‘ตลาดน้อย’ ถือเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในอดีตที่นี่โดดเด่นด้วยธุรกิจเซียงกง ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านจำหน่ายอะไหล่ ชิ้นส่วนประกอบ และเครื่องยนต์เก่าของรถที่ใช้แล้ว แม้ปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้จะถูกลดความนิยมลง แต่เซียงกงก็ยังคงมีให้เห็นและถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านตลาดน้อยแห่งนี้ นอกจากตลาดน้อยจะรวบรวมเสน่ห์เมืองเก่าและบรรยากาศที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนเอาไว้ ที่นี่ยังห้อมล้อมไปด้วยวิถีชีวิตของชาวจีนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่น่าหลงใหลไม่แพ้กัน ขณะที่เรากำลังเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของย่านนี้ ก็ต้องสะดุดตากับ ‘TAIGUAN CAFE’ ร้านกาแฟสไตล์จีนที่ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าโจ๋วซือกง เป็นคาเฟ่ที่ดีไซน์แบบร่วมสมัย และดึงดูดใจมากพอจะทำให้ก้าวเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด TAIGUAN CAFE เปลี่ยนบ้านเก่าเก็บให้กลายเป็นคาเฟ่ร่วมสมัย จุดเริ่มต้นของ ‘TAIGUAN CAFE’ เกิดจากการนำบ้านจีนเก่าแก่อายุร่วม 200 ปี มารีโนเวตให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แต่เดิมเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนจีนที่อพยพมาจากสิงคโปร์ เขาจึงสร้างบ้านให้เป็นทั้งที่พัก ลานจอดรถม้า และโกดังเก็บของ ด้วยแนวคิดที่อยากคงเสน่ห์ของความเก่าแก่เอาไว้ เจ้าของร้าน TAIGUAN CAFE จึงนำสไตล์ Modern Chinese เข้ามาตกแต่งตัวอาคาร แถมยังเหลือโครงสร้างเก่าอย่างประตูไม้อายุ 200 ปีไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนชื่อร้าน “TAIGUAN CAFE” ก็มาจากชื่อบ้านเดิม “ไทง้วนเอ้งกี่” ที่แปลว่าจุดกำเนิดรุ่นแรกของประเทศไทย ด้านหน้าของร้านดีไซน์ด้วยผนังสีขาว ยกโครงสร้างเป็นสองชั้นให้ดูเหมือนปราสาทเมืองจีน พร้อมประดับด้วยโคมไฟจีนสีแดงเด่น ส่วนภายในร้านเน้นใช้วัสดุไม้เป็นหลัก ดีไซน์ให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้าน เพื่อให้เป็นจุดพบปะของเพื่อนฝูง เมนูเครื่องดื่มสุดครีเอตที่ถ่ายทอดรสชาติแบบจีนสมัยใหม่
คงต้องบอกว่าในปัจจุบันนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมองหาร้านกาแฟเท่ ๆ สักร้าน ที่มีอะไรมากกว่าแค่คาเฟอีนขมเข้มและความอิ่มท้องจากอาหารว่าง เราเชื่อเสมอว่าความต้องการของผู้ชายสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ผู้ชายบางคนอาจอยากไปร้านกาแฟที่มีพื้นที่ธรรมชาติ บ้างปรารถนาเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ นอกจากกาแฟ บางคนอยากให้ร้านกาแฟมีเสื้อผ้า ของกิน และของใช้ที่ซื้อไปเอาใจแฟนสาวได้ แต่หนุ่มบางพวกก็อาจอยากนั่งเงียบ ๆ คนเดียว แล้วปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์โลดแล่นอวลกลิ่นกาแฟและบรรยากาศของงานศิลปะ ขณะที่เรากำลังขับรถตามหา ‘ร้านกาแฟ’ ที่มีอะไรมากกว่า ‘กาแฟ’ ก็แทบไม่รู้ตัวเลยว่าดันขับรถเลยย่านสาธรมาแล้ว แถมยังมาโผล่บนถนนนางลิ้นจี่ที่ไม่คุ้นตา