“วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง” วันลอยกระทงกำลังจะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง! ถึงเทรนด์รักษ์โลกจะมาแรงจนหลายคนลังเลว่าจะลอยหรือไม่ลอยดี เพราะไม่อยากสร้างความสกปรกให้น่านน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ แต่ในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ ไม่ว่าจะอากาศสบาย ๆ ก็ดี ลมเย็น ๆ ก็ดี ไหนจะพระจันทร์ดวงโตแบบหนึ่งปีมีครั้ง การดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ ซึมซับกลิ่นอายแห่งความรื่นรมย์ก็เป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ลงจริง ๆ วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงร่วมมือกันสร้างเพลย์ลิสต์แบบจัดหนักจัดเต็มสำหรับคนอยากอินเทศกาล เราจะมาแนะนำเพลงเกี่ยวกับ ‘พระจันทร์’ ทั้งไทยและสากล ให้เอาไปเปิดฟังเพลงชมจันทร์กันเพลิน ๆ ในวันลอยกระทงที่จะถึงนี้ จะมีเพลงอะไรบ้าง เรามาดูกัน เพลงสากล 1. Pink Moon – Nick Drake อันที่จริงเพลงนี้ซ่อนความหมายเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตของ Nick Drake ผู้แต่งเพลงนี้เอาไว้ แต่ความเบาสบายของดนตรี และท่อนฮุคติดหูร้องตามง่าย “Pink Moon” จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเปิดคลอเอาไว้ยามดวงจันทร์สุกสว่างสดใสกว่าทุกคืน 2. Harvest Moon – Neil Young หากจะเอ่ยถึงเพลงที่เกี่ยวกับการเต้นรำใต้แสงจันทร์ ไม่มีอะไรจะโรแมนติกไปกว่า Harvest Moon ของ Neil
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการฟังเพลงของผู้คน สองหนุ่มวง “Dept” เบนซ์ (กีตาร์/ร้องนำ) และ ลุค (คีย์บอร์ด) เพื่อนคู่หูจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งนี้เช่นกัน พวกเขาเริ่มต้นจากการช่วยกันทำเพลงเอง ปล่อยเพลง โปรโมตตัวเอง แบบที่ไม่ได้คาดหวัง ต่อมาเมื่อวันเวลาล่วงเลย โชคชะตาและ WiFi ก็พายอดวิวเพลงของพวกเขาขึ้นจากหลักหมื่นเป็นหลักล้าน จนมาถึงวันที่ค่ายอินดี้แถวหน้าอย่าง Smallroom ได้ชักชวนให้พวกเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN มาทำความรู้จักกับ Dept ให้มากขึ้น พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วไปไงมาไงถึงได้ร่วมงานกับค่าย Smallroom บทสนทนานี้มีคำตอบ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘เพลงของ Dept ฟังสบายเช่นไร ตัวตนของพวกเขาก็สบาย ๆ เช่นนั้น’ ชื่อวง Dept มาจากไหน? ลุค: มาจาก Johnny Depp ครับ แต่เปลี่ยนตัว P ข้างหลังให้เป็นตัว T เบนซ์: ตอนแรกคิดไม่ออก แต่ไปเจอ Fact
