Netflix ร่วมกับ Carnival แบรนด์สตรีทแฟชันชั้นนำของไทย เผยโฉมคอลเลกชัน ‘GU TING YANG WA’ ที่อัดแน่นด้วยเครื่องแต่งกายสายสตรีทและไอเทมสุดคูล ประกาศศักดาความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคอนเทนต์เกาหลีบน Netflix ที่ฮิตติดลมบนจนเป็นกระแสไปทั้งบนโซเชียลและออฟไลน์ เรียกได้ว่าป้ายยากันจนตอนนี้ใครๆ ก็แทบจะกลายเป็น “ติ่ง” กันหมดแล้ว! โดยคอลเลกชันนี้เตรียมเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของได้พร้อมกันทั่วประเทศ 30 ตุลาคมนี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 890 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ http://carnivalbkk.com หรือแอปพลิเคชัน Carnival และร้าน Carnival สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ วอร์มนิ้วเตรียมกดสั่งแล้วใส่ไปเฉิดฉายกันได้เลย! จากกระแสฮันรยูในประเทศไทยที่มาแรงต่อเนื่องดังที่เห็นได้ชัดว่า 10 อันดับสูงสุดบน Netflix ในไทยมักมีผลงานจากเกาหลีติดอันดับอยู่เสมอ ซึ่งผลงานที่ได้รับความนิยมสูงไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงแนวรักโรแมนติกสะเทือนอารมณ์ดังที่อยู่ในภาพจำของใครหลายคนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงซีรีส์และภาพยนตร์แนวระทึกขวัญและวิพากษ์สังคมที่นำเสนอได้โดนใจจนได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ความหลากหลายของคอนเทนต์จากเกาหลีใน Netflix ทำให้ฐานผู้ชมคอนเทนต์เกาหลีทุกวันนี้ขยายวงกว้างขึ้น และไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงแวดวงใดแวดวงหนึ่งอีกต่อไป Netflix จึงร่วมกับ Carnival หยิบเอาความสำเร็จตรงนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการต่อยอดให้กับผลงานที่มีทั้งความเป็นสากล แต่ขณะเดียวกันก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ของความเป็นเกาหลีอยู่อย่างชัดเจน โดยในการร่วมงานครั้งนี้กับ Carnival ก็ได้เลือกนำเอากิมมิคจากซีรีส์เกาหลีที่มาแรงแห่งปีมาถ่ายทอดเป็นคอลเลกชันเครื่องแต่งกายสายสตรีท ส่งเสริมให้แฟนซีรีส์ภูมิใจที่จะสวมใส่ ประกาศตัวตนและความชอบอย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด
จับคู่สร้าง limited ที่นักสะสมต้องรีบเก็บมามากมาย ล่าสุดเป็นผลงานที่ร่วมมือกันระหว่าง BAIT x Astro Boy x Seiko 5 Sports สร้างนาฬิการุ่นพิเศษที่โดนใจผู้ชายแน่นอน ในจำนวนเพียง 2,000 เรือนทั่วโลก BAIT x Astro Boy x Seiko 5 Sports มาในโทนสีดำ Blacked-out ทั้งเรือน กลไก automatic ในเคสขนาด 42.55 mm ผลิตจาก stainless steel ส่วนขอบ bezel สีดำมีการโชว์ผิววัสดุ stainless steel ด้านในเพิ่มความเท่ หน้าปัดสีดำเรืองแสง glow-in-the-dark เผยให้เห็นลายเส้นที่ซ่อนอยู่ มาพร้อมช่อง day-date มีลายเส้น Astro Boy และโลโก้ BAIT อยู่บริเวณ 6 นาฬิกา ปิดท้ายด้วยเข็ม
