ปัจจุบันสมาร์ตโฟนกลายเป็นไอเทมคู่กายของคนส่วนใหญ่ไปเสียแล้ว คู่กายจนบางคนกล้าพูดว่ามือถือของตัวเองเปรียบเหมือนมือที่สามของร่างกายก็ว่าได้ ด้วยความสำคัญของสมาร์ตโฟนในยุคปัจจุบันทำให้มีบริษัทจำนวนไม่น้อยเล็งเห็นความสำคัญของเคสใส่โทรศัพท์และขยันออกลายสวย ๆ มาแข่งให้คนซื้อกันแล้ว ซึ่งตอนนี้มีแบรนด์กล้องแบรนด์หนึ่งไม่ยอมน้อยหน้า ขอบุกตลาดเคสสำหรับมือถือแล้วด้วยเช่นกัน หลาย ๆ คนคงจะรู้จัก Kodak บริษัทชื่อดังสัญชาติอเมริกันที่อยู่ในวงการถ่ายภาพกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทกล้องฟิล์มที่โด่งดังของแบรนด์ทำให้ขึ้นแท่นยอดขายกล้องฟิล์มในศตวรรษที่ 20 หลังจากนั้นก็ถูกศาลสั่งฟ้องล้มละลายในปี 2012 ถือเป็นบริษัทที่พวกเราทันทั้งยุครุ่งเรืองก้าวสู่จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดไปพร้อมกัน เรื่องราวหลังล้มละลายจากปี 2012 ที่บางคนอาจไม่ได้ตามกันต่อ คือ Kodak ปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ บริษัทขนาดใหญ่ได้กลายเป็นบริษัทที่ไซซ์เล็กลงและเริ่มมองหาลู่ทางในตลาดใหม่ ทั้งตลาดสมาร์ตโฟนไปจนถึงเคสกันรอยและหันมาจับมือกับบริษัทที่อยู่ในวงการมาก่อนอย่าง Case Mate Case Mate เป็นใคร ทำไม Kodak ถึงอยากจับมือด้วยนัก? Case Mate เป็นแบรนด์ผลิตเคสสำหรับสมาร์ตโฟนที่โด่งดังไปทั่วโลก จุดเด่นคือวัสดุพรีเมียมทั้งคริสตัลแท้ไปจนถึงโลหะต่าง ๆ เพื่อเน้นถึงความแข็งแรงของเคส ในด้านดีไซน์ที่แปลกตาบ้างก็เอาไข่มุกมาประดับเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้หญิง หรือดีไซน์เท่ ๆ ล้ำสมัยเพื่อกลุ่มผู้ชาย รวมถึงสไตล์วินเทจในวันวานสำหรับวัยรุ่นฮิปสเตอร์ คอลเลกชันเคสที่เกิดจากการ collaboration ระหว่าง Kodak กับ Case Mate ดีไซน์ออกมาในสไตล์วินเทจ โดยตัวชูโรงของคอลเลกชันนี้หนีไม่พ้นเคสโทรศัพท์มือถือสี CI คือสีเหลืองมีเส้นและตัวอักษรสีแดงสีคู่ใจของแบรนด์
ถ้าพูดถึงนักสู้หรือชนชั้นนักรบของสังคมญี่ปุ่นสมัยก่อน คนทั่วไปก็จะนึกถึงซามูไรเป็นอย่างแรก นึกถึงโรนิน หรือแม้กระทั่งชื่อของการปลิดชีพตัวเองอย่างเซ็มปุกุ (ฮาราคีรี) แต่ถ้าถามว่ารู้จัก อนนะ บุเกอิชา (Onna Bugeisha) หรือไม่ ? คำตอบส่วนใหญ่คือ “ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ทั้งที่คนกลุ่มนี้มีบทบาทมากในสงครามญี่ปุ่น น่าเศร้าที่ความแข็งแกร่งของ อนนะ บุเกอิชา ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากเท่าไหร่ UNLOCKMEN จึงอยากเล่าเรื่องราวโคตรเท่ของกลุ่มอนนะ บุเกอิชา รวมถึงตำนานความโหดกลางสนามรบของโทโมเอะ โกเซ็น (Tomoe Gozen) สตรีที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นซามูไรหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น “เพราะซามูไรไม่ได้รบเพียงลำพัง