สำหรับช่วงวันหยุด คงไม่มีอะไรดีกว่าการได้พาตัวเองไปพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับเรื่องที่ชอบซึ่งหนุ่ม ๆ หลายคนก็มีวิถีแห่งการพักผ่อนแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามสำหรับขาดื่มหรือเหล่า Bar Hopping ทั้งหลายคงไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการได้ลิ้มรสเครื่องดื่มในบรรยากาศของค่ำคืนที่แปลกใหม่ที่ช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กลับมาให้ทุกครั้ง สำหรับคนที่ยังไม่มีเป้าหมายในค่ำคืนนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 พิกัดบาร์ค็อกเทลไม่ลับที่เราอยากให้คุณไปลอง ซึ่งแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจยังไงบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันได้เลย BYT BAR BYT BAR บาร์ค็อกเทลที่ผุดขึ้นมาในซอยสาทร 12 พร้อมคอนเซ็ปต์ของซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มีเอกลักษณ์ โดยแต่ละแก้วจะตั้งชื่อขึ้นตามเมืองหลวงของประเทศในทวีปยุโรปที่มาพร้อมรสชาติที่เข้มและอ่อนละมุนแตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบคลาสสิกค็อกเทลทางร้านก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในส่วนของบรรยากาศภายในร้านถูกแต่งเติมด้วยเก้าอี้และโซฟาหนังที่ย้อมด้วยแสงไฟสีแดง ทั้งหมดทำให้ BYT BAR เป็นร้านที่เหมาะสำหรับชวนเพื่อนที่รักค็อกเทลไปหาความแปลกใหม่ของทั้งรสชาติ บรรยากาศ และผู้คนรอบตัว สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ: BYT BAR หรือติดต่อที่เบอร์ 085-553-5844 BAR 335 BAR 335 บาร์ค็อกเทลไม่ลับที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร Metropole ท่ามกลางบรรยากาศโมเดิร์นที่ตกแต่งเรียบง่ายในสไตล์บาร์ญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสได้เลือกนั่งได้ทั้งหน้าบาร์ โต๊ะคู่ หรือโต๊ะยาวในกรณีมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนจำนวนมาก BAR 335 (ทีร์ทีร์ไฟฟ์) มาพร้อมซิกเนเจอร์ค็อกเทลรสชาติละมุนลิ้นที่มีทั้งเรื่องราวและวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเอง แถมตลอดทั้งค่ำคืนยังขับกล่อมด้วยดีเจสลับกับเพลล์ลิสต์เพลงที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ช่วยทำให้ค่ำคืนของที่นี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ:
น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาคารเก่าแก่ 3 ชั้นใกล้หัวลำโพงอายุนับ 100 ปี ที่เคยเป็นทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธนาคาร และอาบอบนวดอย่าง “Mustang Blu” หรืออีกชื่อยอดฮิตที่พูดแล้วต้องร้องอ๋อชี้พิกัดถูกว่ามันคือ “คลีโอพัตรา” ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา MANCAVE ครั้งนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในวันที่ไม่มีคลีโอพัตราอาบอบนวด แต่แทนที่ด้วยห้องพักสวย ๆ พร้อมให้ Booking ค้างคืน สัมผัสเสน่ห์วินเทจแท้ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุนับศตวรรษที่ทั้งขลังทั้งมีเสน่ห์ หรือถ้ามีเวลาไม่มาก