ช่วงเวลานี้ ในแวดวงดนตรีคงไม่มีอะไรข่าวอะไรที่ช็อควงการเท่ากับการยุติบทบาททางดนตรีของ Daft Punk คู่หู Robot Electro ที่บอกลาความยิ่งใหญ่ตลอด 28 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ยุค 90’s จวบจนปัจจุบัน แต่ถึงแม้จะเป็นการอำลาที่แสนเศร้า แต่ผลงานที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ตัวตนของพวกเขาแล้วว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน และวันนี้เราจะมาสรุปว่ามีบทเรียนอะไรบ้างที่พวกเราควรยึดถือความเจ๋งของ Daft Punk เป็นแบบอย่าง Pre – Daft Punk – Darlin’ (1992-1993) จุดเริ่มต้นของ Daft Punk ไม่ใช่ Duo แต่เป็น Trio อาจจะแปลกและแตกต่างกับวงอื่น ๆ ไปสักหน่อย ที่ร่องรอยการเริ่มต้นของพวกเขานั้นหาได้เริ่มต้นจากดนตรีสังเคราะห์ไม่ แต่ Thomas Bangalter ได้ชักชวนเพื่อนซี้ที่เรียนมัธยมมาด้วยกันอย่าง Guy-Manuel de Homem-Christo และสมทบด้วยเพื่อนนักดนตรีอีกคนที่สมัครเข้ามาภายหลังอย่าง Laurent Brancowitz โดย Laurent Brancowitz ได้กล่าวถึงการเจอคู่หูทางดนตรีคู่นี้ในวันแรกกับรายการวิทยุ BBC ว่า “ผมเห็นป้ายประกาศรับนักดนตรีที่ร้านขายแผ่นเสียง ผมเลยตามไปสมัคร โดยที่ผมได้เจอกับ
ถึงแม้ดนตรี Rock & Roll ในช่วงแรกเริ่มจะเป็นเหมือนเด็กหัดคลาน เนื่องจากยังไม่สามารถแยกออกจากดนตรีดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น R&B / Country หรือ Blues ได้ และกว่าที่ดนตรีร็อคจะเริ่มจากตั้งไข่เป็นเดินเตาะแตะ กาลเวลาก็หมุนมาหยุดที่ปี 1955 ที่เรียกได้ว่าเป็นการตัดริบบิ้นเปิดตัวดนตรี Rock & Roll อย่างเป็นทางการ และได้ถือกำเนิดบรรพบุรุษแห่งดนตรี Rock พร้อมกันถึง 3 คนในปีนั้นโดยมิได้นัดหมาย โดยที่ทั้ง 4 ไม่เพียงแต่จะเป็นบรรพบุรุษผู้ปลุกกระแสดนตรีโยกคลึงให้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งดนตรีโลก คนแรกที่ UNLOCKMEN อยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก ก็คือร็อคสตาร์ที่เริ่มต้นไขลานนาฬิกาให้โลกได้รู้จัก Rock & Roll นั่นก็คือ Bill Haley & His Comets นั่นเอง ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ที่การบกพร่องทางการมองเห็น ไม่อาจกั้นขวางความเท่ที่เขามีต่อสาว ๆ ทั่วทั้งโลก แม้แต่ควีนอลิซาเบธก็ยังพ่ายให้เสน่ห์ของเขา ชายหนุ่มผู้ทำให้ดนตรี Rock & Roll ที่สดใหม่ในยุคนั้นมีชีวิตชีวาและเป็นบทเริ่มต้นสำคัญที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าดนตรีแนวอื่นๆทั้งหลายทั้งปวง อุบัติเหตุที่ผิดพลาด ผงาดพรสวรรค์ประจักษ์
“เพลงอะไร เพราะดี ไม่เคยฟังมาก่อน” คือคำพูดที่ชวนให้คนรุ่นใหม่ต้องแสลงหู เมื่อเราลองให้คนอายุ 30 ปีขึ้นไปบางกลุ่มลองฟังเพลงใหม่เหล่านี้ กว่า 80% มักจะไม่อินกับเพลงใหม่ และเราก็ได้ค้นพบงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตั้งสมมติฐานอันน่าสนใจว่า “เรามักจะหยุดรับเพลงใหม่ตอนอายุ 30 ปี” โดยงานวิจัยนี้ได้ค้นพบในปี 2015 บล็อก Skynet & Ebert จากการสำรวจข้อมูลจากผู้ฟัง Spotify จำนวน 1,000 คน แม้ข้อมูลนี้จะผ่านมาเนิ่นนานถึง 6 ปีแล้ว แต่ข้อมูลยังคงน่าสนใจและยังใช้ได้จนถึงปัจจุบัน