จบลงไปแล้วสำหรับงานประกาศผลรางวัล Golden Globes Awards 2019 ซึ่งผลที่ออกมาก็อาจถูกใจหลายคนโดยเฉพาะแฟนของวง Queens และภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody ที่คว้ารางวัลใหญ่อย่าง Best Motion Picture ไปครอง รวมถึงพระเอกอย่าง Rami Malek ที่คว้ารางวัลในสาขา Best Performance by an Actor in a Motion Picture – Drama มาด้วยเช่นกัน แต่นอกจากฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมที่มีแล้ว Rami Malek ยังถือเป็นผู้ชายที่มีสไตล์การแต่งตัวจัดจ้านอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ลุค Smart Casual และแนว Formal เพื่อออกงาน นอกจากนี้ตัวเขายังเป็นหนุ่มผิวสองสีที่มาพร้อมกับส่วนสูง 170 เซนติเมตรบวกกับอีกนิดหน่อย ซึ่งเราเชื่อว่ารูปแบบการแต่งตัวของเขาจะสามารถนำมาปรับใช้กับหนุ่มไทยได้เป็นอย่างดี แต่จะมีสไตล์ไหนบ้างมาดูกันเลย Denim Mania เรามักจะเห็น Rami Malek ปรากฏตัวในชุดทางการอยู่บ่อยครั้ง แต่นอกเวลาออกงานเขามักปรากฏตัวในลุค Casual สบาย ๆ พร้อมกับ Denim
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกของรองเท้าตระกูล Air Max คงจะทราบข่าวกันดีว่า ในปี 2019 นี้ Nike กำลังมีแผนจะ Retro รองเท้าโมเดลสุดเก๋าอย่าง Air Max 2 Light ที่ผลิตครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้วกลับมาปัดฝุ่นพัฒนาอีกครั้ง ซึ่งรองเท้าตัวล่าสุดก็เตรียมวางขายให้เราได้เป็นเจ้าของแล้ว พร้อมกับสีต่าง ๆ ที่คาดว่าจะตามออกมาอีกล็อตใหญ่ Air Max 2 Light ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1994 เพื่อต่อยอดความสำเร็จของรองเท้ารุ่นแรกอย่าง Air Max Light ที่ผลิตเมื่อปี 1989 กับดีไซน์เอกลักษณ์ที่มีลวดลายปูดนูนขึ้นมา พร้อมกับก้อน Air ขนาดใหญ่ตรงส่วนด้านหลังของ Midsole คล้ายกับใน Air Max 95 ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเพราะรูปทรงแบบ Chucky ที่มีน้ำหนักเบาของมันต้องทำให้หลายคนได้กระเป๋าสั่นแน่นอน หลังจากผ่านไป 25 ปีในที่สุด Nike ก็ได้นำมันกลับมาอีกครั้งกับคู่แรกของ Air Max 2 Light
ปี ค.ศ. 2008 กลาสฮุตเตอ ออริกินาล (Glashütte Original) เปิดตัวศิลปะแห่งเรือนเวลาสุดพิเศษรุ่นพาโนอนิ เวิร์ส เอ็กแอล (PanoInverse XL) ที่เผยให้เห็นถึงความงดงามด้านใน ที่โชว์ชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่ (Duplex Swan-neck Fine Adjustment) ให้เห็นอย่างชัดเจนบนหน้าปัดนาฬิกา จนกลายเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ทุกวันนี้มีนาฬิกาจากคอลเล็คชั่นพาโน (Pano) ทั้งหมด 2 โมเดลที่ยังคงตอกย้ำ ถึงเรื่องราวแห่งความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นของพาโนอินเวิร์ส เอ็กแอลตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 ดีไซน์ที่แตกต่าง และความซับซ้อนเชิงเทคนิค ความสวยงามของเรือนเวลาจากกลาสฮุตเตอ ออริกินาลมีหลากหลายด้าน ไล่ตั้งแต่ดีไซน์สวยงามไม่เคยตกยุค การใช้วัสดุที่ล้ำค่าและความสลับซับซ้อนที่แสดงผ่านรูปลักษณ์ และเทคนิค รวมไปถึงความปราณีตบรรจงในการรังสรรค์กลไกของนาฬิกา ในปีค.ศ. 2008 ด้วยวิธีการสลับด้านของกลไกในหลาย ๆ ส่วน ทำให้บาลานซ์บริดจ์ (Balance Bridge) แกะสลักบนระบบชุดปรับถูกนำขึ้นมาแสดงบนหน้าปัดนาฬิกาได้เป็นครั้งแรก ทั้งที่โดยปกติแล้วระบบดังกล่าวจะสามารถมองเห็นได้ผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ด้านหลังเท่านั้น และด้วยการสไตล์การออกแบบแบบเยื้องศูนย์ (Off-centre Design) ของคอลเล็คชั่นพาโน ทำให้การจัดวางระบบชุดปรับสวอน-เนคแบบคู่ที่ถูกกคิดค้นโดยกลาสฮุตเตอ ออริกินาล เป็นไปได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ โดยระบบชุดปรับนี้มีไว้เพื่อช่วยปรับแต่งอัตราและการแกว่งตัว
