แม้การเฉลิมฉลองอัลบั้มที่พลิกหน้าวงการดนตรีอย่าง Nevermind ของกลุ่มราชากรันจ์ร็อค Nirvana ที่เข็มนาฬืกาหมุนมาที่อายุครบ 30 ปีนี้ จะมีเหตุตะกุกตะกักไปบ้าง จากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายของ Spencer Elden เจ้าหนูบนหน้าปกประวัติศาสตร์ ฐานถูกทำให้อับอายมาตลอด 30 ปี แต่อย่างไรก็ดี คดีความไม่อาจจะทำลายความยอดเยี่ยมของบทเพลงในอัลบั้มลงได้เลย และ NME สื่อทรงอิทธิพลแห่งเกาะอังกฤษ ก็ร่วมวาระแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ด้วยการสอบถามศิลปินรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ ถึงบทเพลงทั้ง 13 เพลง ในอัลบั้มนี้ เพลงไหนที่สร้างอิทธิพลให้กับพวกเขาอย่างไรกันบ้าง ‘Smells Like Teen Spirit’ by Dave Grohl เริ่มต้นด้วยบทเพลงแห่งตำนาน จากปากคำของผู้ร่วมสร้างตำนาน Dave Grohl แห่ง Foo Fighters ที่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขาคือมือกลองของคณะ Nirvana ที่มาเล่าเบื้องหลังของบทเพลงเปลี่ยนประวัติศาสตร์นี้ให้ฟัง “เฮียจำได้ว่าตอน Kurt เขียน ‘Teen Spirit’ ในห้องซ้อม เฮียขนลุกกับท่อนริฟฟ์อันหนักหน่วงที่ Kurt
นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว สำหรับการจัดอันดับบทเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล จากนิตยสาร Rolling Stone ที่ครั้งนี้ ทิ้งช่วงห่างจากการจัดอันดับจากครั้งก่อนถึง 11 ปี โดยครั้งล่าสุด มีเป็นการเปลี่ยนแปลงอันดับครั้งสำคัญมากมายหลายบทเพลง โดยเฉพาะอันดับที่ 1 เพลง Respect ของเจ้าแม่เพลงโซล Aretha Franklin คว้าชัยไปครอง เขี่ยแชมป์เก่าอย่าง Like a Rolling Stone ของเทพเจ้าหัวฟู Bob Dylan ลงมาอยู่อันดับ 4 พร้อมกับมีเพลงเข้ามาใหม่ในตารางอันดับปีนี้มากถึง 254 เพลง โดยผลสำรวจนี้ได้ทำการรวบรวมคะแนนจากบุคคลในอุตสาหกรรมดนตรี ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน, นักดนตรี และโปรดิวเซอร์มากกว่า 250 คน รวมไปถึงนักเขียน และนักวิจารณ์สายดนตรี ที่เลือกบทเพลงในดวงใจคนละ 50 เพลง จนได้เป็นลิสต์บทเพลงอันทรงคุณค่า ที่สะท้อนยุคสมัยปัจจุบัน โดยในครั้งนี้ มีความหลากหลายทางแนวดนตรีที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง Hip Hop ยุคใหม่, Indie
เรียกได้ว่า ทำอะไรก็เกิดกระแสและข้อถกเถียงแทบทุกครั้ง สำหรับศิลปินสุดฮ๊อต Justin Bieber ที่ครั้งนี้เตรียมตัวสร้างแบรนด์ใหม่ แต่ไม่ใช่แบรนด์แฟชั่น หรือว่าอาหารใดๆ เพราะแบรนด์ที่พ่อหนุ่ม Bieber กำลังจะเปิดนั่นก็คือ แบรนด์กัญชานั่นเอง โดย Bieber เลือกเพลงที่ฮิตสุดแรงสุดของปีนี้อย่างเพลง “Peaches” เป็นชื่อแบรนด์ของเขา เรามาทำความรู้จักกับเพลงๆนี้ พร้อมทั้งสาเหตุสำคัญที่ Justin Bieber ทำไมถึงเลือกทำแบรนด์กัญชา…กัญได้เลย “Peaches” เพลงสุดฮิตติดหูที่มาจากความบังเอิญ ในประวัติศาสตร์ของเพลงฮิต หลายเพลงนั้นเกิดมาจากความบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจใด ๆ เพลง “Peaches” ซิงเกิลสุดเจ๋งของอัลบั้มล่าสุด Justice นี้ก็เช่นกัน มันมีวันหนึ่ง ขณะที่ Bieber และ Shawn Mendes ไปแฮงก์เอาท์ที่บ้านของ Andrew Watt นั้น Bieber เห็นสตูดิโอห้องซ้อมในบ้านของ Watt เขาจึงเดินไปตีกลอง ลองเล่นเปียโน ช่วงที่เขาดีดเพลงมั่ว ๆ นั้นเอง เขาก็ฮัมท่อน ๆ หนึ่งมั่วซ้ำไปวนมาแล้วชวนเพื่อนมาร่วมแจมดนตรีในเพลงด้นสดเพลงนี้ “ทุกอย่างมันเกิดขึ้นภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น Bieber