“แต่ละเดือนมีคอเพลงกว่า 1 พันล้านคนใช้บริการ YouTube” ผลสำรวจของ ipsos เปิดเผยว่า “9 ใน 10 คนของคนไทยที่ออนไลน์เข้ามาใน Youtube ทุกวัน” และจากคอนเทนต์เพลงลูกทุ่งที่ยังคงเป็นคอนเทนต์ยืนหนึ่งเสมอก็เป็นตัวชี้วัดได้ว่า ไม่ได้มีเฉพาะคนเมืองที่เข้า Youtube ส่วนเราก็สารภาพตรงนี้เลยว่าเราคือหนึ่งในนั้น ที่ต่อให้มีแอปฯ เฉพาะสำหรับฟังเพลง เราก็ยังไม่วายกดเข้า Youtube ให้วิ่งในหน้า Browser ระหว่างทำงานทุกวัน เพราะสำหรับเราแพลตฟอร์มของ Youtube มีหลายคอนเทนต์ให้เลือกและยังใช้งานได้ดี ยกเว้นตอนที่ตั้งใจจะฟังเพลงอย่างเดียวผ่านสมาร์ตโฟน พอสลับแอปฯ ทีไรเพลงต้องดับกลางคันตลอด มาวันนี้ฤกษ์งามยามดี Youtube ประเทศไทยมาประกาศว่าจะเปิดตัวแอปฯ ใหม่เพื่อเอาใจคอเพลงที่ Crimson’s Room, Velaa Sindhorn Village เราเลยรีบบึ่งมาฟังและมาบอกก่อนใคร ส่วนหนึ่งเพราะอยากรู้ว่าเปิดตัวทีหลังจะมีอะไรดีกว่าให้เลือกไหม หรือราคาจะน่าคบหาหรือเปล่าเพราะเราก็แฟนประจำ ชาว UNLOCKMEN คนไหนอยากอ่านครบ ๆ บอกเลยว่า เราสรุปรายละเอียดมาให้ตัดสินใจแล้ว ว่าคุณจะย้ายค่ายแอปฯ สตรีมมิงในมือถือดีไหม 2 WAYS FOR MUSIC LIFESTYLE งานเปิดตัวครั้งนี้แบ่งเป็น
ปี 2019 ถือเป็นปีทองของนักแสดงรุ่นเก๋าอย่างคีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) อีกครั้งหลังได้เคยรับความนิยมท่วมท้นภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ได้คำชมล้นหลามจากภาพยนตร์แอกชันสุดดิบ John Wick ไปร่วมพากย์หนังในแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง Toy Story 4 (2019) และเป็นตัวละครในเกม Cyberpunk 2077 จนตอนนี้ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็อยากจะร่วมงานกับพระเอกฮอลลีวูดคนนี้ด้วยกันทั้งนั้น หลากหลายค่ายสร้างหนังเอ่ยปากอยากได้คีอานู รีฟส์ มาแจมในภาพยนตร์ของตัวเอง ไม่ว่าจะประธานค่าย Marvel Studio ที่เอ่ยปากว่ารีฟส์เป็นนักแสดงชายที่มากด้วยเสน่ห์ และคงจะดีไม่น้อยถ้าได้เขามาร่วมแจมในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเอง แถมยังไม่เกี่ยงว่าจะต้องมาเล่นเรื่องไหน ขอแค่เป็นรีฟส์เขาก็พร้อมจะร่วมงานด้วย ชื่อเสียงของรีฟส์ยังกระโดดออกจากวงการภาพยนตร์ไปสู่วงการเกมด้วยเช่นกัน เมื่อเทพโคจิมะหรือ Hideo Kojima ผู้สร้างเกมชื่อดังก็เอ่ยปากชมรีฟส์อยู่บ่อย ๆ หลังจากพบกัน ว่าเขาเป็นชายที่สุภาพ อ่อนน้อม และเทพโคจิมะยังทิ้งท้ายอีกว่าถ้ามีโอกาสในอนาคต เขาก็ไม่พลาดร่วมงานกับคีอานู รีฟส์ แน่นอน กระทั่งล่าสุดทีมผู้สร้างภาพยนตร์แอกชันแฟรนไชส์ชื่อดังที่มีรถเป็นตัวหลักของเรื่องอย่าง Fast & Furious ซึ่งตอนนี้มีหนังออกมาถึง 8 ภาคแล้ว แถมภาคที่ 9
แฟนเพลงของ Imagine Dragons คงพอทราบกันมาบ้างว่า วงร็อกอเมริกันวงนี้มีแนวคิดแบบหัวสมัยใหม่ รวมถึงสมาชิกแต่ละคนในวงนั้นก็ช่างแสนดี ไม่ว่าจะเป็นการหมั่นให้กำลังใจผู้คน ถ่ายทอดวิธีคิดเชิงบวกผ่านบทเพลง ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าบนคอนเสิร์ต ต่อต้านการใช้ปืน รวมไปถึงสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) เรียกได้ว่าอะไรที่เป็นคุณงามความดี เหล่าหนุ่มมังกรเขาพร้อมจะผลักดันทุกช่องทาง ทั้ง ๆ ที่เป็นวงหัวก้าวหน้า แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน เพลงฮิตอย่าง ‘Radioactive’ ของพวกเขาดันไปปรากฏอยู่ในรายการวิทยุชื่อ America First ของ Sebastian Gorka อดีตผู้ช่วยของประธานาธิบดี Donald Trump ซะงั้น เรื่องมันเริ่มจากวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งทวีตมาบอก Dan Reynolds ฟรอนต์แมนของว่า Sebastian Gorka เอาเพลงวงเขาไปใช้ในรายการวิทยุนะ แน่นอนว่างานนี้พี่ Dan แกไม่ยอม! Dan Reynolds ทำการลงดาบขั้นแรกด้วยการทวีตไปถึง Sebastian Gorka โดยตรง (พ่วงทวีตผู้ที่แจ้งข่าวไปด้วย) ว่า “ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบครับ ผมไม่เคยอนุญาต ช่วยหยุดใช้เพลงของ Imagine
สำหรับคนที่ชื่นชอบการดูภาพยนตร์คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ผู้กำกับหนังชื่อดังที่สร้างภาพยนตร์ สารคดี รายการโทรทัศน์มาแล้วกว่า 60 เรื่อง ใคร ๆ ก็ชื่นชมเขา ใคร ๆ ต่างก็นับถือเขา แต่ในตอนนี้เขากลับต้องเจอกับคำวิจารณ์ของสังคมครั้งใหญ่เพราะเขาบอกว่าหนังของ Marvel เป็นแค่สวนสนุก และทำให้เราต้องคิดตามว่า ‘แล้วหนังแบบไหนถึงจะเรียกว่าภาพยนตร์ที่แท้จริงได้บ้าง ?’ บางคนอาจยังสับสนว่า มาร์ติน สกอร์เซซี เป็นใคร เขามีผลงานโด่งดังอะไรบ้างที่ทำให้กลายเป็นตำนาน และทำไมมุมมองเกี่ยวกับภาพยนตร์ของเขาสามารถสร้างผลกระทบให้กับวงการภาพยนตร์ได้มากมายขนาดนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับผู้กำกับชื่อดังคนนี้ให้มากขึ้น เพราะการสร้างสรรค์ผลงานผ่านการกำกับและงานเขียนสามารถทำให้เรารู้ลึกถึงความคิดของคนคนหนึ่งได้ ความสำเร็จของ MARTIN SCORSESE ก่อนสกอร์เซซีจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับหนังที่มีอิทธิพลต่อวงการฮอลลีวูด เขาแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง Mean Streets (1973) บอกเล่าสังคมของผู้คนและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในโลกใต้ดินเมืองนิวยอร์กผ่านเด็กเก็บค่าคุ้มครอง แม้มีงบทำหนังจำกัดมาก ๆ แต่สกอร์เซซีทำให้ผู้คนเห็นว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหลักในการสร้างภาพยนตร์ที่ดี จากนั้นต่อด้วยเรื่อง Taxi Driver (1976) ชายผู้ผ่านสงครามเวียดนามที่เป็นโรคนอนไม่หลับเลยมาขับแท็กซี่ตอนกลางคืน แต่สุดท้ายจับพลัดจับผลูวางแผนฆ่าผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการกำกับอันแยบคาย ดนตรีประกอบสไตล์แจ๊สที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมเพราะเป็นผลงานสุดท้ายของ Bernard Herrmann นักดนตรีประพันธ์ดนตรีประกอบชื่อดัง
ทิ้งท้ายตุลาคมกันด้วยมวลมหาความสุขที่คืนกลับมาให้ชาวร็อก เพราะสองวงระดับตำนานประกาศจะคืนวงการในเวลาใกล้กันติด ๆ เริ่มจากราชาป๊อปพังก์อย่าง My Chemical Romance ปลุกพลังอีโมวัยรุ่นยุค 2000 ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเจ้าพ่อแรปเมทัลอย่าง Rage Against The Machine วงดนตรีแห่งอุดมการณ์ที่ด่ารัฐบาล และต่อต้านระบบทุนนิยม