adidas Originals เปิดตัวสนีกเกอร์ใหม่ Nite Jogger โดดเด่นด้วยแถบสะท้อนแสง กับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานความคลาสสิกกับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการหยิบยกเทคโนโลยี hi-vis มาประยุกต์ใช้ ทำให้ Nite Jogger เป็นสนีกเกอร์สุดล้ำสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ผู้หลงใหลในยามค่ำคืน การออกแบบที่โดดเด่นเหนือใครของ Nite Jogger ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการสะท้อนแสง ส่องสว่างในที่มืด จะกลายเป็นปรากกฎการณ์ใหม่สำหรับสายสตรีท ด้วยการพัฒนาสนีกเกอร์ผสานเข้ากับเทคโนโลยี hi-vis ที่จะเสริมให้สนีกเกอร์เรืองแสงได้ในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะเป็นที่เชือกรองเท้า สามแถบเอกลักษณ์ฉบับอาดิดาส แถบด้านหลัง รวมถึงลวดลายไฮไลต์ นับเป็นการนำเทคโนโลยีรวมเข้ากับการออกแบบที่ล้ำสมัย เพื่อเหล่าบรรดาครีเอเตอร์ ผู้กล้าที่จะเดินตามทางของตนเอง ส่วน Upper เป็นไนลอนน้ำหนักเบา ผสานกับตาข่ายถักแบบนุ่ม และหนังกลับสีดำสุดเท่ ส่วน sole มาพร้อมพื้น BOOST เต็มผืน เพื่อส่งมอบความสบาย และพร้อมสำหรับการสำรวจในยามค่ำคืน การเผยโฉมของ Nite Jogger ในครั้งนี้ มาพร้อมกับสีส้มโดดเด่นตัดกับ upper สีดำ ในขณะที่บริเวณส้นเท้านั้นมีเอกลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับโมเดลในอดีต นับเป็นการสานต่อรูปแบบของการนำสิ่งต่างๆในอดีตมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพื่ออนาคต Nite Jogger เป็นสนีกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดยั้ง
หลังจากร้อนแรงกว่าคู่แข่งค่ายอื่น ๆ มาตลอดสำหรับตลาดรองเท้าของปี 2018 มาในปีนี้ดูเหมือน NIKE จะยังไม่ยอมหนำใจ กลับมารักษาตำแหน่งผู้นำและความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการประเดิมต้นปีกับคอลเลกชันรองเท้า ที่เตรียมถูกปล่อยออกมาต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งบอกเลยว่า ต้องมีสักคู่ที่ถูกใจหลายคนแน่นอน เพราะพี่แกเล่นขนมาหมดเกือบครบทุกโมเดลยอดนิยม เรียกว่าเอาใจตลาด Asia และคนเชื้อสายจีนกันอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ไม่นานค่าย Swoosh ทำการเรียกน้ำย่อยจากสาวกด้วย Chinese New Year Collection คู่แรกอย่าง Air Vapormax 2019 ก่อนที่จะเปิดตัวภาพชุดเต็มของคอลเลกชันดังกล่าว ที่เรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มลูกค้าผู้จงรักภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างแน่นอน ด้วยการขนโมเดลยอดนิยมมาถึง 12 คู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Zoom Pegasus, Air Max 98, Air Force 1 , Air Max 270, Air Vapormax, Blazer Low รวมถึงโมเดลสุดไฮป์จากในค่ายกรุ๊ปเดียวกันอย่าง Converse Chuck Taylor และ Air Jordan 12,
