แม้ว่าทีม Barcelona จะอยู่ในสภาพทีมที่ไม่สามารถลุ้นแชมป์ได้สนุกเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากสภาวะทางการเงินที่มีปัญหาอย่างหนัก จนทำให้ทีมต้องยอมขาย Lionel Messi ออกจากทีมไป แถมนักเตะใหม่ที่เข้ามาก็ยังทำผลงานได้ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ที่เห็นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น Luuk De Jong กองหน้าชาวดัตช์ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเอาซะเลย รวมไปถึงนักเตะซีเนียร์ในทีมอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มโรยรา ไม่ว่าจะเป็น Gerard Pique, Jordi Alba และ Sergio Busquets เป็นต้น แต่ถ้าจะให้มองอีกหนึ่งมุมสโมสรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผันจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ ผลผลิตนักตะจากแคมป์ลา มาเซีย กำลังค่อย ๆ ออกดอกออกผลมาให้ได้ยมโชมกัน ซึ่งแต่ละคนก็เริ่มฉายแววกับทีมชุดใหญ่ทั้ง ๆ ที่อายุอานามยังไม่ถึง 20 ปีกันเลยด้วยซ้ำ หนึ่งในดาวจรัสแสงเหล่านั้นคือ Pablo Martín Páez Gavira หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Gavi” มิดฟิลด์วัย 17 ปี สัญชาติสเปนที่ก้าวข้ามกับทีมชุดบีขึ้นมาเป็นตัวหลักของชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงถูกเรียกไปติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน Gavi เริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกับสโมสรในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Liara Balompie และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนถูกแมวมองของทีม Real
นับเป็นข่าวที่น่าเสียดายสำหรับวงการฟุตบอล เมื่อ Sergio Agüero กองหน้าระดับเวิร์ลคลาสทีมชาติอาร์เจนตินา และสโมสรบาร์เซโลนา ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 33 ปี เนื่องจากมีปัญหาของภาวะหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ในเกมที่พบกับอลาเบสเมื่อเดือนตุลาคม หลังจากนั้น Agüero ก็ได้รับการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งตัวเขาเองก็พยายามต่อสู้และมีความหวังที่จะกลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่สุดท้ายมันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะทีมแพทย์ได้แนะนำให้ Agüero เลิกเล่นเพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ต้องหันหลังให้กับสิ่งที่เขารักมาตลอดชั่วชีวิต สิ่งที่ Sergio Agüero ได้ฝากไว้ให้กับวงการฟุตบอลถือว่ายิ่งใหญ่มาก เขาคือกองหน้าสุดแสนอันตราย สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับฝั่งตรงข้ามด้วยทักษะและความรวดเร็ว มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม และมีฝีเท้าระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเริ่มเจิดจรัสฉายแสงความเก่งกาจนับตั้งแต่เป็นนักเตะระดับเยาวชน ณ สโมสรอินดิเพนเดนเต้ ทำลายสถิติ DIEGO MARADONA ด้วยวัยเพียง 15 ปี Sergio Agüero เริ่มต้นความฝันบนผืนหญ้าในสนามฟุตบอลด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ในฐานะนักเตะเยาวชนของทีมอินดิเพนเดนเต้ เขาได้รับแรงบันดาลใจอาชีพนักฟุตบอลมาจากคุณพ่อของเขา Agüero ใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้าอยู่กับทีมเยาวชนหลายปี จนกระทั่งในวันที่ 5 กรกฎาคม ปี 2003 เขาก็ได้สัมผัสเกมในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับทีมคลับ แอตเลติโก ซาน ลอเรนโซ่
