ในโลกที่ Submariner กลายเป็นนาฬิกาหรูสำหรับนักสะสม ใครจะรู้ว่ายุคหนึ่ง Rolex Submariner ถูกสร้างขึ้นเพื่อใส่ใน ‘สงคราม’ สำหรับปฏิบัติการใต้น้ำของทหารอังกฤษจริง ๆ นั่นคือ Rolex Submariner 5513 “MilSub” อีกหนึ่งสุดยอดแห่งความแรร์สำหรับนักสะสมตัวจริง ในช่วงปี 1957 ถึงปลายยุค ‘70s รัฐบาลอังกฤษ โดย Ministry of Defence (MOD) ต้องการนาฬิกาดำน้ำคุณภาพสูงสำหรับหน่วยรบพิเศษ Royal Navy จึงสั่งให้ Rolex ผลิต Submariner ที่ผ่านการดัดแปลงเฉพาะกิจขึ้นมา นาฬิกาเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ขาย ไม่เคยอยู่ในแค็ตตาล็อกทั่วไป มันถูกส่งตรงจาก Rolex ไปยัง MOD เท่านั้น โดยมีทั้งหมด 4 รุ่น แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือ Ref. 5513 เรือนนี้ และตามเอกสารยังระบุว่าเป็น standard equipment สำหรับทหารเรืออีกด้วย FUNCTION BEFORE FORM
บนหน้าปัดดำสนิทของนาฬิกาดำน้ำที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่เหนือยุคสมัย มีตัวอักษรสีแดงเพียงหนึ่งบรรทัด ที่บอกชัดเจนว่าเรือนเวลานี้ไม่เหมือนใครในโลก มันเขียนว่า “SUBMARINER” และเพียงแค่โลโก้สีแดงหนึ่งบรรทัด… ก็สามารถสร้างตำนานให้เรือนเวลาได้ Rolex เปิดตัว Submariner Ref. 1680 ในปี 1967 Submariner รุ่นแรกที่เพิ่ม ฟังก์ชันวันที่ พร้อมเลนส์ Cyclops และที่สำคัญที่สุดคือ รุ่นพิเศษที่โลกจดจำในชื่อว่า “Red Sub” มันไม่ใช่แค่ Submariner ธรรมดาที่ใส่ตัวหนังสือแดง แต่มันคือสัญลักษณ์ของ ช่วงเปลี่ยนผ่านทางเทคนิคและดีไซน์ ของ Rolex ที่สำคัญมาก เป็น Submariner รุ่นเดียวที่เคยใช้ตัวอักษรแดง เป็น Submariner รุ่นแรกที่มีวันที่พร้อมเลนส์ Cyclops (Sea-Dweller เป็น Dive watch รุ่นแรกที่มี date window แต่ไม่มี Cyclops) เป็น Submariner Date รุ่นเดียวที่ใช้กระจก Acrylic box-shaped พร้อม Cyclops
ใต้ฝากระโปรงของ X5 คันนี้ มีเครื่องยนต์ V12 จาก Le Mans ซ่อนอยู่ นี่คือ BMW X5 Le Mans รถ SUV ที่ถูกใช้เป็นสนามทดลองโชว์พลังงานดิบสุดของวิศวกรรม Motorsport “ถ้าเราเอาเครื่อง Le Mans ไปใส่ SUV ล่ะ มันจะเป็นยังไง?” โปรเจกต์นี้เริ่มต้นในปี 1999 – BMW เพิ่งชนะ Le Mans 24h ด้วยรถแข่ง BMW V12 LMR ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Williams F1 ก่อนจะเปิดตัว X5 production รุ่นแรกที่ Frankfurt Motor Show และเพียง 6 เดือนถัดมา พวกเขาก็เปิดตัว X5 Le Mans ที่
