ตลาด Non-Fungible Token (NFT) ยังคงเป็นพื้นที่ให้ศิลปินได้แสดงตัวตนผ่านงานศิลปะอย่างไร้กรอบจำกัด ทำให้ศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งศิลปินในหลากหลายวงการ อย่างนักเขียนการ์ตูน นักวาดภาพประกอบก็กระโดดเข้ามาในโลก NFT เช่นกัน วันนี้ UNLOCKMEN ขอรวบรวม 10 ศิลปินไทยที่มีผลงานน่าสนใจให้เหล่าบรรดานักสะสมงานศิลปะดิจิทัลได้ติดตาม The Duang THE DUANG (เดอะ ดวง) หรือ วีระชัย ดวงพลา นักวาดการ์ตูนไทยที่หลายคนรู้จักกันผ่านผลงานรวมเล่มอย่างการ์ตูน Innocent Side Stories, เด็กชายตุ๊กตา : The Lesson of a Doll Boy หรือ การ์ตูน Around the Duang Artwork สำหรับในตลาด NFT เดอะ ดวง ปล่อยคอลเลกชัน Gangster All Star ซึ่งเป็นการ์ดตัวละครมุมหันข้างคาแรกเตอร์สายบู๊ที่หลายคนบอกว่าสุดเท่และเขาเองก็มั่นใจว่าเท่มาก ๆ คอลเลกชันนี้ขายหมดไปแล้วทั้ง
คนที่เคยดูซีรีส์เกาหลีชื่อดังอย่าง “It’s okay to not be okay” อาจคุ้นเคยกับวิธีบำบัดที่ชื่อว่า Butterfly Hug หรือ การกอดตัวเองโดยการเอามือทาบไว้ที่หน้าอกจนมีลักษณะเหมือนปีกผีเสื้อกันบ้างแล้ว ในบทความนี้ UNLOCKMEN อยากมาแนะนำวิธีการกอดตัวเองอีกแบบหนึ่งชื่อว่า Havening ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดความเครียดให้เราได้เป็นอย่างดี Havening คือ อะไร ? สมองของเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ (emotional brain) และส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคิด (thinking brain) ซึ่งการทำงานของสมองเหล่านี้ถูกควบคุมโดยอะมิกดาลา (กลุ่มนิวเคลียสประกอบด้วยโครงสร้างต่าง ๆ มีหน้าที่สร้างความรู้สึกกลัว วิตกกังวล) หากมันพบเจอเหตุการณ์ที่ดูเป็นภัยคุกคามแก่ชีวิต มันจะสร้างความเครียดให้เรา และเร่งให้เกิดการตอบสนองอย่างรวดเร็วที่เรียกว่า fight-or-flight เช่น การวิ่งหนีโจรผู้ร้าย หรือ การเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ อย่างไรก็ดี สมองของเรามักคิดไปเองว่ากำลังเจอภัย โดยเฉพาะสมองของคนที่เป็นโรควิตกกังวลทั่วไป (generalized anxiety) โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง ( post-traumatic stress disorder) และ
หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วเราได้พาทุกคนไปรู้จัก “Bosozoku Bike Siam” กลุ่มคนผู้นำการแต่งรถอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นเข้ามาโลดแล่นในบ้านเรา และในวันนั้นเองทำให้เราได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าในประเทศไทยก็มีอู่แต่งรถ Bosozoku เกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน ซึ่งเจ้าของอู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ คุณแพท สมาชิกกลุ่ม Bosozoku Bike Siam ที่อยู่กับเราในบทความที่แล้วนั่นเอง ในปัจจุยังเป็นเจ้าของอู่แต่งรถที่ชื่อว่า “KU Garage” หรือ “กู การาจ” ตั้งอยู่ย่านคลอง 2 ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ ที่นี่สามารถเนรมิตรถสไตล์ Bosozoku ได้ทุกรูปแบบตั้งแต่ต้นจนจบ สำหรับคนที่สนใจ เรามาเรียนรู้ขั้นตอนและวิธีการจากคุณแพทไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ จุดเริ่มต้นของ KU GARAGE จุดเริ่มต้นมาจากการทำ Custom รถชอปเปอร์ ซึ่งคุณแพทเองก็เคยขี่รถชอปเปอร์มาก่อนด้วยเช่นกัน เขาได้นำความรู้ที่สั่งสมประสบการณ์มาบรรจงสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการสร้างเฟรมและตัวถังขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง