หลังจากที่ “คนพิเศษ” คนล่าสุดออกไปจากชีวิต คุณใช้ชีวิตแบบไหน อยู่ด้วยความรู้สึกเช่นไร และใช้วิธีเยียวยาตัวเองอย่างไร เชื่อว่าแต่ละคนคงมีคำตอบที่ต่างกันไป แน่นอนว่าถ้าการยุติความสัมพันธ์ในครั้งนั้นลงเอยด้วยการที่คุณไปมีคนใหม่ทันที ทุกอย่างมันคงง่ายขึ้นเพราะความรู้สึกเศร้าสร้อยมันจะเบาบางลงจากการที่คนใหม่เติมเต็มความว่างโหวงในใจ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทนที่คนเดิมได้ อาจต้องวนเวียนกับการคิดถึง “อดีตคนพิเศษ” แบบเขาคนนี้ Yosuke Morimoto ช่างภาพชาวญี่ปุ่นจาก Kagawa วัย 36 ปีที่ใช้เวลาเยียวยาตัวเองหลังจากอกหักจากแฟนสาว ด้วยการถือกล้องออกไปถ่ายรูปสาวคนอื่นกว่าพันคนตลอดสิบปีตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2560 ในคอนเซ็ปต์ที่ฟังแล้วเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างในใจอย่างการ “ถ่ายภาพสาวที่ให้ความรู้สึกคล้ายแฟนเก่า” บ้านขนาด 27 ตารางเมตรของช่างภาพชายโสดคนนี้ส่วนใหญ่ถูกแปรเป็นห้องมืด และห้องน้ำก็ได้รับการแปรเป็นที่เก็บฟิล์มที่ล้าง SOME OF HIS PHOTOS แม้หลายกระแสวิจารณ์ว่าการกระทำของเขาว่ามันช่าง creepy ดูน่าแขยง แต่เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะจากภาพจะเห็นการ eye contact ระหว่างตัวแบบกับเลนส์อย่างชัดเจน บางรูปเองก็มีรอยยิ้มกลับมาให้ด้วย เราจึงคิดว่าเขาไม่ได้คุกคามแบบเหล่านั้น แต่เป็นการขออย่างสุภาพจนได้กดชัตเตอร์มา นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบำบัดที่เรามองว่าไม่ค่อยเหมือนใคร แต่ก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เพราะอย่างน้อยการออกถ่ายภาพ portrait ซ้ำ ๆ เพื่อซ้อมมือนับพันครั้งน่าจะเป็นประโยชน์กับอาชีพช่างภาพอย่างเขา ชาว UNLOCKMEN
ก่อนที่เราจะเลือกกดปุ่ม Play เพลงใดสักเพลง คิดว่าเราเลือกเพราะอะไร ? อารมณ์ของตอนนั้น คิดถึงวงที่เคยฟัง เพลงที่ติดอยู่ในหัว แต่ทั้งหมดนี้คือความพอใจ ณ เวลานั้น ๆ ไงล่ะ ที่ทำให้เราเลือกจิ้มเพลงไหนสักเพลงมาขับกล่อมอารมณ์ของเรา UNLOCKMEN รู้สึกว่ามันธรรมดาไป เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการฟังเพลงที่ไม่ได้อ้างอิงแค่กับความชอบ แต่เป็นอะไรที่ลึกลงไปในตัวเราแบบ Literally ก็คืออ้างอิงจาก DNA ของเรานั่นเอง มาดูกันว่าคนเราจะเลือกฟังเพลงจาก DNA ของเราได้ยังไง การฟังเพลงเป็นกิจกรรมยอดฮิตติดลมบนของคนทั่วโลก เพราะมันเป็นทั้งการผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ รัก เศร้า เหงา โกรธ เป็นอะไรอีกหลายอย่าง จนมันกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมของมนุษยชาติไปแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ Based On สุนทรียศาสตร์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจ ทั้งการฟังในแต่ละแทร็ก ในแต่ละอารมณ์ Playlist ที่เราจัดเอาไว้ด้วยกัน แบ่งไปตามแนวเพลง ตามมู้ด แต่ทั้งหมดคืออยู่บนความพอใจของเรานั่นแหละ เรามักจะคิดว่าเราจิ้มเพลงไหนขึ้นมาสักเพลงด้วยความพอใจที่จะฟัง ก็ชอบนี่หว่า ก็ต้องเลือกเพลงนี้ฟังสิ แปลกตรงไหน แต่วันนี้ AncestryDNA และ Spotify จะมาพิสูจน์ว่าชาติพันธุ์หรือพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่มีผลต่อการฟังเพลงด้วยเช่นกัน