การแวะมาเยี่ยมเยือนชั่วคราวชื่นชมความสวยงามของโครงสร้างข้างในระหว่างจิบเครื่องดื่มและละเลียดเมนูอร่อย ๆ ชั่วคราวในคาเฟ่ก็ถือว่าคุ้มค่า เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือค้างคืน ถ้าไปเยือนแล้วที่นี่จะเป็นที่ ๆ คุณติดใจอยากจะมาพักใหม่ บอกตามตรงว่าก่อนจะเปลี่ยนมือจากอาบอบนวดมาเป็นโรงแรมและคาเฟ่สไตล์โคโลเนียลเหมือนปัจจุบันที่คนแห่แหนกันต่อคิวเข้าไป พวกเราเองยังไม่เคยมีโอกาสย่างกรายเข้าไปใช้บริการมาก่อน แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาในอาคาร แม้จะไม่รู้ว่าสภาพดั้งเดิมเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่อีกพื้นที่หนึ่งทันที บรรยากาศคอนทราสต์กับด้านนอกชัดเจน เพราะการตกแต่ง บรรยากาศ และเสียงเพลงสไตล์บทกวีอาหรับที่กล่อมเกลาไปทั่วทั้งอาคาร ทุกองค์ประกอบที่เราเห็นเหล่านี้คือผลงานการสร้างสรรค์ของ คุณจอย อนันดา สไตลิสต์และโชว์ไดเรกเตอร์ชื่อดังในวงการแฟชั่น โปรเจกต์ The Mustang Blu
คำว่า Reserve (รีเซิร์ฟ) เป็นคำที่พวกเราคุ้นตากันดี โดยเฉพาะบนฉลากเบียร์หรือไวน์ ซึ่ง definition ของมันจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบ ความหมายของมันมีตั้งแต่ การจอง การสำรอง และในบางรูปแบบ คำว่า Reserve หมายถึงความพิถีพิถันเป็นพิเศษ การเก็บรักษาผ่านช่วงเวลายาวนานเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด ทำให้มันเป็นของที่มีคุณค่า หายากกว่าปกติ หรือมีในจำนวนที่จำกัด ต้นกำเนิดของการใช้คำว่า Reserve เพื่อบอกความพิเศษของคุณภาพ เริ่มต้นมาจากโลกแห่งไวน์ ซึ่งในอดีตเหล่า Winemakers จะเลือกเก็บไวน์ของบางช่วงเวลาเอาไว้ อาจจะเป็นช่วงที่อากาศเหมาะสม ความชื้นดี ดินสมบูรณ์ ทำให้องุ่นมีรสชาติดีเป็นพิเศษ จึงเลือกหมักไวน์เอาไว้ให้นานขึ้น เพื่อรอให้ได้รสชาติที่ต้องการ แทนที่จะบรรจุส่งขายทันทีเหมือนปกติ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด Winemakers จะนำเอา Edition ที่เก็บไว้ออกมาขาย พร้อมระบุคำว่า ‘Reserve’ บนฉลากเพื่อบอกถึงคุณภาพที่พิเศษกว่า และมักจะมีราคาที่สูงกว่า ทำให้นักดื่มในสมัยก่อนทราบทันทีว่าไวน์วินเทจตัวไหนผ่านการหมักบ่มมานานมากน้อยกว่ากัน คำว่า Reserve (Riservas, Reservas) ในบางประเทศอย่าง Spain, Italy และ Portugal มีไวน์เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่คำที่นึกจะนำมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีกฏหมายควบคุมซึ่งต้องผ่านมาตรฐานข้อกำหนดบางอย่างถึงจะสามารถใช้คำว่า
หากพูดถึงเมนูของหวานอันดับต้นๆ หลายคนคงนึกถึงไอศกรีม และไอศกรีมแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คงหนีไม่พ้น ไอศกรีมรสชาติกะทิ ซึ่ง “ไอศกรีมกะทิ” ถือเป็นเมนูของหวานที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน เพราะความหอม หวาน มัน ของกะทิที่ละมุนนุ่มลิ้น และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้กะทิเป็นส่วนผสมที่ใส่รวมอยู่ในเมนูต่างๆ มากมาย ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เป็นต้น ไอศกรีมกะทิ ถือเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ นิยมทานคู่กับท็อปปิงต่างๆ เพื่อเพิ่มความอร่อย โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นไอศกรีมกะทิมักทานคู่กับถั่วลิสง ข้าวเหนียว และลูกชิด แต่วันนี้ เนเจอร์ เซ็นเซชั่น แบรนด์ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ผลไม้อบแห้ง และน้ำผลไม้ออร์แกนิกภายใต้เครือเฮอริเทจ จะมาแชร์ไอเดียการจับคู่ระหว่างไอศกรีมกะทิกับผลไม้ไทยอย่าง มะม่วง ซึ่งถือเป็นผลไม้ยอดฮิตที่นิยมไปทั่วโลก ที่รับรองได้ว่าเป็นการผสมผสานความอร่อยและยังได้ความหอมมันจากทั้งกะทิและมะม่วงไปในตัว ทำให้คุณสดชื่นและอารมณ์ดีได้ตลอดวัน มะม่วง เป็นผลไม้ตามฤดูกาล ที่ออกผลผลิตในฤดูร้อน ดังนั้นเราจึงเลือกใช้มะม่วงอบแห้งเป็นส่วนผสมในการทำเมนูนี้เพราะเนื่องจากหาได้ง่ายกว่า ทั้งยังสะดวกไม่ว่าจะทำทานตอนไหนเวลาไหน ก็ให้ความสดชื่นอยู่เสมอ พร้อมทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ โพแทสเซียม โฟเลต และที่สำคัญยังให้เส้นใยอาหารสูงอีกด้วย การทำเมนู “ไอศกรีมกะทิมะม่วงอบแห้ง” ในยุคนิวนอร์มอลนี้ก็แสนจะง่ายดาย เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำไอศกรีมให้ยุ่งยาก เพียงแค่นำแม่พิมพ์ใส่ไอศกรีมหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกมาเตรียมไว้ พร้อมส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้ ส่วนประกอบเมนู “ไอศกรีมกะทิมะม่วงอบแห้ง”
ไม่ได้นัดกับเพื่อน ๆ เสียนาน พอหลาย ๆ ร้านเริ่มเปิดให้กลับไปกิน ดื่ม สมาคมกันได้ตามมาตรการรัฐ UNLOCKMEN ก็ได้ฤกษ์ขอกลับมาชวนไกด์ ไปชิลกันอีกครั้ง เปิดตัวด้วยร้านคาเฟ่คลาสสิกย่านพระนครเพื่อสายสกู๊ตเตอร์กับ Lambreta Cafe Thailand ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่เมนูอร่อย แต่น้องแลมฯ สกู๊ตเตอร์คันเจ๋ง ๆ จอดรอเรียกเราตั้งแต่หน้าร้านแล้ว ใครที่ยังรู้ไม่จักสกู๊ตเตอร์แบรนด์อิตาลีอย่าง Lambretta สรุปย่อ ๆ ว่าแลมฯ เป็นสกู๊ตเตอร์ตำนานที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1947 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับอายุตอนนี้ก็เข้าขั้นปู่แล้วเพราะ 73 ปีแล้ว ถือเป็น Top 5 แบรนด์ที่เคียงคู่มากับเวสป้า ถึงแม้ในไทยจะยังไม่แมสเท่ากับเวสป้า แต่ก็เป็นแบรนด์ที่ดังในระดับสากลและเริ่มจะดังในไทยบ้างแล้วจากการนำเข้า ใครที่ชอบดีไซน์สองล้อคลาสสิกมักจะติดใจดีไซน์ของแลมฯ จากตัวถัง ทรวดทรงองค์เอวรอบคัน ไฟหน้า ไฟท้ายที่ทรงดีไม่แพ้เวสป้าเลย Lambretta Thailand Shop&Cafe แห่งนี้เป็นร้านมีประวัติเพราะเป็นร้านของคุณตูน – ภิญโญ สิงหเสนีและเพื่อน ๆ ที่ทำ LAMBRETTA
ชีวิตก็มีเรื่องต้องคิดและห่วงมากพออยู่แล้ว แต่ปัญหาโลกแตกว่า “วันนี้กินอะไรกันดี?” ก็ยังตามมาหลอกหลอนเราได้ไม่ว่าจะในช่วงเวลาปกติหรือเวลาวิกฤต ยิ่งต้องทำงานอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่เห็นร้านอาหารอะไรผ่านหูผ่านตา การคิดว่ามื้อต่อไปกินอะไรยิ่งยากและชวนขี้เกียจขึ้นเป็นสองเท่า เพราะเข้าใจปัญหานี้ดี รวมถึงอยากบอกต่อร้านอาหารคุณภาพดี แถมอร่อยไว้ให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ในใจยามคิดอะไรไม่ออก เราจึงรวบรวม 5 ร้านอร่อยเด็ดจาก UNLOCKMEN MARKET OFFICIAL พื้นที่ที่อัดแน่นด้วยมิตรภาพและคุณภาพ! ที่เปิดโอกาสให้คนขายมาฝากสินค้าดีมีคุณภาพแบบฟรี ๆ และผู้ซื้อจะได้ของถูกใจโดยไม่ต้องออกไปหาซื้อไกล ๆ เพื่อเพิ่มความเสี่ยง ลองสั่ง 5 เมนูจาก 5 ร้านที่เราเลือกมา แล้วแวะเข้าไปดูสินค้าอย่างอื่น เผื่อถูกใจ หรือจะฝากขายอะไรก็เต็มที่ เพราะ UNLOCKMEN MARKET PICKS ครั้งหน้า อาจมีร้านของคุณอยู่ใน LIST ของเราก็เป็นได้ Zab Kak – แซ่บคัก ถ้าอยู่บ้านนานไปแล้วรู้สึกเหี่ยวเฉาลงไปทุกที ๆ อยากเพิ่มรสชาตจัดจ้านให้ชีวิต รับรองว่า “Zab Kak – แซ่บคัก” จะไม่ทำให้วันของคุณผิดหวัง แซ่บคักคือร้านอาหารอีสานพื้นถิ่นที่มาพร้อมไอเดีย
“MAN CAN COOK” เชื่อไหมว่าใคร ๆ ก็ทำกับข้าวได้ ช่วงนี้หลายคนค้นพบพรสวรรค์ด้านทำกับข้าวของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะมีโอกาสได้ลงครัวด้วยตัวเอง แถมพอ ๆ ทำไปทำมาบางคนเริ่มจะรู้สึกติดใจ เพราะรสชาติอร่อย ประหยัดและปลอดภัยกว่าออกไปสั่งซื้อ UNLOCKMEN จึงขอแจกโพย เปิด 4 สูตรเมนูร้านดัง ได้แก่ IKEA, MC DONALD, DOUBLETREE BY HILTON และ THE CHEESE FACTORY แต่ละเมนูล้วนเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่มีวิธีทำและส่วนผสมครบ ใครพร้อมทำตามสูตรไว้กินที่บ้านไม่ต้องสั่งซื้อแล้วเตรียมจดสูตรไว้แล้วหาโลเคชั่นซื้อส่วนผสมกับอุปกรณ์เลย IKEA: MEATBALL เมนูซิกเนเจอร์แจ้งเกิด IKEA ที่ทำให้ IKEA มีวันนี้เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครที่แวะไปนั่งหาอะไรกินที่ IKEA ก็มักจะต้องสั่งเมนูนี้มากิน ไม่ต่างจากการสั่งข้าวกะเพรา แถมเนื้อสับปั้นก้อนที่ยังคงรสชาติความ Juicy ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลินแบบนี้ คงทำให้หลายคนที่ไม่ได้เข้า IKEA คิดถึงและอยากหามากินกัน สูตรนี้เป็น Secret Recipes ที่ IKEA SWEDEN เขาแจกทางออนไลน์กันแบบ
เจริญกรุง อีกหนึ่งย่านเก่าแก่อันที่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่ขณะเดียวกันย่านเก่าแก่แห่งนี้ก็แฝงบาร์ คาเฟ่และร้านอาหารหลากหลายบรรยากาศจนกลายเป็นอีกโซนที่หนุ่ม ๆ หลายคน เลือกเป็นสถานที่สำหรับแฮงเอ้าท์หลังจากช่วงเวลาเลิกงานรวมทั้งคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ To More หนึ่งในบาร์ค็อกเทลย่านเจริญกรุง ที่แม้โลเคชั่นของร้านอาจจะเป็นสถานที่คุ้นเคยของหนุ่มหลายคนผู้เคยมาเยือน Soul Bar ในอดีต ปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงเป็นบูทีคบาร์ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงละครมูแลงรูจ (Moulin Rouge) เติมเต็มอารมณ์ด้วยพื้น ผนังไม้สีดำและผ้าม่านสีแดงที่ประดับประดาไว้อย่างลงตัว สร้างความรู้สึกเสมือนหลุดเข้ามาในโรงละครตามความตั้งใจของหุ้นส่วนร้านทุกคน ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจากบาร์แจ๊สรูปแบบเดิมสู่บาร์ค็อกเทลที่สามารถดูโชว์และดนตรีได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่ว่าคุณจะหอบกันมาเป็นหมู่คณะหรืออารมณ์เปลี่ยวอยากมาจิบคนเดียวก็รู้สึกเอนจอยกับรสชาติของเครื่องดื่มจากแก้วในมือและการแสดงต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่เขินอาย