Black Sabbath คือวงดนตรีเฮฟวี่ เมทัล ระดับตำนาน จากเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่สร้างอิทธิพลให้กับวงการดนตรีเมทัลไว้มากมาย มีไลน์อัพนำทัพยุคแรกคือ Ozzy Osbourne – ร้องนำ, Tony Iommi – กีตาร์, Geezer Butler – เบส และ Bill Ward – กลอง ถือกำเนิดกันตั้งแต่ปี 1968 ก่อนจะคลอดผลงานชุดแรกเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1970 ซาวด์ดนตรีในชุดนี้เต็มไปด้วยความเป็นเฮฟวี่เมทัลสุดเข้มข้น แต่ถ้าจะให้บอกว่าเพลงไหนคือคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของวงคงต้องยกให้แทร็กเปิดอัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกับวง มันมาพร้อมบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว ปกคลุมด้วยความมืดมน พร้อมทั้งมีดนตรีสุดหน่วงซึ่งเป็นต้นแบบให้กับดนตรีดูมและสโตนเนอร์ในยุคต่อมา อีกทั้งผลงานเพลงชุดนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นคัมภีร์ของเพลงเมทัลฉบับแรกของโลก แต่ใช่ว่าดนตรีเท่านั้นที่จะชวนหลอนจนขนหัวลุก ทว่าปกของอัลบั้มนี้ยังสร้างความหลอนได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรูปของหญิงสาวในชุดคลุมสีดำ มีเบ้าตาที่น่าสยดสยอง ราวกับเป็นดวงวิญญาณยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านร้างที่เป็นแบ็คกราวน์ของภาพ ทำให้มีการปล่อยข่าวลือกันว่าสิ่งที่ปรากฏบนภาพเป็นอะไรที่ไม่ใช่คนอย่างแน่นอน ภาพปกอัลบั้มถูกถ่ายโดยช่างภาพชาวอังกฤษที่มีนามว่า Keith McMillan เขาเคยลั่นชัตเตอร์ให้กับ John lennon, Yoko Ono, Mick Jagger และอีกหลายศิลปินที่มีชื่อเสียง เขาได้ถูกว่าจ้างให้มาควบคุมการออกแบบอาร์ตเวิร์กของอัลบั้ม
“อีโม” คือกระแสดนตรีในช่วงกลางยุค 2000’s ที่ฮิตกันไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา เด็กวัยรุ่นมากมายลุกขึ้นมาทำผมปัดเป๋, ย้อมสีจัดจ้าน, ทาขอบตาดำ, เสื้อและกางเกงรัดแน่น, เข็มขัดหมุดหนาม รวมไปถึงการเจาะตามร่างกาย กลายเป็นแฟชั่นที่สร้างภาพจำให้กับยุคนั้น เดิมทีดนตรีอีโมมีรากเหง้ามาตั้งแต่ยุค 80’s แล้ว มันเติบโตมาจากวงการฮาร์ดคอร์พังก์ สไตล์การเล่นจะไม่ได้ดิบ ๆ แต่จะมีการสอดแทรกเมโลดี้และการร้องที่เน้นอารมณ์ หรือที่เรียกว่า “อีโมชันนัล” แต่ในยุคก่อนส่วนมากจะเรียกดนตรีแนวนี้ว่า “โพสต์ฮาร์ดคอร์” ซะมากกว่า ก่อนจะถูกบรรดาค่ายเพลงยักษ์ใหญ่นำคำว่า “อีโม”มาทำการตลาดจนประสบความสำเร็จในการทำให้ดนตรีแนวนี้กลายเป็นเมนสตรีมในที่สุด อีกทั้งยังผลิตวงดนตรีเจ๋ง ๆ ออกมาเพียบ จนเราต้องจัดเพลย์ลิสต์ 10 เพลงสุดฮิตยุคอีโมเอามาฝากทุกคนกันครับ “HELENA” MY CHEMICAL ROMANCE บอกตรง ๆ ว่าเลือกอยากจริง ๆ สำหรับเพลงของ My Chemical Romance แต่ที่ต้องเลือกเพลง “Helena” เพราะมันคือผลงานสร้างชื่อให้กับทางวงในระดับเมนสตรีม เพลงนี้บรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Three Cheers Sweet For Revenge” ที่วางจำหน่ายในปี 2004 สิ่งที่ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมนอกจากตัวดนตรีก็คือตัว