Omega เปิดตัว Speedmaster edition สุดพิเศษ “Chronoscope” คำนิยามที่หมายถึงเครื่องมือที่ใช้เพื่อวัดระยะเวลาที่ดำเนินไประหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดจากการนำคำในภาษากรีกสองคำมาผสมกัน คือ “Chronos” ที่แปลว่า เวลา และ “Scope” ที่แปลว่า การสังเกต คำแทนเครื่องมือที่ใช้เพื่อบอกระยะเวลาระหว่างตำแหน่งเวลาหรือเหตุการณ์ OMEGA Speedmaster Chronoscope รุ่นใหม่ขนาด 43 มม. อันน่าทึ่งสามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม – และในหลากหลายระดับ สำหรับเหล่าผู้ที่หลงใหลในบรรดาเรือนเวลาระดับตำนานของ OMEGA นาฬิการุ่นนี้ถูกอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย ทั้งหน้าปัดแบบพิมพ์ที่รวมสามสเกลเวลาเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสวยงามสะกดทุกสายตา Tachymeter เครื่องมือบอกความเร็วจากระยะทาง จะสามารถบอกความเร็วที่คุณใช้ในการเดินทางได้ โดยอิงจากระยะทางที่เดินทาง โดยสเกลจะช่วยวัดระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางเฉลี่ยระหว่างตำแหน่งสองตำแหน่ง ไม่มีว่าการเดินทางของคุณจะเป็นในหน่วยไมล์หรือกิโลเมตร Telemeter บอกระยะทางจากความเร็วของเสียง เพียงสองขั้นตอนสุดง่าย เครื่องบอกเวลาอันเที่ยงตรงจาก OMEGA สามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่าคุณอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดที่สามารถมองเห็นและมีเสียง เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง Pulsometer วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เต้นช้าไป เร็วไป หรือกำลังพอดี? ต้องขอบคุณสเกล 30 ครั้งต่อนาที ที่ทำให้คุณสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจของทั้งตนเองหรือผู้อื่นได้ เรือนเวลา
TAG Heuer Connected Bright Black Edition นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นลิมิเต็ดจากตระกูล Connected ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงอย่างไทเทเนียม และเซรามิก ที่พิเศษไปอีกขั้นคือดีไซน์การจับคู่สีอย่างสีทองและสีดำ เป็นการนำรุ่น Connected มาตีความใหม่ได้อย่างลงตัว โดยการผสมผสานทั้งสไตล์ ความสวยงามทรงภูมิฐาน และประสิทธิภาพทางเทคโนโลยีเข้าด้วยกันจึงไม่น่าแปลกใจที่รุ่น Connected จะได้รับความนิยมและสามารถครองใจผู้สวมใส่ได้ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อปีพ.ศ. 2558 ความสง่างามอันทรงประสิทธิภาพ TAG Heuer Connected กลับมาอีกครั้งในรุ่นพิเศษที่ผสานการออกแบบที่น่าทึ่ง และวัสดุคุณภาพสูง พร้อมลูกเล่นการจับคู่สีทองและสีดำที่ส่องประกายตัดกันอย่างลงตัว มาพร้อมดีเทลขอบหน้าปัดเซรามิกที่ดูสง่างาม สายหนังผิวสัมผัสนุ่ม หน้าปัดกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่คมชัด และตัวเลขบนขอบหน้าปัดสีทองอร่าม เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันหรูหราแต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานในทุกมิติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้โดดเด่นน่าจับตามอง โดยตัวเรือนเป็นไทเทเนียม เกรด 2 นำมาพ่นทรายหรือแซนด์บลาสต์ และเคลือบ DLC สีดำด้าน เช่นเดียวกับบานพับ และเม็ดมะยม จึงดูสง่างามและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ ความงดงามที่เรียบง่ายยังถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์แบบด้วยขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำ ซึ่งได้รับการขัดเงาให้เรืองรองตัดกับตัวเรือน ตัวเลขบนขอบหน้าปัดเคลือบแลกเกอร์สีทองอร่าม เช่นเดียวกับเม็ดมะยม เป็นรายละเอียดที่ช่วยแต่งแต้มให้สมาร์ทวอทช์เรือนนี้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น TAG Heuer Connected Bright Black Edition