ทุกวันนี้ชื่อสำนัก Top Secret ของ Smokey Nagata คงไม่แปลกหูสำหรับคนไทย เพราะบ้านเรามีร่างทองของทีมคุณเบียร์ ใบหยก เกือบจะครบตำนาน ไม่ว่าจะเป็น S15, GT-R รวมถึง Supra แต่วันนี้เราจะมาโฟกัสที่รถที่อาจจะบ้าที่สุดของเขา: Top Secret Supra V12 ในโลกของ 2JZ ที่ใครก็ใช้กัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าดึงหัวใจมันออก แล้วใส่ V12 ลงไปแทน Smokey วางเครื่อง 1GZ-FE V12 จาก Toyota Century ยัด Twin Turbo HKS GT2835 สองลูกเข้าไปเต็มข้อ พ่วงกับ Getrag 6-speed จับคู่คลัตช์ ORC พร้อม LSD ระบบ dry-sump และ ECU จาก HKS F-Con ช่วยควบคุมทุกอย่างแบบแม่นยำ
ในปี 1974 ชายชื่อ Count Gregorio Rossi di Montelera (ทายาทตระกูล Martini & Rossi ผู้สนับสนุน Porsche แข่ง Le Mans) ได้รับรถแข่ง Porsche 917K สีเงินเมทัลลิกคันหนึ่งจากโรงงานที่ Zuffenhausen เป็นรถที่สร้างเพื่อลงสนามแข่งเท่านั้น ไม่มีไฟเลี้ยว ไม่มีทะเบียน ไม่มีแอร์ เสียงท่อ Le Mans ดังกระหึ่มตลอดทาง แน่นอนว่ามันไม่สามารถขับบนถนนได้ แต่ Count Rossi อยากจะขับกลับบ้าน เลยตัดสินใจขับ Porsche 917K คันนั้นจากโรงงาน Zuffenhausen เยอรมนี ข้ามประเทศไปถึง Paris ด้วยถนนสาธารณะ แน่นอนว่าทุกคนที่ได้เห็นต่างต้องหันมองตามกันหมด กลายเป็นตำนานที่ทั้งผู้คนและ Porsche ต่างไม่เคยลืมโมเมนต์นั้น 50 ปีต่อมา Porsche อยากรำลึกเหตุการณ์นี้อีกครั้ง โดยเอารถแข่งระดับ 963 Le
Honda ตัดสินใจส่งท้าย Civic Type R ในตลาดยุโรปด้วยรุ่นพิเศษสุด “Ultimate Edition” รุ่นสั่งลาแบบจำกัดจำนวนแค่ 40 คัน พร้อมรายละเอียดที่ทำให้มันกลายเป็น edition แห่งยุค ตัวรถมาในสี Championship White คู่กับสติ๊กเกอร์ตกแต่งสีแดงบนฝากระโปรงและด้านข้างตัวถัง รับกับหลังคาสีดำและชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์เต็มระบบ ทั้งสปอยเลอร์หลังและสเกิร์ตข้าง เพิ่มความจัดจ้านของรุ่นส่งท้ายให้เกินคำว่าพิเศษ ภายในห้องโดยสารมาตกแต่งด้วยธีมคาร์บอนบนคอนโซลกลาง มาพร้อม Type R Logo Projection ที่ฉายบนพื้นเมื่อเปิดประตู สะท้อนความเป็น Limited อย่างแท้จริง สิ่งที่ทำให้มันพิเศษกว่านั้นคือ กล่องของขวัญเฉพาะรุ่น ที่บรรจุหมายเลขลำดับ 1–40, พวงกุญแจคาร์บอน, พรมปูพื้นคัสตอมที่ผลิตเฉพาะสำหรับรุ่น Ultimate Edition เท่านั้น ทั้งหมดนี้คือการเฉลิมฉลอง 28 ปีของ Civic Type R ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่นในปี 1997 และกลายเป็นตำนานของรถขับหน้าที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในหลายสนามแข่งทั่วโลก รวมถึง Nürburgring, Suzuka, Magny Cours, Spa,
