ใครเคยเดินเหยียบเศษหมากฝรั่งที่คนถุยทิ้งไว้บ้าง? มันเป็นสิ่งที่กวนใจ สกปรกเลอะเทอะ เอาออกยาก แต่ด้วยความเหนียวหนืดของมัน จึงมีสองนักเรียนดีไซน์เนอร์ Hugo Maupetit และ Vivian Fischer คิดไอเดียการเปลี่ยนซากหมากฝรั่งให้เป็นล้อสเก็ตบอร์ดได้สำเร็จ ไอเดียนี้แจ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือการสะสมเศษซากหมากฝรั่งด้วยการออกแบบและติดตั้งบอร์ด “Gum Collection Board” ผลิตจาก polymethyl methacrylate (PMMA) plastic ให้คนแปะหมากฝรั่งเคี้ยวแล้วให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นจะมาเก็บไปทั้งกระดานสัปดาห์ละครั้ง 1 บอร์ดจะได้หมากฝรั่งประมาณ 60 ชิ้น ในขณะที่ล้อแต่ละอันจะใช้เศษหมากฝรั่งประมาณ 10 – 30 ชิ้น แล้วแต่ขนาดและความแข็งแรง ทั้งบอร์ดและหมากฝรั่งจะถูกส่งต่อไปที่โรงงานเผื่อผ่านกระบวนการใช้ความร้อนหลอมรวมกันก่อนจะแปลรูป ทำสี และพิมพ์ออกมาเป็นล้อสเก็ตบอร์ดในที่สุด ข้อดีของโปรเจคนี้คือ เมื่อล้อเหล่านี้พังเสียหาย ก็สามารถนำกลับไปกระบวนการแปรรูปได้อีกครั้ง แม้บอร์ด PMMA ที่เต็มไปด้วยเศษหมากฝรั่งจะดูไม่ค่อยสวยงาม แต่เรื่องการใช้งานถือว่าโอเคมาก เพราะลดการคายถุยทิ้งตามพื้นทางเดินได้ไปในตัว เพราะปัญหาการทิ้งเศษหมากฝรั่งใน UK นั้นค่อนข้างหนัก มีเพียง 10% ที่ทิ้งเป็นที่เป็นทาง อีก 90% ถูกทิ้งอย่างไม่เป็นระเบียบ และทุกปีต้องใช้งบประมาณถึง 2,700
เชื่อว่าเช้านี้แฟนบอลหลายคนน่าจะตื่นมาพร้อมกับคำว่า ‘European Super League’ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่สโมสรระดับโลกในยุโรป จะจับมือกันสร้างลีกการแข่งขันของตัวเอง ฟังดูเหมือนจะดี แต่ก็มีหลายประเด็นที่ขัดกับหลักการของกีฬาฟุตบอล แน่นอนว่ามีทั้งแฟนบอล สโมสร รวมถึงสมาคมฟุตบอลทั้ง UEFA, FIFA ที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะมันเกี่ยวกับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ระดับหลายพันล้านเหรียญที่แต่ละสโมสรจะได้รับ ว่าแต่ European Super League คืออะไร ใครเป็นนายทุน เรามีสรุปมาให้เข้าใจง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดเวลาทำความเข้าใจให้ทุกคน จากข้อมูลที่รวบรวมมาล่าสุด ณ เวลานี้ ตอนนี้มีสโมสรที่ร่วมก่อตั้งและสนับสนุน Super League ทั้งหมด 12 ทีม นำโดย Florentino Perez ประธานสโมสร Real Madrid และอีก 11 ยักษ์ใหญ่อย่าง Milan, Arsenal, Atlético Madrid, Chelsea, Barcelona, Inter, Juventus, Liverpool, Manchester City, Manchester United,
หากใครได้ติดตามข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาเป็นระยะ คงพอจะทราบกันว่าญี่ปุ่นนับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เผชิญปัญหาครั้งใหญ่ไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ ตอกย้ำซ้ำเติมว่าในเร็ววันนี้เราคงอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ไปเหยียบญี่ปุ่นอีกนาน และหากวันที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศอีกครั้งพร้อมให้เราได้ไปเยือน เราจะรู้สึกสะดวกใจที่จะไปญี่ปุ่นอยู่หรือไม่ หากรัฐบาลญี่ปุ่นบังคับให้นักท่องเที่ยวต้องอนุญาตให้รัฐติดตามเรา กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ประกาศข้อบังคับใหม่ในยุคไวรัสแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น รวมถึงคนญี่ปุ่นที่กลับประเทศ จะต้องติดตั้งแอปพลิเคชันตามตัวโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยจะเริ่มบังคับใช้กฎดังกล่าวตั้งแต่ 18 มีนาคม 2021 แอปพลิเคชันทั้ง 3 ที่จะต้องติดตั้งเมื่อเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นมีดังนี้ OSSAMA แอปพลิเคชันระบุตำแหน่งเจ้าของสมาร์ตโฟนเพื่อบันทึกว่าแต่ละวันบุคคลนั้น ๆ ได้เดินทางไปยังที่ไหนมาบ้าง Skype แอปพลิเคชันนี้จะคุ้นหน้าคุ้นตาคนไทยขึ้นมาหน่อย ผู้มาเยือนญี่ปุ่นทุกคนจะต้องติดตั้งแอปฯ นี้ เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่รัฐจะต่อสายตรงมาสอบถามตำแหน่งหรือข้อมูลจากเจ้าของโทรศัพท์ COCOA แอปพลิเคชัน contact tracing โดยกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น จะแจ้งเตือนเมื่อผู้ดาวน์โหลดเข้าใกล้ผู้ที่มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ทว่าแอปพลิเคชันนี้เคยถูกชาวญี่ปุ่นตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว โดยรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต่อการตามตัวหากสุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัส รัฐบาลจะปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทุกคน ขอให้ประชาชนใช้แอปฯ ได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะยิ่งมียอดดาวน์โหลดมากเท่าไหร่ การทำงานของแอปฯ ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และระบบจะลบข้อมูลต่าง ๆ อาทิ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล
ทุกครั้งที่เข้าหน้าร้อนของประเทศไทย อุณหภูมิดูจะร้อนแรงโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่าถ้าโลกนี้ไม่มีแอร์ในบ้าน ในรถ หรือในออฟฟิศ แทบจะใช้ชีวิตกันไม่ได้เลยทีเดียว ทำให้เรานึกอยากขอบคุณผู้คิดค้นแอร์ขึ้นมา เพราะถ้าไม่มีเค้า เรานึกไม่ออกเลยว่าวันนี้มนุษย์จะพัฒนามาได้ไกลถึงวันนี้มั้ย จุดเริ่มต้นของแอร์นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความเย็นสบายของมนุษย์ มันมีความสำคัญกับทุกอุตสาหกรรมในยุค Industrial Revolution ถ้าไม่มีแอร์ หลายอย่างจะไม่สามารถพัฒนาได้ เพราะจุดประสงค์แรกของมันคือการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ หัวใจสำคัญในกระบวนการผลิตทุกชนิด ส่วนความเย็นสบายในบ้านหรือแม้แต่ในรถยนต์ของพวกเราคือผลพลอยได้จากการคิดค้นพัฒนาต่อยอดจากระบบอุตสาหกรรมในยุคหลัง ย้อนไปศตวรรษที่ 20 แน่นอนว่ายังเป็นยุคที่ไม่มีแอร์เกิดขึ้น บริษัท Sackett & Wilhelms Lithography and Printing Company ใน New York พบกับปัญหาในการทำงาน ความชื้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากอากาศหน้าร้อนที่โคตรร้อน ทำให้บริษัทไม่สามารถคุมคุณภาพการพิมพ์ที่ดีได้ เจอทั้งกระดาษบวม หมึกไม่เสมอกัน พิมพ์ไม่คมชัด แถมสียังเพี้ยน ผลคือต้องทิ้งและพิมพ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา เสียทั้งเงินทั้งเวลา ในเมื่อรู้สาเหตุของปัญหา Sackett & Wilhelms จึงคิดว่าต้องหาทางรับมือกับปัญหาอุณหภูมิที่ไม่คงที่แถมยังร้อนจัด หันไปปรึกษาทีมวิศวกร ซึ่ง 1 ในนั้นคือชายในวัย 25 ปี ที่มีชื่อว่า “Willis
