หลังจากที่ระบบสตรีมมิ่งในอินเทอร์เน็ตเข้ามาแทนที่โทรทัศน์ ก็ทำเอาไลฟ์สไตล์ของผู้ชายเราผูกโยงกับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอสมาร์ตโฟนมากกว่าจอแก้วที่ดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้การมาของวิดีโอสตรีมมิ่งจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดทำลายธุรกิจโทรทัศน์ได้ แต่มันก็เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปโดยที่วงการจอแก้วยากจะต่อกร ถ้าบอกว่าธุรกิจแนวนี้กำลังมาแรงก็คงไม่แปลกนัก เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีสตรีมมิ่งวิดีโอเกิดขึ้นมากมายและผู้คนก็นิยมอย่างล้นหลาม ทั้ง LINE TV, Netflix, Roku, Disney และเจ้าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน พวกเขาต่างต่อสู้ฟาดฟันกันเพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะซีรีส์ ภาพยนตร์ แอนิเมชัน หรือแม้แต่ภาพยนตร์สารคดีก็ตาม แต่ไม่นานมานี้ความมั่นคงของค่ายยักษ์แห่งวงการสตรีมมิ่งวิดีโอก็ต้องสั่นคลอนอีกครั้ง เมื่อ Apple ประกาศเปิดตัว Apple TV+ พร้อมชูจุดขาย “Cheaper Streaming Service” หรือ “บริการสตรีมมิ่งที่ถูกกว่า” จากบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สุดแข็งแกร่งของโลก เตรียมมุ่งหน้าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งอย่างเต็มตัว ผลที่ตามมาคือทำให้หุ้นของ Netflix ลดลงถึง 3.25% หุ้น Disney ลด 2.76% และหุ้นของ Roku ลดลงมากถึง 12.62% การต่อสู้กับคู่แข่งตัวฉกาจ แม้ Apple จะมีรากฐานที่แข็งแรง แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับน้องใหม่ที่ต้องสู้รบกับพี่ ๆ ยักษ์ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการนี้มาก่อนหลายปี ไหนจะ Disney
“Chales Manson” คือชื่อที่คนทั้งโลกจำไม่ลืม เพราะเขาคือฮิปปี้ผู้กลายเป็นศาสดาลัทธิฆาตกรสุดเลื่องชื่อแห่งยุค 60 ชายผู้ชักจูงคนหมู่มากด้วย ‘วาทศิลป์’ ให้กระทำการฆาตกรรม Sharon Tate ดาราสาวดาวฮอลลีวูดแห่งยุค 60 อย่างโหดร้ายทารุณ เรื่องราวของเขาและ Manson Family ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ และสารคดีอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Helter Skelter (เวอร์ชัน 1976 และ 2004), Manson’s Lost Girls (2004), Charlie Says (2019) รวมไปถึง Once Upon a Time in Hollywood ที่กำลังเข้าโรงอยู่ตอนนี้ก็อ้างอิงคดีความของเขาเช่นกัน และล่าสุด Chales Manson ยังมีบทบาทสำคัญในซีรีส์ Mindhunter Season 2 อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเรื่องราวของเขาสามารถหยิบยกมาพูดถึงได้ทุกยุคทุกสมัยแบบไม่มีวันจบสิ้น คุณสามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของเขาได้เต็ม ๆ ที่นี่ คลิก เพลงก็เช่นกัน… ก่อนหน้าที่