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเบสบอลถือเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วทุกมุมโลก มีสื่อหลายแขนง ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้แต่การ์ตูนหลายเรื่องที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสปิริตและความมุ่งมั่นของนักกีฬาเบสบอลออกมาได้อย่างน่าประทับใจ และไม่ใช่เพียงเท่านั้น เพราะ ‘เบสบอล’ ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แฟชั่นของแบรนด์ต่าง ๆ อีกมากมาย ล่าสุดทาง BOSS และ RUSSELL ATHLETIC ซึ่งร่วมกันทำคอลเลคชันเสื้อผ้าใหม่ “BOSS X RUSSELL ATHLETIC PRE-SPRING 2022” ต้องบอกว่า “BOSS X RUSSELL ATHLETIC PRE-SPRING 2022” ถือเป็นคอลเลคชันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกกีฬาเบสบอลมาอย่างเข้มข้น โดยนำมาผสมผสานระหว่างสไตล์แคชวลและโมเดิร์นเทเรอร์ริงอันโดดเด่น เป็นการนำมุมมองอันสดใหม่มาสู่ความเรโทรแบบอเมริกัน ผสานความเชี่ยวชาญของ BOSS ด้านการตัดเย็บสุดเนี้ยบ และความสวยงามของชุด Sportwear อันเป็นที่จดจำได้ในทันทีของ Russell Athletic แบรนด์กีฬาเก่าแก่ของโลกเข้าไว้ด้วยกัน โดยไอเทมแต่ละชิ้นในคอลเลคชันนี้ได้ถ่ายทอดการเฉลิมฉลองจิตวิญญาณแห่งทีมเวิร์กและความคึกคักของกีฬาเบสบอลออกมาผ่านงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากคลังแสงของทั้งสองแบรนด์ ที่ถูกนำเสนอในรูปแบบของเสื้อผ้าที่ใส่สบายเข้ารูป และสไตล์แบบ 90s ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เฉดสี น้ำเงินเข้ม (Dark Blue) ครีม (Cream) และน้ำตาลคาเมล (Camel)
พลังของการเชื่อมั่นในตัวเอง เป็น Mindset สำคัญที่หลายคนหลงลืมมันไปในยุคที่คนส่วนใหญ่สร้างกรอบทางเดินตามรอยเท้าคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หลายคนเลือกจะเป็นเหมือนคนอื่นเพียงเพราะไม่กล้าที่จะเสี่ยง พยายามทำตามความสำเร็จของคนอื่นมากกว่าที่จะกล้าเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ จนในที่สุดก็หลงลืมความต้องการของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย David Wagoner นักกวีชาวอเมริกันเคยพูดถึงความสำคัญของการฟังเสียงตัวเองในผลงานชื่อ “The Hero with One Face” ที่ผ่านมาพวกเราเติบโตโดยฟังคำแนะนำจากคนรอบข้างมาตลอด เริ่มตั้งแต่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน เพื่อน แฟน หลายครั้งเราเลือกที่จะทำตามคำแนะนำที่คนอื่นบอกว่าควรจะทำแบบนี้ ควรจะเลือกแบบนั้น มากกว่าเชื่อเสียงในใจของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ค่อย ๆ เป็นเบ้าหล่อหลอมให้ตัวเรารู้สึกกลัวที่จะลุยเดินไปข้างหน้าตามที่ตัวเองต้องการ เป็นสาเหตุที่หลายคนเติบโตพร้อมกับความไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ หรือถึงขั้นไม่เชื่อความรู้สึกลึก ๆ ข้างในของตัวเอง การรับมือกับการไม่เชื่อมั่นในตัวเอง (Self-limiting beliefs) ที่คอยฉุดรั้งไม่ให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เริ่มได้ด้วยการปรับ Mindset ให้เรามีความกล้าที่จะแตกต่าง และเชื่อมั่นในเส้นทางที่เลือก เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เราแนะนำให้ลอง หยุดถามคนรอบข้าง ฟังเสียงตัวเองให้มากขึ้น และกล้าที่จะท้าทายลุยไปมันมันให้ถึงที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ Richard Madden นักแสดงชายมากฝีมือใช้ในการเดินทางของตัวเอง Richard Madden เชื่อในความสามารถด้านการแสดงและเลือกที่จะทุ่มสุดตัว จากเด็กหนุ่มรูปร่างอ้วน นิสัยขี้อาย