เพราะปัจจัยหลักที่ Urban Men อย่างพวกเรามองหาจากที่อยู่อาศัยสักแห่งนั้น มีรายละเอียดมากเกินกว่าที่จะเจาะจงลงไปแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ทําเล งานดีไซน์ สิ่งอํานวยความสะดวก หรือราคา แต่มัน คือดีเทลเล็ก ๆ ของรายละเอียดการใช้ชีวิตที่สามารถตอบโจทย์ทุกด้านของไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทําให้การตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยจําเป็นต้องใช้เหตุผลที่พิเศษกว่าที่เคย และแน่นอนว่าแต่ละคนนั้นมีเหตุผลในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน และคนที่จะให้เหตุผลที่ใช่ และเหมาะสมที่สุดนั้น คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเราเอง For Your Extraordinary Reasons หากใครกําลังมองหาที่อยู่อาศัย ที่สามารถตอบเหตุผลการใช้ชีวิตที่ไม่ธรรมดาได้อย่างครบถ้วนตรงใจ เราเชื่อว่าที่นี่คือที่ ๆ ให้นิยามของคําว่า “เหตุผลที่ไม่ธรรมดา” ได้ชัดเจนที่สุด MAZARINE Ratchayothin คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดใจกลางรัชโยธิน ที่ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “พบดีเทลการใช้ชีวิต สำหรับเหตุผลที่ไม่ธรรมดา For Your Extraordinary Reasons” ซึ่งผ่านการคิดอย่างรอบด้านในทุกกระบวนการ เพื่อตอบโจทย์ “เหตุผลที่ไม่ธรรมดา” ที่หลายคนกําลังตามหาอยู่ เหตุผลแรกที่ทําให้ MAZARINE Ratchayothin เป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่ธรรมดา คงหนีไม่พ้นเรื่องของทําเลที่ตั้ง ที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในย่านรัชโยธิน ซึ่งเป็นย่านที่มีความเป็นมายาวนานรายล้อมไปด้วยบ้านเดี่ยวสุดหรู และโครงการคอนโดมิเนียม ระดับ High-end มากมาย
‘ความเป็นส่วนตัว’ คำนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แม้พวกเราจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของสัตว์สังคม แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรานั้นต่างต้องการช่วงเวลาสงบ ปลอดภัย ช่วงเวลาที่เป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในมิติที่เรียกว่า ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้ชาย Urabn อย่างเรา ๆ ต้องใช้ชีิวิตท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งต้องการมีเวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อพักผ่อนจากความวุ่นวายเคร่งเครียดที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน ซึ่งพื้นที่ส่วนตัวที่หลายคนต่างโหยหา จริง ๆ แล้วมันไม่ได้หายาก หรือต้องลำบากไปเสาะหาที่ไหนไกล เพราะเราสามารถมองหาพื้นที่ชีวิตในอุดมคติ พื้นที่อันสุดแสนจะส่วนตัวได้จากที่บ้านทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่จาก เอพี ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยความเข้าใจในพื้นฐานความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในพื้นที่ส่วนตัวมากเป็นพิเศษ PRIVACY INTENSITY ปลดปล่อยตัวตนในพื้นที่ส่วนตัว จากการศึกษาจนเข้าใจถึงความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ กลั่นกรองจนกลายเป็น Need Insight ความต้องการที่แท้จริงของคนอยากซื้อบ้าน ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในพื้นที่ส่วนตัวมากไม่แพ้ปัจจัยด้านทำเล และการเดินทาง เป็นจุดเริ่มต้นให้ เอพี เดินหน้าพัฒนาแบรนด์พรีเมียมทาวน์โฮม บ้านกลางเมือง และ Pleno (พลีโน่) ให้เข้ากับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบัน ด้วยโจทย์ที่ต้องการทำให้บ้านเป็นสถานที่ซึ่งทุกคนสามารถปลดปล่อยตัวตนในพื้นที่ส่วนตัวได้มากที่สุด สู่คำตอบที่ถูกถ่ายทอดผ่าน Design และ Function ที่สร้างสรรค์พื้นที่ใช้สอยให้ตอบสนองความเป็นส่วนตัวที่มากเป็นพิเศษ กับ Flexible Wall ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้กลายเป็น Private Space
ทำงานหนัก ใช้ชีวิตต้องสนุก เมื่อชีวิตมีมุมเครียด ก็ต้องหามุมผ่อนคลายสังสรรค์เอาไว้ด้วย การออกไปดื่ม ออกไปปาร์ตี้ จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรขนาดนั้น เพราะแม้แต่ประเทศที่เคร่งครัดทำงานหนักอย่างญี่ปุ่น ก็เป็นประเทศที่ดื่มหนักดื่มมันส์กัน แต่พวกเค้าสามารถตื่นไปทำงาน รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้เป็นอย่างดี แถมยังมีผลวิจัยด้วยว่าการออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยให้สุขภาพกายสุขภาพจิตดีขึ้น หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่การ Drink Responsibly เพราะมันช่วยให้เรา Relax สนุกสนานผ่อนคลาย แถมยังเปิดโลกไอเดียและโอกาสต่าง ๆ อีกมากมายให้เราได้ด้วย แน่นอนว่าเรากำลังหมายถึงการดื่มที่เราควบคุมสติได้ ไม่เมาระรานคนอื่น ดื่มไม่ขับ และที่สำคัญคือดื่มแบบไม่ให้เสียสุขภาพ หรือเรียกว่าดื่มแบบ Professional นั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำมาก นอกจากจะดูเท่ ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือได้ทุกค่ำคืน ยังเป็นการบำรุงสุขภาพร่างกายให้ดีในระยะยาว เพราะเราเกิดมามีแค่ตับเดียว ต้องรักและดูแลกันให้มาก ๆ เข้าไว้ ก่อนจะอัพเกรดตัวเองให้ดื่มแบบ “เอาอยู่” ต้องรู้จักสาเหตุที่ทำให้เราเมาก่อน มันเป็นเรื่องง่ายที่หลายคนรู้อยู่แล้ว แต่มักจะ “หลุด” ไประหว่างทาง ทำให้ประสบการณ์ในค่ำคืนนั้นเพลี่ยงพล้ำอย่างไม่รู้ตัว เหลือไว้เพียงความทรงจำแย่ ๆ ตอนสร่างเมาจากปากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ และการดื่มแบบภาพตัดนี่แหละที่ทำร้ายตับอย่างรุนแรง สังเกตได้จากอาการ Hang Over หนักหน่วงตอนเช้าหลังผ่านค่ำคืน