ระหว่างที่บ้านเรายังคงรอวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น Sinovac หรือ AstraZeneca เข้ามาให้คนไทยได้ฉีดกัน ตอนนี้มีงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนในอเมริกา ซึ่งเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่ติดตามผลจากสถานการณ์จริง โดยคนแถวหน้าเช่นหมอ พยาบาล พบว่าวัคซีนของ Pfizer และ Moderna เป็นสองตัวที่ป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้มากถึง 90% หลังจากฉีดครบ 2 โดส รายงานชิ้นนี้ไม่ใช่ไก่กา แต่มาจาก CDC (US Centers for Disease Control and Prevention) พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนสองตัวนี้ป้องกันเชื้อได้มากถึง 80% ตั้งแต่โดสแรก และหลังจากฉีดโดสที่สอง ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 90% โดยการติดตามผลจากกลุ่มแนวหน้าในสถานพยาบาลถึง 4,000 คน ที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 จาก 8 สถานที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงกลางธันวาคมถึงกลางมีนาคม วิธีตรวจของ CDC เข้มข้นและละเอียดมาก ทำการตรวจกลุ่มตัวอย่างทั้ง 4,000 คนโดยไม่สนว่ามีอาการหรือไม่ มีการติดตามสอบถามอาการ และอัพเดท medical reports ทำ
ไม่มีอะไรที่เพื่อนทหารจะทำให้กันไม่ได้ โดยเฉพาะทหารผ่านศึกที่ปลดประจำการก่อนเพื่อนร่วมรบ ย่อมรู้ดีที่สุดว่าเพื่อนในสมรภูมิต้องการอะไรมากที่สุด และนั่นก็คือ “เบียร์” ในปี 1967 สงครามเวียดนามกำลังเข้าสู่จุดเดือดสุด มีทหาร U.S. มากถึง 11,000 ชีวิตที่เสียไปในการรบครั้งนั้น แต่สำหรับทหารในสังกัด Marine Corps นามว่า John “Chickie” Donohue ทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามที่ประจำการครบ 4 ปี ได้รับอนุญาตให้ปลอดประจำการ กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดในอเมริกาก่อนเพื่อนร่วมรบ ซึ่งเป็นการหมุนเวียนปกติของกองทัพ ในขณะที่ Donohue อยู่ที่บ้านในเมือง Inwood เขาต้องเจอกับศพทหารเพื่อนบ้านมากมายที่ถูกส่งกลับมาฝังในบ้านเกิดของตน วันนึง Donohue นั่งดื่มอยู่ที่บาร์ ได้พูดคุยกับ Bartender และทั้งสองเห็นตรงกันว่า ทหารที่กำลังรบอยู่ในเวียดนามตอนนี้เป็นฮีโร่ที่น่ายกย่อง พวกเขาควรจะได้รับคำชม พร้อมกับเบียร์เย็น ๆ สักกระป๋อง ระหว่างที่นั่งฟัง Donohue เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ดีกว่าใคร พร้อมกับคิดถึงเพื่อนร่วมกองทัพที่กำลังรบอยู่ในตอนนี้ขึ้นมา คิดว่าพวกเขาน่าจะต้องการเบียร์เย็น ๆ สักกระป๋องจริง ๆ ว่าแล้วก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋า พร้อมหิ้วเบียร์เย็น ๆ เพื่อนำไปฝากสหายในกองทัพกลาง War