เดินทางเข้าสู่ปีใหม่ ศักราชใหม่ ก็ถึงเวลาที่ผู้ชายอย่างเราต้องตั้งเป้าหมายให้ชีวิตกลับมาฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง ไม่เพียงแค่เรื่องงานแต่รวมไปถึงเรื่องการแต่งตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งคงถึงเวลาแล้วสำหรับการปลดเกษียณกางเกงตัวโปรดที่เคยใส่มาหลายปีสักที แล้วแทนที่ด้วยตัวใหม่ที่จะพาเราลุยปีใหม่อย่างมั่นใจมากขึ้น แต่กางเกงแบบไหนที่หนุ่มไทยอย่างเราควรมีไว้ใช้งานบ้าง วันนี้ไปทำความรู้จักกางเกงทั้ง 6 ชนิดที่เราอยากแนะนำให้คุณมีเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า รับรองว่าทุกตัวจะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มันส์ ๆ รวมไปถึงช่วยทำให้ทุกท่านแต่งตัวได้มั่นใจมากขึ้นในทุกโอกาสอย่างแน่นอน Jeans เริ่มต้นด้วยไอเทมยอดนิยมตลอดกาลของลุค Casual ที่มาพร้อมกับความทนทานและฟังก์ชันการใช้งานอันหลากหลาย ที่ไม่ว่าจะหยิบจับไปแมทซ์กับเครื่องแต่งกายชิ้นไหนก็ออกมาดูดีแบบสบาย ๆ ได้เสมอ เลือกกางเกงยีนส์ตัวเก่งในรูปทรงที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็น Slim fit, Regular แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือความพอดีตรงต้นขา หัวเข่าและปลายขากางเกงที่พอดีกับตัวของเรา ซึ่งจะช่วยทำให้การสวมใส่สมบูรณ์แบบมากขึ้น How to: จับคู่กางเกงยีนส์เข้ากับเสื้อยืด, เสื้อเชิ้ตหรือจะเพิ่มเลเยอร์และสีสันด้วยแจ็กเกตตัวโปรด แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับรองเท้า เพราะยีนส์สามารถเข้ากันได้ดีกับรองเท้าผ้าใบสีขาว หรือจะเลือกเติมเข้มด้วย Chukka Boots และ Chelsea Boots ก็ดูดีไม่แพ้กัน Chinos ด้วยความเป็นกางเกงเนื้อฝ้ายที่นุ่มสบายทำให้กางเกงชิโน่ ยังคงได้รับความนิยมเสมอในหมู่หนุ่ม ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบแต่งตัวในสไตล์ Minimal หรือ Muji รวมไปถึงคนที่ต้องการลุคดูเป็นทางการมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่หลุดจากกรอบ Casual จนเกินไป ควรเลือกกางเกงชิโน่เนื้อผ้าดี ๆ
จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับคอลเลกชันรองเท้าที่สั่นสะเทือนกิเลสของเหล่า Sneakerhead ไปทั่วโลกอย่าง THE TEN หลังชายผู้ร่วมออกแบบอย่าง Virgil Abloh ออกมายืนยันแล้วว่า Off-white x Nike Air Force 1 “BLACK” ที่ลือกันว่าวางขายในช่วงต้นปีหน้าจะผลงานชิ้นสุดท้ายของพวกเขา จุดเริ่มต้นความสำเร็จของ THE TEN เกิดขึ้นครั้งแรกหลังจาก Nike ประกาศว่ากำลังร่วมงานกับ Designer มือทอง พร้อมรูปตัวอย่างผลงานคอลแลปส์ที่เลือกใช้โมเดลในตำนานจากค่าย Swoosh จำนวน 10 รุ่นออกมาเรียกเสียงฮือฮาจากแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ผู้กำลังรอคอยการมาของคอลเลกชันดังกล่าว ก่อนเปิดตัวครั้งแรกด้วย Air Jordan 1 ซึ่งในเวลานั้นบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรร้อนแรงเทียบเท่าไอเทมของพวกเขาเลยจริง ๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะในเวลาต่อมา Nike ก็ทยอยปล่อย THE TEN ออกมาครอบครองพื้นที่ทางการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยโมเดลอย่าง Blazer, Presto, Air Max 97, Air Force, Air Max
ใครว่างานสตรีตจะดีแต่หาเงินจากกระเป๋าผู้ชายอย่างเราไปวัน ๆ เพราะแคมเปญการกุศลดี ๆ ก็มีให้เห็นออกมาเป็นระยะเหมือนกัน ล่าสุดกับแบรนด์สุดเก๋าจากแคลิฟอร์เนีย Stussy ได้ร่วมมือกับ Tamara Grunberg ดีไซน์เนอร์ผู้เคยฝากผลงานเอาไว้กับรองเท้า Custom อย่าง Stussciaga Double S โดยแคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวความคิดที่ต้องการระดมเงินช่วยเหลือเด็กไร้บ้านในประเทศแคนาดา เนื่องจาก Tamara Grunberg หัวเรือหลักของแคมเปญทำงานและอาศัยอยู่ในเมือง