แม้ว่าวง Nirvana จะปิดฉากตัวเองลงไปตั้งแต่ปี 1994 แต่ชื่อของพวกเขายังคงถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลา สาเหตุก็เพราะความยิ่งใหญ่ของ 3 สมาชิก Kurt Cobain, Dave Grohl และ Krist Novaselic ที่เคยบิวด์ให้กระแสของดนตรีกรันจ์กลายเป็นไฟที่ลุกโชนไปทั่วโลก เกิดเป็นไฟลามทุ่งที่เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ทางดนตรีไปตลอดกาล โดยผลงานชุดสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้คือ “In Utero” ซึ่งเพิ่งมีอายุครบรอบ 29 ปีไปหมาด ๆ “In Utero” คือผลงานชุดที่ 3 วางจำหน่ายครั้งแรกในรูปแบบเทปและไวนิล ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 1993 ตามมาด้วยการวางขายแผ่นไวนิลในอเมริกาวันที่ 14 กันยายน 1993 และวางขายทั่วโลกวันที่ 21 กันยายน 1993 มันออกมาพร้อมกับความคาดหวังในระดับสูง เพราะอัลบั้มก่อนหน้านี้คือ “Nevermind” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ซึ่งการต่อยอดความสำเร็จนั้นตามปกติทั่วไปหากเป็นวงอื่น ๆ อาจจะทำดนตรีที่มีซาวด์ไม่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อเป็นการเพลย์เซฟ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วง Nirvana ทำ! พวกเขาเดินหน้าเข้าสู่ห้องอัด
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่สโมสร Manchester United ภายใต้การคุมทีมของ Erik Ten Hag ทุบคลังและซื้อนักเตะอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็น Lisandro Maritnez, Tyrell Malacia, Casemiro (ส่วน Christian Eriksen ได้มาฟรี) และล่าสุดกับ Antony ปีกขวาตัวรุกสัญชาติบราซิล ที่มีค่าตัวรวมเบ็ดเสร็จมากถึง 100 ล้านยูโร เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ทีมปีศาจแดงดึงมาจากสโมสร Ajax Amsterdam เช่นกัน ชื่อของ Antony ถ้าว่ากันตามตรงก็ยังไม่ได้เป็นที่ในรู้จักในวงกว้างขนาดนั้น เพราะนักเตะเพิ่งจะโยกย้ายมาเล่นในเวทียุโรปได้เพียง 2 ปีเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าประสบการณ์ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ในช่วงที่ค้าแข้งในลีกดัตช์เขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้โดดเด่น รวมไปถึงยังเคยไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาแล้ว และที่สำคัญที่ฟอร์มของเขาโดดเด่นขึ้นมาได้ก็เพราะการเคี่ยวเข็ญของ Erik Ten Hag นั่นเอง แต่ก่อนที่จะได้ไปยลโฉมในเวทีพรีเมียร์ลีก เราลองมาทำความรู้จัก Antony กันซักหน่อยดีกว่าครับ จุดเริ่มต้นที่ SAO PAULO Antony ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2000
Slipknot ถือได้ว่าเป็นวงดนตรีเมทัลที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พวกเขาเริ่มแจ้งเกิดนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวง ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 1999 เตะตาผู้คนด้วยภาพลักษณ์ชวนหลอนของสมาชิกทั้ง 9 คน ที่ปกปิดใบหน้าของตัวเองไว้ภายใต้หน้ากาก ราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพยนตร์สยองขวัญ พร้อมด้วยชุดหมีสีแดงสดคล้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช ด้วยอิมเมจที่ชวนดึงดูดทำให้เหล่าเมทัลเฮดทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับ Slipknot อย่างรวดเร็ว และยิ่งพอได้เข้าไปสัมผัสดนตรีอันดิบเถื่อน ก็ยิ่งทำให้ทุกคนต้องถวายตัวกลาย Maggots (ชื่อเรียกแฟนเพลงของ Slipknot) ไปโดยอัตโนมัติ ปัจจุบันพวกเขามีผลงานออกมาแล้วทั้งหมด 6 อัลบั้มด้วยกัน และกำลังจะมีอัลบั้มใหม่ “The End, So Far” ในวันที่ 30 กันยายน 2022 แต่ก่อนจะได้ไปฟังผลงานใหม่ เรามาลองดูกันดีกว่าผลงานเพลงไหนของ Slipknot ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในการเข้าชม MV ทาง YouTube 5 อันดับแรก ไปติดตามกันได้เลย 1.PSYCHOSOCIAL “454,000,000” VIEWS บทเพลงที่มียอดวิวสูงสุดอันดับแรกคาดเดาไม่ยากเลย สำหรับเพลง “Psychosocial” ผลงานจากอัลบั้ม “All Hope Is Gone”
พลังของ Soft Power นั้นน่ากลัวกว่าที่คิดนะครับ ในหลาย ๆ ครั้งเนื้อหาของคอนเทนต์ก็เข้ามาควบคุมจิตใจเรา สะกดจิตให้เกิดความอยากต่าง ๆ นา ๆ สั่งให้เดินไปที่ตู้เย็นเปิดหยิบน้ำแข็งบ้าง หาเครื่องดื่มเย็น ๆ บ้าง หรือไปจนถึงจัดจานวางถั่วใส่เพื่อกินคู่กันบ้าง เฮ้ออ ขออนุญาตหยิบเครื่องดื่มก่อนจะเขียนบรรทัดถัดไปครับ UNLOCKMEN ชวนทุกคนดูหนังและซีรีส์ในวันที่ต้องการพักผ่อน ปล่อยตัวอยู่บนโซฟา ละเมียดเครื่องดื่มเย็น ๆ แล้วปล่อยให้มันชำระล้างความเหนื่อยล้าของวันจนหมดสิ้น Weakest Beast (2018) ซีรีส์เพชรเม็ดงามจากแดนอาทิตย์อุทัย ซ่อนตัวอยู่ใน Netflix มาหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้ถูกหยิบมาพูดถึงเท่าไหร่ ว่าด้วยเรื่องราวของผู้คนในชีวิตวัยทำงาน ที่มีปัญหาในความฝันกับการใช้ชีวิตซึ่งต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว ‘โคเซ’ ชายหนุ่มเจ้าของสำนักงานทนายความที่ต้องเลือกระหว่างการทำผิดกฎหมายเพื่อช่วยคนอื่น และ ‘อากิระ’ หญิงสาวพนักงานออฟฟิศที่ Job Description เยอะเกินหน้าที่ จนเธอตั้งคำถามว่าการงานที่ทำอยู่อย่างนี้มันดีแล้วเหรอ ทุกครั้งที่ตัวละครมีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้น (ซึ่งก็มีทุกตอนแหละ) ทุกคนมักเลือกแก้ปัญหาด้วยการไปที่ร้าน 5 Trap บาร์ที่มีเครื่องดื่มพร้อมกับเจ้าของร้านที่เป็นผู้รับฟังที่ดีคอยบริการอยู่ ปัญหาของพวกเขาค่อย ๆ ได้รับการแก้ไข เมื่อเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟเคล้ากับบรรยากาศที่มีแสงไฟสลัวของร้าน
เก็บชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลได้สำเร็จ สำหรับทีม Manchester United ภายใต้การนำทัพของ Erik Ten Hag และนับว่าเป็นสามแต้มอันล้ำค่ามาก ๆ เพราะปีศาจแดงสามารถยัดเยียดความปราชัยให้แก่ Liverpool คู่ปรับตลอดกาลได้ซักที หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วโดนหงส์แดงยำเละไม่เป็นท่าทั้งไปทั้งกลับ โดยก่อนที่เกมแดงเดือดจะเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร่ ฝั่งเจ้าบ้าน Man UTD แพ้รวดมา 2 นัด จมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง ทำให้เกมนี้มีการปรับหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Raphael Varane ที่ลงเล่นแทน Harry Maguire กัปตันจอมสร้างคอนเทนต์, Tyler Malacia เสียบตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน Luke Shawn, Scott McTominay แทน Fred และ Anthony Elanga แทน Cristiano Ronaldo ส่วนทีมเยือนรองแชมป์เก่าก็เสมอมา 2 นัดรวด เก็บได้เพียง 2 คะแนน แถมยังขาดนักเตะตัวหลักไปหลายคน