แต่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากย่านก่อนหน้า ระหว่างที่กำลังเสาะหาร้านกาแฟตามถนนนางลิ้นจี่ที่ถอดยาว เราเผลอสะดุดตากับร้าน AGO CAFE หรือ AGO – Designed Selected Shop ที่เป็นร้านกาแฟควบช็อปเซรามิกสุดเท่ จึงรีบเลี้ยวรถเข้าซอยนางลิ้นจี่ 4 และเดินดุ่มเข้าไปในร้านโดยไม่รีรอ AGO CAFE เริ่มต้นจากงานดีไซน์ ก่อนขยายไปสู่กาแฟ เมื่อไถ่ถามบาริสต้าประจำร้านจนได้ความ ก็พอทราบคร่าว ๆ ว่านี่เริ่มต้นจากช็อปซีเล็คเต็ดที่ผนวกงานคราฟต์ งานอาร์ต และงานดีไซน์เข้าด้วยกัน โดยนำเสื้อผ้ามือหนึ่งและสองจากฝีมือดีไซเนอร์ชาวไทย สมทบด้วยของใช้ เครื่องประดับ และเครื่องเขียนมาจัดวางตกแต่งร้าน ก่อนจะยกคอฟฟี่แมชชีนมาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มหลากชนิด ภฤศธร สกุลไทย
“ไก่” ถ้าทอดมาร้อน ๆ หนังกรอบ ๆ กลิ่นหอม ๆ เคี้ยวนุ่ม ๆ ไม่แห้ง รสไม่ชืดเป็นกระดาษ ยังไงก็ต้องยกให้เป็นหนึ่งในเมนูประจำโต๊ะของผู้ชายทุกคน เพราะเมนูนี้มันกินแกล้มกับเบียร์ง่าย หรือถ้าอยากกินจริงจัง ซื้อข้าวเปล่าสักถุงมากินด้วยกันก็รู้สึกว่าอิ่มท้องพอดี ทันทีที่รู้ว่า Lido Connect มีไก่ทอดไต้หวันร้านใหม่ชื่อ “Oh sh_t not you again” มาเปิด แถมเป็นสูตรของเชฟหลิน กั๋ว เหวิน (Lin Kuo Wen) เชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวจากไต้หวันเป็นคนคิดค้น UNLOCKMEN จึงไม่พลาดมาพิสูจน์รสชาติถึงที่ และแน่นอนว่างานนี้ต้องได้คุยกับเชฟเจ้าของสูตรแบบ Exclusive ก่อนใครด้วย ใช่ นี่คือเชฟ Lin Kuo Wen เชฟมิชลินตัวเป็น ๆ เจ้าของสูตรตัวจริง ไม่ใช่สแตนดี้หน้าร้าน ที่มาหมัก ทอด หั่น โรยสูตรความอร่อยจากไต้หวันให้เรากินก่อนและเผยความพิเศษของสูตรให้เรารู้ “ผมใช้เวลา 18 ปีฝึกฝนตัวเอง
ย้อนกลับไปราว ๆ 20 ปีก่อน ชายหนุ่มสองคนนาม ‘ตุ่น’ และ ‘เอ’ เป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาต่างหลงใหลอะไรคล้าย ๆ กัน นั่นก็คือการสะสมแผ่นเสียงและของเล่น ทุกครั้งที่พวกเขาเดินทางไปที่ใด เป็นต้องหิ้วของที่น่าสนใจติดไม้ติดมือกลับมาทุกที โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่พวกเขายกย่องให้เป็นแหล่งซื้อแผ่นเสียงชั้นยอด อุดมไปด้วยของดีมีคุณภาพให้เลือกสรร ในราคาไม่แพง อีกทั้งดินแดนอาทิตย์อุทัยยังเต็มไปด้วยคอลเลกชันของเล่นเท่ ๆ มากมายที่ยากจะหามาจับจอง จากการซื้อเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิ่งนานวันของสะสมของสองเพื่อนเกลอก็ยิ่งเพิ่มพูน แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของนักสะสมก็คือ ‘สถานที่เก็บของ’ กระทั่งในที่สุดโชคชะตาก็นำพาให้พวกเขาค้นพบทำเลเข้าตาย่านรามอินทราเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดิมทีที่นี่เป็นร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงเนรมิตสถานที่แห่งนั้น ให้กลายเป็น Vinyl & Toys ร้านอาหารกึ่งบ้านของสองนักสะสม ที่ UNLOCKMEN มาเยี่ยมเยือนในวันนี้นั่นเอง VINYL & TOYS สิ่งแรกที่เราคิดเมื่อเหยียบย่างเข้ามาในร้าน บอกเลยว่าคนรักเสียงเพลงแบบเราถึงกับดีใจจนเนื้อเต้น เพราะภายในร้านถูกตกแต่งไปด้วยแผ่นเสียงมากมายวางเรียงราย แบ่งเป็นโซนโชว์และโซนสำหรับขายแผ่นเสียงจริง ๆ ไหนจะสารพัดไอเทมวินเทจ เช่น ของเล่น ตุ๊กตา เกมโบราณ