Gastown รัฐ Vancouver ซึ่งมีคนไร้บ้านเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงเด็ก ๆ ที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนกับยาเสพติดเพื่อหาเงินมาประทังชีวิต ซึ่งตัวเธอมองว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่ตัวเองทำงานอยู่ในร้านที่ขายเสื้อยืดในราคา 60 เหรียญ แต่ขณะเดียวก็มีคนไร้บ้านที่ต้องเอาตัวรอดกับสภาพความเป็นอยู่ที่โหดร้ายของโลกภายนอก รวมถึงต้องต่อสู้แย่งชิงหรือทิ้งอนาคตเพียงเพื่อเงินเพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้น แรงบันดาลใจดังกล่าวทำให้เกิดคอลเลกชันที่มีชื่อว่า RE-work ประกอบด้วยเครื่องแต่งกายสุดไฮป์ 5 ชิ้นซึ่งจะกลายเป็นของรางวัลสำหรับคนที่มาร่วมบริจาคเงินสบทบเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ประกอบไปด้วย Faux fur vest, Body-Cross Bag, Ski mask, Coy Fish Shirt และ Waterproof Vest ซึ่งทุกชิ้นเป็นงาน Custom จากของที่บริจาคโดย
ส่งสัญญาณให้หนุ่มสายสตรีทไว้ตั้งแต่ปลายปีสำหรับงาน Collaboration ชุดล่าสุดจากสองแบรนด์สตรีตสัญชาติญี่ปุ่นทั้ง BAPE และ NEIGHBORHOOD ที่ร่วมมือกันปล่อยคอลเลกชันให้เราเตรียมเสียเงินตั้งแต่ต้นปี แต่นอกจากจะมีเครื่องแต่งกายและของสะสมรวมเอาไว้มากมายแล้ว ยังมีรองเท้าคู่พิเศษจาก Adidas Original เพิ่มมาเอาใจคอรองเท้าอีกด้วย คอลเลกชัน BAPE x NEIGHBORHOOD ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองวาระครบรอบ 10 ปีของ HOODS Hongkong รีเทลสายสตรีทซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของ NEIGHBORHOOD ในฮ่องกงและประเทศจีน แถมยังเลือกใช้แร็ปเปอร์อย่าง Rea Sremmurd มาเป็นแบบให้อีกด้วย และตอนนี้ Full-Look ของไอเทมทุกชิ้นก็ถูกปล่อยออกมาครบแล้วไม่ว่าจะเป็น T-Shirt, Crewnecks, Jacket, Sweatpant, Shark Hoodie และ Denim Jacket โดยเฉพาะสองชิ้นหลังที่ถูก Shinsuke Takizawa หัวเรือใหญ่แห่งอาณาจักร NBHD เนรมิตให้ออกมาในรูปแบบสีทูโทนซึ่งแปลกตาแต่น่าสนใจมากทีเดียว โดยแต่ละชิ้นจะถูกใจชาวสตรีทในบ้านเราแค่ไหนไปชมกันได้เลย นอกจากเสื้อผ้าแล้ว บรรดาเครื่องประดับและของสะสมทั้งหลายก็น่าครอบครองไม่แพ้กัน เพราะมีตั้งแต่เข็มกลัดและกระถางธูปสุดครีเอทที่สร้างขึ้นมาเป็นผู้ชายใส่ Shark Hoodie แบบเต็มใบ โดยแขนด้านซ้ายจะสกรีนว่า BAPE ส่วนด้านขวาจะเป็น NBHD
วงการแฟชั่นเป็นวงการที่มีการฟ้องกันไปมาไม่น้อยกว่าวงการไหนในโลก ถ้าสังเกตดี ๆ เราจะเห็นลวดลายการดีไซน์ที่คล้ายกันมากในแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ กระเป๋า และเสื้อผ้า ด้วยกระแสเสื้อวงที่กำลังฮิตไปทั่วโลก ทำให้บรรดา Fast Fashion Brand ต่างรีบหยิบยืมลายกราฟฟิคหรือ Iconic ต่าง ๆ จากวงดนตรีชื่อดังมาดัดแปลงกันเต็มไปหมด ซึ่งบางครั้งการก็รอดตัวไป แต่บางทีถ้าทำโฉ่งฉ่างเกินไปก็อาจโดนฟ้องได้ เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่ Nirvana เป็นฝ่ายยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ Marc Jacobs แบรนด์แฟชั่นหรูที่นำโลโก้หน้ายิ้มของวงไปใช้แบบเต็ม ๆ แฟนเพลงของ Nirvana ต้องคุ้นตากับลวดลาย Smiley Face สีเหลืองกันดี ซึ่งกราฟฟิคที่ว่าไม่ใช่แค่ลวดลายธรรมดา แต่ถือเป็น Logo ที่ออกแบบโดย Kurt Cobain และ Nirvana ได้ทำการจดลิขสิทธิ์ไว้ตั้งแต่ปี 1992 แต่ทาง Marc Jacobs กลับนำไปใช้ใน ‘Bootleg Grunge T-Shirt’ collection ล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจจากดนตรี Grunge ซึ่งดูจากเจตนาก็ชัดเจนว่า Marc Jacobs