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก เผลอแป๊ปเดียวผ่านพ้นไปแล้ว 5 ปีกับการจากไปของ Chester Bennington ฟรอนต์แมนผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกจากวง Linkin Park ความรู้สึกในวันที่รับรู้ถึงการสูญเสียมันยังคงถูกจดจำไว้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นข่าวที่เศร้าและสะเทือนวงการดนตรีอย่างแท้จริง นอกจากความรู้สึกที่ถูกผูกอยู่กับเหตุการณ์ ตัวดนตรีของ Linkin Park ก็ถูกเชื่อมโยงเข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งมันคงจะเป็นเพลงไหนไปไม่ได้หากไม่ใช่ “One More Light” ผลงานจากอัลบั้มชื่อเดียวกับเพลงนี้ ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 19 พฤาภาคม 2017 หรือ 1 เดือนก่อนที่ Chester จะโบกมือลาพวกเราทุกคนไป ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอัลบั้ม “One More Light” ถูกโจมตีจากบรรดาแฟนเพลงเป็นอย่างหนัก เพราะซาวด์ที่เกิดขึ้นมันได้ลดทอนซาวด์ของร็อกอันคุ้นเคยออกไปจนแทบทั้งหมด และุถูกทดแทนด้วยดนตรีอิเลกทรอนิกส์/ป๊อป แทน แต่ถึงแม้ว่ารสชาติมันจะเปลี่ยนไป แต่สำหรับเพลงไตเติ้ลแทร็กอย่าง “One More Light” กลับให้ความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงความเศร้านับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะทำให้เรารู้สึกอินไปกับเพลงซักเท่าไหร่ แต่มันก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากเหตุการณ์น่าเศร้าได้เกิดขึ้น “One More Light” ถูกเขียนโดย Mike Shinoda ร่วมกับ Eg White
คุณรู้จักดนตรีแนวเมทัลดีขนาดไหน? บางคนอาจจะมาก บางคนอาจจะน้อย หรือบางคนก็อาจจะไม่รู้เลย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะมันเป็นดนตรีเฉพาะกลุ่มที่ต้องเสริมใยเหล็กในหูมาแล้วจึงได้เสพมันได้้อย่างเข้าถึงอารมณ์ แถมภาพจำของใครหลาย ๆ คนต่อชาวเมทัลมันคือความโหดร้ายไปซะอีก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก เพราะมีการพิสูจน์ได้ทางวิทยศาสตร์มาแล้วว่าดนตรีเมทัลมีอะไรดี ๆ มากกว่าที่คิดไว้มาก ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ ภาพลักษณ์ชาวเมทัลไม่จำเป็นต้องโหดเสมอไป หลาย ๆ คนยังติดตากับชาวเมทัลว่าต้องมีภาพลักษณ์ที่ดูดุดัน, ลึกลับ, น่ากลัว หรือมีทรงผมและหนวดเคราราวกับหลุดออกมาจากยุคไวกิ้ง โอเคถ้าคุณจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะภาพลักษณ์ของวงดนตรีเมทัล โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าสู่ยุค 2000’s ก็มีลักษณะแบบนั้นจริง ๆ แต่สำหรับในปัจจุบันมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มีความหลากหลายเกิดขึ้นมากมาย การแต่งตัวก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องคุมธีมด้วยสีดำเท่านั้น และไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์โกรธเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ทาง Laina Dawes นักชาติพันธุ์วิทยาชาวแคนาดา เจ้าของหนังสือ “What Are You Doing Here? A Black Woman’s Life and Liberation in Heavy Metal” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสำรวจชาวอเมริกันผิวสีที่มีแนวโน้มหันมาฟังเพลงเมทัลมากกว่าเดิม เธอได้สัมภาษณ์ทั้งศิลปินและแฟนเพลงเมทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อมูลว่าดนตรีแนวพังก์, เพาเวอร์ไวโอเลนซ์ และไกรคอร์
ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ Chester Bennington นักร้องนำวง Nu Metal ระดับโลกอย่าง LINKIN PARK ด้วยวัยเพียง 41 ปี ทั้งที่เพิ่งจะออกเพลงใหม่มาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอยู่หมาด ๆ ยังคงทำให้กลุ่มแฟน รวมไปถึงคนฟังเพลงทั่วโลกเสียใจกับการจากไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่มีอายุช่วง 20 ปลาย ๆ ด้วยแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าแทบทุกคนได้โตขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้อง และเนื้อเพลงที่มีความหมายเท่ ๆ ของนักร้องนำผู้ล่วงลับคนนี้ ในขณะที่ทุกคนยังคงเสียดาย และหวังว่าข่าวการฆ่าตัวตายของเขาจะเป็นเพียงข่าวลือ รวมไปถึงคนบางกลุ่มที่ถึงขั้นหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้ยินข่าว พร้อมกับสวดภาวนาให้กับผู้ชายที่ชื่อว่า Chester Bennington ไปสู่สุขคติอย่างสงบ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่า ต่อไปนี้คงไม่มีเสียงร้องแบบนี้ให้ฟังกันอีกต่อไปแล้ว ก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี หากเป็นแฟนเพลง หรือ คนที่รู้ถึงประวัติ และเรื่องราวของ Chester Bennington คงจะรู้ว่าทำไมจึงมีผู้คนมากมาย ต้องหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของผู้ชายคนนี้ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่เกิดกันคนละทวีป วันนี้เราจะมาร่วมรำลึกถึงนักร้องนำผู้ที่เพิ่งจะกลายเป็นตำนานไปตลอดกาลคนนี้ ด้วยเรื่องราวดี ๆ ที่ยังคงหลงเหลือไว้ ให้เราสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเราได้ เช่นเดียวกับเนื้อเพลงที่เขาได้เขียน
“เห็นไหม ไม่มีเราเธอก็ทำได้” “เชื่อเหอะ ไม่มีเธอเราทำไม่ได้หรอก” ดู Fast and Feel Love ของ ‘เต๋อ นวพล’ แล้วอินจัง สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ แต่เสพมีมของหนังเข้าไปเยอะจนคิดว่าอันนี้หนังตลกใช่ปะ? คุณคิดถูกครับ (อ้าว) ยังพูดไม่จบ ๆ จะบอกว่านี่คือหนัง Action Comedy ที่พยายามให้เรามองแง่บวกกับชีวิต ถึงแม้หลาย ๆ เรื่องจะยากเกินกว่าหัวเราะออกก็ตาม และไม่ต้องอายที่จะร้องไห้เพื่อความฝัน ในวันที่ชีวิตจริงปล่อยหมัดฮุกใส่ตลอดเวลา เพราะเหล่าตัวละครจะตบบ่าคุณเบา ๆ พร้อมพูดว่า “เราเข้าใจแกว่ะ” หนังเล่าเรื่องของ ‘เกา’ ชายหนุ่มอายุใกล้ 30 ที่พยายามอย่างหนักทุกวันตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อจะเป็นแชมป์ผู้ครองความเร็วที่สุดในโลกของกีฬา Sport Stacking โดยมี ‘เจ’ คอยซัพพอร์ตทุกด้านของชีวิตเสมอ แต่! (เสียงเอฟเฟกต์ฟ้าผ่าเข้า) เจมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถช่วยเกาได้อีกแล้ว และเกาก็ทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากเล่นสแต็ก ภารกิจพิชิตชีวิตประจำวันของเขาก็เริ่มต้นขึ้น ขอใช้พื้นที่ในบรรทัดนี้ขอบคุณ ‘เจ’ ในชีวิตจริงของตัวเอง ที่คอยซัพพอร์ตเสมอ ไม่ว่าทางข้างหน้าของเราจะยังอีกยาวไกลขนาดไหน ขอบคุณจริง ๆ