นอกจากสไตล์อันเป็นเฉพาะตัวของร้านและโชว์ที่มีไม่ซ้ำกันของแต่ละวันแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญแน่นอนว่าคือค็อกเทลสูตรเฉพาะของ To More ที่รังสรรค์โดยเฮดบาร์เทนเดอร์และหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอย่างพี่เบิ้ล-ปรัชญา ไชยเมือง ที่มาโชว์ฝีมือในการปรุงค็อกเทลแก้วพิเศษให้เราได้ลิ้มชิมรสกันในคืนนี้ King And I เริ่มต้นกันที่แก้วแรกสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ต้องการค็อกเทลรสเข้มมาเป็นแก้วเปิดวันกับ King And I ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมส่วนผสม ที่มีทั้งซินนาม่อนและใบซิการ์ซึ่งสร้างกลิ่นรัญจวนใจในทันทีที่เผาไหม้ส่งกลิ่นควันหอมอบอวลคลุ้งไปทั่วบาร์ จนเราแอบอดใจที่จะลิ้มลองรสชาติของแก้วนี้ไม่ไหว แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อวินาทีที่รอคอยการปรุงแต่งรสชาติและหน้าตาสิ้นสุดลง ความรู้สึกคุ้มค่ายืนยันด้วยกลิ่นสโมคของใบยาสูบจากซิการ์และซินนามอนที่ผสมเข้ากันได้อย่างลงตัวกับกลิ่นของมะพร้าวและเบสจากรัม ก่อนออนท็อปด้วยน้ำส้มสดเพื่อตัดรสชาติไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป จนเกิดเป็นความเข้มและหนักแน่นในแบบของผู้ชาย ผนวกรวมเข้ากับความสดชื่นได้อย่างลงตัว Cinderella ต่อกันด้วยค็อกเทลสีขาวนวลที่ดูก็รู้ว่าเหมาะจะสั่งให้กับสาวที่มาด้วยกันซึ่งเข้ากันเป็นอย่างดีกับแสงเทียนละมุนตา Cinderella มาพร้อมเบสหลักเป็นจินกับไฮเนทไซรัปและน้ำมะนาวสร้างสีสันเรืองสวยเด่น ก่อนออนท็อปด้วยเปลือกเลมอน ทันทีที่เรายกแก้วขึ้นมาเพื่อสัมผัสรสชาติก็รู้ได้ทันทีว่าสุภาพสตรีทุกคนจะต้องตกหลุมรักค็อกเทลแก้วนี้จากรสชาติเปรี้ยวที่มอบความสดชื่นของมัน
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่หลากบริษัทเริ่มใช้นโยบาย Work From Home ให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้าน เชื่อว่าคงมีหนุ่มสาวชาวออฟฟิศไม่น้อยหมกตัวอยู่ในบ้าน และปัดนิ้วสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์กันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เผลอคิดว่าคนหิวโหยอย่างเราควรสั่งเมนูไหนดี ที่จะไม่ต้องต่อแถวรอนานหรือสู้รบฟาดฟันกับหลากออเดอร์ของมนุษย์ทำงานคนอื่น ซึ่งเมนูที่อร่อย ทำง่าย ทำไว และจัดเป็นอาหารจานโปรดในใจใครหลายคน ต้องยกให้กับ ‘ข้าวมันไก่’ เมนูนี้ เวลาที่คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ‘ข้าวมันไก่’ เป็นเมนูแสนธรรมดาจานแรก ๆ ที่ผุดขึ้นในหัว นอกจากจะหากินง่าย ยังเป็นเมนูที่กินได้ทุกเวลา ทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือแม้แต่มื้อดึก แถมในย่านของกินที่มีร้านอาหารอร่อยเรียงรายเต็มตลอดสองข้างทาง ต้องมีร้านข้าวมันไก่สักร้านอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ข้าวมันไก่ไม่ใช่แค่เมนูข้างทางธรรมดาที่คนไทยกินไม่รู้จักเบื่อ แต่จริง ๆ แล้วถือเป็นหนึ่งในสามจานเด็ดของอาหารจีนไหหลำ ที่แพร่ขยายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนดัดแปลงสูตรและเลือกสรรวัตถุดิบให้ถูกปากกับคนในพื้นที่นั้น ๆ ต่อให้คุณจะคุ้นชินกับข้าวมันไก่ต้ม ข้าวมันไก่ตอน หรือข้าวมันไก่ทอด แต่ประเภทหลัก