สำหรับปี 2022 ก็เป็นระยะเวลาที่มังงะโจรสลัดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง One Piece เข้าขวบที่ 25, ความยาว 1,000 ตอน และ จำนวนเล่มที่ 100 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าแฟนคลับคงจะได้อ่านข้อความขอบคุณผู้อ่านอันยาวเหยียดของอาจารย์ ‘เออิจิโระ โอดะ’ กันแล้วใช่มั้ยครับ ระหว่างที่เขาเขียนจะมีน้ำตารึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เชื่อว่าทุกคนที่ติดตามกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น มีเรือของพวกเขาเทียบท่าอยู่ในใจตลอดมา ต้องเสียน้ำตากันอย่างแน่นอน เมื่ออาจารย์โอดะทิ้งท้ายข้อความจดหมายเอาไว้ว่า ‘เนื้อเรื่องได้เดินทางเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้วครับ’ พอคิดล่วงหน้าถึงวันที่ตอนจบมาถึงก็คงจะเศร้าที่ต้องจากลา แต่ก็คงโล่งใจไม่น้อยที่ได้รู้บทสรุปเสียที เพื่อเป็นการฉลองให้กับความยิ่งใหญ่ของการ์ตูนโจรสลัดกับ The Movie ลำดับที่ 15 ในชื่อตอน One Piece Film RED ซึ่งพาเราไปรู้จักกับตัวละครใหม่อย่าง ‘อูตะ’ สาวน้อยไอดอลในโลกของโจรสลัด และความลับในอดีตของจักรพรรดิผมแดงอย่าง ‘แชงค์’ ที่แฟน ๆ ทั่วโลกอยากรู้มาโดยตลอด One Piece Film RED เข้าฉายแล้วทุกโรงภาพยนตร์ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งฉายก่อนตั้งแต่วันที่ 6
นี่เป็นคนชอบอ่านมังงะที่มีความเรียลชีวิตจริงแบบเศร้า ๆ มาก แล้วทุกครั้งจะต้องเศร้าตามพร้อมกับเสียน้ำตาไปหลายลิตร แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเราเสพติดความเศร้าหรืออะไรนะ มันเป็นเพราะความเศร้าได้สร้างคุณค่าให้ชีวิตเรา ไปพร้อม ๆ กับเติมเต็มว่าปัจจุบันเรายังมีชีวิตอยู่ วันนี้อยากจะขอพูดถึงมังงะภาพสวย พล็อตแสนเศร้า ซึ่งมาพร้อมกับบทสรุปอันแสนงดงาม ชื่อ My Broken Mariko ผลงานเดบิวต์ปี 2020 ของคุณ Waka Hirako ผู้ที่เขียนพร้อมวาดมังงะเรื่องนี้จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของตัวเอง โดยเลือกถ่ายทอดความเจ็บปวดได้อย่างเข้าใจ * Trigger Warning ต้องขอเตือนก่อนเลยว่า My Broken Mariko เป็นมังงะที่มีเนื้อหาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ด้วยภาพของการทำร้ายในครอบครัว และภาพของการพยายามจบชีวิตตัวเองของตัวละคร * แต่ UNLOCKMEN อยากให้คุณได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ที่พาเราไปสัมผัสกับ ‘อาการซึมเศร้า’ แบบที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมาพร้อมกับคุณค่าดี ๆ มากมายเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่กันต่อไป เรื่องย่อ : หลังจากที่ได้ยินข่าวว่า ‘มาริโกะ’ จากไปอย่างกระทันหันด้วยสาเหตุที่ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรับได้ ‘ชิอิโนะ โทโมยะ’ ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเป็นเพื่อนคนเดียวถึงจะถูกกว่า รู้ถึงสาเหตุเบื้องหลังนี้ จึงออกไปโขมย
