ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ชื่อของกองหน้าทีมชาติกาบองกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากระเบิดฟอร์มซัดเบิ้ลช่วยให้ Barcelona บุกไปถล่ม Real Madrid ยับเยินคาบ้านถึง 4-0 สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นภาพแห่งความสุขอันล้นปรี่ของนักเตะรวมไปถึงแฟนบอลด้วยเช่นกัน แต่หากย้อนไปไม่กี่เดือนก่อนชื่อเราคงคิดไม่ออกแน่ ๆ ว่าภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ก่อนที่โอบาเมย็องจะยกเลิกสัญญากับทีม Arsenal ช่วงนั้นสถานการณ์ของเขาดูไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ สืบเนื่องมาจากปัญหาเรื่องระเบียบวินัยส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกับ มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช หากมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นรวมไปถึงอายุอานามที่ใกล้ 33 ปีเข้าไปทุกที คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่าโอบาเมย็องจะสามารถงัดฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้อีกครั้ง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นการค้าแข้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ฟุตบอลอยู่ใน D.N.A. โอบาเมย็อง ถูกถ่ายทอดความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลที่น่าจะฝังลงลึกถึงชั้น DNA นั่นก็เพราะคุณพ่อของเขาก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน เคยติดทีมชาติกาบองและมีผลงานกับอีกหลาย ๆ สโมสร เท่านั้นยังไม่พอ พี่น้องของเขาทั้งคาติลินาและวิลลี่ ต่างก็เป็นนักฟุตบอลกันทั้งหมด โอบาเมย็อง ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 1989 ณ เมืองลาวาล ประเทศฝรั่งเศส การใช้ชิวตของเขากลับไม่ได้ปักหลักอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือกาบอง แต่กลายเป็นเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เนื่องจากคุณพ่อของเขาได้ประกอบอาชีพเป็นแมวมองให้กับทีม A.C. Milan หลังจากแขวนสตั๊ด ส่วนคุณแม่ของเขาคือ มาร์การิตา
“ทำไมมึงคิดแบบนี้วะ โคตรโง่ มันต้องคิดแบบกูถึงจะถูกโว้ย” ทุกคนน่าจะเคยสัมผัสกับ Mr. Know-it-all มาแล้ว ไม่ว่าจะคนรอบข้าง และที่สำคัญคือโลกออนไลน์ คนที่แสดงความคิดเห็นเหมือนรู้จริง รู้ทุกอย่าง ความคิดของเขาคือความถูกต้องที่สุด ใครเห็นด้วย เราคือเพื่อนกัน ใครเห็นต่างคือคนโง่เง่าไร้สมอง ซึ่งคนประเภทนี้สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า “Opinionated People” การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของ Opinionated People มาจากโลก Social Media ที่ทุกคนแสดงความคิดได้อย่างอิสระและรวดเร็วแค่ปลายนิ้วพิมพ์ ไม่มีการจ้องตาเผชิญหน้า ทำให้เกิดระยะห่างที่รู้สึกปลอดภัย นำไปสู่การแสดงความคิดเห็นแบบไม่ต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แถมเป็นศูนย์รวมของคนแปลกหน้า จึงไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา ทำให้ทุกวันนี้มีการแสดงความคิดเห็นที่นำไปสู่การโต้เถียงที่ไร้ประโยชน์ เพราะตัวของพวกเขานั้น ไม่รับฟังความคิด ไม่ได้เข้าใจที่มาที่ไปของแต่ละไอเดีย Mr. Know-it-all ชอบแสดงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ จากประสบการณ์ในโลกแคบ ๆ ที่เติบโตขึ้นมา โดยลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าโลกภายนอกยังมีความจริงในมุมอื่น ๆ อีกมากมาย แม้ตัวเขาจะไม่รู้จริง แต่ก็จะไม่พยายามทำความเข้าใจ เพราะการยอมรับว่าตัวเองผิดนั้น จะทำให้พวกเขาดูเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา และทำลายความมั่นใจในตัวเองที่พวกเขามีอยู่จดหมดสิ้น พวกเขาจึงเลือกที่จะหาเรื่อง เปลี่ยนเรื่อง หรือล้อเลียนเมื่อมีคนอธิบายข้อมูลอีกด้าน แทนที่จะเปิดใจรับฟัง
เคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า เราเกิดมาเพื่อจะเป็นแบบคนอื่นหรืออยากจะเป็นตัวของตัวเอง ถ้าคำตอบของคุณคือการเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นมันก็จะสะท้อนออกมาจากแนวคิด, การใช้ชีวิต แฟชั่น รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ไม่เว้นแม้แต่วงการรถจักรยานยนต์ มีอยู่หลาย ๆ คนเลือกที่จะนำรถคันโปรดไปผ่านการคอสตอมจนได้ดีไซน์ออกมาแตกต่างจากใคร ๆ บนท้องถนน และอาจจะมีแค่คนเดียวในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งร้านที่ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจในการปรุงแต่งเปลี่ยนโฉมในบ้านเราคงต้องยกให้กับ K-Speed คุณเอก หรือคุณธนดิษ สาระเวก คือเจ้าสำนัก K-Speed ที่ซึมซับความชื่นชอบรถจักรยานยนต์มาตั้งแต่วัยเด็ก คุณเอกได้เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนิดแพชชั่นไว้ดังนี้ “ผมคลุกคลีกับรถบิ๊กไบค์มาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม ตัวเองก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่ช่วง 14-15 แล้ว มีคุณพ่อทำธุรกิจนำเข้ารถเก่าของญี่ปุ่นเข้ามาขายในบ้านเราด้วย ทำให้เราได้ซึมซับความชื่นชอบมาเรื่อย ๆ คอยศึกษาดูการแต่งรถจากพวกหนังสือ จนได้มาเริ่มลองแต่งรถด้วยตัวเองตามหนังสือจากประเทศญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งหาลายเซ็นของตัวเองจนทำมันออกมาได้สำเร็จครับ” K-SPEED สถานที่สำหรับชาว 2 ล้อ แต่กว่าที่คุณเอกจะกลายเป็นมือวางอันดับ 1 ในการ Custom รถจักรยายนต์ เริ่มแรกเลยร้าน K-Speed เปิดเป็นร้านจำหน่ายอะไหล่สำหรับตกแต่งมาก่อน ซึ่งดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Diablo มาตั้งแต่ปี 2002 จนมาถึงปัจจุบัน และมีวางจำหน่ายกระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาจึงมาเริ่มงาน Custom
ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อซัก 10 กว่าปีก่อน หากเราต้องการหาร้านสกรีนเสื้อก็คงต้องนีกถึงย่านหลังสนามศุภชลาสัย (สนามกีฬาแห่งชาติ) เป็นที่แรก แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นลักษณะศูนย์การค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ร้านละแวกนี้หายไปหลายร้าน แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงเปิดให้บริการ และร้าน Bluescreen T-Shirt คือหนึ่งนั้น โดยย้ายจากที่ตั้งเดิมมาอยู่บนถนนบรรทัดทอง ซี่งปัจจุบันร้านนี้ก็อยู่ยาวนานมาเกือบ 20 ปีแล้ว และที่สำคัญเป็นร้านสกรีนเสื้อที่ศิลปินระดับประเทศไว้ใจให้ผลิตลายลงบนเสื้อก่อนจะส่งตรงไปถึงมือของบรรดาแฟนเพลง คุณพง คือเจ้าของร้านของ Bluescreen T-Shirt จบการศึกษาสาขาออกแบบดีไซน์มาโดยตรง และเป็นคนที่มีความชื่นชอบเสื้อยืดเป็นพิเศษ ชอบที่จะศึกษาดีเทลต่าง ๆ ของมัน รวมไปถึงชอบศิลปะลวดลายที่ถูกสกรีนผ่านบล็อกลงบนเสื้อ จนออกไปสู่สายตาของคนทั่วไป ประกอบกับแนวคิดของตนเองว่า “เสื้อยืดคือของคู่กายกับทุกคน ทุกคนต้องใส่ทุกวันอยู่แล้ว เพราะมันใส่ง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเยอะ ไม่ต้องรีดก็ยังใส่ได้เลยครับ” เมื่อประกายไฟจุดติด ความคิดและไอเดียต่อยอดในการสร้างธุรกิจจากสิ่งที่ชอบก็เกิดขึ้น คุณพงจึงตัดสินใจเริ่มต้นสร้างอาชีพด้วยการเปิดร้านสกรีนชื่อขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Bluescreen T-Shirt โดยเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ อยู่ในตึกแถวแบบห้องเดียว ในช่วงแรกลูกค้าต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้มีเข้ามาเยอะแยะมากมาย ทำให้ต้องต่อสู้กับปัญหาอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่วันหนึ่งคุณพงก็ได้ไปเจอลูกค้ากลุ่มใหม่ พวกเขาเหล่านั้นคือ “นักดนตรีอินดี้” “ตอนเปิดร้านช่วงแรก ๆ มีศิลปินอินดี้ที่จะเอาเสื้อไปขายงาน
