เมื่อเดือนแห่งเทศกาลแห่งความสุขวนเวียนมาอีกครั้ง การได้ใช้เวลาว่างแบบไม่ต้องไปเบียดเสียดใคร นั่งปล่อยกายปล่อยใจ คิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเองในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมเสียงคลอของดนตรีแจ๊สพร้อมจิบเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้วไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อย UNLOCKMEN จึงขอแนะนำ 5 บาร์แจ๊สต่างสไตล์มาเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟังดนตรีแจ๊สของดีแบบสด ๆ 1. The Bamboo Bar จากบาร์แจ๊สเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพ ฯ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่พ.ศ. 2496 จนปัจจุบัน The Bamboo Bar ได้ก้าวมาเป็นหนึ่งใน 50 บาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018 การนั่งจิบค็อกเทลในบรรยากาศตีมแบบป่าเมืองร้อนสไตล์ Tropical พร้อมสัมผัสดนตรีแนว Standard Jazz ที่ได้นักดนตรีมากฝีมือเวียนมาขับกล่อมอย่างไม่ขาดสายก็คงจะดีไม่หยอก อีกทั้งเรื่องดนตรีแจ๊สของร้านนั้นเป็นที่โด่งดังในวงการบาร์แจ๊สทั่วโลก ซึ่งถ้าใครต้องการฟังแจ๊สสไตล์ต้นตำหรับต้องห้ามพลาดโดยเด็ดขาด Location: 48 ซอยโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ 10500 Open: อา-พฤ 17:00 pm – 01:00 am / ศ-ส 17:00 pm – 02:00 am
มากกว่ารสชาติความคลาสสิกที่วิ่งผ่านลำคอ เครื่องดื่มสามารถสร้างสรรค์ไปได้ไกลกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเปลี่ยนความชอบของผู้ชายอย่างเรื่องของสถาปัตยกรรมให้กลายมาเป็นแอลกอฮอล์แก้วจิ๋วที่ยิงหมัดหนักได้ตรงทั้งความเข้มและความประทับใจ ไอเดียเปลี่ยนสถาปัตยกรรมมาเป็นเมนูเครื่องดื่มที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ส่งตรงจาก Connaught Bar บาร์ในลอนดอนที่ติดอันดับที่ 5 ของ The World’s 50 Best Bars ในปีนี้ ซึ่งกำลังครบรอบ 10 ปี Agostino Perrone หัวหน้า mixologist จึงครีเอตไอเดียให้นักดื่มอย่างเรารู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น แพสชั่นนี้เกิดจากความช่ืนชอบสถาปัตยกรรมในบาร์ นำมารวมเข้ากับเรื่องการดื่ม สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่กลายเป็นซิกเนเจอร์เฉพาะสถานที่จิบดื่มคือบาร์แห่งนี้เท่านั้น ซึ่งเขากล่าวว่าการคิดสูตรเหล่านี้ไม่ได้จับเฉพาะเรื่องการดื่มอย่างเดียวแต่มีเรื่องการดื่มด่ำความสนุกเข้าไปเป็นแก่นของรสชาติด้วย เมนูเครื่องดื่มแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ the Masterpieces, Foundation, Finesse และ Flair แต่ละส่วนจะประกอบด้วยเมนูที่ดึงคาแรคเตอร์ของบาร์ออกมาให้เลือก MASTERPIECE คือส่วนแรกของคอลเลกชั่นนี้ เน้นเมนูคลาสสิกขึ้นชื่อประจำบาร์มาใส่ไว้ในเมนู แต่เป็นฉบับปรับปรุงสูตร เพราะฉะนั้นเบสเดิมที่เข้มข้นเมื่อเติมพลิกแพลงใหม่จึงได้รสชาติสุดประทับใจ FOUNDATION คือการรวมเมนูที่ดึงคาแรกเตอร์แข็งแรง ลงลึกถึงระดับโครงสร้างและวัตถุดิบมาสร้างเป็นรสชาติชวนดื่มให้มันถึงพริกถึงขิง อาทิ Set in Stone คือค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบาร์หินอ่อน เสิร์ฟจัดแต่งน้ำแข็งกลางแก้วดุจหินอ่อนสร้างความรู้สึกสุดเข้มข้น หรือ Sweet &