วัยเบญจเพสสำหรับใครต่อใคร อาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ที่ย่างก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ในโลกของดนตรีก็ไม่ต่างกัน เพราะช่วงปี 1996 หรือ 25 ปีที่ผ่านพ้นไปนั้น มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในโลกของดนตรี ไม่ว่าจะเป็นช่วงอิ่มตัวของของดนตรี Britpop การทวงบัลลังก์ของดนตรีฟากฝั่งอเมริกา การหาแนวทางใหม่ของวงดนตรีรุ่นใหญ่ และการแจ้งเกิดของวงดนตรีรุ่นใหม่ รวมไปถึงการกลับมาของเทรนด์ Boy Band / Girl Group จึงทำให้ ปี 1996 เป็นอีก 1 ปีที่น่าจดจำสำหรับนักฟังเพลง ที่ต้องการฟังเพลงอันหลากหลาย และเป็นสิ่งที่น่าศึกษาไม่ใช่น้อย ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990s นี้ มีเสน่ห์อะไรที่ยังตราตรึงหูของนักฟังเพลง ที่ยังคงหยิบอัลบั้มในปีนี้มาฟังจวบจนทุกวันนี้ บทความนี้เราจะพาทุกคนย้อนเวลาไปสัมผัสช่วงปีที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของการฟังเพลงร่วมกัน Manic Street Preachers – Everything Must Go การหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1995 ของสมาชิกหลักของวงอย่าง Richey Edwards นำมาซึ่งความช็อคของแฟนเพลง และสมาชิกทั้ง 3 ที่เหลือ จน
หากใครมองหาเครื่องเสียงที่ให้ Sound Quality ที่ยอดเยี่ยม แถมยังพกพาเดินไปเดินมาในบ้านได้สะดวก ลองดูหูฟังตัวนี้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจ Sony เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด SRS-NS7 Personal Theater ลำโพงคล้องคอไวเลสที่มาพร้อมกับตัวส่งสัญญาณไวเลส WLA-NS7 ที่สามารถให้ประสบการณ์เสียงแบบโฮมเธียเตอร์ได้นานหลายชั่วโมง แถมยังมาพร้อมกับสุดยอดระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งให้เสียงที่สมจริงและเป็นธรรมชาติ สามารถเปิดใช้งานได้เมื่อจับคู่กับทีวี Sony BRAVIA XR ผ่านระบบบลูทูธ นับเป็นครั้งแรกที่ลำโพงคล้องคอสามารถใช้ระบบเสียง Dolby Atmos ได้ นอกจากนี้ SRS-NS7 ยังมีเทคโนโลยี 3D Spatial Sound ซึ่งสามารถให้เสียงแบบ cinematic ที่สมบูรณ์แบบได้ เมื่อใช้งานอุปกรณ์ร่วมกับแอพพลิเคชั่น ‘360 Spatial Sound Personalizer’ โดยแอพนี้สามารถบันทึกภาพหูของผู้ใช้งาน และนำไปวิเคราะห์รูปแบบ 3 มิติของใบหู เพื่อหาธรรมชาติในการฟังเสียงของผู้ใช้งานได้ ฟีเจอร์นี้ยังทำให้มันรองรับ Dolby Atmos ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย SRS-NS7 ยังมาพร้อมกับ 360 Reality Audio