หมุนเข็มไมล์กลับสู่หลักกิโลเมตรที่ 1947s ช่วงเวลาจุดเริ่มต้นของ LAMBRETTA เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์เปลี่ยนโลกของตัวเอง แบรนด์ได้สร้างสกู๊ตเตอร์ซีรีส์ล่าสุด 𝐋𝐀𝐌𝐁𝐑𝐄𝐓𝐓𝐀 𝐗𝟑𝟎𝟎 𝐂𝐀𝐒𝐀 𝐋𝐢𝐦𝐢𝐭𝐞𝐝 𝐄𝐝𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧 รุ่นที่เหล่าผู้หลงใหลความแรงแบบระดับเข้าเส้น #เลือดกรุ๊ปแลม พลาดไม่ได้ ! คอนเซปต์ของซีรีส์นี้ เลือกใช้คำประกาศกร้าวถึงความหลงใหลอันแรงกล้าที่ว่า “Race With Passion” เพื่อถ่ายทอด DNA ความแรงของความแลม ซึ่งรับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณขณะโฉบเฉี่ยวอยู่บนสนามแข่งของ 𝐂𝐀𝐒𝐀 𝐋𝐀𝐌𝐁𝐑𝐄𝐓𝐓𝐀 𝐑𝐚𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐓𝐞𝐚𝐦 ทีมแข่งเซกเมนต์สำคัญที่เคยโฉบรางวัล British Scooter Sport Organisation (BSSO) กับ European Scooter Challenge (ESC) เป็นครั้งแรกให้กับอิตาลี ส่วนหนึ่งใน 𝐂𝐀𝐒𝐀 𝐋𝐀𝐌𝐁𝐑𝐄𝐓𝐓𝐀 ของ Vittorio Tessera ผู้สร้างอาณาจักรที่เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และอู่ เพื่อ Represent แบรนด์มาตลอดกว่า 45 ปี จนแลมกลายเป็นสกู๊ตเตอร์ไอคอนิกสะท้อนความเท่แบบ Made
มันไม่ใช่รถใหญ่ ไม่ใช่รถหรู ไม่ใช่รถอวดคนอื่น แต่มันคือรถที่ทำมาเพื่อ “คนขับ” แบบจริงจัง M2 CS ใหม่ คือคำตอบที่ BMW ตั้งใจให้คนขับได้สัมผัสว่าอะไรคือแก่นแท้ของคำว่าขับสนุก ในยุคที่โลกกำลังผลัก performance car ให้เป็น digital experience และแม้ BMW จะตัดเกียร์ธรรมดาทิ้งไป แต่มันก็ยังไม่ทิ้งวิญญาณของ M2 ที่เราเคยหลงรัก นี่คือ M2 CS 2026 รถ compact coupe ที่แรงกว่า M4 Competition ด้วยพลัง 523 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร จากเครื่อง S58 inline-six twin-turbo บล็อกเดียวกับ M4 CSL รีดพลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ZF ที่จูนมาอย่างเฉียบ แม่น และดุดัน ทำเวลา
หลังจากยุคของ E9 หากจะมองหาจุดเริ่มต้นของ BMW M บนถนนที่ส่งต่อแนวคิดจากสนามแข่งสู่การใช้งานจริง ชื่อที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกไม่ใช่ M1 แต่คือ BMW E12 M535i – production car คันแรกที่ถูกพัฒนาโดยทีม BMW Motorsport ก่อนจะส่งต่อสู่ยุคของ M5 อย่างเต็มรูปแบบ BMW เปิดตัว M535i ในปี 1980 บนพื้นฐานของ 5-Series E12 ที่ถูกปรับแต่งใหม่ทั้งหมด เครื่องยนต์รหัส M30B34 3.5-liter หกสูบเรียง SOHC ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อม Limited Slip ที่ช่วยให้การส่งแรงบิดไปสู่ล้อหลังเฉียบคมยิ่งขึ้น แม้ตัวรถจะหนักกว่า 1.4 ตัน แต่ด้วยการเซ็ตช่วงล่าง Modified sports suspension