เย็นวันหนึ่งเราและตากล้องมีนัดไปถ่ายงานแถวทองหล่อ นอกจากชื่อร้าน ‘Thaipioka’ เราก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับร้านนี้อีกเลย และเราคิดว่าการไปฟังเรื่องราวที่มาที่ไปของร้านจากปากเจ้าของเองน่าจะดีกว่า นอกจากนั้นยังสร้างอารมณ์ร่วมให้เรารู้สึกตื่นเต้นด้วยว่า Thaipioka จะมีหน้าตาอย่างไร แต่ด้วยการจราจรแสนติดขัดของเมืองหลวง ทำให้ระหว่างทางเราเผลอหลับ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่ลานจอดรถโรงแรม Salil Hotel ในซอยทองหล่อ 1 แล้ว ซึ่งถ้าใครจินตนาการออก การเผลอหลับบนรถและโดนปลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันจะรู้สึกงัวเงีย ปวดหัว ไม่สดชื่น เราเดินต่อไปอีกนิดหน่อย ห่างจากจุดที่ลงรถไม่ไกลก็เจอทางเข้า Thaipioka เป็นประตูไม้ ตกแต่งเรียบหรู เราผลักประตูและเดินเข้าไป ภายในคือบาร์ขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่ บรรยากาศดู Cozy และลึกลับ ประดับบรรยากาศด้วยไฟสีส้มสลัว เคาน์เตอร์ทอดยาวไปสุดทางเดิน มีโต๊ะสำหรับนั่งดื่มอยู่ประมาณ 2-3 โต๊ะ เหมาะมากถ้าจะมาทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าในร้านนี้ ด้วยบรรยากาศที่สงบเงียบ มวลอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ เป็นฉากหลัง และกลิ่นหอมจาง ๆ จากบรรดาวัตถุดิบสำหรับสร้างสรรค์ค็อกเทลหลายชนิด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย อาการปวดหัวงัวเงียไม่สดชื่น พลันมลายหายไปกลายเป็นความคึกคักโดยไม่รู้ตัว หน้าตาโดยรวมของ Thaipioka แตกต่างจากที่เราคิดไว้พอสมควร ไม่สิ ต้องพูดว่ามันดูดีกว่าที่เราคิดไว้มาก มันมีความเท่ ทันสมัย ไม่ใช่บาร์ไม้ทรงไทยอย่างที่เราจินตนาการจากชื่อเอาไว้แต่แรก หลังจากเสพบรรยากาศของร้านจนพอใจแล้ว เราก็เริ่มต้นบทสนทนากับบาร์เทนเดอร์เพื่อทราบถึงที่มาที่ไปของบาร์แห่งนี้ คอนเซ็ปต์สำคัญของ
สัญชาตญาณนักดื่มในตัวผู้ชายมีระดับมักไม่ใช่แค่การกรอกของเหลวลงคออย่างพลุ่งพล่านแล้วจบลงที่ความเมามายไม่ได้สติเท่านั้น แต่ศิลปะแห่งการดื่มกินของผู้ชายอยู่ที่การได้ดื่มด่ำเครื่องดื่มสีอำพันในมือพร้อม ๆ กับการละเลียดความเป็นมาและเรื่องราวของเครื่องดื่มแก้วนั้น การดื่มด่ำ Single Malt Scotch Whisky ก็เช่นกัน การได้ซึมซาบที่มาที่ไปของเครื่องดื่มสุดคลาสสิคผ่านการอ่าน SINGLE MALT 101: รู้จักโลก “ซิงเกิลมอลต์”แบบรอบด้านเพื่อการดื่มอย่างมีระดับของผู้ชาย ในครั้งก่อนจึงทำให้การกลับไปดื่ม Single Malt แก้วเดิมกลับให้ความรู้สึกลุ่มลึกกว่าที่เคยหลายเท่าตัว ครั้งนี้ UNLOCKMEN เลยขออาสาพาผู้ชายทุกคนไปยังเขต Highland ของประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อทำความรู้จักกับ GLENMORANGIE ที่เป็น Single Malt Scotch Whisky ระดับพรีเมียมซึ่งรับรองได้เลยว่าจะเติมเต็มเรื่องรสชาติแบบที่ผู้ชายทุกคนตามหาและมาพร้อมเรื่องราวเฉพาะแบบฉบับ GLENMORANGIE ที่เข้มข้นไม่แพ้รสชาติและทำให้คุณเป็นนักดื่ม Single Malt ตัวจริงแน่นอน THE LEGACY OF GLENMORANGIE การได้ดื่มด่ำรสชาติ Single Malt ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถือเป็นการดื่มที่นอกจากทำให้การดื่มลื่นคอยิ่งขึ้นยังทำให้เราซึมซับความเป็นมาของ Single Malt สไตล์นักดื่มตัวจริงไปด้วยอย่างแนบเนียน โดยเรื่องราวของ GLENMORANGIE ครั้งนี้จะย้อนกลับไปไกลถึงปี ค.ศ. 1843 GLENMORANGIE ได้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวสก็อตแลนด์ที่ชื่อว่า William Matheson ในปี