เข้าใกล้โลกอนาคตในอุดมคติของ Mark Zuckerberg ไปอีกก้าว กับการเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Smart Glasses ที่ร่วมมือกันพัฒนาระหว่าง Facebook และ Ray-Ban ในชื่อ “Ray-Ban Stories” ความเจ๋งของแว่นตา Ray-Ban Stories ที่ดูจะเท่กว่าอดีต Google Glasses โปรเจคที่โดนพับจากความล้มเหลวไปก่อนหน้านี้หลายปี เพราะนอกจากความสามารถจากเทคโนโลยีสุดล้ำ ด้านดีไซน์ แว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่เลือกใช้โครงจาก 3 รุ่นดัง Wayfarer, Round และ Meteor แว่นทรงยอดนิยมที่ใครใส่ก็เท่ ที่สำคัญคือฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา แว่น Ray-Ban Stories สามารถถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอได้ด้วยกล้องความละเอียด 5 Megapixels – high resolution photos (2592×1944 pixels) and quality video (1184×1184 pixels at 30 frames per second) พร้อม
เขาเริ่มต้นเส้นทางนักแสดงจากการเป็นนักเต้น เล่นละครเวทีเดอะมิวสิคัล จนก้าวเข้าสู่วงการฮอลลีวูดตั้งแต่ยังวัยกระเตาะ สำหรับ Thomas Stanley Holland หรือ Tom Holland สไปเดอร์แมนหนุ่มร่างเล็ก วัย 25 ปี ซึ่งนอกจากฝีมือการแสดงที่น่าชื่นชมแล้ว เขายังมีสไตล์การแต่งตัวที่ชวนหลงใหล ทั้งเรื่องของสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตน การเลือกสีเครื่องแต่งกายให้แมทช์กันอย่างไร้ที่ติ รวมไปถึงการเลือกทรงผมเผยโครงหน้าที่ดูจะเหมาะเจาะไปซะทุกครั้งที่เขาต้องปรากฎกายต่อหน้าสาธารณะชน วันนี้ Style Guide เราจะเจาะจุดเด่นการเลือกแต่งกายของพ่อหนุ่ม Spider-Man คนนี้กัน เชื่อว่าจะสร้างสไตล์สีสันให้กับผู้ชายร่างเล็กหลาย ๆ คนได้อย่างแน่นอน Tom Holland คือชายที่มีชั้นเชิงในการแต่งกายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลีลาการแสดง เขามักจะมีเสื้อตัวนอกที่เป็นส่วนเติมเต็มลุคอยู่เสมอ โดยเฉพาะแจ็คเก็ตโทนหลัก 3 สี ยีนส์ ดำ น้ำตาล ที่ก็แทบจะ finish ได้ทุกลุคของผู้ชายอย่างเรา ๆ แล้ว แจ็คเก็ตสียีนส์ที่มาช่วยคลุมเสื้อยืดสีขาวด้านใน กับกางเกงผ้าลายตารางแบบฉบับหนุ่มอังกฤษยุค 60S’ ดึงดูดสายตาด้วยสนีกเกอร์สีขาว เรียกได้ว่าขยี้ซะลุคนี้ออกมาโคตรคูล ส่วนแจ็คเก็ตดำเข้าตำรา All Black คลุมโทนดำขรึมทั้งลุค หรือบางวันก็หยิบไอเท็มสุดคลาสสิคอย่างเสื้อยืดขาวมาตัดความทะมึน พร้อมกับสวม