ใกล้เข้ามาทุกทีกับงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่ทรงคุณค่ามากที่สุดงานหนึ่งของโลกภาพยนตร์กับงานออสการ์ ครั้งที่ 92 (Oscar 2020) ทำเอาเหล่านักวิจารณ์รวมถึงคอหนังหลายคนต่างพากันจับตามองถึงรายชื่อหนัง นักแสดงและผู้กำกับที่มีโอกาสจะได้เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรติ UNLOCKMEN ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะได้รับรางวัลไหน หรือมาเดาว่าภาพยนตร์เรื่องใดจะผ่านการเข้ารอบเป็นหนึ่งในห้ารายชื่อเข้าชิงรางวัลในรอบสุดท้าย แต่เรากลับเห็นความน่าสนใจในรางวัลสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม (Best International Feature Film) เดิมเคยชื่อว่ารางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best Foreign Language Film) ว่าสองประเทศจากทวีปเอเชียที่กำลังมีข้อพิพาทขัดแย้งกันทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจอย่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ต่างก็ส่งหนังตัวเก็งเข้าช่วงชิงความเป็นหนึ่งในสาขาเดียวกัน บางคนอาจจะยังไม่เคยติดตามข่าวความขัดแย้งของสองประเทศเท่าไหร่นัก เราจึงขอเท้าความให้เข้าใจตรงกัน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2019 ญี่ปุ่นประกาศงดสั่งวัตถุดิบ 3 ชนิด ที่มีผลต่ออุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ เนื่องจากทางเกาหลีใต้ฟ้องร้องขอค่าเสียหายเพิ่มจากญี่ปุ่นกับเหตุการณ์ที่เคยทำไว้ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (แต่ทั้งสองประเทศเคยเจรจาลงนามตั้งแต่ 1965) แถมทางฝั่งญี่ปุ่นยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าของเกาหลีใต้ ส่วนทางเกาหลีใต้ก็ประกาศแบนสินค้าที่มาจากฝั่งญี่ปุ่น จึงทำให้ความตึงเครียดของทั้งสองประเทศทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กลับมายังวงการภาพยนตร์ ทั้งสองประเทศก็ต้องมาพบกันอีกครั้งในงานออสการ์ กับรางวัลสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม ที่หลายประเทศต่างก็ส่งหนังดังของตัวเองเข้ามาเพื่อช่วงชิงรางวัลนี้ อย่างประเทศออสเตรเลียส่งภาพยนตร์เรื่อง Joy สเปนส่งเรื่อง Pain And Glory เยอรมนีส่งเรื่อง System Crasher หรือแอลจีเรียส่งเรื่อง Papicha
ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าการเปิดเพลงดัง ๆ ตอนใส่หูฟังไม่ดีต่อสุขภาพ อาจทำให้หูตึง หูหนวก ไม่ดีต่อแก้วหู ใช่ครับพวกเรารู้ แต่น้อยคนที่จะใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ยิ่งเป็นคนเสพติดเสียงเพลงบอกเลยว่ายาก ใครจะมาดึงหูฟังออกจากเรา บอกเลยว่าไม่มีทาง! เวลาเราเดินทาง หรือออกไปยังพื้นที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยเสียงดังจอแจ เราก็ยิ่งเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้น เพื่อกลบเสียงเหล่านั้น คุณอาจจะคิดว่าก็ทำแบบนี้มาได้ตั้งนานไม่เห็นจะเป็นอะไร หูยังใช้การได้ไม่ตึงเสียหน่อย แต่เชื่อเถอะครับว่าการกระทำแบบนี้อาจส่งผลเสียได้มากและ ‘หลากหลาย’ กว่าที่คิด UNLOCKMEN จะบอกคุณให้ว่าการเปิดเพลงเสียงดังวันนี้ จะแถมฟรีโรคภัยอะไรบ้างที่อาจเกิดกับตัวคุณ เพราะต่อให้หูไม่ดับ อย่างอื่นก็อาจดับแทนได้… หูวิ้ง อาการหูวิ้งไม่เหมือนหูตึง เพราะแทนที่เราจะไม่ได้ยินเสียง เราดันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตลอดเวลาอยู่ในหู (หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Baby Driver นั่นแหละครับมันคือโรคแบบที่เจ้าเบบี้เป็น) ซึ่งการหูวิ้งนี้ไม่ได้แปลว่าจะได้ยินเสียงวิ้ง ๆ เหมือนจิ้งหรีดเท่านั้น เพราะมีทั้ง ได้ยินเสียงลมในหูตลอดเวลา เสียงตุบ ๆ เสียงคลิก เสียงหึ่ง ๆ จนไปถึงได้ยินเสียงเพลงที่เราคุ้นเคยวนอยู่ในหูซ้ำ ๆ ตลอดไป! แค่คิดก็น่ารำคาญจนจะร้องไห้ อาการหูวิ้งมีทั้งที่รักษาได้และรักษาไม่ได้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเกิดจากการฟังเพลงดังเสมอไป เพราะอาจเกิดจาก โรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