สัญชาตญาณการผจญภัยมันวิ่งพล่านอย่างดุเดือดอยู่ในสายเลือดผู้ชายทุกคนอยู่แล้ว แต่ยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การผจญภัยเพื่อเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิตไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องโลดโผนกลางแจ้งอย่างเดียวอีกต่อไป การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การกระโจนลงไปสัมผัสในพื้นที่ที่ไม่เคยสัมผัส การลิ้มลองรสชาติที่ซับซ้อนเกินคาดเดา การสูดดมกลิ่นอายของสรรพสิ่ง ก็กลายเป็นการผจญภัยที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิตได้ “โลกของไวน์” ที่เต็มไปด้วยมิติและความหลากหลายทั้งเรื่องกลิ่น รสชาติ พันธุ์องุ่น และที่มาก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่รอให้ผู้ชายอย่างเราเข้าไปค้นหาอยู่เช่นกัน ในวันที่เราเติบโตจากเด็กชายสู่ผู้ชายคนที่เต็มที่กับชีวิตเราอาจไม่ต้องการกิจกรรมสุดโลดโผนแบบเด็ก ๆ แต่ต้องการการผจญภัยไปในโลกแห่งสุนทรียะ ศิลปะ และวัฒนธรรม การลิ้มรสไวน์จากหลากที่มา หลายรูปแบบจะตอบสนองสัญชาตญาณนักผจญภัยในตัวผู้ชายทุกคนให้โลดแล่นได้อีกครั้งแน่นอน MALBEC : ONE KIND OF WINE ADVENTURE ในโลกของไวน์ที่ไวน์แต่ละชนิดมีที่มาจากพันธุ์สายพันธุ์สุดหลากหลาย “MALBEC” ได้กลายเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ถูกจับตามองมากที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประวัติศาสตร์แห่งการโยกย้ายถิ่นที่ปลูกจากการหนีโรคระบาดในฝรั่งเศสที่ทำให้ องุ่นพันธุ์ MALBEC เกือบสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ สู่ความรุ่งเรืองถึงขีดสุดที่อาร์เจนตินา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะสามารถพบองุ่น MALBEC เถาแท้ที่ไม่ผ่านการตัดแต่งทางพันธุกรรมเลยได้จากที่อาร์เจนติน่าเท่านั้น เพราะ MALBEC ที่ปลูกอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือที่อื่น ๆ ในขณะนี้ล้วนผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมมาหมดแล้วทั้งสิ้น เรื่องราวเหล่านี้ยิ่งชวนให้ผู้ชายอย่างเราต้องทึ่งและอยากผจญภัยไปในเรื่องราว อัตลักษณ์และรสชาติของ MALBEC องุ่นสายพันธุ์แกร่งที่คลาสสิคตลอดกาล จนกลายเป็นอีกหนึ่งที่มาของไวน์แดงอันเป็นที่นิยมแห่งยุคสมัย
“สุขุมวิท” ย่านใจกลางเมืองที่แน่นขนัดไปด้วยร้านรวงและผู้คน ทุกตารางนิ้วในย่านธุรกิจแห่งนี้มีราคาที่ประเมินค่าออกมาเป็นตัวเลขหลายหลัก ทว่ามุมหนึ่งของมหานครกลับมีร้านอาหาร Hidden Gems ให้หยุดเวลาภายใต้ร่มไม้เขียวซึมซับบรรยากาศสงบและการตกแต่งแบบ cozy เพื่อนั่งถ่ายทอดบทสนทนาระหว่างรับประทานอาหารรสเลิศอย่างรื่นรมย์ ไม่ต้องสนใจสายตาใคร โดยมีกฎน่าสนใจตรงที่ร้านนี้รับลูกค้าเพียง 2 รอบคือช่วงเวลามื้อเช้ากับมื้อเย็น และแต่ละรอบที่รับจอง เขารับจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 12 คน เท่านั้น! UNLOCKMEN ขอเชิญชวนคุณมาเปิดสุนทรียศาสตร์แห่งการกินที่ครบรสทั้งแรงบันดาลใจ แนวคิด แล้วปิดท้ายกันด้วยมื้ออร่อยให้อิ่มเอมชวนน้ำลายสอที่ร้าน “MIGHTY