ว่าเพราะเหตุใดเราถึงหยุดการอัพเดทเพลงใหม่ทั้งๆที่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างพากันผลักดันให้การฟังเพลงนั้นชิดใกล้เพียงปลายนิ้วสัมผัส Unlockmen จึงขอย่อยงานวิจัยอันยุ่งเหยิงเหล่านี้ให้ชวนเข้าใจกันง่ายๆดังต่อไปนี้ ในงานวิจัยพบว่าวัยรุ่นในวัย 12-22 ปี สมองจะตื่นตัวต่อการตอบรับสิ่งใหม่ ๆ ได้ดี ในขณะที่คนอายุ 30 ขึ้นไป หากเปรียบสมองเป็นฟองน้ำ พวกเขาก็รับประสบการณ์ต่าง ๆ จนบวมน้ำกันไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเราจะหยุดรับข้อมูลใหม่ ๆ ไปซะดื้อ ๆ ซึ่งในการวิจัยนี้ได้ย่อยลึกลงไปอีกว่า อายุที่มากที่สุดที่สนใจในการค้นหาเพลงใหม่ คืออายุ 24 ปี และโดยเฉลี่ย
หลังจากมนุษยชาติต่างพากันโล่งใจที่วิกฤติ Y2K ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เมื่อตัวเลขดิจิตอลเปลี่ยนเลขสหัสวรรษ จาก 19 สู่ 20 โลกของดนตรีก็ขานรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เราไม่จำเป็นต้องพกคาสเซ็ทท์หรือซีดีเทอะทะ เพราะไฟล์เพลงเริ่มแปรรูปเป็น MP3 ส่วนแนวดนตรี Emo / Nu Metal และ Garage ที่ตั้งไข่ตั้งแต่ปลายยุค 90s ก็เริ่มกระหึ่มในยุค 2000s เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือเริ่มเป็นเสียงริงโทนจากจังหวะเพลงฮิตในยุคนั้น Unlockmen ขอนำทุกท่านย้อนกลับไปฟังเพลงสุดฮิตในยุคนั้น ที่แค่ขึ้น Intro ก็ใส่กันยับแล้ว นับว่าเป็นเพลงชาติแห่งยุค 2000s ที่ได้ยินเมื่อไหร่ ก็นึกถึงช่วงเวลานั้นทันที Papa Roach – Last Resort เพลง Nu Metal ที่ผสมสัดส่วนของเพลงร็อคและเพลงแร๊พได้อย่างลงตัว เป็นเพลงเดบิวท์ที่ทำให้โลกรู้จักวงร็อคคณะป๊ะป๋าแมลงสาบอย่างเป็นทางการ แม้บทเพลงจะมันส์ชวนโยกอย่างรุนแรง แต่เนื้อหานั้นกลับพูดถึงเรื่องซีเรียสอย่างการฆ่าตัวตาย โดยเนื้อหาของเพลงนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับรูมเมทที่พยายามจะฆ่าตัวตาย เพื่อนๆจึงพาเขาไปบำบัดทางจิตเพื่อช่วยให้เขาเลิกคิดสั้น ซึ่งเนื้อเพลงอธิบายความทรมานผ่านท่อนฮุคที่ชวนโดดได้ว่า ‘Cause I’m losing my sight, losing my
ทุกวันนี้เทคโนโลยีรุดหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งศิลปินที่อยู่ในครรภ์มารดาก็สามารถทำอัลบั้มได้แล้ว ทุกท่านอาจจะงงว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ลูกในท้องที่ยังไม่คลอดเนี่ยนะ จะเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆ เมื่อ Luca Yupanqui ผลิตผลอันแสนภาคภูมิใจของแม่นักดนตรีอย่าง Elizabeth Hart มือเบสวง Psychic Ills และ พ่อ Lee “ Scratch” Perry ได้ทำงานร่วมกันกับซาวด์เอนจิเนียริง Iván Diaz Mathe ได้สร้างบทเพลงที่บันทึกความเคลื่อนไหวผ่านอุปกรณ์ที่ชื่อ Biosonic MIDI ที่ติดอยู่ตรงท้องของ Elizabeth และแปลการเคลื่อนไหวของลูกเธอให้กลายเป็นเสียง ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้มีทั้งเสียงหัวใจ การขยับตัว และถอดเป็นเสียงซินธิไซเซอร์ซึ่งเกิดจากกระบวนการทำสมาธิของเธอเป็นเวลา 5 ชั่วโมงนั่นเอง และบทเพลงที่เปรียบเสมือนสัญญาณชีวิตของเด็กน้อยที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกนี้ ก็แปรเปลี่ยนเป็นงาน Ambient อันน่าทึ่งที่คุณจะได้รับฟังมิติของเสียงในรูปแบบใหม่โดยทั้งพ่อและแม่ต่างคารพในการเคลื่อนไหวของลูกน้อย Luca Yupanqui พวกเขาทำหน้าที่เพียงผสมเสียงเท่านั้นไม่ได้ดัดแปลงเพิ่มเติมใดๆ มันจึงกลายเป็นบทเพลงแห่งความบริสุทธิ์ที่สร้างขึ้นจากเด็กน้อยจริงๆ อัลบั้ม Sounds of the Unborn จะได้รับการจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 2 เมษายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ศิลปินตัวน้อยอย่าง
ก่อนที่ Rock Music จะถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ โลกของดนตรีได้ถูกขับกล่อมโดยแนว Classical / Jazz / Country หรือแม้กระทั่งเพลง Blues มาช้านาน จนเรียกได้ว่าดนตรีร็อคนั้นเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นตามหลังกว่าดนตรีแนวอื่น ๆ หลายสิบปี แต่แนวดนตรีที่เกิดช้าแนวนี้ กลับสร้างคุณูปการมากมายให้วงการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมทางศิลปะแบบก้าวกระโดด การก่อกำเนิดแฟชั่นร่วมสมัย แตกกิ่งก้านสาขาออกมาเป็นแนวดนตรีอันหลากหลาย และสร้างวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับศิลปะ วันนี้ UNLOCKMEN จะขอพาคุณย้อนไปสู่ยุคสมัยต่างๆของดนตรี Rock เพื่อค้นหารากเหง้าและจุดกำเนิดของดนตรีที่มีวัฒนธรรมยาวนานมากว่า 80 ปี มาดูกันว่าบทเพลงแนวนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมและส่งผลอะไรบ้างกับสังคมโลก ถ้าพร้อมแล้วเรามานั่งไทม์แมชชินย้อนไปดูต้นกำเนิดของดนตรีแนวนี้ไปพร้อมกันเลย ก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า Rock n Roll ผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีต่างพากันค้นหาหลักฐานของจุดเริ่มต้นของดนตรีนี้อย่างแพร่หลาย ซึ่งพอจะแยกย่อยได้สามทาง ดังนี้ สมมติฐานที่ 1 การเร่งเร้าจังหวะของเพลง Blues บทเพลงร็อคแอนด์โรลถือกำเนิดจากรากของดนตรี Blues เนื่องด้วยในโลกยุคทศวรรษที่ 1940’s แนวทางของดนตรีมิได้มีความแพร่หลายนักหากเทียบเท่ากับปัจจุบัน ดนตรี Jazz ยังคงเป็นความบันเทิงที่คนยุคนั้นสรรหามาเติมเต็มให้กับชนชั้นกลางถึงสูง ขณะที่ชนชั้นล่างอย่างคนผิวดำที่ยังไม่สามารถปลดแอกจากการเป็นทาส ก็ใช้ดนตรี Blues เพื่อระบายออกถึงความคับแค้นยากเข็ญที่พวกเขาจำต้องเผชิญ และความเหลื่อมล้ำก็จุดประกายดนตรีหมองหม่นนี้ให้เฉิดฉาย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาคือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยุดยั้ง หรือสามารถกักเก็บเวลาเอาไว้กับตัวได้ และอาจเป็นเพราะสัจธรรมของเวลาที่มีแต่จะหมุนผ่านเลยไป ทำให้มนุษย์เรามักจะให้คุณค่าและเลือกที่จะเก็บสะสมกับสิ่งที่เป็นตัวแทนแห่งช่วงเวลาเก่า ๆ ยกตัวอย่างเช่นแผ่นเสียงที่แม้ว่าจะผ่านเวลามายาวนาน แม้จะเป็น Format เพลงที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพเสียงคมกริบ หรือความสะดวกสบายในการฟัง แต่สำหรับคอแผ่นเสียงทั้งหลาย น่าจะเห็นตรงกันว่าอารมณ์และเสน่ห์ที่ได้จากการเสพดนตรีผ่านแผ่นเสียงนั้นเป็นสุนทรีภาพด้านการฟังที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงใน Format อื่น ทำให้จนถึงทุกวันนี้วงการแผ่นเสียงก็ยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยผู้คนที่หลงใหลในแผ่นดำ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคุณจะเป็นคนยุคแอนะล็อก หรือยุคดิจิทัล ไม่ว่าใครก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสตกหลุมรักแผ่นเสียงไวนิลได้แทบทั้งนั้น และคอลัมน์ The Collector สัปดาห์นี้ เราขอพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของ ‘พลอย-ตวงพรรษ รัตนวาทิน’ หญิงสาวที่เติบโตมาในยุคคาบเกี่ยวของแอนะล็อก และดิจิทัล ผู้เทใจให้กับแผ่นเสียงอย่างหมดหน้าตัก ด้วยความหลงใหลในแทบทุกอณูของมัน ทั้งสุ้มเสียงที่มีเสน่ห์ อาร์ตเวิร์กที่สวยงาม ไม่เว้นแม้กระทั่งกลิ่นจากซองแผ่นเสียงเก่า แถมยังนำเอาความหลงใหลเหล่านั้น มาต่อยอดเป็นธุรกิจที่เมื่อเอ่ยชื่อออกมาหลายคนเป็นต้องร้องอ๋อ กับร้านแผ่นเสียง Trackaddict Records และ Dumbo / York BKK บาร์แจ๊สชื่อดังย่านสะพานควาย ที่ว่ากันว่าเป็นหมุดหมายซึ่งชาวยิปซีแจ๊สต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง เติบโตมากับดนตรี ด้วยความที่คุณพลอยเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักดนตรี จึงได้ซึมซับศาสตร์ด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก เพลงเมื่อสมัยนู้นก็จะประมาณ Ray Charles ที่เน้นทำนอง จังหวะน่าโยกอย่างเพลง
UrboyTJ คือหนึ่งในแรปเปอร์มากความสามารถแห่งยุค ด้วยสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลิกทะเล้นมาดกวน และการแต่งตัวที่โคตรเฟี้ยว ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ใครไม่ใช่สาวกเพลงฮิปฮอปก็ต้องรู้จักเขาจากที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน ณ วันนี้ UrboyTJ ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมา และเรียกกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทุกบทเพลงในนั้นมีครบรสหลากอารมณ์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคย และมีความลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งกว่าจะทำอัลบั้มนี้จนสมบูรณ์ได้ เขาต้องใช้เวลาสั่งสมในวงการดนตรีมามากกว่า 10 ปี จนตกผลึกมาเป็น ‘Selfmade’ อัลบั้มที่บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของ UrboyTJ ถึงการเป็นคนที่ไม่อยากเป็น การมีอยู่ของตัวตนที่เมคขึ้นมา หรือความคาดหวังจากคนอื่น ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสูญเสียตัวตนไป คอลัมน์ Garage ประจำสัปดาห์นี้ เราจะพาทุกคนไปพบกับ UrboyTJ หรือ จิรายุทธ ผโลประการ กับเบื้องลึกเบื้องหลัง และจุดเริ่มต้นสู่การปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเอง เราสนใจเพลงแนวนี้ก่อนจะเข้ามากามิกาเซ่หรือเปล่า แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ UrboyTJ หันมาฟังเพลง Hip Hop “จริง ๆ ผมฟังฮิปฮอปมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ แล้วครับ ตั้งแต่ประถมได้ เพราะตอนเด็กผมมีญาติที่อยู่ฝรั่งเศส เวลาเขาบินกลับมาไทย เขาจะพกวอล์กแมนมาตัวนึง ตอนนั้นในเครื่องใส่เพลงของ