“คุณสวยจังเลยครับ” เวลาตกหลุมรักใครสักคน เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนแอบคิดประโยคนี้ในใจเป็นร้อยครั้งเวลามองหน้าเธอ แต่ก็ใช่ทุกคนจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ เพราะนอกจากจะเขินแล้ว อาจจะดูเลี่ยนเกินไปอีกต่างหาก เอาอย่างนี้ไหมครับ… ลองเปลี่ยนจากพูดมาเป็น ‘ส่งเพลง’ ให้เธอแทน ใช้เนื้อเพลงหวาน ๆ ชื่นชมความงามของเธอแทนคำพูดจากปากเรา เลี่ยนน้อยลง แถมโรแมนติกยิ่งกว่าเดิมด้วย! วันนี้ UNLOCKMEN ก็ได้คัดสรรบทเพลงยกยอความงามของสุภาพสตรีมากองรวมกันไว้ที่นี่แล้วเรียบร้อย พร้อมใส่คำแปลคร่าว ๆ เพื่อเพิ่มความอินให้อีกด้วย เลือกเพลงที่ใช่ แล้วนำไปจีบคนที่ชอบได้เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ Angel – FINNEAS ชื่อเพลงว่านางฟ้า (Angel) แถมเปิดท่อนแรกมาด้วยประโยคที่ว่า “Congratulations you’ve been Pretending to be human so well” (ยินดีด้วยครับ คุณปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้แนบเนียนจริง ๆ) แค่นี้ก็เขินจนหน้าร้อนผ่าวตั้งแต่ยังไม่ถึงท่อนฮุค ด้วยทำนองหวาน ๆ เสียงร้องนุ่ม ๆ พร้อมท่อนฮุค “You’re an angel In my
ถ้าพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ่งแรกที่ใคร ๆ ต่างนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้น ‘Nazi’ และ ‘Adolf Hitler’ เพราะจุดเริ่มต้นของสงครามโลก ความขัดแย้ง และการสังหารล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเกิดขึ้นเพราะเขา ด้วยวีรกรรมและนโยบายการบริหารประเทศเยอรมนีของฮิตเลอร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้เรื่องราวชีวิตของเขาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์นับครั้งไม่ถ้วน แต่การเล่าเรื่องราวชีวิตของหัวหน้าพรรคนาซีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีครั้งนี้จะแตกต่างไปจากเดิม เพราะภาพยนตร์เรื่อง Jojo Rabbit จะเล่าถึงมุมมองใหม่ของผู้นำสุดโหดที่กลายเป็นเพียงเพื่อนคู่คิดในจินตนาการของเด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น “เขาไม่ใช่ Adolf Hitler ที่คนทั่วโลกรู้จักและพากันเกลียดชัง แต่เขาเป็นชายเซ่อ ๆ เปี่ยมด้วยเสน่ห์และมีชีวิตอยู่ในโลกของเด็กไร้เดียงสา” – Taika Waititi ดังนั้นขอให้ลืมท่านผู้นำสุดโหดจากพรรคนาซีที่เคยรู้จักกันในหน้าประวัติศาสตร์กันไปก่อนเพราะ Adolf Hitler ในเรื่องนี้อาจทำให้เราเผลอหัวเราะและชื่นชอบเขาโดยไม่รู้ตัว JoJo Rabbit ภาพยนตร์ตลกร้ายเสียดสีสงครามของผู้กำกับสุดเพี้ยน Taika Waititi ที่เคยฝากฝีมือการกำกับหนังอินดี้อารมณ์ดีเรื่อง What We Do in the Shadows (2014) และ Hunt for the Wilderpeople (2016) เอาไว้ให้เห็นพอสมควรแล้วว่าสไตล์การเดินเรื่องของเขาเป็นแบบไหน เรื่องราวในภาพยนตร์ JoJo Rabbit ดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายเรื่อง