PRIVATE DINING” กับ คุณปัง – คงศักดิ์ ลิขิตจรรยากุล หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน Having a crush! ท่ามกลางกระแสของการกินหลากเมนูอย่าง Buffet ที่เพิ่มจำนวนขึ้น “Mighty Private Dining” กลับเลือกนำเสนอในสิ่งที่แตกต่างด้วยการต้อนรับลูกค้าให้เข้ามา “นั่งแช่” เพื่อลิ้มรสความอร่อยแทนที่วัฒนธรรมการกินแบบ “เก้าอี้ดนตรี” สุดเร่งรีบ แนวคิดต่างแบบนี้เกิดขึ้นจริงได้จากวันนั้น วันที่พี่ปังตัดสินใจทิ้งชีวิตแบบ nine-to-five มาหาความชื่นชอบของตัวเองระหว่างการขับรถกลับบ้านเท่านั้น “สมัยก่อนพี่ก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องแก้ว วันหนึ่งพี่เดินทางกลับบ้านขับรถขึ้นสะพานแล้วมองไปทางซ้ายเห็น Le Cordon Bleu (เลอ กอร์ดอง
เพื่อที่เราจะเข้าถึงประสบการณ์ที่แท้จริงของการสัมผัสอะไรสักอย่าง การเข้าใจถึงเรื่องราวเบื้องหลังของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในการเติมเต็มประสบการณ์ให้เต็มที่ได้มากกว่า หรือที่เราเรียกว่าการเสพแบบมีศาสตร์และศิลป์ เช่นเราดูรูปภาพงานศิลปะระดับโลกที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ถ้าขาดซึ่งประวัติของภาพนั้น ๆ การเสพศิลป์นั้นก็คงขาดความสนุกไปจนหมด ไม่ใช่แค่ของไกลตัวอย่างงานศิลปะ ของใกล้ตัวพวกเราอย่างกล้องถ่ายรูปที่ผ่านการผลิตแบบ Handmade นาฬิกาที่ใช้ Movement ละเอียดประณีต หรือเครื่องดื่มดี ๆ ที่ผ่านการบวนการผลิตอันซับซ้อนยาวนาน การจะเข้าใจถึงสัมผัสของสิ่งนั้นย่อมต้องรู้เรื่องราวเบื้องหลังให้ดีเสียก่อน จึงจะเข้าถึงความพิเศษของสิ่งเหล่านั้นได้ ที่ผ่านมาเราพูดถึงเรื่องเรื่องราวความพิเศษของนาฬิกาชนิดต่าง ๆ ไปหลายรุ่นแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงเครื่องดื่มตัวหนึ่งที่มีความพิเศษมาก นั่นคือ Johnnie Walker Blenders’ Batch แต่หลายคนอาจจะเผลอจดจำมันในชื่อ Johnnie Walker White Label หรือ Johnnie Walker ฉลากขาว ซึ่งอาจจะสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทำให้เรามองข้ามรายละเอียดที่น่าสนใจของมันไป และวันนี้เราจะมาไขกระจ่างว่า Johnnie Walker Blenders’ Batch คืออะไร เกิดขึ้นมาจากไหน และมันมีรายละเอียดอะไรที่พิเศษจนเราต้องหยิบขึ้นมาพูด Johnnie Walker Blenders’ Batch การทดลองพร้อมดื่มแบบ Limited Edition แม้ฉลากจะเป็นสีขาว แต่มันไม่ใช่
ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนบนโลก สิ่งที่เราจะสามารถพบได้ทุกแห่งไม่ต่างจาก 7-11 คือ ย่าน china town และไอริชผับ แต่ปัญหาคือเวลาที่หนุ่ม ๆ ออกไปย่ำราตรีหรือดื่มสังสรรค์ยังร้านที่มีลักษณะตกแต่งด้วยไม้ ๆ มีชาวต่างชาตินั่งกันอยู่เต็มร้าน เรามักจะเหมารวมว่านี่คือ ไอริชผับ ไปก่อนแล้ว ซึ่งอันที่จริงสถานที่บันเทิงแห่งนั่นอาจจะเป็นเพียงบาร์ปกติทั่วไปที่ตกแต่งในสไตล์ยุโรปก็ได้ โดยในบ้านเราเองที่มีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับไอริชผับอยู่มาก อาจจะว่าถูกดัดแปลงวัฒนธรรมมาจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมต้นตำรับจาก Ireland ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จะนำเรื่องราวของไอริชผับแบบเจาะลึกทุกมุม รวมถึงลายแทงร้านเจ๋ง ๆ ย่านสุขุวิทที่หนุ่ม ๆ ไม่ควรพลาดไปเช็คอินกับแก๊งเพื่อนดูสักครั้ง History of Irish pubs เชื่อหรือไม่ว่าไอริชผับแห่งแรกเกิดขึ้นย้อนกลับไปราว ๆ ค.