หากย้อนกลับไปค้นความทรงจำของผู้คนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หลายคนน่าจะเจอเศษเสี้ยวของความทรงจำเดียวกันกับเรา ความทรงจำที่มีถึงเรื่องราวของดาวดวงหนึ่งที่เจิดจรัสสุด ๆ บนวงการบันเทิงไทย เรียกว่าระดับปรากฏการณ์ก็คงดูไม่เกินจริงนัก เขาเป็นเด็กหนุ่มตาหล่อเหลา คารมดี ขี้เล่น เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่หาตัวจับได้ยาก ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าคนที่เติบโตขึ้นมาในช่วงยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อว่า ‘เจ มณฑล จิรา’ ก่อนที่เขาจะหายหน้าไปจากแสงไฟสปอตไลต์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จะเหลือไว้ก็เพียงข่าวคราวผลงานด้านการทำเพลงในฐานะคนเบื้องหลังให้กับภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ด รวมถึงศิลปินดังมากหน้าหลายตาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมงานเพลง Side Project เล็ก ๆ ที่ทำร่วมกับเพื่อนฝูงให้กลุ่มคนที่ยังติดตามผลงานของเขาอยู่ได้หายคิดถึงกันบ้าง และในวันนี้เมื่อเราได้ยินข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจกลับมาเป็นคนเบื้องหน้าอีกครั้ง เราจึงไม่พลาดที่จะชวน ‘เจ มณฑล จิรา’ มาพูดคุยถึงชีวิตของเขาในหลายแง่มุมซึ่งหลายคนอาจไม่มีโอกาสได้ถาม นับตั้งแต่ที่เขาเลือกหายไปจากงานเบื้องหน้าในวงการบันเทิง จนกระทั่งการกลับมาพร้อม ‘ด้วยความเคารพ’ ผลงานอัลบั้มเดี่ยวภาคภาษาไทยในรอบ 24 ปีของเขา อะไรที่ทำให้เขาปลีกตัวจากงานบันเทิงที่กำลังรุ่ง อะไรที่ทำให้เขาหันไปทุ่มเทกับงานเพลง และอะไรที่ทำให้ชายวัย 41 ย่าง 42 ปี (ที่ยังคงหล่อเหลาดูดีเกินอายุ) นั้นกลับมามุ่งมั่นสร้างผลงานเดี่ยวของตัวเองอีกครั้ง ขอเชิญชาว UNLOCKMEN ทุกท่านไปพบคำตอบพร้อม ๆ กันในคอลัมน์
สำหรับชาวร็อกที่เติบโตมาในยุคอินดี้เฟื่องฟู เราเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ MAD PACK IT เจ้าของเพลงดังในอดีตอย่าง ‘รักในสันดาน’ ‘อยู่เพื่อตัวเอง’ ‘เลิก’ ‘กวนตีน’ และ ‘คำให้การ’ ด้วยเนื้อหาที่ตรงไปตรงมา ภาษาที่โดนใจ รวมถุงเสียงร้อง เสียงดนตรีที่จัดจ้านทำให้พวกเขาสร้างฐานแฟนเพลงได้ไม่ใช่น้อย โดยผลงานสตูดิโออัลบั้ม 2 ชุด, E.P. อัลบั้มอีก 1 ชุด รวมถึง ‘MAD PACK IT X-TREAM CONCERT’ คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของพวกเขาซึ่งจัดขึ้นในปี 2547 คือสิ่งการันตีความนิยม และความเหนียวแน่นของกลุ่มแฟน ๆ MPI เป็นอย่างดี จนเมื่อเวลาผ่าน ยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้จึงได้กลายสภาพเป็นความทรงจำดี ๆ ยุคอินดี้ ไปพร้อม ๆ กับชื่อเสียงของพวกเขาที่ค่อย ๆ จางหายไปจากวงการเพลงในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา จะมีก็เพียงผลงานซิงเกิ้ลใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันเฉลี่ยปีละครั้ง แต่ถึงกระนั้นบทเพลงเก่า ๆ ของพวกเขาก็ยังคงถูกเปิดอยู่จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องราวของพวกเขาก็ยังคงถูกพูดถึงในกลุ่มแฟน ๆ