Arctic Monkeys คือวงดนตรีแห่งยุคโพสต์พังก์รีไววัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ด้วยเสน่ห์ทางดนตรีที่ชวนดึงดูด บวกกับภาพลักษณ์สุดเท่ของวง นั่นทำให้พวกเขาสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ออกผลงานอัลบั้มแรกที่มีชื่อว่ายาว ๆ ว่า “Whatever People Say I Am, That’s What I’m Not” ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี 2006 กับสังกัด Domino Recording Company ผลงานชุดนี้ทางวงได้ Jim Abbiss มารับหน้าที่โปรดิวซ์เซอร์ ซึ่งเขาเคยร่วมงานกับ Bjork และ Massive Attack มาแล้ว รวมไปถึงได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ The Chapel ในเมืองเชฟฟิลด์ บ้านเกิดของพวกเขาเอง ส่วนชื่ออัลบั้มก็ได้มาจากประโยคหนึ่งจากนวนิยายเรื่อง “Saturday Night and Sunday Morning” ประพันธ์โดย Alan Sillitoe “Whatever People Say I
ดนตรีร็อกแม้ในปัจจุบันอาจจะดูเหงาลงไปบ้าง แต่ถ้าย้อนกลับไปในอดีต แนวดนตรีที่มีเสียงกีตาร์อันแตกพร่าจะโผล่ขึ้นมาเป็นกระแสหลักได้ตลอด เช่นเดียวกับในช่วงยุค 80’s จนถึงช่วงต้นยุค 90’s แนวดนตรีแกลมร็อก/เมทัล หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกกันว่า “แฮร์แบนด์” ก็เคยได้รับความนิยมอย่างสุดขีดมาแล้วเช่นกัน (ก่อนจะโดนกรันจ์กินเรียบ) ภาพจำของวงดนตรีแฮร์แบนด์ คงหนีไม่พ้น การแต่งหน้าแต่งตาคล้ายผู้หญิงของบรรดาศิลปินชาย, การแต่งตัวที่แสดง Sex Appeal สูง, ดนตรีหนักแน่นในแบบเฮฟวี่เมทัลกับฮาร์ดร็อก ที่ฉาบไปด้วยเมโลดี้สุดป๊อป จนเคยถูกแซะว่าเป็น “ป๊อปเมทัล” และนอกจากจะมีเพลงเร็วไว้สร้างความมันส์ วงเหล่านี้มักจะต้องมีเพลงช้าสไตล์บัลลาดเป็นเพลงขายอยู่เสมอ ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ผลพลอยได้นอกจากยอดขายอัลบั้มของศิลปิน ก็คือกำไรหูของคนฟัง ที่มีเพลงเพราะ ๆ ให้ฟังอย่างไม่ขาดสาย และนี่คือ “Unlockmen Playlitst : 10 สุดยอดเพลงบัลลาดแห่งยุคแฮร์แบนด์” ที่เราคัดสรรค์มาให้ครับ NOVEMBER RAIN – GUNS N’ ROSES Guns N’ Roses คือหนึ่งในวงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงยุคแฮร์แบนด์ครองตลาด พวกเขาเป็นวงที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นมาก แต่ที่เด็ดกว่านั้นนั่นคือดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความสุดยอดจนใคร ๆ ก็ต่างยกย่องให้กลายเป็นระดับตำนาน
หลังจากเคยถอดออกจาก Netflix (ไทย) ไปแล้วครั้งนึง ตอนนี้ Death Proof ภาพยนตร์ปี 2017 ของเจ้าพ่อหนังคัลท์ยุคใหม่ Quentin Tarantino ก็กลับมาสตรีมมิ่งอีกครั้ง ใครที่ยังไม่เคยดูบอกเลยห้ามพลาด! ด้วยเสน่ห์ที่มีกลิ่นอายความสยองขวัญแบบปี 80s ซึ่งมาพร้อมกับความฟิล์มนัวร์ Noise มาเต็มที่ได้อารมณ์มาก ๆ และถ้าคุณรักรถ Vintage อย่าง Chevy Nova เรียกว่าจะได้เชยชมความงามที่มาพร้อมความแรงตลอดเรื่องกันเลยล่ะ สำหรับ Death Proof เควนตินเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผลงานที่ชอบน้อยที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา แต่ถ้าถามความเห็นของเราที่เป็นแฟนคลับเขา และเพิ่งจะดูเรื่องนี้อีกครั้งไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าแย่ กลับกันคือยังเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ (และกวนตีน) สไตล์เควนตินเหมือนเดิม และที่ชอบมากโดยส่วนตัว คือการแตกไอเดียหัวข้อ ‘Death Proof’ อันเป็นเรื่องราวว่าด้วยรถซิ่งของสตั๊นแมนยุคเก่า ที่ใช้เพื่อชนจริง กระแทกจริง ไม่มี CGI ผสมใด ๆ มาเป็นเรื่องราว 2 ชั่วโมงได้อย่างสนุกจนน่าเหลือเชื่อ และปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่น่าประทับใจนอกจากการได้เห็น Mary Elizabeth Winstead ใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีเหลืองแล้ว