มังงะญี่ปุ่น เป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ผู้ชายอย่างเราได้เรียนรู้ความเป็นลูกผู้ชายจากการ์ตูนสไตล์ High school delinquent manga หรือนักเรียนนักเลงสายต่อยตี แย่งชิงความเป็นที่หนึ่งในญี่ปุ่นมามากมายนับไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กยันโต ภายใต้ความรุนแรงนั้น ก็มีเรื่องของศักดิ์ศรี ความเป็นผู้นำ ความรักพวกพ้อง ที่ล้วนแลกมาด้วยกำปั้น บาดแผล และน้ำตา สิ่งที่ปัจจุบันแถบจะหาในชีวิตจริงไม่ได้ วันนี้เราจึงขอหยิบตัวละครบางตัวที่เราชอบมากที่สุด มาตีแผ่ความเป็นลูกผู้ชายที่เราสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง จากมังงะนักเรียนนักเลงโคตรมันส์ระดับคลาสสิคที่หยิบมาเมื่อไหร่ก็อ่านได้ยาว ๆ ทุกครั้ง BOUYA HARUMICHI – CROWS “Crows” หรือชื่อภาษาไทยว่า “เรียกข้าว่าอีกา” มังงะแนวโชเน็นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนถูกต่อยอดไปอีกภาค ไม่ว่าจะเป็น “Worst” เรื่องย่อยที่เจาะตัวละครอย่าง “Linda Man” รวมไปถึงต่อยอดเป็นภาพยนตร์ Live Action และซีรีส์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้มังงะเลยแม้แต่น้อย “โบยะ ฮารุมิจิ” เด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามาสู่โรงเรียนซูซูรันกลางคัน โรงเรียนอีกาที่ไม่เน้นเรื่องเรียน แต่พากเพียรเรื่องต่อยตี มันเปรียบเสมือนการเข้าสู่สมรภูมิแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของโบยะ เพราะเขาเริ่มปะทะเบา ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงเรียนจนถูกพักการเรียน หลังจากนั้นสหะบาทาก็พุ่งเข้าหาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน แต่ก็ไม่มีใครหยุดยั้งความเก่งกาจของโบยะลงได้ ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1
หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วเราได้พาทุกคนไปรู้จัก “Bosozoku Bike Siam” กลุ่มคนผู้นำการแต่งรถอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นเข้ามาโลดแล่นในบ้านเรา และในวันนั้นเองทำให้เราได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าในประเทศไทยก็มีอู่แต่งรถ Bosozoku เกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน ซึ่งเจ้าของอู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ คุณแพท สมาชิกกลุ่ม Bosozoku Bike Siam ที่อยู่กับเราในบทความที่แล้วนั่นเอง ในปัจจุยังเป็นเจ้าของอู่แต่งรถที่ชื่อว่า “KU Garage” หรือ “กู การาจ” ตั้งอยู่ย่านคลอง 2 ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ ที่นี่สามารถเนรมิตรถสไตล์ Bosozoku ได้ทุกรูปแบบตั้งแต่ต้นจนจบ สำหรับคนที่สนใจ เรามาเรียนรู้ขั้นตอนและวิธีการจากคุณแพทไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ จุดเริ่มต้นของ KU GARAGE จุดเริ่มต้นมาจากการทำ Custom รถชอปเปอร์ ซึ่งคุณแพทเองก็เคยขี่รถชอปเปอร์มาก่อนด้วยเช่นกัน เขาได้นำความรู้ที่สั่งสมประสบการณ์มาบรรจงสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการสร้างเฟรมและตัวถังขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง และด้วยการศึกษาหาความรู้อย่างไม่หยุดหย่อน ก็พาคุณแพทให้ได้มาเจอการแต่งรถสไตล์ Boso มันคือความแปลกใหม่ที่ปลุกความท้าทายในฐานะคนแต่งรถให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นคุณแพทก็เริ่มติตต่อไปทางคุณนนท์ ซึ่งเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่เอาจริงจังในวัฒนธรรม Bosozoku แถมยังมีประสบการณ์การไปเยือนแก๊งรถดังกล่าวถึงประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว จึงได้คำปรึกษาและคำแนะนำดี ๆ มามากมาย ได้รู้จักรุ่นพี่ที่ขี่รถสไตล์นี้