หากจะให้พูดถึงรายการท่องเที่ยวในบ้านเราแน่นอนว่ามีตัวเลือกให้ชมอย่างมากมาย แต่ถ้าจะให้พูดถึงรายการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เชื่อว่าชื่อของ The Gaijin Trips น่าจะติดท็อปลิสต์ของใครหลาย ๆ คน หนุ่มหน้าหล่อชาวบางแสนนามว่า “เบนซ์” ได้นำเสนอรูปแบบเล่าเรื่องการท่องเที่ยวของตัวเองที่สะดุดหูทุกคนที่ได้ยิน ราวกับว่าเรากำลังนั่งฟังดนตรีโพสต์ร็อกบรรเลง บรรยากาศเนิบ ๆ เคลิ้ม ๆ ชวนฝันแต่กลับน่าฟังอย่างน่าประหลาดใจ แถมเรื่องราวในแต่ละคลิปยังเต็มไปด้วยความเรียลแบบไร้แผนเดินทางถือเป็นจุดขายที่ชวนให้ทุกคนต้องติดตาม เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง Unlockmen ขอพาทุกคนไปรู้จักตัวตนของเบนซ์ให้มากขึ้นกับ ZERO TO HERO : “เบนซ์ The Gaijin Trips” การเดินทางที่ไร้แผนกับผลตอบแทนคือประสบการณ์อันล้ำค่า ชีวิตวัยเยาว์เอากิจกรรมมาก่อนเรื่องเรียน “ผมเป็นเด็กที่เรียนได้บ๊วยตลอดเลยครับ ไม่โหล่ก็รองโหล่ แต่จะเด่นพวกกีฬา กิจกรรมต่าง ๆ มากกว่า ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียน เล่นบาส เล่นบอล วอลเลย์ ตะกร้อ ได้แชมป์บ้างอะไรบ้าง อีกอย่างหนึ่งก็คือวิชาศิลปะ ที่เราจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ชอบวาดรูป ชอบลงสี ผมจะเด่นตรงด้านนี้ “พอโตขึ้นมาแล้วมาเรียนสามัญช่วงมัธยมปลาย ผมรู้สึกว่ามันมีความวิชาการ มีความตึงเตรียด จนสุดท้ายเราก็ลาออกจากโรงเรียนมาเลย โต๋เต๋อยู่ช่วงหนึ่ง มาช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านค้าขาย
เหล้ากับบุหรี่นับเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันเสมอในร้านเหล้า บางคนอยู่ข้างนอกไม่แตะบุหรี่เลย แต่พอเข้าร้านเหล้ากลับกลายเป็นสิงห์อมควันไปซะงั้นก็มี UNLOCKMEN อยากมาอธิบายว่าทำไมเวลาดื่ม เราถึงรู้สึกอยากดูดบุหรี่ ทำไมคนถึงอยากสูบบุหรี่ตอนดื่ม ความต้องการอยากสูบบุหรี่เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัย โดยปัจจัยแรก ได้แก่ ความสามารถของนิโคตินที่มีผลต่อความทรงจำของเรา ส่วนปัจจัยที่สอง คือ ความสามารถของนิโคตินในการทำงานร่วมกับแอลกอฮอล์เพื่อลดระดับโดปามีนในร่างกาย นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Baylor College of Medicine ได้ทำการศึกษาสมองของหนูทดลองที่ได้รับ ‘นิโคติน’ สารเสพติดที่อยู่ในบุหรี่ โดยพวกเขาปล่อยให้หนูใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมจำลองที่มีลักษณะเป็นสองห้องแยกกัน โดยห้องแรกหนูจะได้รับนิโคติน ส่วนอีกห้องหนูจะได้รับน้ำเกลือ และหลังจากนั้นนักวิจัยจะทำการศึกษากิจกรรมที่เกิดขึ้นใน hippocampus หรือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความทรงจำของหนู ผลการวิจัยพบว่า เมื่อเทียบกับน้ำเกลือ การได้รับนิโคตินจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างความทรงจำที่แข็งแรง เพราะสารเคมีได้ทำให้การเชื่อมต่อของเส้นประสาทมีความแข็งแกร่งขึ้นมากถึง 2 เท่า ซึ่งปรากฎการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการสร้างความทรงจำที่แข็งแกร่งด้วย หนูทดลองยังเรียนรู้ที่จะใช้เวลาในห้องนิโคตินมากกว่าส่วนอื่นด้วย เพราะเวลาได้รับนิโคติน การเชื่อมต่อของเส้นประสาทไซแนปส์ติกมีความแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่ศูนย์การให้รางวัลของสมองส่งสัญญาณโดปามีน (สารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดี) กล่าวคือ สมองสร้างความทรงจำที่จับคู่นิโคตินกับความรู้สึกดี (หรือ การทำงานของโดปามีน) หนูจึงรู้สึกชอบห้องที่มีนิโคตินมากกว่าห้องอื่น นอกจากนี้ทีมวิจัยยังทดสอบสมมติฐานที่ว่า การรับนิโคตินและแอลกอฮอล์พร้อมกันจะช่วยให้ระดับของโดปามีนสูงขึ้นด้วย แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แม้หนูที่ได้รับนิโคตินจะบริโภคแอลกอฮอล์มากขึ้น แต่ระดับโดปามีนของพวกมันกลับไม่เพิ่มขึ้นเลย หลังจากทดลองซ้ำหลายครั้งผลก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม
คนส่วนมากอยากเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง อยากมีอิสระในการตัดสินใจ หรือ ควบคุมทุกเหตุการณ์ที่ตัวเองเผชิญ แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่มีอิสระเอาเสียเลย เพราะเจอกับเจ้านายที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและไม่ยอมรับฟังสิ่งที่พวกเขาพูด หรือ พวกเขากำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Toxic Relationship ที่ต้องยอมทนกับอีกฝ่ายทุกอย่าง และสะสมความอึดอัดใจไว้ที่ตัวเองเดียว หากเราไม่มีอิสระในการตัดสินใจหรือในการจัดการกับชีวิตตัวเอง เราจะมีปัญหาทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการทำงาน เพราะเราจะรู้สึกแย่และหมดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต UNLOCKMEN เลยอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับทฤษฎีที่เรียกว่า Self-determination หรือ การกำหนดตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีแพสชันไปยาวนาน เกี่ยวกับทฤษฎี Self-determination ย้อนกลับไปเมื่อ 1971 นักจิตวิทยาชื่อว่า Edward Deci ได้ทำงานวิจัยชื้นหนึ่ง โดยเขามอบหมายให้นักเรียนจิตวิทยา 2 กลุ่มทำการแก้ไขปริศนาลูกบาศก์โซมา (Soma cube) เป็นเวลา 3 ช่วง โดยในช่วงที่สอง นักเรียนกลุ่มหนึ่งจะได้รับเงินตอบแทนทุกครั้งที่แก้ไขปริศนาได้สำเร็จและอีกกลุ่มจะไม่ได้อะไรเลย ส่วนในช่วงที่หนึ่งและสาม ไม่มีนักเรียนกลุ่มใดที่ได้รับเงินตอบแทนจากการแก้ปริศนาสำเร็จ หลังจากที่ Deci ประกาศว่าหมดเวลาในการแก้ไขปริศนา และนักเรียนถูกทิ้งไว้ในห้องทดลองสักพัก กลุ่มนักเรียนที่เคยได้รับเงินจากการแก้ไขปริศนา ก็หันเหความสนใจจากภารกิจไปทำอย่างอื่น เช่น อ่านนิตยสาร ในขณะที่กลุ่มที่ไม่เคยได้รับเงินเลยจะพยายามแก้ไขปริศนาต่อไป นำไปสู่ข้อสรุปของการทดลองที่ว่า “คนที่ได้รับเงินไม่รู้สึกถึงแรงจูงใจภายใน (intrinsic motivation)
การจบบทสนทนานับเป็นสกิลที่ผู้ชายทุกคนควรมี เพราะผู้ชายอย่างเราต้องเข้าสังคม และทักษะการจบบทสนทนาจะช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นได้ แต่หลายคนคงพบว่าการจบบทสนทนาเป็นเรื่องยากมาก เพราะไม่รู้ว่าควรจะตัดจบยังไงให้ดูไม่น่าเกลียด UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำเทคนิคการจบบทสนทนาอย่างสมูท โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียความรู้สึก มีเป้าหมายที่ชัดเจน เวลาจะไปพบใครก็ตาม เราควรจำไว้เสมอว่าเราไปพบกับเขาเพื่ออะไร เช่น ต้องการหาคู่ หรือ ต้องการเจรจาทางธุรกิจ การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้เรารู้ว่าควรพูดคุยกับอีกฝ่ายประมาณไหน ป้องกันการพูดหรือฟังมากเกินไป จนจบบทสนทนาได้ยาก แถมยังช่วยให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้นด้วย ถ้าเราเจอกับสถานการณ์ที่ต้องทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รอจนบทสนทนาเริ่มสงบ รอสัญญาณจากอีกฝ่ายที่แสดงให้เห็นว่าบทสนทนากำลังจะจบลงแล้ว ซึ่งสัญญาณมักมาในรูปแบบของคำพูด เช่น “อืม” “โอเค” หรือ “เออ” เป็นต้น คำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหมดเรื่องที่จะพูดกับเราแล้ว และเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนเรื่องคุย