สัปดาห์ก่อนเราได้นำแนะนำให้กับทุกคนรู้จักกับ SETUP Thailand Pro Wrestling ค่ายมวยปล้ำแห่งแรกที่มีเจ้าของเป็นคนไทย โดยผ่านการสัมภาษณ์กับ คุณปูมิ – ปรัชญ์ภูมิ บุณยทัต ผู้ร่วมก่อตั้งค่าย จนได้ทราบเกี่ยวกับที่มีที่ไปกว่าที่จะเกิดเป็นค่ายมวยปล้ำไทยขึ้นมา แต่การจะรู้จักแค่เพียงผู้ร่วมก่อตั้งค่ายก็คงยังไม่เพียงพอ เพราะเรายังได้พูดคุยกับ “Monomoth” นักมวยปล้ำฟอร์มร้อนแรงที่กำลังจะมีคิวขึ้นปล้ำชิงแชมป์ประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งยังได้เปิดเผยเรื่องราวของกีฬามวยปล้ำในหลาย ๆ แง่มุมที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และที่สำคัญเขายังเป็นชาว LGBTQIA+ นั่นทำให้เรื่องราวของเขายิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ และต่อจากนี้คือเรื่องราวของ “Monomoth” แห่งค่าย SETUP Thailand Pro Wrestling ซึมซับมวยปล้ำตั้งแต่วัยเด็ก Monomoth หรือชื่อเล่นจริง ๆ คือ “มอธ” ซึ่งฉายาในวงการมวยปล้ำได้มาจากสมัยยังเป็นบลอกเกอร์ทำคอนเทนต์ลงทางยูทูป เขาได้เล่าให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นความชื่นชอบมวยปล้ำมันมาจากตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เพราะได้ซึบซับมาจากพี่ชายที่ชอบดูมวยปล้ำ จนพี่ชายได้เลิกดูไปแต่ตัวเขาก็ยังคงติดตามมันอยู่ตลอด และมีความชื่นชอบนักมวยปล้ำหญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งมอธมี Mickie James และ Rey Mysterio เป็นไอดอลของเขา “ตอนนั้นที่ดูก็ไม่รู้ทำไมเราถึงชอบดูมวยปล้ำหญิง เราก็พยายามจะดูคู่อื่นแต่ถ้าเวลาน้อยหรือไม่มีเวลาก็จะโฟกัสที่ผู้หญิงพราะรู้สึกชื่นชอบ ตามนักมวยปล้ำหญิงมากกว่านักมวยปล้ำชาย จะรู้สึกรู้ดี
Manic Street Preachers คือวงดนตรีร็อกจากเวลส์ที่สร้างชื่อในช่วงยุค 90’s ปัจจุบันมีสมาชิกเหลือเพียง 3 คน ได้แก่ James Dean Bradfield, Nicky Wire และ Sean Moore พวกเขาสร้างตำนานจนเป็นที่พูดถึงไว้มากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์กรีดแขนเป็นคำว่า “4Real” ต่อหน้าสื่อมวลชนของ Richey Edwards อดีตมือกีตาร์ของวงที่ทำเอาแฟนเพลงทั่วโลกต้องตกตะลึงในความโหดของเขามาแล้ว รวมไปถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าตัวเมื่อปี 1995 ก็กลายเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกริ่นมาอาจจะดูไม่ค่อยโอเคซักเท่าไหร่ แต่ถ้ามองข้ามมันไปแล้วมาเจาะลงที่ตัวดนตรีจะพบว่า Manic Street Preachers สร้างผลงานเพลงล้นคุณภาพประดับวงการเพลงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “A Design For Life”, “If You Tolerate This Your Children Will Be Next”, “You Stolen The Sun From My Heart” รวมไปถึงเพลงที่เรากำลังจะพูดถึง “Motorcycle Emptiness” “Motorcycle
“Attitude Era” คืออีกหนึ่งยุคทองของค่ายมวยปล้ำ WWE (ในสมัยที่ยังใช้ชื่อเป็น WWF) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1997 จนถึงปี 2002 เป็นช่วงที่คอนเทนต์ถูกขับเคลื่อนด้วยความดิบเถื่อน มีทั้งคำหยายคาย, ความรุนแรงในระดับฮาร์ดคอร์ รวมไปถึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับเพศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำบทเขียนเรื่องราวที่มีเนื้อหาชวนติดตามไม่ต่างจากซีรีส์เลย แต่ภาพรวมของสิ่งที่สื่อสารออกมาในเวลานั้นมันก็ต้องเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเยาวชนอย่างแน่นอน สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมันคือการต่อสู้กันแย่งเรตติ้งระหว่าง WWF “Monday Night Raw” และ WCW “Monday Nitro” นั่นเอง ซึ่งผลกำไรก็ตกเป็นของแฟนมวยปล้ำที่มีโอกาสได้เลือกชมความสนุกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด “Attitude Era” ได้ปลุกปั้นนักมวยปล้ำฝีมือดีมากมายจนเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากขอพาทุกคนย้อนไปสู่ยุคแห่งความเดือดกับ “10 สุดยอดนักมวยปล้ำ WWE แห่งยุค ATTITUDE ERA” ที่คัดเลือกโดย Unlockmen จะมีใครบ้างเชิญติดตามกันได้เลย THE ROCK ถ้าให้พูดถึงชื่อของนักมวยปล้ำที่โด่งดังที่สุดของวงการคงต้องยกให้ The Rock หรือที่รู้จักกันในชื่อจริงว่า “Dwayne Johnson” ในฐานะนักแสดงชื่อดังที่ฝากผลงานในโลกภาพยนตร์เอาไว้มากมาย แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จคงต้องยกให้ช่วงที่เป็นนักมวยปล้ำให้กับค่าย WWF เป็นหลัก เขาโดดเด่นด้วยคาแรคเตอร์สุดกวนบาทา
เมื่อต้องการเพิ่มรอยหยักให้สมอง ส่งแรงกระเพื่อมเพื่อพัฒนากระบวนการคิด อะไรจะดีไปกว่าการหาหนังหรือซีรีส์สืบสวน-สอบสวน ที่มีฉากการไต่สวนบนชั้นศาลอย่างเข้มข้นสักเรื่องเปิดดู อีกหนึ่งความผ่อนคลายชั้นดีแบบที่เหมือนจะไม่ผ่อนคลายของใครหลายคน ในช่วงเวลาที่กระแสซีรีส์อาชีพทนายในเกาหลีมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งทนายมาเฟีย Vincenzo เมื่อปี 2021 หรือผู้พิพากษาหญิงจาก Juvenile Justice ของปี 2022 นี้ ทำให้เราคิดถึงเหล่าตัวละครทนายจากโลกภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่ทั้งเขาและเธอมีส่วนสำคัญต่อเส้นเรื่องของตัวละคร ไม่ต่างอะไรกับที่ทนายในชีวิตจริงทำ จะมีใครบ้าง UNLOCKMEN เปิดศาลพาไปดูกัน Woo Young-woo : Extraordinary Attorney Woo (2022) อูยองอู มีภาวะออทิสติกสเปกตรัมติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถึงการใช้ชีวิตในสังคมอาจจะดูลำบากอยู่บ้างสำหรับเธอ เพราะใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจอูยองอูได้แบบที่พ่อของเธอหรือเพื่อนสนิทเข้าใจ แต่พระเจ้าก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก ภาวะนี้ได้มอบพรสวรรค์ในการจำอันเป็นเลิศมาให้เธอด้วย จึงส่งผลให้เธอเรียนจบคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโซลด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และชีวิตการเป็นทนายหญิงกับสำนักทนายความชั้นนำชื่อฮันบาดาของเธอก็เพิ่งจะเริ่มต้น ติดซีรีส์เกาหลีแหละดูออกเลย 555 แต่ที่เลือกยูยองอูเป็นคนแรก เพราะอยากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ดูจริง ๆ เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ติด Top 10 ประจำสัปดาห์ด้วยกระแสข่าวประโคมหรืออย่างไร และถึงจะเพิ่งออนแอร์ได้ 4 ตอน ก็ต้องบอกว่าตัวซีรีส์ดีงามในหลาย ๆ เรื่องทีเดียว มาพูดถึง