แต่ยังมีสตรีที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน” ONNA BUGEISHA เรื่องราวของกลุ่มหญิงสาวที่หันมาจับดาบ อนนะ บุเกอิชา คือกลุ่มสตรีญี่ปุ่นที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธวิ่งเข้าสู่สมรภูมิไม่ต่างจากซามูไร พวกเธอแตกต่างจากหญิงญี่ปุ่นทั่วไปที่ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หญิงจากตระกูลดีต้องเรียนรำ ชงชาตามประเพณีอันดีงาม ส่วนหญิงชาวบ้านต้องฟังสามี หลักฐานทางประวัติศาสตร์บางชิ้นระบุไว้ว่าในช่วงศตวรรษที่ 16-18 ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นก๊กเป็นเหล่าและทำต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่เขตแดน ในสงครามก็มีอนนะ บุเกอิชา หรือซามูไรหญิงเข้าร่วมรบเป็นจำนวนมาก จุดเริ่มต้นของ อนนะ บุเกอิชาไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัด บ้างก็ว่าเกิดขึ้นในยุคเฮอัง บางคนก็คาดว่าเกิดขึ้นในยุคคามากุระ แต่เหตุผลทำให้หญิงสาวจับอาวุธเกิดขึ้นเมื่อสามีหรือพ่อต้องออกไปทำสงคราม เมื่อชุมชนไร้ชายชาตรีมีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันพวกเธอจะต้องดูแลตัวเอง
คอแฟชั่นที่ชื่นชอบการอ่านมังงะญี่ปุ่นอาจจะคุ้นชินกับการ collaboration กันระหว่างแบรนด์เครื่องแต่งกายกับมังงะเรื่องโปรดอยู่บ่อยครั้ง และตอนนี้มังงะเรื่องดังที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนินจาซึ่งถูกสร้างเป็นแอนิเมชันก็ปรากฏตัวในโลกของแฟชั่นอีกครั้ง ด้วยการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง Coach กับนักแสดงชื่อดัง Michael B. Jordan ปล่อยคอลเลกชันเท่ ๆ ชื่อว่า Naruto สำหรับใครที่ติดตามเรื่องราวของแวดวงแฟชั่นอยู่ตลอดจะรู้ว่าแบรนด์เครื่องแต่งกายสัญชาติอเมริกาอย่าง Coach ได้เลือกให้นักแสดงหนุ่มผิวสี Michael B. Jordan ให้เป็น Brand Ambassador ของแบรนด์เป็นที่เรียบร้อย (COACH FALL 2019 ตีความแฟชั่นของชายหนุ่มศตวรรษที่ 21 ผ่าน Michael B. Jordan) แต่การร่วมงานของทั้งสองฝั่งไม่ใช่แค่เอานักแสดงมาใส่เสื้อพร้อมถ่ายรูปแล้วจบไป แต่ยังเปิดโอกาสให้ Michael ได้แชร์ไอเดียสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอีกด้วย คอลเลกชันที่ว่าของ Coach x Michael B. Jordan คือการหยิบตัวละครจากมังงะชื่อดัง จากปลายปากกาของอาจารย์ Kishimoto Masashi เรื่อง Naruto นินจาจอมคาถา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1999 ผ่านนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น Shonen Jump โดยได้