หรือ ตัดจบบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นได้ จบด้วยเป้าหมายในการสนทนา เราควรยึดเป้าหมายในการสนทนาตั้งแต่ต้นจนจบบทสนทนา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนแรกเราขอคำแนะนำจากเพื่อนเรื่องคลาสที่น่าเข้าเรียน เราอาจออกจากบทสนทนาโดยใช้ประโยคจบที่เชื่อมกับเป้าหมายในตอนแรก เช่น “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เราจะลงเรียนวิชานี้ให้ทันในเทอมหน้า” เป็นต้น จบด้วยการขอบคุณ ไม่ว่าคุณจะสนทนากับใคร หากต้องการจบบทสนทนาอย่างสุภาพ ควรจบด้วยการขอบคุณเสมอ เช่น ขอบคุณที่อีกฝ่ายสละเวลามาคุยกับเรา หรือ บอกกับอีกฝ่ายว่าการพูดคุยในครั้งนั้นสนุกมากแค่ไหน เป็นต้น
ศิลปะนอกจากจะถ่ายทอดออกมาจากปลายพู่กัน, ดินสอ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้แล้ว การใช้เข็มก็สามารถถ่ายทอดความงดงามออกมาได้เช่นกัน ซึ่งทุกคนต่างคุ้นเคยกับวิธีนี้กันเป็นอย่างดีและรู้จักกันในชื่อของ “งานสัก” แต่การถ่ายทอดมีความแตกต่างจากวิธีอื่น ๆ เพราะมีผิวหนังบนร่างกายของมนุษย์เป็นภาชนะในการรองรับ “ภาณุพงศ์ ลู” ใช้นามปากกาในการสักว่า “LUJU.TATTOOER” (LUJU มาจากคำว่า “ลู” = นามสกุล, “จู” = จูเนียร์ เพราะเป็นน้องคนเล็ก) จบการศึกษาจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร คือหนึ่งในบุคคลที่นิยมชมชอบถ่ายทอดงานศิลปะที่ตัวเองหลงใหลลงบนผิวหนังด้วยสไตล์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจกับการหยิบจับเอารูปของพืช, โครงกระดูก และสัตว์ ให้กลายมาเป็นงานสัก ทำให้ใครหลาย ๆ คนยอมควักเงินเพื่อจารึกรอยลงบนร่างกายของตัวเอง มาทำความรู้จัก LUJU ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ จุดเริ่มต้นการเป็นช่างสัก “เป็นคนชอบงานสักมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ชอบรอยสักที่มันดูเล็ก ๆ เพราะตอนแรกเห็นรอยสักใหญ่ ๆ เต็มหลังแล้วรู้สึกกลัว แต่มาเริ่มสนใจอยากเป็นช่างสักจริง ๆ คือตอนเรียนอยู่ปี 2 เป็นช่วงกำลังหางานพิเศษทำแล้วบังเอิญไปเห็นพวกช่างสักทำให้เรารู้สึกสนใจ ก็เลยตัดสินใจไปซื้ออุปกรณ์มาลองสักดูครับ” “ตอนแรกก็เริ่มฝึกจากสักลงบนหนังเทียม ต่อมาก็ได้มีโอกาสลองบนร่างกายของเพื่อน ใช้เวลาฝึกอยู่ประมาณ
เราสามารถคิดมากได้ทุกที่ทุกเวลา นอน ๆ อยู่ เราก็สามารถคิดถึงคนรักเก่าในอดีต หรือ กลัวเรื่องการทำงานพลาดขึ้่นมา ซึ่งความกังวลที่แสนจะไร้เหตุผล และดูไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ เรามักเรียกกันว่าเป็น Free Floating Anxiety ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นบ่อย ก็อาจเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานและการใช้ชีวิตของได้เหมือนกัน Free Floating Anxiety คือ ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยความรู้สึกนี้อาจถูกกระตุ้นโดยสิ่งของหรือสถานการณ์บางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น อยู่ดี ๆ เราก็เกิดกังวลเรื่องการ pitch งาน หรือ การสอบที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ขึ้นมา เป็นต้น อาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับ อาการวิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder หรือ GAD) และทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ กังวล หรือ ตื่นตระหนก และใช้ชีวิตประจำวันได้ยากเย็นมากขึ้น ดังนั้น หากเกิดอาการนี้ถี่และบ่อยการพบจิตแพทย์ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง คนที่เป็น Free Floating Anxiety มักวิตกกังวลมากจนขาดสมาธิในการใช้ชีวิตและการทำงาน มักรู้สึกกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา แถมยังรู้สึกว่าตัวเองเครียดจนนอนไม่หลับบ่อย และมีปัญหาเรื่องความเหนื่อยล้าอีกด้วย ปัญหานี้จึงแย่ต่อเรามากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า