และด้วยการศึกษาหาความรู้อย่างไม่หยุดหย่อน ก็พาคุณแพทให้ได้มาเจอการแต่งรถสไตล์ Boso มันคือความแปลกใหม่ที่ปลุกความท้าทายในฐานะคนแต่งรถให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นคุณแพทก็เริ่มติตต่อไปทางคุณนนท์ ซึ่งเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่เอาจริงจังในวัฒนธรรม Bosozoku แถมยังมีประสบการณ์การไปเยือนแก๊งรถดังกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว จึงได้คำปรึกษาและคำแนะนำดี ๆ มามากมาย ได้รู้จักรุ่นพี่ที่ขี่รถสไตล์นี้
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงมีชีวิตดี ทำธุรกิจอะไรก็ประสบความสำเร็จ ในขณะที่บางคนทำอะไรก็ให้ผลตอบแทนไม่งอกเงยเท่าที่ควร มีผลวิจัยทำสถิติระบุว่า เรื่องนี้อาจอยู่ที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตและมุมมองวิธีคิดของแต่ละคน เช่นคนที่มักจะรายล้อมตัวเองด้วยคน Toxic หรือมองความท้าทายเป็นปัญหาที่ไม่กล้าจะก้าวเท้าออกไปเผชิญหน้ากับมัน วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำพฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตในการใช้ชีวิตได้มากขึ้น คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล ดูเหมือนว่าคนรอบตัวจะมีอิทธิพลต่อความสำเร็จมากกว่าที่เราคิด ถ้าเราอยู่ร่วมกับคนเก่ง เราจะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้น ถ้าเราอยู่กับคนขี้แพ้ เราอาจกลายเป็นคนขี้แพ้ไปด้วย งานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 25 ปีของ Dr. David McClelland อาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ปัจจัยนึงที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเราได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ กลุ่มอ้างอิง (reference group) หรือกลุ่มคนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วย พูดคุยด้วย หรือ ทำงานร่วมกันเป็นประจำ คนกลุ่มนี้ส่งผลต่อตัวเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่เราเลือกคบนั้นจะมีอิทธิพลต่อเราในทุกด้าน Warren Buffet เคยพูดว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจากการใช้เวลาร่วมกับคนที่ดีกว่าตัวเอง เลือกเพื่อนที่มีพฤติกรรมดีกว่าเรา เราจะอยากผลักดันตัวเองให้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้นไปด้วย ดังนั้น เราควรมีเพื่อนเก่ง ๆ อย่างน้อยสักหนึ่งคนที่สามารถขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาในยามที่เกิดปัญหา ในขณะเดียวกัน ตัวเราเองก็ต้องมีความพร้อมในการมองเห็นและยอมรับปัญหาของตัวเอง เพื่อที่จะได้พัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้นได้แบบ inside-out เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ คนที่ประสบความสำเร็จมักจะหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีและความรู้ในโลกเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“สติ” คำง่าย ๆ สั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายของการใช้ชีวิต มันสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของเราได้ และมันยังสามารถพลิกชีวิตของคน ๆ หนึ่งให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เพียงเสี้ยวนาที ซึ่งเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นประจำ และเคสตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ณ เวลานี้ คงต้องยกให้ “เมสัน กรีนวู้ด” กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กรีนวู้ดคือกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากคนหนึ่งของวงการฟุตบอล ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ทักษะและฟอร์มการเล่นกลับโดดเด่นเกินวัย เขาเป็นนักเตะที่มีทั้งความเร็ว, เทคนิคการเลี้ยงหลบคู่แข่ง รวมไปถึงมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม โดยเฉพาะการยิงด้วยเท้าซ้ายที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนนึกถึงโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตศูนย์หน้าชาวดัตช์ของทีมปีศาจแดง กรีนวู้ดคือผลผลิตจากอะคาเดมี่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยตรง เขาเข้ามาสู่ทีมตั้งแต่อายุ 6 ขวบเท่านั้น ก่อนจะเริ่มไล่ติดทีมเยาวชนของทีมจนถึงชุด U-18 และในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักเตะของทีมชุดใหญ่สำเร็จด้วยอายุเพียง 17 ปี จนสามารถ ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวหลักของทีม และมีผลงานการทำประตูที่น่าประทับใจ รวมไปถึงยังได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อนาคตกำลังสดใส, ความฝันกำลังผลิบาน, ชีวิตกำลังดีและมีทรัพย์สินเงินทอง จนใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อคุณหลงใหลและชื่นชอบอะไรบางอย่างมาก ๆ มันจะมีพลังที่จะทำให้คุณยอมทุ่มสุดตัวเพื่อแลกกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้มาครอบครอง ประโยคนี้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่ม Bosozoku Bike Siam กลุ่มผู้นำวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ท้องถนนในประเทศไทย พวกเขามาพร้อมสไตล์การแต่งรถที่ถอดแบบจากแดนปลาดิบมาทุกตารางนิ้ว ทุกเอกลักษณ์ถูกถ่ายทอดมาจากความรักและแพชชั่นที่มีต่อ Bozosoku Bosozoku Bike Siam ได้ส่ง นนท์ (Kawasaki zephyr 400), โน (Kawasaki zephyr 750), จักร (Honda cb650 Custom) และแพท (Kawasaki zephyr 400) 4 ตัวแทนมาร่วมถ่ายทอดความสุดให้ชาว UNLOCKMEN ได้ทำความรู้จักพวกเขากับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ จุดเริ่มต้นความชื่นชอบ BOSOZOKU นนท์ : เริ่มแรกมาจากการอ่านการ์ตูน แล้วแบบเฮ้ยมันมีหรอวะ มันมีจริง ๆ หรือเปล่า พอโตขึ้นมาก็เลยศึกษาดู และเห็นรุ่นพี่ที่สุพรรณทำก็เลยติดต่อเขาไป เริ่มคุยกัน จนสุดท้ายได้ไปซื้อจากทางที่ญี่ปุ่นกลับมาทำที่ไทย โน: จุดเริ่มต้นแรกมาจากการบ้ามอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น เมื่อก่อนจะบ้ารถโกดัง รถสี่สูบเรียง, Superfour พอมาวันหนึ่งเราอ่านการ์ตูนมาก ๆ
อดีตมักจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มักจะทำให้เราได้นึกถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี สังเกตในระยะหลังมานี้มีการพูดถึงวัฒนธรรมยุค 90’s กันสนั่นโซเชียล มีการถกเถียงกันหลาย ๆ ประเด็นเนื่องจากมีข้อมูลบางอย่างที่ผิดพลาด บางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุค 90’s แต่กลับกลายเป็นในช่วงยุค 2000’s แทน ทาง Unlockmen จึงขอนำเสนอ 10 สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณคือเด็กยุค 90’s อย่างเต็มตัว มาให้ทุกคนได้ลองทบทวนว่าตนเองคือเด็ก 90’s ของจริงหรือไม่ 1.ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ปัจจุบันโทรศัพท์สาธารณะแทบจะหมดความหมายไปแล้ว นับตั้งแต่การเข้ามาของโทรศัพท์มือถือจนพัฒนามาเป็นสมาร์ตโฟน กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีพกติดตัวและเป็นปัจจัยจำเป็นแบบที่ขาดไปชีวิตคงรู้สึกแปลก ๆ แต่สำหรับคนที่เติบโตมาในช่วงยุค 90’s ตู้โทรศัพท์สาธารณะเป็นสิ่งที่มีความหมายมาก ๆ ตู้กระจกทรงยาวสูงกับพื้นที่ความกว้างที่ไม่น่าจะถึงเมตร ความสูงราว ๆ 2 เมตรนิด ๆ มันได้กลายเป็นห้องที่ใครหลายคนใช้เวลาไปกับมันแทบไม่ต่างจากห้องนั่งเล่นภายในบ้านเพื่อโทรคนรู้ใจ, ติดต่อธุระ, คุยเล่นกับเพื่อน หรือมีเหตุเร่งด่วนที่ต้องติดต่อกลับบ้านเมื่ออยู่นอกสถานที่ แต่ก่อนจะเข้ามาใช้บริการคุณจะต้องทำการแลกเหรียญซะก่อน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญบาท, เหรียญห้าบาท หรือเหรียญสิบบาท สามารถใช้ได้ทั้งหมด ถ้าเอาล้ำขึ้นมาหน่อยก็ใช้เป็นบัตรโทรศัพท์เสียบแทน เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เหลือแค่ลุ้นว่าคิวการใช้บริการจะยาวขนาดไหน บางพื้นที่ที่เป็นแหล่งคนพุกพล่านเราอาจจะเจอคนต่อแถวยาวเป็น 10 คน ซึ่งก็ต้องมานั่งลุ้นอีกว่าแต่ละคนจะโทรนานขนาดไหน 2.โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์บ้านคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ความแตกต่างระหว่าง ‘นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ’ กับ ‘คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ’ ปัจจัยสำคัญนั้นอยู่ที่วิธีคิด หรือ Mindset ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างมาก ว่ากันว่าถ้าเรามี Mindset ที่ดี เราจะสามารถจัดการรับมือและแก้ปัญหาได้ดีกว่าคนอื่น ทำให้มีโอกาสชนะในการแข่งขันทางธุรกิจมากกว่าคนอื่นอีกด้วย Mindset หมายถึง กลุ่มของความเชื่อที่ส่งผลต่อความเข้าใจในโลกรอบตัว วิธีคิด ความรู้สึก การแสดงออกในแต่ละสถานการณ์ รวมไปถึงการแก้ปัญหาชีวิตของเรา มันจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก และนักธุรกิจทุกคนควรให้ความสนใจและพัฒนา Mindset ของตัวเองอยู่บ่อย ๆ เราอยากแนะนำประเภทของ Mindset ที่จะช่วยให้นักธุรกิจทุกคนเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นในปีใหม่ที่แสนจะท้าทายนี้กันครับ Growth Mindset เริ่มจาก Growth Mindset หรือ แนวคิดของมนุษย์ที่เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา เพียงแค่มีความตั้งใจและความพยายามก็สามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือ ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่อหนึ่งมากขึ้นได้ คนที่มีแนวคิดแบบนี้ยังมองว่าการหยุดพยายาม หรือ การหนีจากปัญหาคือความล้มเหลว ในขณะที่ความท้าทายหรืองานที่โหดหิน จะทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่ฉลาดยิ่งขึ้น Growth Mindset สำคัญต่อนักธุรกิจ เพราะมันช่วยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับปัญหา และตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนักธุรกิจเจอกับการขาดทุนหนักในระยะเวลานึง ถ้ามี Growth Mindset พวกเขาจะไม่เลิกทำธุรกิจ แต่จะเรียนรู้จากปัญหา