ที่ขึ้นแสดงบนเวทีเป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2011 วันนี้เราเลยจะมาย้อนเหตุการณ์เหล่านั้น ให้คอเพลงทุกคนได้ทบทวนไปพร้อม ๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับวงการเพลงร็อกในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา! การกลับมาของ My Chemical Romance วันที่ 30 ตุลาคม จู่ ๆ ทาง Official ของวง My Chemical Romance ก็ประกาศว่าวงจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่ปี 2013 แต่นี่ไม่ใช่การประกาศอัลบั้ม แต่เป็นการประกาศโชว์ ‘My Chemical Romance Return’ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ณ ลอสแอนเจลิส ต่อมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเปิดขายบัตร
“คนเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้” เป็นประโยคคลาสสิกที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กจนโต จริงอยู่ว่าคนตายเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองที่เคยหามาได้ก็ต้องกองเอาไว้ที่เดิม แต่สำหรับคนตายบางคน ไม่ได้เป็นแบบนั้น ต่อให้สิ้นลมหายใจคุณก็ปล้นสมบัติของเขาไปไม่หมด เพราะพวกเขาดันมีรายได้หลักล้านเข้ามาไม่ขาดสายน่ะสิ! ล่าสุด Forbes นิตยสารอันดับ 1 ด้านธุรกิจและการเงินในสหรัฐอเมริกา (ที่ปัจจุบันกลายเป็นเว็บไซต์นักจัดอันดับมือหนึ่งของโลกไปเสียแล้ว) ก็ได้อัปเดตรายได้ประจำปีของ ‘คนดังผู้ล่วงลับ’ พวกเขาเหล่านี้แม้จะลาจากโลกไปนาน แต่ผลงานต่าง ๆ ยังคงถูกสิ่งที่เรียกว่า ‘ลิขสิทธิ์’ ช่วยรักษาผลประกอบการที่พึงได้ในแต่ละปีไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งอันดับ 1 ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ราชาเพลงป๊อป Michael Jackson นั่นเอง วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะมารายงาน Top 5 ห้าอันดับแรกของตำแหน่งเจ้าของรายได้ ที่ความตายก็ไม่อาจพรากเงินทองของเขาไป ส่วนพวกเขาทำรายได้ไปเท่าไหร่บ้างในรอบปีนี้ไปดูพร้อมกันเลย No.5 BOB MARLEY $20 Million ราชาเพลงเร็กเก้ผู้ล่วงลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ด้วยโรคมะเร็ง ในรอบปีที่ผ่านมาเขาทำเงินได้มากถึง 20 ล้านดอลลาร์ หรือ 600 ล้านบาทไทยเลย นอกจากยอดสตรีมมิง เพลงเขาของยังสูงลิ่วถึงหลักพันล้านในสหรัฐอเมริกาแล้ว ไม่รวมสินค้าต่าง
เมื่อพูดถึงเกมและนักสร้างเกมปัจจุบัน ชื่อที่ถูกพูดถึงคงหนีไม่พ้นนักสร้างเกมสัญชาติญี่ปุ่น Kojima Hideo ที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกเขาว่า ‘เทพโคจิมะ’ เพราะเกมที่เขาสร้างส่วนใหญ่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนหักมุมไปมา บทพูดน่าประทับใจของตัวละครที่ชวนคิด คล้ายกับว่าเกมของโคจิมะเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่น่าติดตามจนจบ ล่าสุดเขาเริ่มสร้างสรรค์ผลงานที่ทำให้เกมเมอร์ต่างเฝ้ารอสัมผัสด้วยตัวเองอย่าง Death Stranding ซึ่งใช้เวลาสร้างนานกว่า 3 ปี