“เพลงเพื่อชีวิต” อีกหนึ่งวัฒนธรรมด้านบทเพลงที่อยู่คู่ผู้ชายไทยมาทุกยุคสมัย หนึ่งในแนวเพลงที่ UNLOCKMEN เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครไม่เคยฟังหรืออย่างน้อยก็ต้องมีโอกาสได้ยินเสียงดนตรีผ่านหูมาบ้างในช่วงชีวิตหนึ่ง เพราะนี่คือบทเพลงที่เข้าถึงผู้คนได้เสมอไม่ว่าจะเพศไหนหรือช่วงอายุเท่าไหร่ สำหรับใครหลายคน เพลงเพื่อชีวิต เปรียบเสมือนบทเพลงปลอบใจและให้กำลังใจ เพื่อให้ตื่นขึ้นมาสู้ต่อในทุกวัน ถ้าเราพูดถึงผู้ขับกล่อมหรือศิลปินเพลงเพื่อชีวิต คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่รู้จัก “ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ผู้ถ่ายทอดเนื้อหา จังหวะและท่วงทำนองกินใจออกมาให้เราฟังช่วงตลอดช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นบทเพลงช้าฟังสบายที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ได้แบบลึกสุดใจ รวมถึงบทเพลงจังหวะคึกคัก ที่ถึงจะฟังแล้วมอบความฮึกเหิมให้ แต่ก็ยังแฝงไปด้วย แง่มุมต่าง ๆ ที่ให้ข้อคิดกับคนฟังอยู่เสมอ ที่ผ่านมาเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ กระตุ้นให้เรารู้จักตัวเองและชีวิตมากขึ้น แต่ในฐานะผู้ฟังเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้จัก “พี่ปู” ในแง่มุมที่ไม่เคยฟัง ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเหมือนกัน วันนี้ UNLOCKMEN ชวนผู้อ่านทุกคนมารู้จักมุมมอง ชีวิต ตัวตนของผู้ชายคนนี้ไปพร้อมกัน เข้าสู่ปีที่เท่าไหร่ของในฐานะศิลปินเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ แล้ว? ถ้านับเวลามาตั้งแต่อัลบั้มแรกที่ทำออกมา ปีนี้ก็ 32 ปีแล้ว ย้อนกลับไปช่วงนั้นเราอายุประมาณ 20 ปีที่เริ่มทำเพลงเพื่อชีวิต พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบในบทเพลงเพื่อชีวิตตั้งแต่ตอนไหน? มันเริ่มมาจากช่วงวัยรุ่น เพราะวัยเด็กของผมเวลานั้นยังไม่มีโอกาสฟังเพลงเพื่อชีวิตสักเท่าไหร่ ตอนเพลงเพื่อชีวิตเป็นเพลงที่ถูกห้ามเผยแพร่
อัลบั้ม Definitely Maybe ของคณะ Oasis วงร็อกชื่อก้องโลก ผู้เป็นหนึ่งในหัวหอกแห่งวัฒนธรรม Britpop ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกวันที่ 29 สิงหาคม ปี 1994 เท่ากับว่าเพิ่งครบรอบ 25 ปีไปหมาด ๆ แม้จะผ่านมาอย่างยาวนาน แต่บทเพลงในอัลบั้มยังถูกยกย่องว่ามีความยอดเยี่ยมเหนือกาลเวลา โดยเฉพาะเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Live Forever, Cigarettes & Alcohol และ Supersonic ก็ยังเป็นที่รู้จักของเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ไม่เคยถูกลืมเลือนไป ดั่งที่ โนล กัลลาเกอร์ เคยกล่าวไว้ว่า เพลงของเขาจะไม่ยึดติดกับช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมากเกินไป และต้องเป็นความจริงอันเป็นสากล จึงไม่แปลกที่เพลงของ Oasis ถึงยังสามารถครองใจผู้คนทั่วโลกได้ถึงยุคปัจจุบัน เรามาดูกันดีกว่า อัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้จะมีอะไรเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเจ๋ง ๆ ซ่อนอยู่บ้าง UNLOCKMEN ขอชวนคุณมาขุดคุ้ยหน้าประวัติศาสตร์แห่งยุค 90 นี้ไปพร้อม ๆ กัน Definitely Maybe คืออัลบั้มแรก แต่ออกตัวแรงจนน่าตกใจ อัลบั้มนี้ขายได้ถึง