เกิดมาเป็นผู้ชาย ต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน การใช้ชีวิต หรือ ความสัมพันธ์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจทำให้เราตกอยู่ในอาการคิดมากจนเกิดความเครียดถึงขั้นนอนไม่หลับ หากใครกำลังเจอปัญหานี้ เราแนะนำให้ลองนำเทคนิคที่ชื่อว่า Brain Dump ไปใช้ ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยให้สมองของเราโล่งขึ้น จนความเครียดและความกังวลข้างในหายไป ไม่เป็นภัยกับร่างกายและสมองของเราอีกต่อไป ความหมายของ Brain Dump ลองเปรียบสมองเป็นสนามหญ้าขนาดเล็ก และเปรียบความคิดของเราเป็นคนที่มาอยู่ในสนามหญ้านั้น ยิ่งคนเข้ามาอยู่ในสนามหญ้านั้นเยอะ ความแออัดวุ่นวายมันจะยิ่งมากขึ้นตามมา ถ้าเราไม่อยากให้สมองของเราวุ่นวายมากนัก เราควรใช้เทคนิคที่เรียกว่า Brain Dump ในการระบายความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองของเรา เทคนิคนี้จะช่วยให้ความคิดของเราเป็นระบบระเบียบมากขึ้น สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้เก่งขึ้น และทำให้เรามีความ Productive มากขึ้นด้วย เพราะความคิดของเราจะถูกจัดระเบียบ และคัดเลือกสิ่งที่ดีมากขึ้น ซึ่งเราสามารถทำ Brain Dump ได้ง่าย ๆ ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แม้ตอนนี้เราจะมีสมาร์ทโฟนที่สามารถเขียนหรือจดบันทึกได้ทุกอย่าง แต่การเขียนลงบนกระดาษนั่นมีข้อดีกว่าตรงที่ว่า มันทำให้เราจดจำหรือเห็นความสำคัญของสิ่งที่เราบันทึก เพราะการเขียนด้วยมือกระตุ้นการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการคิดและความทรงจำ (working memory) ทำให้เราสามารถจดจำข้อมูลได้นานขึ้น และยังทำให้เรามีส่วนร่วมในข้อมูลที่เราจดบันทึกไว้มากกว่าด้วย ช่วยให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองบันทึกไว้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ สร้างลิสต์ พอเราเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้ว ต่อมาให้เราสร้างลิสต์งานของตัวเอง
เมื่อก่อนการเดทหลังอกหัก คงเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับใครหลายคน อาจเพราะยังมูฟออนกับรักครั้งเก่าไม่ได้ หรือ กลัวว่าความสัมพันธ์ครั้งใหม่จะลงเอยแบบเดิม จึงต้องทำใจอยู่นานกว่าความรักครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความคิดของคนเราจะเปลี่ยนไปจากเดิม คือ คนที่เพิ่งอกหักหลายคนรู้สึกตื่นเต้นกับเดทครั้งใหม่ และพร้อมที่จะมีความรักครั้งใหม่มากขึ้น จนมีการนิยามคำว่า Oystering ขึ้นมาเป็นเทรนด์การหาคู่ที่น่าจับจาในปีนี้ Oystering ไม่ใช่พฤติกรรมการเดท แต่มัน คือ วิธีการมองโลกของคนอกหักที่มองว่าโลกเหมือนเป็นหอยนางรมที่สามารถหากินได้ตลอดเวลา โดยคำนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น หลังจากที่ Badoo แอพหาคู่ชื่อดัง ได้เปิดเผยงานวิจัยของตัวเอง ซึ่งพบว่าคนโสดที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาจำนวนเกือบครึ่ง (46%) รู้สึกตื่นเต้นที่จะออกเดทอีกครั้ง ในขณะที่คนโสดกว่า 50% พร้อมเริ่มต้นการเดทที่จริงจังในปี 2022 เชื่อกันว่า ความคิดในการเดทหลังอกหักได้รับอิทธิพลมาจาก pop culture เช่น ภาพยนตร์ ละคร หรือ ดนตรี ซึ่งทำให้คนเห็นความสำคัญของ ‘การซ่อมแซมตัวเอง’ หลังจากสูญเสียคนรักมากขึ้น อย่างการเดทก็เป็นวิธีการซ่อมแซมตัวเองที่ดีวิธีหนึ่ง เพราะมันสร้างความสนุกสนานและเยียวยาจิตใจที่อ่อนล้าของเราได้จริง เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะเปิดเพลงอกหัก และจมปักอยู่กับความรู้สึกเศร้าสร้อย การมองหาความรักครั้งใหม่จึงเป็นวิธีเยียวยาจิตใจที่น่าสนใจในสายตาของใครหลายคน นอกจาก Oystering แล้ว ทาง Badoo ยังพูดถึงเทรนด์การเดทแบบอื่นที่น่าจับตามองในปีนี้ด้วย เช่น Untyping