หากคุณเป็นคอดนตรีและชื่นชอบการชม Netflix เป็นพิเศษ เราก็ไม่อยากให้คุณพลาดกับ Trainwreck : Woodstock ‘99 โดยเด็ดขาด สารคดีที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ทิ้งทวนยุค 90’s โดยแท้จริง มันจะทำให้คุณได้ซึบซับว่าช่วงเวลาดังกล่าวดนตรีแนวไหนได้รับความนิยมสุดขีด และวัฒนธรรมการเสพดนตรีในช่วงนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่นั่นคงไม่ใช่หัวข้อหลักที่ทางสารคดีได้นำเสนอ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องที่ทุกคนต่างพูดถึงกันมาจวบจนปัจจุบัน มันคือ “หายนะ” สุดชิบหายวายป่วงที่ได้เกิดขึ้นในเทศกาลดนตรี Woodstock ‘99 ต่างหาก ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน (ก่อนปี 1999) หรือในปี 1969 เทศกาลดนตรี Woodstock ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยจัดงานกันที่ไวท์เลค ในเมืองเบเธล รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 15 – 18 สิงหาคม มันคือช่วงเวลาที่ทุกคนได้ร่วมกันดื่มด่ำความสุข, ความรัก, ความอบอุ่น และสันติภาพ ผ่านเสียงดนตรีจากศิลปินมากมายที่มาร่วมบรรเลง ไม่ว่าจะเป็น Jimi
ในช่วงยุค 90’s เป็นช่วงเวลาที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟเบิกบานสุดขีด ช่วยสร้างสีสันให้กับทั่วโลกได้เป็นอย่างดี มีวงมากมายเกิดขึ้นมาในยุคนั้น ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ทำให้เราได้มีโอกาสเสพดนตรีที่ไม่ได้มาจากค่ายใหญ่เพียงอย่างเดียว มีตัวเลือกจากบรรดาวงนอกกระแสให้ได้ลิ้มลองกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งแน่นอนว่าก็มีอยู่หลาย ๆ เพลงที่ติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ด้วยเหตุนี้ Unlockmen เลยอยากขอพาทุกคนย้อนไปเวลาไปกับเพลย์ลิสต์ “10 เพลงโคตรเพราะฟังเพลินช่วงฝนตกจากยุคอัลเทอร์เนทีฟ 90’s” ให้ทุกคนได้เสพบรรยากาศเหล่านั้นกัน ก่อน – MODERNDOG Moderndog ถือได้ว่าเป็นวงหัวหอกในยุคอัลเทอร์เนทีฟไทยโดยแท้จริง พวกเขาแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า “เสริมสุขภาพ” โดยมีเพลง “บุษบา” ที่เมื่อไหร่ที่ได้ฟังรับประกันได้เลยว่าโดดกันมันส์ แต่หากให้พูดถึงเพลงเพราะที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งประเทศคงหนีไม่พ้น “ก่อน” ผลงานการเขียนเพลงของพราย ปฐมพร เพลง “ก่อน” ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนถึงติดอันดับ 1 บนชาร์ตหลายคลื่นวิทยุ กลายเป็นผลงานสร้างชื่อและเป็นรากฐานสำคัญของวง Moderndog มาจนถึงปัจจุบัน ระหว่างเรา – อรอรีย์ เจ้าของฉายา “เจ้าแม่กรันจ์” ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ความเจ๋งของเธอมันสะท้อนออกมาจากผลงานอัลบั้ม “Natural High” และ “Peel” ซึ่งมันได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าของวงการอัลเทอร์เนทีฟไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเพลง “ระหว่างเรา”