ตอนนี้การลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล เช่น สกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency) กำลังเป็นเทรนด์ยอดฮิตที่หลายคนให้ความสนใจ บางคนอาจซื้อเหรียญคริปโต เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เก็บไว้รอเกร็งกำไรในอนาคต หรือ บางคนอาจลงทุนใน GameFi และใช้มันในการทำรายได้ให้ตัวเอง แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนดิจิทัลแบบไหนก็ควรระวังสิ่งที่เรียกว่า ‘เสพติดการลงทุนในสกุลเงินคริปโต’ (Cryptocurrency Addiction) ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้ชีวิตของเราย่ำแย่ลงได้เหมือนกัน Cryptocurrency Addiction เกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องตลาดซื้อขายคริปโตไม่มีตัวกลาง (เช่น ธนาคาร) ที่ทำหน้าที่ดูแลการทำธุรกรรมของคนในตลาด การซื้อขายเงินสกุลนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ราคาของสกุลเงินคริปโตจึงผันผวนได้ง่ายกว่าการลงทุนประเภทอื่น กล่าวคือ ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เราอาจได้รับเงินจำนวนมหาศาล และสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลได้ นอกจากนี้เป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงง่ายแล้ว มันยังเป็นตลาดที่เปิดแบบไม่มีวันหยุด และเปิดตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนเสพติดการลงทุนในคริปโตไม่ต่างจากการเสพติดการพนัน หากใครสงสัยว่าตัวเองเสพติด ลองเช็คดูว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ได้แก่ เสียเวลาไปกับการเทรดคริปโตมากเกินไป เช็คและกังวลเรืองราคาของหรียญตลอดเวลา จนลืมเรื่องงาน หรือ การทำกิจกรรมอื่นไป มีหนี้สิ้นสะสม หรือ เจอกับปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากการเทรดคริปโต โกหกคนรอบตัวเรื่องพฤติกรรมการเทรดคริปโต อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย (mood swing)
ตอนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา หลายคนอาจเคนรู้สึกงัวเงีย หรือ สับสน แต่ยังสามารถขยับร่างกายได้ตามปกติ คล้ายกับคนเมาสุรา เราเรียกอาการนี้ว่าเป็น Sleep Drunkness ซึ่งผลของมันสามารถอยู่ได้นานหลายนาที หรือ หลายชั่วโมง และขัดขวางการทำงานและการใช้ชีวิตของเราไม่น้อยเหมือนกัน UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปรู้จักกับอาการนี้มากขึ้น และเรียนรู้วิธีการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นกัน Sleep Drunkenness คือ อะไร Sleep Drunkness คือ อาการสับสนมึนงงที่เกิดขึ้นในช่วงที่เราตื่นนอน โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นเมื่อสมองของเราไม่สามารถเปลี่ยนผ่านจากโหมดนอนหลับไปยังโหมดตื่นได้แบบ 100% จนร่างกายอยู่ในสภาพคล้ายสลึมสลือเหมือนคนเมา แต่ก็ยังเคลื่อนไหวร่างกาย เดิน และพูดได้ตามปกติ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้อาการนี้เกิดขึ้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พักผ่อนไม่เพียงพอ ความผิดปกติเรื่องการนอนหลับ (เช่น restless legs syndrome, sleep apnea, หรือ Insomnia) เสพติดการดื่มสุรา ใช้ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด ไปจนถึง การนอนไม่เป็นเวลาเนื่องจากมีเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน อ้างอิงจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่สัมภาษณ์คนอายุกว่า 18 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 19,000 คน เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมการนอน การเจอกับ ภาวะสับสนระหว่างการตื่นนอน