ให้ฟังเสียงคนคุยกัน ยอมใส่หูฟังทำงานดีกว่า…ใช่ว่าทุกคนจะมีออฟฟิศที่เงียบสงบ แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศการทำงานแสนสุนทรีย์ การฟังเพลงระหว่างทำงานจึงกลายเป็นทางออกของพนักงานออฟฟิศที่ต้องอาศัยในพื้นที่ส่วนรวมแบบเรา ๆ สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้ว อาจมองว่าการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ แถมยังทำให้สมองลื่นปรู๊ดเวลาคิดไอเดียอีกต่างหาก แต่ในทางกลับกัน มีคนอีกกลุ่มที่ไม่สามารถทนฟังเพลงตอนทำงานได้เลย! เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สมองแล่นแล้ว ยังรบกวนสมาธิจนคิดอะไรไม่ออก เหมือนสมองไหลออกมาเสียมากกว่า Dr. Anneli B. Haake ได้พยายามค้นคว้าหาคำตอบเรื่องนี้ เธอนำเอาผลวิจัยหลากหลายแหล่งมาวิเคราะห์ จนจำแนกเหตุผลสำหรับอธิบายได้ว่า “ทำไมการฟังเพลงตอนทำงานถึงไม่เวิร์กสำหรับบางคน” ไว้ได้อย่างน่าสนใจ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง… โครงสร้างของเพลงซับซ้อนเกินไป เพลงบางเพลงมีคอร์ด ทำนอง หรือจังหวะที่ซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นเพลง Muffin Man ของ Frank Zappa ที่มีความซับซ้อน อาจจะสร้างความกวนใจคุณได้มากกว่าเพลง Leaving on a Jet Plane ของ John Denver ที่มีโครงสร้างเพียง 3 คอร์ด เนื้อเพลง หลายคนชอบฟังแต่เพลงที่อยู่ใน Safe Zone เพลงที่คุ้นเคย นี่คือสาเหตุว่าทำไมเพลงป๊อปติดหูต่าง
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ใครหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและทำให้เด็ก ๆ เสียคนอย่างเกมจะกลายเป็นเทรนด์ฮิตติดลมบน เป็นกีฬาสร้างรายได้มหาศาลหากหมั่นฝึกฝนและทำอย่างจริงจัง เมื่อ UNLOCKMEN ก็ชื่นชอบการเล่นเกมไม่น้อยไปกว่าใคร จึงอยากพาทุกคนไปพบกับ Ninja ชายที่ทำให้เกมเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ชื่อจริงของ Ninja เกมเมอร์ที่คอเกมทั่วโลกรู้จักคือ Tyler Blevins เด็กหนุ่มอายุ 28 ปี ผู้ทำอาชีพเป็นนักเล่นเกมให้คนอื่นดูผ่านเว็บไซต์ Twitch โดยเว็บไซต์นี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับถ่ายทอด (Live Streaming Video Platform) ซึ่งไม่ได้มีแต่การถ่ายทอดสดเล่นเกมให้เราดูเท่านั้น แต่ยังมีคอนเทนต์หลากหลายทั้งทำอาหาร เล่นดนตรี โชว์ผลการสร้างสรรค์ผลงานศิลปิน แต่ Live ที่ได้รับความนิยมมากสุดของเว็บนี้ก็คือการถ่ายทอดสดเล่นเกม Tyler ก็เป็นหนึ่งคนหนึ่งที่ท่องอยู่ในเว็บไซต์ Twitch ช่วงแรกก่อนจะเร่ิมก้าวเข้าสู่วงการเกมเมอร์เขาก็เป็นเด็กผู้ชายที่มีกิจกรรมไม่ต่างจากคนอื่น ๆ คือไปโรงเรียน ทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟ พอมีเวลาว่างก็ออกไปเล่นกีฬากับเพื่อน ๆ และจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจการเล่นเกมมันเริ่มต้นมาจากเขาสังเกตเห็นว่าเทคโนโลยีของวงการเกมก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว มีเกมหลายประเภทให้เลือกเล่นได้ตามความชอบ เมื่อสนใจเขาก็ไม่รอช้าลองเล่นเกมดูบ้าง Tyler พบว่าเขาแตกต่างจากเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เล่นเกม Halo 3 กับเขา เขาพัฒนาได้เร็ว ชำนาญกว่าคนอื่น ๆ และชนะอยู่บ่อยครั้ง นับว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนเมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองชอบและทำมันได้ดี
ใครนอนไม่หลับกระสับกระส่ายหากไม่เปิดเพลงคลอไว้ขอให้ยกมือขึ้น! จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบฟังเพลงตอนนอน หรือบางคนก็อาจจะอาศัยเสียง ASMR แทน แต่จากการสนทนากับผู้คนไม่ซ้ำหน้า เราพบว่าแต่ละคนมี ‘เพลงไพ่ตาย’ สำหรับการนอนเป็นของตัวเอง แถมแต่ละเพลงยังไม่เหมือนกันเสียด้วย วันนี้เราเลยจะนำ 10 บทเพลงที่เป็นดั่งยานอนหลับของคน 10 คน มาบอกต่อ เผื่อว่าหนุ่ม ๆ สายตาค้างจะนำเพลงเหล่านี้ไปเปิดฟังในวันที่อยากหลับสนิทตลอดคืน Alone In Kyoto – Air มิตรสหายท่านแรกเป็น 1 ในทีม UNLOCKMEN เขาเลือกเพลงนี้พร้อมให้เหตุผลน่าฟังว่า “ฟังแล้วผ่อนคลาย เหมือนลอยตัวอยู่ในทะเลที่มีคลื่นเบา ๆ ในเกาะเงียบสงบ ได้ยินแล้วรู้สึกตัวเบา อาจไม่หลับทันที แต่เข้าสู่ระดับของการผ่อนคลาย” Love Me Tender – Elvis Presley มิตรสหายคนที่ 2 ก็เป็นหนึ่งในทีมนักเขียนของ UNLOCKMEN เช่นกัน เธอเลือกเพลงของราชาร็อกแอนด์โรลอย่าง Elvis Presley พร้อมให้เหตุผลว่า “ฟังแล้วง่วงแต่ชอบฟัง จังหวะเนิบช้า เรื่อย ๆ
ต่อให้การใช้ชีวิตที่ขึ้นตรงต่อระยะเวลา 24 ชั่วโมงจะยุ่งยากและวุ่นวายมากขนาดไหน เราก็เชื่อว่าหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN คงไม่พลาดที่จะสละเวลาสัก 1-2 ชั่วโมง มาผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงยามค่ำ ด้วยภาพยนตร์เรื่องโปรดหรือซีรีส์สุดมันส์ ยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวที่บรรยากาศไม่เอื้อแก่การออกไปสังสรรค์ที่ไหน เราเลยจะพาหนุ่ม ๆ มาอัปเดตคอนเทนต์ใหม่บนแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix และนี่คือ 3 ออริจินัลซีรีส์ประจำเดือนกันยายนที่เราอยากให้พวกคุณทุกคนได้ดู! THE SPY มินิซีรีส์ 6 ตอน ที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ Eli Cohen เสมียนที่ผันตัวมาเป็นสายลับของหน่วยสืบราชการลับ Mossad อันเป็นสถาบันข่าวกรองและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของอิสราเอลที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ซีรีส์ย้อนยุคเรื่องนี้จะพาหนุ่ม ๆ หวนกลับไปยังช่วงปี 1960 อีกครั้ง พร้อมตามติดชีวิตสายลับที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสอดแนมสุดอันตรายในซีเรีย ภารกิจนี้จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ แล้วเขาจะปิดบังความลับของตนในประเทศศัตรูได้อีกนานแค่ไหน เตรียมรับชมพร้อมกัน 6 กันยายนนี้ THE I-LAND Fyre Festival เหตุการณ์ยอดแย่ของเทศกาลดนตรีบนเกาะที่หลอกเงินคนดูยังต้องชิดซ้าย เมื่อเจอกับซีรีส์ระทึกขวัญเรื่องใหม่ The I-Land ที่จะพาหนุ่ม ๆ ไปท่องเที่ยวบนเกาะนรกสุดโหดยากจะเอาชีวิตรอด ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงกลุ่มคนแปลกหน้าที่ถูกล้างความทรงจำ พวกเขาต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมน่าหดหู่ และกับดักที่จ้องจะคร่าชีวิตอยู่ทุกเมื่อ