ๆ ของข้าวมันไก่แบ่งได้เป็นสามแบบคือ ข้าวมันไก่ไหหลำ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ และข้าวมันไก่เบตง ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้น ข้าวมันไก่ไหหลำจะใช้ข้าวมัน ไก่เนื้อนุ่ม และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ข้าวมันไก่สิงคโปร์เสิร์ฟข้าวแยกกับเนื้อไก่ มีน้ำราดบนไก่เนื้อนุ่ม ๆ พร้อมน้ำจิ้มสีแดงสด ส่วนข้าวมันไก่เบตงจะใช้ข้าวที่แห้งหน่อย ไก่บ้านเนื้อแห้ง
เมื่อปฏิทินวนมาถึงเดือนมีนาคมที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อนบ้านเรา ถึงคราวที่พระอาทิตย์จะได้แผลงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่และสาดแสงแรงกล้าพุ่งทะยานมายังพื้นโลกแบบไม่เกรงใจใคร จริงอยู่ที่ฤดูร้อนนั้นเป็นเรื่องแสนธรรมดาที่เราต้องเจอกันอยู่ทุกปี แต่ต้องยอมรับว่าสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ มีผลต่ออารมณ์และอาจทำให้ผู้ชายหลายคนกายร้อน ใจร้อน หรือหัวร้อนจนพาลหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้อย่างง่าย ๆ หนุ่มบางคนอาจเลือกดับร้อนด้วยการกระโจนลงน้ำ บ้างปรับอุณหภูมิให้ลดต่ำและนอนตากแอร์โดยไม่ก้าวเท้าออกไปไหน แต่สำหรับเราวิธีคลายร้อนที่ง่ายที่สุดคือการหอบเรือนร่างกำยำออกไปหาไอศกรีมเย็น ๆ กินให้ชื่นใจ ยอมโดนความเย็นสุดขั้วจู่โจมจนปวดหัวจี๊ดหลับตาปี๋ ดีกว่าทนร้อนเหงื่อซ่กไปทั่วทั้งตัว จริงไหมครับ? วันร้อน ๆ แบบนี้ UNLOCKMEN เลยขอชวนคุณมาลิ้มชิมเมนูของหวานเพื่อดับกระหายคลายร้อนกันที่ร้าน ‘ถ้วยถังไอติม’ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านที่เสิร์ฟไอศกรีมแบบจีนคู่กับซาลาเปาไร้ไส้ หัวมุมถนนจุดตัดระหว่างซอยจุฬาลงกรณ์ 12 และถนนบรรทัดทอง เป็นที่ตั้งของ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านของหวานแนวใหม่ที่เสิร์ฟไอศกรีมหวานเย็นชื่นใจหลากรสชาติคู่กับหมั่นโถว ซาลาเปาไร้ไส้ของจีนที่แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเข้ากันได้ลงตัว ตัวร้านดีไซน์ออกมาแปลกตาและค่อนไปทางโบราณ ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูง ประตูกระจกขอบหนา และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน ที่ทำให้เรานึกถึงภาพโรงน้ำชาเก่าฉากหลังของภาพยนตร์จีนสมัยก่อน แปลกที่เมื่อก้าวเข้าไปในร้านกลับรับรู้ถึงความทันสมัยของโคมระย้าที่พุ่งลงมาจากเพดานคล้ายสไตล์ลอฟต์ มีตัวอักษรจีนสีนีออนติดผนังเป็นจุดนำสายตา (และอาจเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของที่นี่) ส่วนโซนที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งด้านนอกที่เป็นบาร์ไม้ทอดยาว และด้านในที่มีโต๊ะน้อยใหญ่ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เมนูของที่นี่จะแบ่งเป็นสามจานหลัก คือหมั่นโถว พุดดิ้ง และไอศกรีม โดยลูกค้าสามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ไอศกรีมรสโปรดกับท็อปปิงหรือหมั่นโถวแต่ละแบบได้ตามชอบ แถมยังมีไอศกรีมรสชาติแปลก ๆ ให้เลือกอีกมากมาย ตั้งแต่ไอศกรีมรสเกาลัด ถั่วตัด นมชมพูถั่วแดง น้ำเต้าหู้งาดำ ไมโลโรงเรียน หรือแม้แต่รสชานมไต้หวันก็ยังมี