เชื่อว่า ณ ช่วงเวลานี้ ในขณะที่หลายคนต่างมุ่งมั่นกับการฝ่าฟันเส้นทางชีวิตเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน คงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอมองข้ามการให้เวลากับครอบครัวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และเนื่องในโอกาสวันพ่อ UNLOCKMEN x NISSAN TERRA จึงอยากหยิบยกเรื่องราวของ ‘เคนจิ-วันสว่าง’ หนุ่มนักธุรกิจมากไอเดีย ที่กำลังสนุกอยู่กับแบรนด์เสื้อผ้า RYLL & CO ที่เป็นพื้นที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณพ่อผ่านภาพถ่ายแฟชั่นเสื้อผ้าเซ็ตพ่อลูกสุดเฟี้ยวชนิดที่ไม่ต้องสืบว่าความเท่นี้ได้จากใครมา กับไอเดียเริ่มต้นที่มีเหตุผลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เพราะแค่อยากชวนคุณพ่อมาหาอะไรทำแก้เหงา และอยากทำลายขอบเขตเส้นแบ่งการใช้ชีวิตระหว่างการทำธุรกิจที่วุ่นวาย ไปพร้อม ๆ กับการได้ใช้เวลากับคุณพ่อให้มากที่สุดก็เท่านั้น ซึ่งแนวคิดของผู้ชายคนนี้เป็นอีกหนึ่งมุมมองดี ๆ ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายลุกขึ้นมาวางแผนจัดสรรตารางชีวิตใหม่เพื่อใช้เวลากับคนสำคัญข้างกายได้มากขึ้น ติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกสุดมันส์ ที่สะท้อนนิยามคำว่า LIKE FATHER, LIKE SON ออกมาได้อย่างเข้มข้นชัดเจนไปพร้อม ๆ กันได้เลย :: ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น :: “จริง ๆ แล้วตอนวัยรุ่นอายุ 20 กว่า ๆ เราก็ไม่ค่อยอยู่กับพ่อหรอก เราเที่ยวเยอะ ปาร์ตี้บ่อย แต่พอเริ่มเข้า 30 ก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น เพราะเราอยู่บ้านกับพ่อแค่ 2
ในชีวิตของหลายคนคงเคยพานพบกับคนที่มีความคิดหรือความชอบคล้ายกับตัวเอง และรู้สึกว่าพวกเขามีเสน่ห์และน่าดึงดูดอย่างน่าประหลาด มีคนพยายามอธิบายเรื่องนี้ด้วยความเชื่อเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction) ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาความสุขในชีวิตได้หลายด้าน UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปเข้าใจกฎที่ว่านี้มากขึ้น กฎแห่งแรงดึงดูด คือ อะไร กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction) เป็นหลักปรัชญาที่ได้รับการพูดถึงตั้งแต่ปี 1887 โดยมันสอนว่า ความคิดในแง่ดีจะดึงดูดผลลัพธ์ในเชิงบวก ส่วนความคิดในแง่ลบจะดึงดูดผลลัพธ์ในเชิงลบเช่นเดียวกัน ความเชื่อดังกล่าวมีฐานคิดมาจากความเชื่อที่ว่า ความคิดเป็นเหมือนพลังงานรูปแบบหนึ่งที่สามารถดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันได้ โดยพลังงานเชิงบวก (การคิดบวก) จะสามารถดึงดูดความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของชีวิตได้ เช่น ด้านสุขภาพ ด้านการเงิน และด้านความสัมพันธ์ Law of Attraction ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะหนังสือแนว Self-help ชื่อ ‘The Secret’ (2016) ที่เขียนโดย Rhonda Byrne และมีเนื้อหาอ้างอิงถึงเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูด ซึ่งได้รับความนิยมมากจนมียอดขาย 30 ล้านเล่มทั่วโลก และถูกแปลเป็นภาษาอื่นมากกว่า 50 ภาษา สำหรับ Law