ตอนคุณอายุ 11 ปี คุณอาจจะนั่งอยู่หน้าจอคอมเพื่อเล่นเกมโปรด หรืออาจจะรอคอยตอนใหม่ของ One Piece อย่างใจจดใจจ่อ แต่ในอีกซีกโลก มีเด็กน้อยคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่หลังกลองชุด โดยมีชาวร็อคกว่าหมื่นคนเป็นสักขีพยานในความสามารถอันโดดเด่นของเขา “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับตำนานที่น่าทึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วง The Beatles บ้าง Rolling Stones บ้าง Pink Floyd บ้าง แต่สำหรับคนนี้…แม่งไม่ใช่ว่ะ” Dave Grohl แห่งวง Foo Fighters ประกาศแนะนำแขกรับเชิญคนสำคัญในคอนเสิร์ตที่ The Forum เมือง แอล.เอ. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา “ขอเสียงเฮให้กับ “มือกลองที่โคตรเจ๋งที่สุดในโลก”…Nandi Bushell!!!” ต่อจากเสียงแนะนำของ Dave Grohl คือเสียงจากการหวดกลองสุดระห่ำในเพลง Everlong เพลงฮิตของ Foo Fighters หากคุณหลับตาจินตนาการถึงเจ้าของเสียงกลองนั้น คุณอาจจะคิดไปถึงมือกลองสุดเก๋าที่ผ่านการเล่นคอนเสิร์ตมาอย่างนับไม่ถ้วน แต่เมื่อคุณเปิดตาดู คุณจะแทบไม่เชื่อสายตา เพราะเจ้าของเสียงคำรามผ่านการรัวกลองคนนั้นกลับเป็นเด็กสาวอายุเพียง 11 ปี
ช่วงนี้เหมือนอากาศไม่ค่อยเต็มใจ นอกจากเราอยู่บ้าน WFH กันแทบไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันแล้ว ฝนยังตกแทบทุกวันให้อารมณ์เราขุ่นมัวเข้าไปอีก UNLOCKMEN ไม่อยากให้คุณเหงาและเดียวดาย จึงจัด Playlist บทเพลงเกี่ยวกับฝนมาให้ฟังกัน โดยเราคัดเลือกเฉพาะวงร็อคเพื่อนำความร้อนแรงมาปะทะกับความชุ่มชื้นของสายฝน พร้อมเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแต่ละเพลงที่น่าสนใจ เรามาฟังกันว่ามีบทเพลงไหนที่ตรงใจคุณกันบ้าง The Beatles – ‘Rain’ (1966) I can show you That when it starts to rain Everything’s the same I can show you I can show you เริ่มต้นกันด้วยบทเพลงแรกที่เรามักจะนึกถึงเมื่อฝนพรำ เพราะแค่พิมพ์คำว่า Rain เพลง ๆ นี้ก็จะแสดงตัวขึ้นเป็นเพลงแรกของเรา Rain ของคณะ 4 เต่าทอง The
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แม้ไวรัสจะยังไม่ลดราวาศอกที่จะทำลายหมู่มวลมนุษยชาติอย่างไม่หยุดยั้ง ซ้ำยังเสริมกำลังด้วยการพัฒนารูปแบบกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องปวดหัวในการหาวัคซีนสกัดกั้นไม่ให้มันมาระบาดอีก จนตัวเลขของการระบาดก็ยังคงรุนแรงในทุกที่และหลายประเทศเช่นเดิม แต่ดูเหมือนทุกเทศกาลดนตรีบนโลกใบนี้ จะเดินหน้าต่อ ไม่เลื่อนหรือแคนเซิลอีกต่อไป หนำซ้ำพวกเขายอมลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลเพื่อสู้ยิบตากับไวรัสชนิดนี้ เพราะอะไรพวกเขาถึงต้องสู้ เรามาสำรวจทั้งด้านดี และด้านร้ายของเทศกาลดนตรีที่ผ่านมาจากทั่วโลกด้วยกัน รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง Jay Luffer กำลังตั้งแคมป์ในงานเทศกาลดนตรีเป็นครั้งแรก ก่อนที่เขาจะเดินทางไป Reading & Leeds Festival เขายอมรับกับ Newsbeat ว่า เขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลที่ไม่ถูกสุขลักษณะ “ผมเคยได้ยินเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับห้องน้ำและห้องอาบน้ำ มันเลยรู้สึกเหมือนจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์โควิด” หนุ่มน้อยวัย 17 ปีกล่าว “ผมคิดว่าการติดไวรัส เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนจำนวนมากที่ซื้อตั๋วคงคาดไว้อยู่แล้ว” และถึงแม้จะมีความเสี่ยงจากการอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก แต่เขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอ หลังจากที่พลาดการแสดงดนตรีสดในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ “เทศกาลต่าง ๆ จะกลับมาอย่างน่าตื่นเต้นอีกครั้ง” Jay กำลังใช้มาตรการป้องกันตัวเอง โดยนำ mask และชุดทดสอบโควิด ATK ติดตัว “ผมรู้สึกว่าจะหลีกเลี่ยงได้ยากกับการติดโควิด แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยผมก็ได้พยายามแล้ว” Jay Luffer
ชาว UNLOCKMEN น่าจะไม่มีใครไม่เคยเห็นเด็กน้อยน่ารักในวัย 4 เดือน ที่กำลังแก้ผ้าว่ายน้ำในปกอัลบั้ม Nevermind ของ Nirvana ชื่อของเด็กคนนั้นก็คือ Spencer Elden ซึ่งปัจจุบันเป็นชายฉกรรจ์อายุ 30 ปี และตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ เพราะความหัวหมอ เตรียมฟ้องวงในข้อหาอนาจารฐานให้ภาพเด็กเปลือย Elden ดำเนินการทางกฎหมายด้วยเหตุผลว่า ตัวของเขา รวมถึงพ่อแม่ของเขา ไม่มีใครเคยเซ็นยินยอมให้ Nirvana ใช้ภาพนู๊ดวัยเด็กของเขาในการดีไซน์ปกอัลบั้ม Nevermind ที่มียอดขายมากกว่า 30 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก ในขณะที่ค่ายเพลงทำรายได้มหาศาล แต่สิ่งที่ครอบครัวของ Elden ได้รับคือค่าตอบแทนจำนวน $200 สำหรับรูปถ่ายเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครบอกว่าจะเอาไปทำอะไรด้วยซ้ำ กระทั่ง 3 เดือนผ่านไป ก็พบว่ารูปเปลือยของลูกชายปรากฏอยู่บนโปสเตอร์เต็มกำแพง Tower Records ใน Los Angeles ซะแล้ว “ปก Nirvana อัลบั้มนี้ โชว์ของลับ อวัยวะเพศของ Elden ตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งถึงวันนี้ การที่คนทั่วโลกเห็นจู๋ของคุณมาตลอด 30
นับเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับ 2 อัลบั้มในตำนานที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่มีวาระในการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่คล้าย ๆ กัน นั่นคือการเชิญชวนศิลปินมากหน้าหลายตา ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ มาช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานด้วยการตีความบทเพลงอมตะให้เป็นเพลงเวอร์ชั่นใหม่ ที่ทั้งแปลกและเต็มเปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ เรามาดูกันว่า 2 อัลบั้มนี้ ในสมัยที่วางจำหน่ายใหม่ ๆ ได้สร้างคุณูปการอะไรให้กับวงการเพลงบ้าง และจวบจนปัจจุบัน เมื่อกาลเวลาผ่านไป อัลบั้มทั้ง 2 ชุดนี้ ได้มอบอะไรให้กับประวัติศาสตร์ทางดนตรีกันบ้าง Metallica – The Black Album หนึ่งในทัพหน้าของวงการเมตัล ที่ปัจจุบันยังคงเป็นวงดนตรีผู้ทรงอิทธิพลที่คว้าทั้งเงินทั้งกล่อง และยืนหยัดอยู่แถวหน้าโดยไม่มีใครสามารถโค่นลงได้มาตลอดระยะเวลา 40 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งวงในปี 1981 โดยอัลบั้ม Metallica หรือที่สาวกหูเหล็กขนานนามอัลบั้มนี้ตามอัตลักษณ์ของปกที่ดำสนิทว่า The Black Album เป็นอัลบั้มชุดที่ 5 วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 12 สิงหาคม ปี 1991 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของซาวด์ที่แตกต่างจาก 4 อัลบั้มแรก ที่หนักหน่วงระดับ Trash Metal แต่ The