‘เสียงหัวเราะ’ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความสุขที่พ่วงมากับรอยยิ้มโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่วยขับเคลื่อนความสุขแทบทุกอณูของชีวิตและปลอบประโลมหัวใจอ่อนแอของผู้ชายในวันที่เหนื่อยล้าและท้อแท้ได้อย่างดี หลังจากฟาดฟันกับกองงานมหึมามาร่วม 8 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าก็ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ระยะเวลาการทำงานจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนอาการเหนื่อยล้าที่ว่ายังไม่ทุเลาลงสักนิด ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเราตอนนี้ ดันไปประจวบเหมาะพอดีกับบรรยากาศโดยรอบของย่าน ‘พร้อมพงษ์’ เพราะที่นี่ทั้งแออัด วุ่นวาย และรีบเร่ง ไม่แปลกเลยถ้ามนุษย์ออฟฟิศในย่านนี้จะเหน็ดเหนื่อยหลังเลิกงาน แน่นอนว่าเราคงหมดหวังที่จะได้ยินเสียงหัวเราะจากย่านแห่งนี้ มาปลอบประโลมจิตใจในวันที่เราเองก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน ท่ามกลางความวุ่นวายของย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลวง น่าแปลกที่จู่ ๆ เราดันได้ยินเสียงหัวเราะดังกึกก้องมาจากซอยสุขุมวิท 26 ไม่รอช้า เราตัดสินใจเดินลัดเลาะไปตามถนนแสนร่มรื่นเส้นนี้ เพื่อหวังค้นหาต้นตอของเสียงหัวเราะ จนท้ายที่สุดเราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ‘SERIAL LAUGHTER’ บาร์เหล้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเสียงหัวเราะต่อเนื่องที่เราตามหา SERIAL LAUGHTER บาร์สงบส่วนตัวกลางใจเมืองที่วุ่นวาย Serial Laughter เป็นบาร์เหล้าที่ตั้งอยู่ใน Marigold ร้านอาหารไทยใต้จากเกาะสมุย ทั้งสองร้านถูกแบ่งโซนเพียงประตูบานเล็ก ๆ คั่นกลาง ใช้ผนังสีน้ำตาลผสมผนังกระเบื้องขาวโพลนเป็นหลัก สอดแทรกเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ มีโคมระย้าเป็นจุดกำเนิดแสงไฟที่จัดวางไว้กึ่งกลางโต๊ะอาหาร สร้างบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองด้วยโทนสีดินและพื้นปูนเปลือย ซึ่งเข้ากันดีกับสไตล์อาหารไทยของทางร้าน ส่วนบาร์เหล้า Serial Laughter นั้นดีไซน์มาให้มีขนาดกะทัดรัด เพื่อให้เข้าถึงง่ายและสร้างสเปซเล็ก ๆ ให้แขกรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า หลากหลายอุตสาหกรรมที่พัฒนา บวกกับการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชายวัยทำงานอย่างเราต้องรีบเร่งกับแทบทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว ไปทำงาน หรือแม้แต่ต้องรีบนอนเพื่อรีบตื่นให้ทันใช้ชีวิตอีกวันหนึ่ง หากมองไปตามถนนสายธุรกิจหรือโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นตัวยืนยันว่าส่วนนี้ของเมืองถูกพัฒนาแล้ว แต่ที่นั่นกลับแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนวัยทำงานและมวลความเร่งรีบที่กระจายตัวอยู่แทบทุกอณู ยิ่งถ้าเป็นย่านใจกลางเมืองอย่างแถบบีทีเอสช่องนนทรีแล้วละก็ คงไม่ต้องจินตนาการเลยว่าจะมากไปด้วยผู้คนและซุกซ่อนความวุ่นวายของชีวิตเอาไว้มากขนาดไหน คงต้องบอกว่าการใช้ชีวิตที่แข่งขันกับเวลาและโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กความเร็วแสง ถือเป็นเบ้าหลอมที่ทำให้คนในยุคนี้ไม่รู้จักการรอคอย ตลอดจนทำให้ทักษะการรอของผู้ชายบางคนถดถอยลงเรื่อย ๆ ขณะที่เราเดินเตร่อยู่กลางใจเมืองพร้อมสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตรีบเร่งที่รายล้อม แวบหนึ่งก็หันไปเห็น ‘ANALOX FILM CAFE’ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ชิดติดริมถนนใหญ่ที่บรรยากาศขัดกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพราะมันไม่ได้แข่งขันกับเวลาหรือโกลาหลวุ่นวายอะไร หากเนิบช้า มีเอกลักษณ์ และดึงดูดใจมากพอจะทำให้เราเดินเข้าไปอย่างไม่ยั้งคิด ANALOX FILM CAFE เสน่ห์ของร้านกาแฟควบล้างฟิล์มที่ไม่เหมือนใคร เพียงก้าวแรกก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศของโลกกล้องฟิล์มและอบอวลหวนหอมด้วยกลิ่นกาแฟ ถึงจะเคยได้ยินมาก่อนหน้าว่าการมาของกล้องดิจิทัลทรงประสิทธิภาพ ทำให้ความหลงใหลในกล้องแอนะล็อกยุคเก่าของผู้ชายบางคนเลือนรางไป แต่พอได้เข้ามาที่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ ANALOX FILM CAFE ได้รวบรวมกล้องฟิล์มโบราณเอาไว้จำนวนไม่น้อย ทำให้เราคิดได้ว่าจริง ๆ แล้วกล้องฟิล์มนั้นเป็นอมตะและไม่เคยเลือนหายไป ใต้ฉากหลังของร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมถนนใหญ่ ซ่อนร้านล้างฟิล์มขนาดกะทัดรัดเอาไว้ เมื่อไถ่ถามเจ้าของร้านจนได้ความก็ทราบว่าที่นี่เกิดขึ้นจากความหลงใหลรูปและเสียงของกล้องฟิล์ม ที่มีมากพอ ๆ กับการหลงรักรสและกลิ่นของกาแฟ เขาจึงผนวกทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันในฐานะร้านกาแฟมรดกของวง Cocktails
‘ดนตรี’ เกิดจากจังหวะ ท่วงทำนอง และคำร้องที่ผนวกรวมกันจนเกิดเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่มนุษย์ใช้เพื่อระบายความทุกข์ บำบัดความกังวล หรือแม้แต่บันดาลความสุขของบางคน แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าดนตรีนั้นสอดแทรกอยู่ในแทบทุกอณูชีวิตของผู้ชายเราเสมอ บางครั้งดนตรีอาจทำให้คุณดำดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์ปัจจุบัน บ้างก็พาเตลิดไปยังอนาคตและยั้งคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิด แต่สำหรับ LENNON’S บาร์เหล้าย้อนยุคแห่งนี้ ดนตรีเปรียบดั่งขุมพลังมหาศาลที่มีอำนาจมากพอจะพาคนเคลื่อนย้ายและย้อนเวลาไปยังอดีต เสียงเพลงเก่าแก่จากเครื่องเล่นโบราณกำลังพาเหล่าสุภาพบุรุษกลับไปยังยุค 70s ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยุคเฟื่องฟูที่สุดของดนตรีอีกครั้ง LENNON’S – ROSEWOOD BANGKOK แวบแรกที่ก้าวออกจากลิฟต์ราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกที่ไม่คุ้นตา แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ยืนคิดอยู่สักพักก็พอนึกออกว่าแท้ที่จริงแล้วเราย้อนกลับมายังยุค 70s อันเป็นยุคที่แผ่นเสียงไวนิลและเทปคาสเซ็ทกำลังรุ่งเรือง