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่ 2 ในเดือนมกราคม หลาย ๆ ทีมเริ่มขยับตัวเสริมแกร่งกันเพื่อต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งตามเป้าหมายของแต่ละสโมสร ตัวอย่างเช่น ทีมแอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของสตีเวน เจอร์ราด ก็ดึงเอาฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลมาจากบาร์เซโลน่าแบบยืมตัว เป็นต้น แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ทีมที่ยังไม่ได้ขยับลงตลาดแต่กลับมีข่าวให้ความสนใจนักเตะในหลาย ๆ รายชื่อ และหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นและเนื้อหอมมาก ๆ ในตลาดรอบนี้คงต้องยกให้ “บูบาการ์ กามาร่า” มิดฟิลด์ตัวรับดาวรุ่งวัย 22 ปี จากทีมโอลิมปิก มาร์กเซย ในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลักของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อเข้ามายก ระดับแผงกองกลางที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ของทีมอยู่ในปัจจุบัน เข้าสู่มาร์กเซยตั้งแต่ 5 ขวบ บูบาการ์ กามาร่า หรือ “บูบา” ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1999 ณ ประเทศฝรั่งเศส ตัวเขามีคุณพ่อเป็นชาวเซเนกัลและมีคุณแม่เป็นชาวฝรั่งเศส กามาร่าถูกปลูกฝังให้ชอบกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ๆ และเริ่มเชียร์ทีมโอลิมปิก มาร์กเซย หลังจากที่ได้เข้าไปเที่ยวในสนาม
เวลาขับเครื่องบิน นักบินอาจเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดได้ เช่น เจอเครื่องบินอีกลำหนึ่งบินสวนมา หรือ อากาศแปรปวนกระทันหัน ถ้านักบินตัดสินใจแก้ปัญหาเหล่านี้ช้าเกินไป อาจทำให้เกิดการสูญเสียได้ พวกเขาจึงต้องมีสกิลในการตัดสินใจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากพอสมควร UNLOCKMEN อยากมาแนะนำเทคนิคที่ชื่อว่า OODA Loop ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทหารอากาศใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เจอตอนขับเครื่องบิน แต่เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่นได้เช่นกันอย่างการแก้ปัญหาในที่ทำงาน OODA Loop เป็นเทคนิคในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของ John Boyd พันเอกประจำกองทัพอากาศสหรัฐในตำนานที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1927 – 1997 และได้ผลิตผลงานชิ้นโบว์แดงออกมามากมาย เช่น การสร้างทฤษฎี Energy-Maneuverability (EM) ที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องบินรบ F15 และ F16 หรือ การเขียนผลงาน Aerial Attack Study ที่นับว่าเป็น ไบเบิ้ลของการต่อสู้ทางอากาศที่ปฎิวัติวงการกองทัพอากาศทั่วโลก เป็นต้น เทคนิคนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อรับมือกับ ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ของโลก เพราะมนุษย์ไร้ความสามารถในการเข้าใจข้อมูลทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ เราจึงต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หรือ ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มีความกำกวมอยู่เสมอ OODA Loop จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ ทุกวันนี้ OODA Loop ถูกนำไปใช้ในหลายด้าน