แม้จะผ่านทัวร์นาเมนต์ยูโรยุคโควิด 2020 มาได้สักพักแล้ว แต่ถ้าชาว UNLOCKMEN สังเกตดี ๆ จะพบว่ามีอีกหนึ่งควันหลงที่ยังคงไม่จางหาย และได้กลายมาเป็นเทรนด์สุดคูล สำหรับแฟชั่นทรงผมสุดกระแทกตา “Gazza Style 96” ซึ่งมาจากการที่เจ้าหนู Phil Foden ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ นึกสนุกอยากลองเปลี่ยนลุคก่อนลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ประกอบกับทัพ The Three Lions ทะลุไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ รวมถึงการที่ Jorginho กองกลางชาวอิตาลีผู้สมหวังจากนัดชิงชนะเลิศกลับมาที่แคมป์สโมสรด้วยลุคที่ใครมองก็ต้องร้องว่า นี่มันแกสซ่าชัดๆ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมวัยเก๋า Thiago Silva ที่ดูวัยรุ่นขึ้นไม่น้อยกับทรงผมใหม่ เหมือนเป็นการสานต่อเทรนด์นี้ เป็นอีกสาเหตุที่ส่งให้แฟชั่นผมสีบลอนด์ติดหัวสไตล์แกสซ่ายิ่งเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในวงการฟุตบอล INSPIRED BY GAZZA STYLE ต้นฉบับความซ่านี้คือ Paul Gascoigne อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ เจ้าของฉายา “Gazza” ด้วยลีลา พรสวรรค์ และวีรกรรมสุดแสบ ทำให้เขาเป็นที่กล่าวขานทั้งเรื่องฝีเท้าในสนาม รวมถึงความซ่านอกสนาม เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นนักเตะเจ้าเนื้อผมสีน้ำตาลดำธรรมดาๆ จนเริ่มมีชื่อเสียง บวกกับความเป็นขบถลูกหนังตัวเป้ง จึงเริ่มจัดการเปลี่ยนลุคตัวเองในช่วงปี 1995 ผมสั้นเตียนเกือบติดหนังหัว
ผู้ชายไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยจะให้ความสนใจในเรื่องของทรงผมกันมากนัก หรือไม่ก็จะทำตัวตามกันไปหมดจนแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร เห็นเค้าว่าทรงนี้ดี ทรงนี้กำลังฮิต ก็ทำตามกันโดยไม่ได้รู้ที่มาที่ไป หรือดูความเหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง ซึ่งอย่างที่เราเคยบอกไปหลายครั้งว่าเรื่องของทรงผมนั้น “ไม่มีกฎตายตัว” ไม่มีใครฟันธงได้ว่าแบบไหนถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเข้ากันระหว่างสไตล์ที่เลือกใช้ กับคาแรคเตอร์ บุคลิก และตัวตนของคุณมากกว่า ขอแค่คุณหาตัวเองจนพบว่าจริง ๆ ชอบอะไร ทำอะไรแล้วรู้สึกมั่นใจ เพราะบางครั้งการทำผมแบบดาราในดวงใจ ผมที่ได้ชื่อฮิตอันดับหนึ่งของโลก ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่มีสไตล์ดีขึ้นได้ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของคุณ เพื่อเป็นการแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร สไตล์ทรงผมแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะการพัฒนาสไตล์ถือเป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างความเป็นตัวเองได้ง่ายที่สุด วันนี้เรามีแนวทางมาช่วยแนะนำผู้ชายทุกคนที่ต้องการจะพัฒนาบุคลิกตัวเองให้ดีที่สุดด้วยการ “Find the right hairstyle for you” PICK THE BEST HAIRSTYLE เติมเต็มสไตล์ของตัวเอง นอกจากเสื้อผ้า เรื่องทรงผมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มสไตล์และคาแรคเตอร์ของเราให้สุดทาง สามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง ต่อให้แต่งตัวดีแค่ไหน แต่ถ้าเลือกทรงผมไม่เข้ากับสไตล์และรูปหน้า หรือเซ็ทผมออกมาได้ไม่ดี ก็ทำให้ภาพรวมดูขัดใจได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ทรงผมผู้ชายมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเหมาะกับผมทุกทรง ซึ่งเราแนะนำให้เลือกทรงผมที่ใช่ โดยใช้รูปหน้าเป็นจุดหลักในการช่วยตัดสินใจ จะทำให้ได้ไอเดียช่วยเลือกและจัดแต่งทรงผมได้ง่ายขึ้น รูปทรงไข่ (Oval Face) คือทรงหน้าที่น่าอิจฉา เพราะมีอัตราส่วนค่อนข้างสมบูรณ์แบบ