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงมีชีวิตดี ทำธุรกิจอะไรก็ประสบความสำเร็จ ในขณะที่บางคนทำอะไรก็ให้ผลตอบแทนไม่งอกเงยเท่าที่ควร มีผลวิจัยทำสถิติระบุว่า เรื่องนี้อาจอยู่ที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตและมุมมองวิธีคิดของแต่ละคน เช่นคนที่มักจะรายล้อมตัวเองด้วยคน Toxic หรือมองความท้าทายเป็นปัญหาที่ไม่กล้าจะก้าวเท้าออกไปเผชิญหน้ากับมัน วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำพฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตในการใช้ชีวิตได้มากขึ้น คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล ดูเหมือนว่าคนรอบตัวจะมีอิทธิพลต่อความสำเร็จมากกว่าที่เราคิด ถ้าเราอยู่ร่วมกับคนเก่ง เราจะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้น ถ้าเราอยู่กับคนขี้แพ้ เราอาจกลายเป็นคนขี้แพ้ไปด้วย งานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 25 ปีของ Dr. David McClelland อาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ปัจจัยนึงที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเราได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ กลุ่มอ้างอิง (reference group) หรือกลุ่มคนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วย พูดคุยด้วย หรือ ทำงานร่วมกันเป็นประจำ คนกลุ่มนี้ส่งผลต่อตัวเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่เราเลือกคบนั้นจะมีอิทธิพลต่อเราในทุกด้าน Warren Buffet เคยพูดว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจากการใช้เวลาร่วมกับคนที่ดีกว่าตัวเอง เลือกเพื่อนที่มีพฤติกรรมดีกว่าเรา เราจะอยากผลักดันตัวเองให้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้นไปด้วย ดังนั้น เราควรมีเพื่อนเก่ง ๆ อย่างน้อยสักหนึ่งคนที่สามารถขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาในยามที่เกิดปัญหา ในขณะเดียวกัน ตัวเราเองก็ต้องมีความพร้อมในการมองเห็นและยอมรับปัญหาของตัวเอง เพื่อที่จะได้พัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้นได้แบบ inside-out เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ คนที่ประสบความสำเร็จมักจะหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีและความรู้ในโลกเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อคุณหลงใหลและชื่นชอบอะไรบางอย่างมาก ๆ มันจะมีพลังที่จะทำให้คุณยอมทุ่มสุดตัวเพื่อแลกกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้มาครอบครอง ประโยคนี้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่ม Bosozoku Bike Siam กลุ่มผู้นำวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่นข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ท้องถนนในประเทศไทย พวกเขามาพร้อมสไตล์การแต่งรถที่ถอดแบบจากแดนปลาดิบมาทุกตารางนิ้ว ทุกเอกลักษณ์ถูกถ่ายทอดมาจากความรักและแพชชั่นที่มีต่อ Bozosoku Bosozoku Bike Siam ได้ส่ง นนท์ (Kawasaki zephyr 400), โน (Kawasaki zephyr 750), จักร (Honda cb650 Custom) และแพท (Kawasaki zephyr 400) 4 ตัวแทนมาร่วมถ่ายทอดความสุดให้ชาว UNLOCKMEN ได้ทำความรู้จักพวกเขากับบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ จุดเริ่มต้นความชื่นชอบ BOSOZOKU นนท์ : เริ่มแรกมาจากการอ่านการ์ตูน แล้วแบบเฮ้ยมันมีหรอวะ มันมีจริง ๆ หรือเปล่า พอโตขึ้นมาก็เลยศึกษาดู และเห็นรุ่นพี่ที่สุพรรณทำก็เลยติดต่อเขาไป เริ่มคุยกัน จนสุดท้ายได้ไปซื้อจากทางที่ญี่ปุ่นกลับมาทำที่ไทย โน: จุดเริ่มต้นแรกมาจากการบ้ามอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น เมื่อก่อนจะบ้ารถโกดัง รถสี่สูบเรียง, Superfour พอมาวันหนึ่งเราอ่านการ์ตูนมาก ๆ