ศ 900 ชื่อว่า Sean’s Bar (ถูกยกให้เป็นบาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปจาก Guinness World Records) ตั้งอยู่ในย่าน Athlone ประเทศ Ireland ทว่ามีการถกเถียงกันมากมาย เพราะมีหลาย ๆ ร้านต่างเคลมเครดิตว่าตัวเองคือผับที่เก่าแก่ที่สุดใน Ireland แต่จากทุกแหล่งข้อมูลต่างชี้ชัดว่าไอริชผับน่าจะเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่
ระยะหลังเราเห็นความ Craft ของคนไทยมากขึ้นเยอะ สมัยนี้เราใส่ใจรายละเอียดกว่ายุคก่อนมาก อาจจะเพราะเทคโนโลยีทำให้โลกนี้แคบลง มีการพัฒนาสินค้าหลายอย่างแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผลประโยชน์จึงตกอยู่กับ Consumer หรือกลุ่มลูกค้าอย่างพวกเรา เกิดทางเลือกใหม่ ๆ มากมายที่ตอบโจทย์มากขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องของเบียร์ เครื่องดื่มที่คนทั้งโลกคุ้นเคยเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเกิดกระแส Craft Beer อย่างรุนแรง เกิดเป็นกลุ่มคนรัก Craft Beer ที่มีทั้งผู้ผลิตและผู้พร้อมสนับสนุนดื่ม แต่ปัญหาเรื่องใบอนุญาตผลิตเบียร์ระดับ Micro ทำให้คนรักเบียร์ยากจะผลิตได้อย่างถูกกฎหมาย แน่นอนว่าเบียร์ Lager จากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ก็ยังคงเป็นเบียร์ที่ดี ดื่มง่าย เข้ากับสภาพอากาศ และถูกปากคนไทยอยู่แล้ว Craft Beer เป็นทางเลือกที่เพิ่มประสบการณ์ให้ครบถ้วนขึ้น เมื่อมันไม่ใช่เพียงกระแส ต่อให้มีอุปสรรคอะไรก็ไม่สามารถหยุดคนรัก Craft Beer ที่ฝังรากลึกลงไปในสังคม มันกลายเป็น Culture ที่แข็งแรงและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้กลุ่มสยามบรูวบราเธอร์ได้เป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยผลักดัน Thai Craft Beer ด้วยการเปิดตัว 3 คราฟท์เบียร์ไทยถูกกฎหมาย ได้แก่ ยักษา สเปซคราฟท์ และทริปเปิ้ลเพิร์ล กลุ่มสยามบรูวบราเธอร์
บอกตามตรงว่ามีไม่กี่รายการที่เรายังคงติดตามดูหน้าจอทีวีอยู่ นอกจาก บริษัทฮาไม่จำกัด อีกรายการหนึ่งก็คือ Iron Chef สมรภูมิเชฟกระทะเหล็ก ด้วยความเข้มข้นของการทำอาหารที่ยากเกินคนธรรมดาอย่างเราจะสามารถสร้างสรรค์ได้ ก็ขนาดทำข้าวผัดธรรมดา เรายังใช้เวลาเป็นชั่วโมง พร้อมข้าวของในครัวเละเทะเหมือนเกิดสงครามโลก การเห็นคนทำอาหารเก่ง ๆ ใช้วัตถุดิบเทพ ๆ แข่งกัน มันให้อารมณ์น่าติดตามอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคุณก็ดูเหมือนกัน น่าจะเคยคิดอิจฉากรรมการ และเต็มไปด้วยความสงสัยว่า อาหารจากฝีมือเชฟเทพ ๆ เหล่านั้นรสชาติจะดีขนาดไหนกันนะ ด้วยความอยากลิ้มรสนี้เอง จึงกำเนิดเป็นร้านอาหาร Iron Chef ที่ The Taste ทองหล่อ 11 ซึ่งเป็นร้านที่แฟนรายการ และนักชิมที่อยากกินของดีที่สุดต้องเคยไปลองกันมาแล้ว กับอาหารที่รังสรรค์โดย บรรดาสุดยอดเชฟกระทะเหล็ก ทั้ง เชฟเอียน เชฟชุมพล เชฟบุญธรรม เชฟป้อม เชฟไก่ เชฟอาร์ท แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าร้านได้มีการปรับเปลี่ยน Concept ใหม่ กลายเป็น Iron Chef Dragon ที่เน้นรังสรรค์อาหารจีนร่วมสมัยเมนูสุดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ วัตถุดิบจัดเต็ม ในรสชาติดีเกินบรรยาย Iron Chef