‘ญี่ปุ่น’ นับเป็นดินแดนที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดินแดนที่ผู้คนจำนวนมากล้วนอัดแน่นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ที่มีตั้งแต่ในระดับพอดีไปจนถึงสุดโต่ง เห็นได้จากการกลายเป็นประเทศที่มีผู้ผลิตมังงะแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หนังบางเรื่องของญี่ปุ่นก็ต้องใช้พลังกายพลังใจจำนวนมากที่จะดูเพื่อเข้าถึง หรือไลฟ์สไตล์กับลัทธิความเชื่อกระฉ่อนโลกอย่าง โอมชินริเกียว ไปจนถึงแก๊งแฟชั่นหลุดโลกที่ยากจะคาดเดาของเหล่าวัยรุ่น ทั้งหมดจึงทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความฉูดฉาดและไม่คาดฝัน ความฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ที่เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ แฟชั่น และความเชื่อเท่านั้น แต่ยังอยู่ในโลกการเมืองที่ดุเดือดจริงจังเช่นกัน เมื่อจังหวัดชิบะเปิดรับสมัครคนในพื้นที่ที่สนใจอยากเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้สมัครก็มีตั้งแต่โปรไฟล์สุดปังไปจนถึงสุดแปลก แต่สิ่งที่สร้างเสียงฮือฮามากที่สุดคนหนีไม่พ้นชายสวมสูทแดง ทาหน้าขาวคล้ายกับตัวละครโจ๊กเกอร์ ผู้ยืนยันว่าจะทำให้จังหวัดชิบะไม่เหมือนเก่าอีกต่อไป ยูซูเกะ คาวาอิ (Yusuke Kawai) ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นชายหัวหมอที่คิดหาวิธีโปรโมตตัวเองให้ประชาชนรู้จัก หรือเป็นแค่ชายที่ไม่ได้คิดอะไรในหัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เขาตั้งใจลงสมัครท้าชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ แต่ผู้คนกลับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาน้อยมาก ยูซูเกะเป็นชายวัย 40 ปี ก่อนมาสมัครผู้ว่าฯ เคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนของบริษัทจัดหางาน ที่คาดว่าคงมีชีวิตไม่ได้แตกต่างแปลกประหลาดไปจากคนอื่นเท่าไหร่นัก แต่กลับสร้างภาพจำให้กับชาวชิบะด้วยการแต่งตัวเลียนแบบโจ๊กเกอร์ วายร้ายตลอดกาลแห่งเมืองก็อตแธม ยูซูเกะทาหน้าขาว เซตผมเปิดหน้าผาก ใช้ลิปสติกทาเลยริมฝีปากให้เหมือนกับตัวตลกหรือคนปากฉีก ใส่คอนแทคเลนส์สีทอง ก่อนใช้สีแต้มเป็นเส้นบริเวณดวงตา หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าผู้ลงสมัครผู้ว่าฯ ท่านนี้ พยายามทำตัวเหมือนกับโจ๊กเกอร์ฉบับวาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่โด่งดังจนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ แต่ในความคล้ายเขาก็ไม่ได้ทำจนเหมือนเป๊ะ และเมื่อกองพิจารณาผู้สมัครถามถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างว่าเพราะอะไรถึงไม่เอาให้เหมือนสุด ๆ ไปเลย เขาก็ตอบกลับมาว่า “เหมือนเป๊ะก็โดนลิขสิทธิ์สิครับ