ตามตู้เก่าถูกประดับประดาด้วยแผ่นไวนิลกว่า 6,000 แผ่น เข้าแถวเรียงรายและรอต้อนรับเราตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเยือน แล้วคาดว่าบาร์แห่งนี้คงเป็นคลังเสียงระดับพรีเมียม ที่รวมคอลเลกชันไวนิลไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย ความรักในดนตรี และ NOSTALGIA แห่งยุค 70s ด้วยฝีมือของบริษัทออกแบบภายในชื่อดังระดับโลกอย่าง AvroKO ช่วยรังสรรค์พื้นที่เล็ก ๆ ของย่านเพลินจิตให้กลายบาร์เหล้าสุดเท่ควบช็อปไวนิลทรงเสน่ห์น่าหลงใหล LENNON’S ถูกดัดแปลงให้เป็นช็อปเล็ก ๆ ที่หนุ่ม ๆ ผู้หลงรักเสียงดนตรีสามารถมาเลือกชอปแผ่นเสียงไวนิลและเทปคาสเซ็ทได้ตามชอบ การตกแต่งร้านเน้นหนักวัสดุไม้ หินอ่อน และชูความโดดเด่นของโคมระย้าที่ได้แรงบันดาลใจจากแผ่นเพลง สะท้อนความเป็น art deco
ยามเย็นในวันฝนพรำช่วงหลังเลิกงานแสนน่าเบื่อ หลายคนอาจจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านด้วยการหาหนังที่ชอบเปิดดูสักเรื่อง บางคนกลับไปเล่นเกม หรือคนรักงานก็เลือกหอบงานกลับไปทำต่อที่บ้าน แต่สำหรับเราชาว UNLOCKMEN ผู้ชื่นชอบถึงขั้นหลงใหลในการได้ดื่มเบียร์พร้อมกับบรรยากาศดี ๆ ที่คลอด้วยเสียงดนตรีก็เลือกที่จะตามหาร้านคราฟต์เบียร์สักที่เพื่อการพักผ่อนหลังจากเหนื่อยกันมาทั้งวัน ชาว UNLOCKMEN ผู้ชื่นชอบในการดื่มเบียร์สดหลายคนฝันอยากลองดื่มเบียร์แปลก ๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก และในที่สุดก็มาพบร้านที่ตอบโจทย์คนรักเบียร์แบบเราเข้าอย่างจัง “เพราะคราฟต์เบียร์ในโลกนี้มีเยอะ จึงไม่แปลกถ้าเราจะพบเจอเบียร์ที่ไม่คุ้นเคย” แต่ก็นั่นแหละ พวกเราในตอนนี้พร้อมจะทำความรู้จักเพื่อคุ้นเคยกันแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยัง Bottle Rocket Craft Beer Bar เพื่อเติมเต็มให้วันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานเต็มไปด้วยสีสันของน้ำอำพันหลากชนิดที่เราไม่เคยรู้จัก Bottle Rocket Craft Beer Bar เดิมเคยตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ แต่ในตอนนี้ย้ายมาอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามเป้า เมื่อมาถึงสถานีให้เดินมายังทางออก 4 ก็จะพบกับกำแพงสังกะสีเท่ ๆ และหน้าต่างทรงกลมที่อยู่บนชั้นสองของตึกใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ถ้าหากเห็นแล้วก็ขอให้ยิ้มออกมาเลย เพราะคุณได้มาถึงร้าน Bottle Rocket เรียบร้อย เมื่อมาถึงตึกที่ตั้งตระหง่านเรียงกันและเจอกับกำแพงสังกะสี สาวเท้าเดินขึ้นบันใดผ่านสีสันสุดจี๊ดอย่างนีออนชมพูขึ้นมายังชั้น 2 จะพบกับประตูไม้ทางขวามือ เตรียมใจให้ดี เพราะอาณาจักรเบียร์ขนาดย่อมรอรับคุณอยู่หลังกำแพงนี้แล้ว สิ่งแรกที่ดึงความสนใจของเราคือเคาน์เตอร์เบียร์กับใบพัดยักษ์ที่รอต้อนรับผู้มาเยือน เมื่อมองสำรวจทั่วทั้งร้านก็จะเห็นการตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลที่ชัดเจนอยู่ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นพัดลมยักษ์ โซ่ที่นำมาใช้ดึงหลอดไฟ กรงเหล็ก กระจกทรงกลมของเรือดำน้ำ รวมถึงถังเบียร์จำนวนมากหน้าบาร์ที่ถูกต่อขาให้กลายเป็นเก้าอี้สร้างความรู้สึกเท่เมื่อได้เห็น ร้านเบียร์แห่งนี้เกิดขึ้นมาจากความหลงใหลและชื่นชอบเบียร์ของคุณเอ๋กับกลุ่มเพื่อน