หลังจากที่มอบเวลาพักผ่อนให้กับซีรีส์ Stranger Things จนหมดสิ้น ก็ต้องมาสะดุดกับการแนะนำภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Netflix ที่ชื่อว่า “Icantation มนตรา” ซึ่งถูกสร้างมาเป็นแนวสยองขวัญสั่นประสาท แถมยังเป็นหนังสัญชาติไต้หวันซะอีก ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้มีโอกาสเสพภาพยนตร์จากดินแดนชานมไข่มุกซักเท่าไหร่ งานนี้จึงไม่รอช้าตัดสินใจกดดูทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก “Icantation มนตรา” จริง ๆ แล้วถูกฉายในโรงภาพยนตร์ไต้หวันไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำรายได้แบบถล่มทลาย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Kevin Ko ผู้กำกับที่รับหน้าที่เขียนบทและอีกหลายตำแหน่งควบคู่กันไป สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะถูกนำเรื่องโดย “หลี่รู่หนาน” คุณแม่ที่มีภารกิจปกป้องลูกสาวและต้องเผชิญกับอาถรรพ์คำสาปต่าง ๆ ที่คอยหลอกหลอนไม่ให้ได้พักได้ผ่อนกันเลยทีเดียว โดยภาพยนตร์ถูกถ่ายทำในแนว Found Footage (ตัวเดินเรื่องถือกล้องเอง) เพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับผู้ชมได้เข้าถึงอารมณ์ความสยองขวัญมากยิ่งขึ้น ฉากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าสร้างความรู้สึกหลอนได้พอสมควร โดยเฉพาะบรรยากาศ, โลเคชั่นในการถ่ายทำ และการสร้างตัวละครที่ดูมีความลึกลับน่าสะพรึงกลัวในสไตล์แบบเรื่องร่างทรง รวมไปถึงการใส่ซีนชวนแหวะชวนขนลุก และซีนโหดโหมดบรูทัล ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามแก๊กต่าง ๆ หรือภาพรวมทุกอย่างไม่ได้มีความแปลกใหม่จากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องอื่น ๆ แต่อย่างใด ที่รู้สึกแบบนั้นเพราะมุขที่ต้องการทำให้ตกใจมันก็ซ้ำจนเราชินชาไปซะแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่อินขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นในพาร์ตของเนื้อเรื่องที่ตัดไปตัดมาไม่มีความต่อเนื่องเท่าที่ควร อารมณ์เหมือนนั่งดู Reel ใน Facebook และอารมณ์ความซาบซึ้งของแม่และลูกที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อก็ไม่สามารถทำให้เรารู้สึกถึงมันได้เช่นกัน
ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในมังงะที่ดังที่สุดในโชเน็นยุคใหม่ของ Chainsaw Man ที่ล่าสุด ถูกแบรนด์เครื่องประดับไฮคลาสจากญี่ปุ่น Tasaki มาจับมือร่วม collaboration ทำเป็นสร้อยคอ แหวน ต่างหูในคอลเล็กชั่นที่ชื่อว่า DANGER การสร้างคอลเล็กชั่น DANGER ของทาง Tasaki ใช้วัสดุหลักเป็นทองคำขาวประกบด้วยไข่มุกอะโกยาม่า (Akoya pearls) ส่วนไอเดียในการปรับตัวละครจาก Chainsaw Man ให้ลงมาอยู่ในรูปเครื่องประดับนั้น จะใช้รูปทรงของ ‘ฟัน’ เพื่อให้เข้ากับความอันตรายของชื่อคอลเล็กชั่น และความแหลมคมของฟันตัวเอกในมังงะเรื่องนี้เองก็เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดสายตามาก สำหรับแฟนคลับของมังงะเรื่องนี้ ต่อให้ไม่บอกว่าแบรนด์ Tasaki คอลแลบกับใคร ก็คงจะเดาได้ทันทีที่เห็นตัวเครื่องประดับของจริง อย่าง Power Necklace สร้อยคอเขาสีแดงจากตัวละคร ‘พาวเวอร์’, Chainsaw Pendant & Ear Cuff ต่างหูและสร้อยคอเลื่อยนตร์ประดับมุขจาก ‘เดนจิ’ กระทั่ง Pochita Pendant สร้อยสุดน่ารักที่ถอดคาแรกเตอร์ของ ‘โปจิตะ’ มาเต็ม ๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาคือไอเท็มไฮไลต์ของคอลเล็กชั่นนี้ ในวันที่ 29/06/2022 ที่ผ่านมา