คนญี่ปุ่นเล่นสเก็ตบอร์ดไหม? แล้วทำไมคนที่ถือแผ่นบอร์ดในญี่ปุ่นจะต้องมักถูกมองว่าเป็นอันธพาล NIHON STORIES หาเหตุผลเพื่อตอบคำถามคาใจมาให้แล้ว คำว่าสเก็ตบอร์ด skateboard ในญี่ปุ่นมักออกเสียงว่า ‘sukeetoboodo’ ส่วน skateboarders มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘sukebo’ ที่รับอิทธิพลมาจากสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะการวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูด ชาวสเก็ตรุ่นแรกเริ่มมากจะรวมตัวกันวาดลวดลายอยู่บนบอร์ดในซอยแคบๆ ที่มีลานโล่ง แม้แสงไฟของเสาไฟสาธารณะจะเป็นแค่แสงสลัว แต่หากเดินผ่านแล้วสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นเหล่าวัยรุ่นขาโจ๋ลากแผ่นบอร์ดติดล้อกันไปมาอยู่เป็นอิสระ แม้การเล่นสเก็ตบอร์ดในปัจจุบันจะกลายเป็นกิจกรรมที่ใครก็สามารถมีส่วนร่วมได้ แต่พอย้อนกลับไปยังหลายสิบปีก่อน กลุ่มแก๊งที่เล่นสเก็ตบอร์ดในญี่ปุ่นมักถูกมองว่าเป็นพวกเกเร ทำตัวไร้สาระ นิสัยไม่เป็นมิตร ต่อต้านสังคม และค่อนข้างไม่น่าคบหา ผิดเพี้ยนกับหลายพื้นที่บนโลกที่ในเวลาเดียวกันไม่ได้มองว่าคนเล่นสเก็ตบอร์ดมีภาพลักษณ์แย่เท่ากับที่คนญี่ปุ่นมอง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนในลานโล่ง ๆ ที่จอดรถ หรือสวนสาธารณะ ก็มักเห็นป้ายตัวใหญ่ที่เขียนว่า ‘ห้ามเล่นสเก็ตบอร์ด’ เป็นผลมาจากการต่อต้านวัฒนธรรมป๊อปของอเมริกันชนในญี่ปุ่น บ่อยครั้งที่วัยรุ่นชายถือสเก็ตบอร์ดเดินเข้าสถานีรถไฟฟ้า แล้วจะถูกเจ้าหน้าที่เรียกเพื่อขอค้นกระเป๋า เป็นความคิดแบบเหมารวมที่กาหัวไว้ก่อนแล้วว่าอาจเป็นพวกป่วนเมือง เรียกร้องความสนใจ หรือมีโอกาสพกอาวุธสูงกว่าคนอื่น ๆ ในสังคม ฮิกาอิ โยชิโระ (Higai Yoshiro) ช่างภาพสเก็ตบอร์ดรุ่นเก๋าวัย 55 ปี นั่งย้อนจินตนาการถึงการหัดเล่นในช่วงแรกว่า “รู้สึกถึงสายลมแห่งแคลิฟอร์เนีย โคล่าและเสื้อยืดฮาวาย มันให้ความรู้สึกสดชื่น”
เรียกได้ว่าฉลองชัยในการเป็นแชมป์หนังทำเงินตลอดกาลทั่วโลกได้เพียงไม่กี่ปี ในที่สุดบทสรุปหนังรวมดาวจักรวาลมาร์เวลเฟสสาม Avengers: End Game ที่สร้างสถิติหนังทำเงินตลอดกาลในปี 2018 ก็ถูกทำลายลง ซึ่งหนังที่มาเบียดตำแหน่งจนเหล่าซูเปอร์ฮีโรหล่นตุ้บลงไปอยู่อันดับ 2 ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อดีตแชมป์ที่เคยถูกโค่นจนร่วงหล่นมาอันดับ 2 อย่างหนัง Avatar นั่นเอง ได้รับการยืนยันจากตาราง Box Office อย่างเป็นทางการแล้วว่า Avatar ที่นำกลับมาฉายใหม่ที่ประเทศจีนในสุดสัปดาห์ที่ 12 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมานั้นทำรายได้รวม 21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 127 ล้านหยวนของจีน ซึ่งตัวเลขนั้นเองไม่ได้มากมายนัก แต่ก็มากพอที่จะพาตัวเองกลับเข้ามาครองบัลลังก์หนังทำเงินสูงสุดในโลกอันดับ 1 ได้อีกหนด้วยรายได้รวม 2,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรากฎการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้อย่างไรในยุคสมัยที่ภาพยนตร์และธุรกิจโรงหนังนั้นกำลังอยู่ในภาวะซบเซาจากวิกฤตไวรัสระบาด Unlockmen ขอทำการถอดรหัสความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ไปด้วยกัน จริงอยู่ว่าในช่วง Lockdown ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ดูหนังเก่ามากมายเพราะสตูดิโอค่ายยักษ์ใหญ่ต่างพากันเลื่อนฉายหนังใหญ่ของตนไปอย่างไม่มีกำหนด ไม่ว่าจะเป็น No Time to Die / Black Widow / The Fast
