที่ผ่านมา ทีมวอลเลย์บอลของทีมชาติญี่ปุ่น ก็มีท่าตบลูกอย่างกับหลุดออกมาจากเรื่อง Haikyu!! จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก และอีกหนึ่งสื่อสุนทรีย์ที่ขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์กว่าศตวรรษอย่าง ‘ภาพยนตร์’ ของญี่ปุ่น เมื่อพูดถึงความฝันเราจึงได้เห็นภาพยนตร์ที่อิงจากชีวิตจริงมนุษย์ ซึ่งพูดถึงการตามความฝันแต่ไม่สำเร็จอยู่บ่อย ๆ UNLOCKMEN จะมาชวนทุกคนถอดบทเรียนจากหนัง 4 เรื่อง ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าผู้คนในวันที่สู้เพื่อฝัน แต่ความจริงก็ซัดหมักหนักใส่ชีวิตเหลือเกิน เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำตามฝัน หรือเคยมีฝันทุกคนใช้ชีวิตแบบที่ต้องการกันต่อไปครับ Solanin (2010) : จงทำตามความฝันให้เหมือนกับว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ฝันอีกแล้ว ไอเดียสำคัญจากหนังซึ่งดัดแปลงจากมังงะของ Inio Asano เรื่องนี้ คือการพูดกับคนดูด้วยน้ำเสียงปกติ ในวันที่แดดแรงพอจะทำให้ผ้าแห้งว่า “ทำความฝันวันนี้ให้เต็มที่นะ ถ้าพรุ่งนี้ตายไปจะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง” ‘ความตาย’ เป็นสิ่งใกล้ตัวเราทุกคนเสมอ ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ความตายฟรีสไตล์จริง
ก่อนหน้านี้ Michael Mann ผู้กำกับและคนเขียนบทระดับไอคอน ได้พูดถึงผลงานนิยาย Heat 2 ซึ่งจะเป็น prequel ของ Heat ภาพยนตร์ classic crime thriller ระดับตำนานจากปี 1995 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้นักแสดงระดับตำนานอย่าง Robert De Niro และ Al Pacino มาปะทะกัน เป็นหนังที่ได้ชื่อว่ามีฉากปล้นที่สมจริงที่สุด และทำ sound ประกอบได้ยอดเยี่ยมที่สุด เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้งได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงแค่นิยายอีกต่อไป เพราะวันนี้ Mann ได้ออกมา tweet ยืนยันอีกครั้งว่า Heat 2 จะถูกนำมาใช้เป็นเส้นเรื่องและพัฒนาบทสคริปท์ในการถ่ายทำภายนตร์แน่นอน แม้จะชื่อว่า Heat 2 แต่เนื้อเรื่องจะเป็น prequel บอกเล่าเรื่องราวของ Vincent Hanna, Neil McCauley, Chris Shiherlis และ Nate ในช่วงปี 1980s