อะไรเป็นตัวตัดสินว่าร้าน Omakase Sushi ร้านไหนให้ประสบการณ์ดีที่สุด? รสชาติอาหารและความสดของวัตถุดิบถือเป็นปัจจัยสำคัญแน่นอน โดยเฉพาะสำหรับอาหารประเภท Sushi แต่เมื่อมันเป็นร้านระดับ Omakase ยิ่งต้องมีความเป็นศาสตร์และศิลป์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่แค่นั้นยังไม่พอ ร้าน Omakase ที่ดียังต้องมีครบทั้งเรื่องราว บรรยากาศ การนำเสนอ ความผ่อนคลายของพนักงาน การตกแต่ง จุดที่ตั้ง ไปจนถึงราคาที่รู้สึกได้ว่าคุ้มค่า ทุกข้อล้วนเป็นสิ่งที่ร้าน Omakase Sushi ที่ดีควรจะมีครบ และหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราพึ่งจะได้สัมผัสมา และคิดว่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์ได้ครบทุกข้อ ก็คือร้าน SUSHIYOSHI อันโด่งดังระดับ Michelin 2 ดาว ที่ขึ้นชื่อและโด่งดังอยู่ใน Osaka มากว่า 28 ปี ใครเคยพยายามไปทานที่ร้านนี้จะรู้ดีว่าต้องจองคิวนานเป็นสัปดาห์ แต่ล่าสุด Master Chef และเจ้าของกิจการคนปัจจุบัน Chef Nakanoue Hiroki ก็ได้พาตัวเองมาเปิดร้าน SUSHIYOSHI ถึงกลางเมืองกรุงเทพแล้วเรียบร้อยในโรงแรม W Hotel Bangkok นับเป็นสาขาที่ 3 ต่อจาก Hong Kong
ทุกวันนี้เราเชื่อว่าผู้ชายเราหันมาเลือกของพรีเมียมเข้าปากมากขึ้น เพราะต้องการคุณภาพการกินที่มากกว่าการมีสารอาหารเลี้ยงร่างกายไปวัน ๆ แต่ “ราคา” ไม่ใช่ตัวแปรเดียวที่กำหนดความพรีเมียมของอาหาร กุญแจสำคัญอีกอย่างมันคือบรรยากาศรอบข้างที่ประเมินค่าไม่ได้ซึ่งสามารถเสริมความอร่อยในมื้อนั้นได้อีกเท่าตัว เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสความอิ่มเอมทั้งท้องและสายตา ผ่อนคลายวันหยุดหรือวันทำงานที่อยากได้ไอเดีย ปลุกชีวิตชีวาให้ตัวเองก่อนกลับบ้าน เราแนะนำให้คุณแวะมาที่ PAPAYA CAFE หนึ่งในร้านคาเฟ่เปิดใหม่ที่ยึดพื้นที่บางส่วนในอาณาจักรวินเทจของโกดัง PAPAYA มาจัดเป็นครัวและบาร์เครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟรสชาติเยี่ยมเพิ่มความสดชื่น เห็นป้ายหลากสีกับชื่อเมนูต่างภาษาแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในร้าน Papaya ร้านค้าวินเทจแห่งใหญ่ของเอเชียทำให้ต้องมีข้อมูลครบถ้วนเพื่อให้บริการ ดังนั้น ข้อดีของหนุ่ม ๆ เราอีกอย่างที่ไม่มีเขียนบอกไว้ในไกด์อื่น ๆ คือสถานที่แห่งนี้พวกเราจะมีโอกาสได้พบกับเพื่อนใหม่เป็นสาว ๆ หนุ่ม ๆ ต่างสัญชาติที่มีคอรักความวินเทจไว้พูดคุยกัน พร้อมแล้วอย่ารอช้ามาเริ่มต้นด้วยเมนูดับกระหาย 3 เมนูแรกที่เราสั่งไว้เป็น Welcome Drink ดื่มเรียกความสดชื่นแบบต่างสไตล์แนว Non-Alcohol จะได้ดื่มด่ำกับทุกสิ่งที่อยู่ข้างกายชัด ๆ ใต้แสงแชนเดอร์เลียอมส้มที่ให้ความสว่างแบบละมุนถึงสามตัวเพิ่มความเจริญอาหาร ICED COCO โกโก้เย็นฟองนมนุ่มพูนแก้ว โรยด้วยผงโกโก้เสิร์ฟพร้อมแก้วขอบกว้างช่วยเพิ่มสัมผัส จิบแล้วรสชาติโกโก้เข้ม ๆ กลมกล่อม หอมหวานมันกำลังดีกับฟองนม ช่วยดับความร้อนใจให้อารมณ์ดีขึ้นได้ แก้วถัดมาคือ PASSION FRUIT & BUTTERFLY PEA TEA