ในยุคปัจจุบัน ฟอร์แมทในการฟังเพลงนั้นมีรูปแบบมากมาย แต่หนึ่งในฟอร์แมทที่สำคัญที่คนยุค 80s-90s ต่างพากันรู้จักกันดีนั่นก็คือการฟังเพลงผ่านคาสเซ็ทท์เทปนั่นเอง หลายท่านที่ผ่านยุคนั้นต่างนึกถึงอดีตอันงดงามไม่ว่าจะเป็นการใช้ปากกาในการกรอเทป / อัดเพลงที่ชอบให้คนที่แอบรักฟัง หรือจับมันโยนใส่ตู้เย็นเมื่อฟังจนเทปยาน แต่ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของวงการเพลงนี้หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเป็นใคร อีกทั้งเราเพิ่งทราบข่าวร้ายถึงการจากไปในวัย 94 ของปู่ Lou Ottens บุคคลผู้เปรียบได้ดั่งบิดาของคาสเซ็ทท์เทป จึงอยากจะขอใช้พื้นที่นี้ทำการอำลาอาลัย และถ่ายทอดเรื่องราวต้นกำเนิดของตลับเทปจากอดีต รวมถึงบทบาทของมันในโลกยุคดิจิทัล ณ ปัจจุบันนี้ให้ได้อ่านกัน จากการฟังเพลงอันเทอะทะ ปฏิวัติสู่การฟังเพลงแบบพกพา ในยุคแรกเริ่มของการฟังเพลงในยุค 50s-60s หลายคนน่าจะคุ้นเคยการฟังเพลงจากแผ่นเสียง Lou Ottens วิศวะกรชาวดัตช์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เองก็เช่นกัน ที่เขารู้สึกว่าการฟังเพลงในยุคนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบาก กว่าจะได้ฟัง หากคุณไม่นั่งฟังนอนฟังอยู่ที่บ้านจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือวิทยุเครื่องใหญ่โตมโหฬาร คุณก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสอรรถรสแห่งเสียงดนตรีนี้ กระทั่งเขาได้ทำงานที่บริษัท Philips ในปี 1952 เขาเห็นเครื่องบันทึกเสียงที่ชื่อ “Magnetophon” ของประเทศเยอรมัน ที่เป็นเครื่องอัดเสียงแบบ Reel-to-Reel แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่และราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน โดยแรกเริ่มนั้นมาจากความบังเอิญที่เครื่องอัดเสียงนั้นพังจนไส้เทปรีลนั้นพันกันยุ่งเหยิงเขาจึงค้นคว้าหาทางจัดระเบียบเจ้าเครื่องเทอะทะนี้ให้สะดวกและเล็กที่สุดให้จงได้ เขาจึงใช้เวลานานถึง 8 ปี เพื่อคิดค้นเครื่องบันทึกเสียงแบบพกพาจนเทปคาสเซ็ทท์ม้วนแรกได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกในงานแสดงสินค้าที่กรุงเบอร์ลินในปี 1963 ด้วยสโลแกนที่ว่า “เล็กกว่าซองบุหรี่” ซึ่งแน่นอนมันได้สร้างความตื่นตะลึงอย่างมาก ในฐานะอุปกรณ์บันทึกเสียงที่จิ๋วแต่แจ๋ว
หลายคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะนักแสดงตลกสุดฮา ที่มาพร้อมความป่วนและความกวนแบบสุดห่ามแห่งทศวรรษที่ 2000’s จวบจนปัจจุบัน แถมยังออกตัวว่าโปรดปรานกัญชาแบบเข้าเส้นอีกด้วย และในวันนี้ ฝันของเขากำลังจะเป็นจริง เมื่อดาวตลกท่านนี้ สามารถผลักดันแบรนด์กัญชาสู่ประชากรอเมริกันได้เป็นผลสำเร็จ เรามาทำความรู้จักทั้งตัวตนของชายสุดห่ามคนนี้ รวมถึงแบรนด์ Houseplant ที่เป็นมากกว่าสมุนไพรสายเขียวของผู้ชายคนนี้ Seth Rogen สำหรับคอหนังคงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันมากมาย สำหรับนักแสดงสายฮาผู้มาพร้อมความกวนระดับพระกาฬ จากที่เขาได้แจ้งเกิดในหนังตลก Knocked Up เรื่องของความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนของหนุ่มเนิร์ดที่รับบทโดย Seth กับสาวสวย แต่ต้องซวยตลอดไปเมื่อพวกเขาเผลอมีลูกด้วยกันแบบไม่ตั้งใจ ที่กลายเป็นหนังฮิตสะท้อนชีวิตสายอันเดอร์ด็อกได้อย่างถึงแก่น ทำให้ Seth Rogen เป็นดาวตลกที่เข้าถึงผู้ชาย Gen-Y จนถึง Gen-Z กันอย่างล้นหลาม ด้วยความห่ามและตลกในแบบที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังวาดลวดลายในหนังเจ๋งๆอีกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Funny People (2009) 50/50 (2011) The Green Hornet (2011) Bad Neighbors (2014) รวมไปถึงการให้เสียงพากย์ในหนังแอนิเมชั่นอย่าง Kung Fu Panda (2008) แถมยังฉาวไปกำกับหนังที่เล่าถึงการไปตามสัมภาษณ์ท่านผู้นำแห่งเกาหลีเหนืออย่าง The
เนื้อเรื่องของดาบพิฆาตอสูรภาคต่อใน Anime ที่เน้นการผจญภัยใน ‘โยชิวาระ’ ย่านอโคจรที่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเข้มงวดเหมือนด่านตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินในยุคปัจจุบัน อยู่ ๆ ดินแดนแห่งความรื่นเริงใจของบุรุษกลับเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาด เหมือนกับว่ามีปีศาจร้ายออกอาละวาด หน่วยพิฆาตอสูรแห่งยุคไทโช จึงต้องตามหาต้นตอของปัญหา จัดการเหล่าร้ายร่วมกับ ‘อุซุย’ เสาหลักเสียง …และนี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ ของ ดาบพิฆาตอสูรแอนิเมชันซีซัน 2: ย่านเริงรมย์ ต้องเกริ่นกันไว้ก่อนว่า NIHON STORIES ตอนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการดื่มด่ำกับบรรยากาศของโยชิวาระในยุคไทโชที่ประชาธิปไตยเบ่งบาน อาจจะมีเนื้อหาที่ผู้รอชมแอนิเมชันอย่างใจจดใจจ่อแต่ไม่เคยอ่านมังงะไม่ควรได้รู้ตอนนี้ (เพราะจะเป็นการสปอยล์ให้เสียอารมณ์) ส่วนที่สองคือพาร์ทที่สามารถอ่านได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเปิดเผยเนื้อเรื่อง เนื่องจาก UNLOCKMEN เตรียมแผนไว้ในอนาคตข้างหน้า กับโยชิวาระในยุคปัจจุบัน หากโควิด-19 จบลงเมื่อไหร่ สถานที่ในมังงะก็กำลังรอให้ทุกคนได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อย้อนรอยความยิ่งใหญ่ของย่านบันเทิงที่มีปีศาจสิงสู่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น *เนื้อเรื่องส่วนนี้มีการสปอยล์ต่อคนที่ยังไม่ได้อ่านมังงะ เนื้อเรื่องของดาบพิฆาตอสูรเล่ม 9 เริ่มต้นกับบท ‘แผนแทรกซึมเข้าย่านเริงรมย์’ หากใครเคยอ่านบทความของ NIHON STORIES ก่อนหน้านี้ที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของดินแดนต้องห้ามโยชิวาระ จะรู้กันดีว่าบุรุษที่ต้องการเข้าเมืองนั้นไม่สามารถพกอาวุธ หรือเดินดุ่ม ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเข้าย่านนี้ได้ หากจะทำอะไรบางอย่างนอกเหนือเพลิดเพลินกับสาวงามในโยชิวาระ ทุกอย่างต้องวางแผนไว้อย่างรอบคอบก่อนเสมอ กฎข้อบังคับที่เข้มงวดตั้งแต่หน้าประตู ทำให้อุซุยที่พยายามเข้าโยชิวาระในฐานะลูกค้าเพื่อสืบข้อมูล แต่เขากลับไม่ได้อะไรมากมายกลับมา