รู้หรือไม่ว่าชายที่ถือกล้องถ่ายรูปไว้กับมือแต่กลับโดนคนถ่ายภาพไว้มากที่สุดในประเทศไทยในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาคือใคร? เชื่อว่าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านบนคงแทนคำตอบที่ทำให้หลายคนต้องพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนคือภาพที่ได้รับการบันทึกผ่านสายพระเนตรของพระองค์เป็นเช่นไร และความสำคัญของกล้องต่อการพัฒนาแผ่นดินนี้มีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ทีมงาน UNLOCKMEN ได้รวบรวมเรื่องราวนำมาบอกเล่าต่อ ณ ที่นี้ โปรดการถ่ายภาพตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ย้อนกลับไปก่อนเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดการถ่ายภาพตั้งแต่พระชนมายุราว 8 พรรษา ทรงมีกล้องส่วนพระองค์ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชชนนีตัวแรกเป็น Coronet Midget ซึ่งเป็นกล้องระบบ Manual ขนาดเท่าฝ่ามือ ราคา 2.50 ฟรังก์สวิส ต่อมาภายหลังเมื่อพระชนมายุ 18 พรรษา ได้ทรงซื้อกล้องมืออาชีพเป็นของพระองค์เองจากการทรงทำหัตถกรรมฝีพระหัตถ์ (งานฝีมือ) เข้าร่วมประมูลเพื่อหาทุนเข้าสมาคมปราบวัณโรคฯ ซึ่งสมเด็จพระราชชนนีได้ทรงแบ่งเงินร้อยละ 10 จากการประมูลให้เป็นรางวัล เส้นทางช่างภาพสู่ความเป็นกษัตริย์ “ช่างภาพที่ติดตามทุกหนทุกแห่ง และฝึกอาชีพการเป็นกษัตริย์ไปโดยไม่รู้ตัว” คือประโยคหนึ่งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบรรยายภาพไว้ในพระนิพนธ์ “เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์” เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรครั้งทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงทำหน้าที่เป็นช่างภาพส่วนพระองค์เสมอคราวตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 การย่ำตามรอยทางและบันทึกภาพพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมเชษฐาฐิราชรัชกาลที่ 8
ความฝันเป็นเหมือนภาพสะท้อนจิตใต้สำนึก ความคิดในช่วงเวลานั้นของเราไม่ต่างจากดินแดนพิศวงที่ต่างคนต่างมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน บางคนเห็นเป็นภาพสี บางคนเห็นเป็นขาวดำเลือนราง บางคนเห็นเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ก็คือมุมมองของเราเอง เหมือนเราเห็นเหตุการณ์ด้วยตาของเราเอง แต่บางคนกลับเห็นในมุมมองของบุคคลที่ 3 นั่นหมายความว่าเราจะเห็นตัวเองกำลังดำเนินเรื่องราวนั้นอยู่ เรื่องราวในความฝันนั้นเราอาจจะจำได้แค่บางช่วงบ้าง เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าเราใช้เวลาในโลกความจริงไปกับความฝันนานเท่าไหร่กันแน่น UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบนี้กัน ปกติเรามักจะจดจำความฝันของเราได้เป็นฉาก ๆ แม้จะพอคลำทางให้เป็นเนื้อเรื่องเดียวกันได้ แต่ก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แถมส่วนมากก็ยัง Surreal เสียจนอยากจะเอาไปทำหนัง บางครั้งเป็นเพียงความรู้สึกราง ๆ ที่ไม่ชัดเจนทางการจำภาพ เสียง แต่เราจดจำความรู้สึกนั้นได้แม่นยำ ครั้งไหนที่ฝันเป็นเรื่องเป็นราว เราอาจคิดว่าเราใช้เวลากับมันไปทั้งคืนแน่นอน ฝันเป็นมหากาพย์ขนาดนี้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เรามีความเครียด ความกังวล หรือเรื่องเล็กน้อยกวนใจที่เราอาจจะลืมไป มันมีโอกาสแสดงออกผ่านทางความฝัน ความฝันเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับสุขภาพของเราโดยตรง เพราะมันคือการทำงานของสมองในขณะที่ร่างกายของเราหลับไปแล้ว เกิดขึ้นในช่วง REM คือช่วงที่เรากลอกตาไปมาอย่างรวดเร็วในขณะที่ตายังปิดอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นช่วงสั้น ๆ ตลอดคืน กินเวลาประมาณ 20% ของทั้งคืนที่เราหลับไป เรามักจะคิดว่าเรามีความฝันเพียงเรื่องสองเรื่อง หรือเท่าที่จำได้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ในคืนนึงที่เราหลับไป เราฝันไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง เพียงแค่เราจำมันไม่ได้ทั้งหมดนั่นเอง (หรือบางคนก็จำไม่ได้เลย)
ถ้าใครยังจำกันได้ จากบทความ The Men Expert Bible #1 by L’Oreal MEN EXPERT เราได้นำเสนอพื้นฐานการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องสำหรับผู้ชาย ขั้นตอนง่าย ๆ ในการทำความสะอาดและบำรุงให้ผิวสะอาดหล่อใสได้สำหรับทุกสภาพผิว ปรับความเข้าใจในพฤติกรรมผิด ๆ ที่ผู้ชายอาจไม่ใส่ใจดูแล แต่ถ้าลงลึกไปอีก ผู้ชายเราก็มีสภาพผิวและเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้ามีแนวโน้มแพ้ง่าย ผิวหน้ามัน หรือผิวหน้าอ่อนล้า ซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม อาจจะเคยสงสัยว่าทำไมเราทำอะไรเหมือนกันทุกอย่าง แต่ผิวหน้าเรากลับมีปัญหาไม่เหมือนผิวหน้าคนอื่น ดังนั้นเราจึงต้องเริ่มต้นที่พื้นฐานก่อนจะข้ามไปขั้นตอนดูแล นั่นคือการเข้าใจสภาพผิวหน้าของตัวเองให้ดีก่อน จะได้เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสำหรับสภาพผิวนั้น ๆ โดยใน The Men Expert Bible #2 by L’Oreal Men Expert ไบเบิลเสริมหล่อ Ep 2 เราจะมาพูดถึงผู้ชายผิวหน้ามีแนวโน้มแพ้ง่าย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ชายหลายคนที่อาจจะเผชิญอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว ปัญหาผิวมีแนวโน้มแพ้ง่าย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ชายจำนวนมาก สังเกตได้จากอาการระคายเคือง รอยผื่นแดง แห้งคัน อันเกิดจากเกราะป้องกันผิวบอบบาง เพราะรอบตัวเรามีปัจจัยภายนอกมากมายคอยทำร้ายผิวหน้า แถมยังยากจะหลีกเลี่ยง เช่น การต้องเจอกับ แสงแดด ฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง
ไม่อยากจะอวดให้เหมือนเนื้อเพลง YOUNGOHM ว่า “ยังไม่ได้นอนเลยจะ 10 โมงเช้า” แต่อาการ Insomnia หรือนอนไม่หลับช่วงนี้มันไล่ล่าผมเหลือเกิน พอจะมีทางออกหรือทางเยียวยาเพิ่มไหมครับ ? สำหรับใครที่เกลียดกลางคืนเสียเหลือเกิน พวกเราเข้าใจความทรมานของการนอนไม่หลับดี และ UNLOCKMEN ก็ส่งคอนเทนต์กล่อมคุณเข้านิทรากันมาหลายชิ้น แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลและอยากขอทางเลือกเพิ่ม ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเขาออกมาบอกแล้วว่าแค่เปลี่ยนชุดนอนก็มีผลทำให้เราได้โบนัสการนอนเพิ่มขึ้นอีก 15 นาที รอช้าอยู่ไย แค่ปลดกระดุมเปลี่ยนประเภทชุดนอน แม้จะดูประหลาดแต่ก็เป็นเรื่องจริง เพราะ Dr Paul Swan นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัย Sydney เขาวิจัยมาแล้วว่าการเปลี่ยนชุดนอนจากผ้าฝ้ายตัวเดิมไปเป็นผ้าขนสัตว์จะทำให้ร่างกายของเราเข้าสู่ Thermal comfort zone หรือสภาวะน่าสบาย ที่เอื้อกับการนอนพักผ่อนได้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ผู้เชี่ยวชาญจัดกลุ่มคนเข้าทดสอบการนอน 2 กลุ่ม ได้จำแนกเป็นคนต่างวัยได้แก่ วัยเด็กและวัยชรา โดยกลุ่มแรกที่เป็นวัยเด็ก คัดเลือกนักเรียนที่อายุ 20 ปีขึ้นนำมาทดลองให้สวมชุดนอนจากเนื้อผ้า 2 แบบได้แก่ ผ้าขนแกะ merino และผ้าฝ้าย เพื่อเปรียบเทียบกัน ผลปรากฏว่าการสวมชุดขนแกะทำให้เหล่าผู้ทดลองสัปหงกได้เร็วกว่าผ้าฝ้ายประมาณ 4 นาทีหรือเร็วกว่านั้น ชุดนอนขนสัตว์ใช้เวลา
กิจวัตรประจำวันที่ขับเคลื่อนไปด้วยตัวเราเองเพียงคนเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นแบบไม่รู้ตัวก็ได้ ถ้าหากคุณคืออีกคนที่กินข้าว ดูหนัง ปั่นเรือเป็ด ด้วยตัวคนเดียวจนความเหงาเรียกว่าเวลตันแล้วก็ว่าได้ นั่นอาจเป็นเพราะคุณเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่าก็ได้ UNLOCKMEN ให้หนุ่ม ๆ ลองสำรวจอาการเหล่านี้กันหน่อย เพราะมันหมายถึงคุณสามารถที่จะอยู่คนเดียวได้แบบสบายมาก มีเงินเก็บและบริหารการใช้เงินได้แบบคล่องมือ ไม่จำเป็นต้องมีเงินถุงเงินถังถึงจะอยู่คนเดียวได้ เพียงแค่รู้จักบริหารการใช้เงิน ควบคุมรายได้กับรายจ่ายให้สมดุลกัน เหลือเก็บนิดหน่อยสำหรับกรณีฉุกเฉินก็โอเคแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องก้มหน้าเก็บเงินอย่างเดียว ให้รางวัลตัวเองบ้าง ด้วยของเล่นหรือ Gadget เจ๋ง ๆ นั่นหมายความว่าคุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ทุกขั้นตอน ทุกอย่างอยู่ในมือคุณ เพราะคุณใช้เงินอยู่คนเดียวนี่นา ไม่เคยเหงา ทุกกิจกรรมปราบเซียนที่ต้องทำเป็นคู่ ถ้าหากคุณทำคนเดียวได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่มักจะชอบปลีกวิเวกอยู่เสมอ ต่อให้มองจากมุมของคนนอก คุณน่าจะเป็นคนเหงา ๆ อยากมีใครสักคนคอยคุยด้วย แต่ความจริงคือคุณตั้งใจให้ตัวเองอยู่คนเดียว เลือกที่จะอยู่ในมุมสงบของตัวเอง โดยที่ไม่รู้สึกโหยหาใครมาเติมเต็ม อาจจะมีเหงาบ้างในบางเวลา แต่นั่นเป็นเพียงความอ่อนไหวชั่วคราวเท่านั้น เพราะคุณรู้สึกว่าอยู่ได้ด้วยตัวเองไปแล้ว ความเหงากอดเขามองฟ้า จึงเป็นเรื่องไกลตัวของคุณมาก ๆ ชอบปลีกวิเวก หลายครั้งที่การอยู่ท่ามกลางผู้คน มันทำให้คุณกร่อยและเหงายิ่งกว่าเดิม จึงเลือกที่จะหามุมที่ไม่เป็นจุดสนใจแล้วเข้าไปอยู่ในนั้นอย่างสบายใจ หรือครั้งไหนที่มีโอกาสได้ไปกับคนกลุ่มใหญ่ อย่างการกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงาน การพบปะญาติ ๆ ในวันหยุด ยิ่งคนมากเท่าไหร่ คุณยิ่งรู้สึกว่าต้องดีดตัวเองออกมาให้ไวที่สุด จึงเลี่ยงกิจกรรมเหล่านั้นไปแบบอัตโนมัติ
หลังจากเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 เวลาผ่านมา 2 ปีแล้ว แต่ ธ ยังสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ และประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจะเดินตามทางพระองค์ท่านอย่างไม่ลดละ ในขณะที่บางคนตั้งใจจะทำอะไรเพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน วันนี้ UNLOCKMEN ขอพามารู้จัก จักรี คงแก้ว ผู้ที่ทำงานศิลปะภาพพิมพ์แกะไม้เป็นรูปพระบรมสาทิสลักษน์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ใช่เพียงเพื่อระลึกถึงพระองค์ แต่ยังเพื่อแบ่งปันให้กับผู้อื่นด้วย UNLOCKMEN: จุดเริ่มต้นของความหลงใหลในศิลปะคืออะไร? เริ่มส่งงานประกวด ก็ได้รางวัลมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นศิลปิน เพราะศิลปินสำหรับเรา เอาไว้ให้คนอื่นเขาเรียก UNLOCKMEN: ตกลงมองว่าเราเองทำงานศิลปะ แต่ยังไม่ใช่ศิลปิน? ไม่คิดว่าตัวเองเป็นศิลปินหรอก เพราะมันสูงส่ง ศิลปินไว้ให้อาจารย์ถวัลย์ อาจารย์เฉลิมชัยเขานู่น UNLOCKMEN: ต้องใหญ่เบอร์นั้นเลยใช่ไหมถึงจะเป็นศิลปินได้ในสายตาเรา? ใช่ อย่างเรา เราไม่คิดเลย แต่ถ้าคนอื่นเขาจะเรียกก็ให้เขาเรียกไป อย่างเราเรายังตามหาเอกลักษณ์ หาอัตลักษณ์ หาลายเซ็นของตัวเองอยู่ เหมือนเรายังเพิ่งเริ่มลงมาทำงานศิลปะเต็มตัว UNLOCKMEN: ช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตคือตอนไหน? แย่เหรอ? แย่ก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ติดเพื่อนไม่ลืมหูลืมตา เป็นเด็กเกเร ติดของมึนเมาหนัก เรียนก็แทบไม่เรียน ติดเพื่อน ขึ้นดอยไปตามวงดนตรีเรกเก้บ้าง
ตั้งแต่สมัยเรียนก็นั่งที่ประจำ ขึ้นเครื่องก็จองที่นั่งเดิม ๆ ดูหนังก็เช่นกัน หรืออะไรที่ต้องเลือกที่นั่ง เรามักจะกวาดสายตาคร่าว ๆ จนปิ๊งเข้ากับที่นั่งที่เข้าตา แล้วจองที่นั่งนี้ไว้ในใจให้เป็นที่นั่งประจำของเรา ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ เคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมไอ้ที่นั่งที่เราเคยหย่อนตูดลงไปแล้ว มันเหมือนจะส่งเสียงเรียกให้เรากลับไปนั่งมันทุกครั้งที่เดินเข้าไปในห้องนั้น เพราะพฤติกรรมของมนุษย์นั้นซับซ้อนและมีเรื่องราวอยู่เสมอ UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน บางคนอาจคิดว่า เราทำไปเพราะว่าเคยชินไง เคยนั่งตรงนี้ก็แค่อยากจะนั่งอีก มันไม่เห็นจะมีอะไร แต่จริง ๆ ไอ้พฤติกรรมทำอะไรซ้ำ ๆ แบบนี้เนี่ยมันมาจากธรรมชาติของมนุษย์จริง ๆ แหละ มีคำอธิบายคร่าว ๆ โดย Robert Gifford Psychology Professor แห่ง University of Victoria ว่าเรามีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นมนุษย์ถ้ำ ไม่ได้มีวิวัฒนาการอะไรมากมายนัก ในตอนนั้นเราก็จะมีพื้นที่เป็นของตัวเองกันใช่มั้ย ประมาณว่ามี “อาณาเขต” เป็นของตัวเองนั่นแหละ ตีกรอบไว้เลยว่า นี่! ตรงนี้ของกู! หน้าที่ของเราที่ต้องรับผิดชอบต่ออาณาเขตก็คือ ป้องกันไม่ให้คนอื่นมารุกราน ไม่ให้ใครเข้ามาสุ่มสี่สุ่มหน้า หรือโดนยึดอาณาเขตไป มองในสเกลใหญ่ขึ้นก็คือ เหมือนกับที่เรามักจะรวมกลุ่มเพื่อป้องกันการล่าอาณานิคมนั่นแหละ เรารวมตัวกันสู้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือปกป้องอาณาเขตของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ตกไปอยู่ในการครอบครองของคนอื่น