ออกมาแล้วกับผลรายงานไตรมาส 4 ของปี 2018 กับรายชื่อแบรนด์แฟชั่นที่มีคนค้นหามากที่สุด 5 อันดับแรกคือ Gucci, Nike Off-White, Balenciaga และ Polo Ralph Lauren ซึ่ง UNLOCKMEN จะมาวิเคราะห์กันว่าเพราะไอเท็มเด็ดชิ้นไหน รวมถึงมีเรื่องราวอะไรบ้างทำให้แบรนด์เหล่านี้ Hot ที่สุดในปี 2018 รายงานที่ว่านี้ถูกจัดอันดับโดย Lyst แพลตฟอร์มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นระดับโลกรายใหญ่ ได้เปิดเผยรายงานแบรนด์แฟชั่นยอดฮิตแต่ละไตรมาส โดยมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหาบนโลกออนไลน์ของผู้บริโภคกว่า 5 ล้านครั้ง และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของนักช้อปจนได้อันดับแบรนด์ที่ถูกค้นหามากที่สุดดังนี้ 1. GUCCI Gucci คือแบรนด์แฟชั่นที่ครองความนิยมสูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนหนึ่งเพราะการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ Sir Elton John ในชื่อว่า Farewell Tour จำนวนกว่า 300 รอบทั้ง 5 ทวีป ที่เสื้อสูทของแบรนด์ก็ไปโผล่อยู่ในงานเสมอ รวมถึงแบรนด์สตรีทแฟชั่นประจำย่าน Harlem อย่าง Dapper Dan ที่ร่วมงานกับ Gucci ในด้านของผลงานได้ออก
ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้ว สำหรับกรณีที่แบรนด์สเก็ตบอร์ดรุ่นเก๋าอย่าง Vans กำลังเดินหน้ายื่นเรื่องฟ้องค่ายรีเทลชื่อดัง ซึ่งถูกพวกเขากล่าวหาว่ามีรองเท้าหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ถูกปล่อยออกมา ได้ลอกเลียนแบบลวดลายของ Side-stripe อันโด่งดังของรองเท้าในโมเดล Old Skool รองเท้าโมเดลในตำนานซึ่งพวกเราทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Style36 OLD SKOOL ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1977 ในฐานะรองเท้าสเก็ตบอร์ดคู่แรกที่มีการใช้วัตถุดิบหนังในการผลิต เพื่อเพิ่มประโยชน์ในด้านความแข็งแรงทนทานของรองเท้า พร้อมกับลวดลายข้างรองเท้าที่ออกแบบโดย Paul Van Doren ซึ่งเดิมทีถูกเรียกด้วยชื่อ Jazz Stripe ก่อนเวลาต่อมามันจะได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้ Side-stripe ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของ Vans ไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าจะปล่อยให้ใครใช้เอาไปใช้หากินง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะล่าสุด Vans ตัดสินใจยื่นเรื่องฟ้องแบรนด์รีเทลยักษ์ที่ชื่อ Target โดยบอกว่ารองเท้าในรุ่น Target Camella Lace-Up ซึ่งถูกวางขายในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีการลอกเลียนแบบลวดลาย Side-stripe อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพวกเขา พร้อมระบุเหตุผลว่า “ Tatget เลือกที่จะเลียนแบบสัญลักษณ์ของพวกเราอย่างจงใจ ซึ่งอาจสร้างความสับสนในกลุ่มลูกค้าทั่วโลกได้” นอกจากนี้ยังมีข้อความจากกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อรองเท้าในรุ่นดังกล่าว ได้มาเขียนรีวิวสุดกวนไว้บนเว็บไซต์ของทางรีเทลชื่อดัง ยกตัวอย่างเช่น “VANS ปลอมคู่นี้ก็ดูเท่ดีนะ” โดยทั้งหมดเป็นการแสดงออกจากกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาเองก็เข้าใจว่ารองเท้ารุ่นดังกล่าวเป็นของที่ทำลอกเลียนแบบขึ้นมา โดยอาศัยการดัดแปลงลวดลาย Side-Stripe ถูกดัดแปลงให้ต่างออกไป แต่สุดก็ไม่พ้นสายของ VANS อยู่ดี