เวลาขับเครื่องบิน นักบินอาจเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดได้ เช่น เจอเครื่องบินอีกลำหนึ่งบินสวนมา หรือ อากาศแปรปวนกระทันหัน ถ้านักบินตัดสินใจแก้ปัญหาเหล่านี้ช้าเกินไป อาจทำให้เกิดการสูญเสียได้ พวกเขาจึงต้องมีสกิลในการตัดสินใจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากพอสมควร UNLOCKMEN อยากมาแนะนำเทคนิคที่ชื่อว่า OODA Loop ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทหารอากาศใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เจอตอนขับเครื่องบิน แต่เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่นได้เช่นกันอย่างการแก้ปัญหาในที่ทำงาน OODA Loop เป็นเทคนิคในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของ John Boyd พันเอกประจำกองทัพอากาศสหรัฐในตำนานที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1927 – 1997 และได้ผลิตผลงานชิ้นโบว์แดงออกมามากมาย เช่น การสร้างทฤษฎี Energy-Maneuverability (EM) ที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องบินรบ F15 และ F16 หรือ การเขียนผลงาน Aerial Attack Study ที่นับว่าเป็น ไบเบิ้ลของการต่อสู้ทางอากาศที่ปฎิวัติวงการกองทัพอากาศทั่วโลก เป็นต้น เทคนิคนี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อรับมือกับ ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ของโลก เพราะมนุษย์ไร้ความสามารถในการเข้าใจข้อมูลทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ เราจึงต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หรือ ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มีความกำกวมอยู่เสมอ OODA Loop จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ ทุกวันนี้ OODA Loop ถูกนำไปใช้ในหลายด้าน
หากจะย้อนไปพูดถึงวงร็อกที่ได้รับความนิยมในช่วงยุค 2000’s ที่โดดเด่นมากมายหลายสิบวง หนึ่งในวงเหล่านั้นต้องยกให้ Ebola วงที่นำเสนอความหนักหน่วงที่ติดพ่วงมาตั้งแต่สมัยอันเดอร์กราวน์ ก่อนจะปรับเปลี่ยนซาวด์เพื่อการเติบโตในวงการดนตรีไทย และอีกสิ่งที่ทุกคนต่างพูดถึง ก็คือเสียงสำรอกสุดทรงพลังของชายที่ชื่อว่า “เอ๋ กิตติศักดิ์ บัวพันธุ์” หรือ “เอ๋ Ebola” ชายผู้ไล่ตามความฝันบนเส้นทางสุดเกรี้ยวกราดของดนตรีมาโดยตลอด ชายผู้ตัดสินใจไปทำงานร้านขายซีดีตามไอดอล และยังเป็นชายที่รวบรวมสมาชิกวงร็อกชื่อดังให้เกิดขึ้นมาจนโด่งดังไปทั่วประเทศ เรามาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น กับมุมมองที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนกันครับ กลับสู่จุดเริ่มต้นกับชีวิตวัยเยาว์ “เท่าที่จำได้เป็นเด็กทั่ว ๆ ไป ครับ เรียนหนังสือใช้ชีวิตปกติ เราจะใช้ชีวิตเรียบง่าย คุณพ่อผมชอบร้องเพลงมาก เขาจะมีวงที่โรงพยาบาลของเขา ชอบซ้อมดนตรีกัน ผมก็ได้ไปกับพ่อบ่อย ๆ ก็อาจจะได้ซึมซับการเป็นนักร้องจากคุณพ่อมาก็ได้ แล้วคุณพ่อชอบเก็บแผ่นเสียง เช่นพวกวง The Beatles, Led Zeppelin วงสมัยก่อนที่เขาฟังกัน ส่วนวงไทยก็เยอะหน่อยพวกเทปคาสเซตเช่น บรั่นดี, คีรีบูน แต่คุณพ่อจะชอบร้องเสียงแบบ คุณลุงธานินทร์ อินทรเทพ มันก็อาจจะกลายเป็นความชอบติดตัวมาในความเป็นนักร้องครับ” “ส่วนช่วงเรียนที่ผมชอบที่สุดคือการเป็นนักฟุตบอล ผมชอบการ์ตูนเรื่องซึบาสะมาก อินจนแบบว่าทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์ผมกับน้องชาย (โอ๋ มือกีตาร์ Ebola)