หลังจากบรรดาแฟน ๆ ถูกทิ้งให้ปวดหัวกับปริศนาที่โคจิมะทิ้งไว้ในตัวอย่างเกมและบทสัมภาษณ์ เรื่องราวของ Death Stranding เป็นเกมที่ว่าด้วยอะไรก็ไม่รู้ (ความตั้งใจของโคจิมะที่ทำให้คนเดาไม่ได้ว่าเนื้อเรื่องจะไปในทิศทางไหนจนกว่าจะได้เล่นจริง ๆ) มุมมองภายในเกม เล่าเรื่องราวผ่าน Sam Porter Bridges รับบทโดย Norman Reedus หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากซีรีส์เรื่อง The Walking Dead แต่ในเกมเขาจะสลัดบทบาทจากโลกซอมบี้ ลายเป็นชายผู้ทำหน้าที่ขนส่งสิ่งของและช่วยเหลือผู้คนตามเมืองต่าง ๆ หลังจากการล่มสลายของโลก ความมึนงงเดาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องไม่ได้ ทำให้ใคร ๆ ต่างตั้งคำถามกับทีมงานและโคจิมะว่าตกลงแล้วเนื้อเรื่องของเกมคืออะไรกันแน่ ? โคจิมะก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเกม Death Stranding มีเส้นเรื่องหลักเกี่ยวกับ “ชีวิตและความตาย” (คำตอบของเขาก็ไม่ทำให้เรารู้เนื้อเรื่องมากขึ้นเท่าไหร่อยู่ดี) ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นด้วยอุปสรรคต่าง ๆ
ภาพยนตร์ระทึกขวัญสั่นประสาทถือเป็นหนังที่ครองใจคนหลายกลุ่มมาอย่างยาวนาน เพราะความตื่นเต้น ฉากนองเลือด ดนตรีประกอบชวนขนลุก ทั้งหมดเร้าอารมณ์ให้ลุ้นและสนุกสนานไปกับการเล่าเรื่องของผู้กำกับ แต่กว่าจะมีภาพยนตร์สยองขวัญที่หลากหลายมาให้เราเลือกดูได้อย่างทุกวันนี้ วงการหนังสยองขวัญก็ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากเพราะกฎข้อบังคับมากมายที่บั่นทอนความสยองขวัญให้ลดลงจนแทบหมดอารมณ์ UNLOCKMEN จะมาเล่าถึงภาพยนตร์สยองขวัญจากปี 1960 ที่แหกกฎของวงการฮอลลีวูด สร้างหนังที่จะปฏิวัติวงการภาพยนตร์ให้ทันสมัย กับการกล้าได้กล้าเสียของผู้กำกับจนทำให้ Phycho กลายเป็นหนังทริลเลอร์ในตำนานที่เหล่าผู้ชื่นชอบความระทึกจะต้องรู้จัก พล็อตหนังคลาสสิกที่โด่งดังด้วยการเล่าเรื่องแหวกทุกข้อห้าม ก่อนที่วงการฮอลลีวูดจะก้าวเข้าสู่ความทันสมัยเหมือนอย่างปัจจุบันนั้นใช้เวลายาวนานพอสมควร เพราะอุปสรรคทางเทคโนโลยี ปัญหาเรื่องความเหมาะสม และค่านิยมตามยุคสมัยเป็นตัวชี้วัดว่าหนังที่สร้างออกจากจะดำเนินไปทิศทางไหน วงการฮอลลีวูดช่วงยุค 40-50 เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยข้อห้ามมากมาย เช่น ห้ามมีฉากโป๊เปลือยเกินพอดี ห้ามสื่ออะไรที่ผิดศีลธรรม ห้ามโหดเลือดสาดชวนให้อาเจียนมากเกินไป ทุกอย่างที่ไม่เหมาะสมจะต้องถูกเซนเซอร์ และห้ามแม้กระทั่งไม่ควรมีโถส้วมอยู่ในภาพยนตร์ เหล่าคนทำหนังช่วงเวลานั้นต่างก็เข้าใจพร้อมทำตามกฎกันเป็นอย่างดี จนมาถึงวันที่ความแตกต่างมาถึง เมื่อภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Psycho (1960) เข้าฉายครั้งแรกและเปลี่ยนค่านิยมของการทำหนังให้กับวงการฮอลลีวูดไปตลอดกาล Psycho (1960) เป็นภาพยนตร์สุดหลอนที่สร้างจากนวนิยายของ Robert Bloch เรื่องราวของ Marion Crane (Janet Leigh) เลขาสาวสวยที่ตัดสินใจขโมยเงิน 40,000 ดอลลาร์ (ถ้าเทียบกับปัจจุบันมีมูลค่าราว 330,000 ดอลลาร์ หรือกว่าสิบล้านบาทเลยทีเดียว) ของเจ้านายแล้วหนีไปยังเมืองอื่น ระหว่างทางเธอต้องเข้าพักในโมเตลเล็ก ๆ
เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เชื่อว่าลมหนาวที่พัดมาเป็นระลอกคงทำให้ผู้ชายหลายคนงัวเงีย ขี้เกียจ และเหงาหงอยไปตาม ๆ กัน เมื่อก้อนเมฆกับสายลมเย็นเข้ามาบดบังและแทนที่ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศในช่วงนี้เย็นสบายและเหมาะแก่การนอนโง่ ๆ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเสียเหลือเกิน แต่คงจะดีไม่น้อยถ้าได้อรรถรสจากการรับชมภาพยนตร์และซีรีส์มันส์ ๆ ขณะที่กำลังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในช่วงหน้าหนาว เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ UNLOCKMEN ก็ไม่พลาดที่จะพาหนุ่ม ๆ มาอัปเดตคอนเทนต์ใหม่สุดมันส์ในเน็ตฟลิกซ์ ต่อให้อากาศหนาวจะทำให้คุณเหงา แต่รับประกันว่า 3 คอนเทนต์นี้จะช่วยคลายเหงาในวันหนาว ๆ ของคุณได้แน่นอนครับ! The End of the F***ing World: Season 2 หลังจากสร้างกระแสไวรัลไปเมื่อปีก่อน เน็ตฟลิกซ์ก็ไม่รอช้าเตรียมปล่อยออริจินัลซีรีส์ ‘The End of the F***ing World: Season 2’ มาให้หนุ่ม ๆ คอซีรีส์ได้ลิ้มชิมรสชาติความห่วยแตกของโลกใบนี้ คาดว่าเนื้อเรื่องในซีซั่นนี้คงไม่ได้เล่าถึงการเดินทางแสนอลวนของ James และ Alyssa อีกต่อไป แต่เน้นเส้นทางชีวิตของ Alyssa หลังจากที่ James ถูกจับ
เช้าวันนี้ลุกออกจากเตียง เพียงเปิดหน้าต่างก็พบกับลมเย็นและกลิ่นอากาศหนาวเข้ามาปะทะใบหน้า ทำเอาคนเมืองร้อนอย่างเรา ๆ ดีใจจนเนื้อเต้น แต่สุภาพบุรุษชาวไทยอย่างเราเจ็บแล้วจำ ปรากฏการณ์ ‘หนาววันร้อนพรุ่ง’ หลอกให้อยากแล้วจากไปมีให้เห็นถมเถในทุก ๆ ปี! สภาพอากาศไว้ใจไม่ได้แบบนี้ ต้องเตรียมเพลย์ลิสต์ฟีลหนาวสุดขั้วไว้ฟังตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่อวันไหนลมเย็นพัดมาอีกครั้ง จะได้รีบเปิด รีบอิน รีบชิลล์ ก่อนความร้อนอบอ้าวจะมาเยือนในวันถัดไป เหมือนเสื้อกันหนาวตัวเก่งที่ทุ่มเงินซื้อเตรียมซะดิบดี ปีนึงได้ใส่อยู่กี่วันกันเชียว ปล. สำหรับเพลงในรอบนี้ ขอเป็นเพลงใหม่คละกันกับเพลงเก่านะครับ เพราะเราจะเน้นไปที่ Mood & Tone Carrie & Lowell – Sufjan Stevens อันที่จริงไม่ใช่แค่เพลงนี้ แต่ Sufjan Stevens เขาเป็นเจ้าพ่อเพลงโทนเย็น เป็นนักสร้างบรรยากาศด้วยเสียงดนตรี และเขาสามารถทำให้หิมะตกโปรยปรายในหัวใจผู้ฟังได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากคุณฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกถูกจริต เราขอแนะนำให้ฟังอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันอย่าง Carrie & Lowell จนหมดทั้งอัลบั้ม ไม่แน่ผลงานชุดนี้อาจกลายเป็นอัลบั้มประจำฤดูหนาวของคุณไปเลยก็ได้ Holiday-ish – The Regrettes ฟังเผิน ๆ เหมือนจะเป็นเพลงคริสต์มาส