ถ้าพูดถึงอาชีพนักแสดง คนส่วนใหญ่ที่มีหน้าที่เป็นผู้ชมมักมองข้ามถึงความยากก่อนจะมาเป็นภาพยนตร์หรือละครสนุก ๆ ให้เราได้รับชม เพราะภาพที่คนส่วนใหญ่เห็นคือนักแสดงที่มีคนคอยดูแลจัดการทุกอย่าง มีคนคอยกางร่มให้ มีคนแต่งหน้าให้ แถมยังเป็นอาชีพที่ใคร ๆ ก็มองว่าได้เงินง่าย หลาย ๆ สิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของนักแสดงดูเป็นอาชีพที่ได้เงินง่ายแถมมีคนคอยเอาใจอยู่เสมอ แต่น้อยคนนักที่จะเห็นถึงความยากลำบากที่นักแสดงก็ต้องพบเจอด้วยเช่นกัน ในวันนี้ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับนักแสดงมากความสามารถอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ ที่ทำให้เราได้รู้ว่าภายใต้อารมณ์ขันมากด้วยเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยมุ่งมั่นทุ่มเททั้งการทำงานและสิ่งที่รักไปพร้อมกัน ความจริงจังในการทำงานที่คนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็น จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของ มาริโอ้ เมาเร่อ มันเริ่มมาจากตรงไหน ? เริ่มมาจากตอนเด็ก ๆ ผมออกมาช่วยงานที่บ้านครับ บ้านของผมสมัยก่อนทำปั๊มน้ำมันผมก็เลยเป็นเด็กปั๊ม เติมน้ำมันอยู่แล้วก็มีแมวมองมาเห็นผม แต่ก่อนที่แมวมองจะเจอผมก็เคยไปแคสงานหลายที่นะครับแต่ว่าไม่ได้เลยเพราะผมขี้อาย สุดท้ายไปแคสหนังเรื่องแรกชื่อว่า ‘รักแห่งสยาม’ ที่ทำให้คนรู้จักโอ้ขึ้นมา การเข้าสู่วงการบันเทิงเป็นความฝันวัยเด็กของมาริโอ้รึเปล่า ? ไม่ได้เป็นครับ เพราะตอนเด็ก ๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องเข้าวงการเลย จริง ๆ แล้วผมอยากเป็นนักธุรกิจเพราะเห็นคุณพ่อทำธุรกิจแล้วเท่ แล้วผมก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วการทำธุรกิจไม่ใช่แค่นั่งเท่ ๆ อยู่ติดโต๊ะ แต่เราต้องจัดการอะไรหลายอย่าง พอเห็นพ่อแม่ทำก็เลยรู้สึกว่าอยากทำบ้าง แต่ด้วยจังหวะชีวิตทำให้เราได้ไปแคสติ้งภาพยนตร์ ตอนนั้นผมไม่ได้มองเรื่องการแสดงเลย คิดแค่ว่าจะเอาเงินไปซื้อสเกตบอร์ดเล่น ทุกเส้นทางของชีวิตต่างต้องเจอกับอุปสรรคและเรื่องราวที่ยากลำบาก
เวลาที่ทุกคนเจ็บคอสิ่งแรกที่ใครหลายคนนึกถึงก็คือยาอมแก้ไอ เด็ก ๆ ไปจนถึงวัยรุ่นต่างก็พยายามหายาอมรสหวานต่าง ๆ มาอมแก้ระคายคอทั้งรสน้ำผึ้ง รสมะนาว รสมิ้นต์หรือแม้กระทั่งรสมะขามป้อม แต่สำหรับผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยตั้งแต่รุ่นพ่อไปยันอากงอาม่ากลับไม่สนใจยาอมหลากรสและเลือกจะหยิบยาอมสมุนไพรจีนซองเล็ก ๆ ขึ้นมาแทน ยาอมสมุนไพรที่ว่าคือแบรนด์ที่มีชื่อว่า ‘ตะขาบ 5 ตัว’ พิมพ์หน้าซองด้วยหมึกสีน้ำเงิน แดง เด็ก ๆ แค่เห็นซองแล้วคงเกิดอาการขยาดไม่อยากหยิบเพราะมันเป็นรูปตะขาบสีแดงตัวใหญ่น้อยชวนให้ขนลุก ถึง 5 ตัว งั้นเราลองมาคิดเล่น ๆ กันดูว่า ถ้าลวดลายแบบนี้จะลุกมาฮิป บุกเข้ามาสู่โลกแฟชั่นของเหล่าวัยรุ่น หน้าตาของมันจะออกมาเป็นแบบไหน hatakabbโลกแฟชั่นวันนี้แทบไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข่าวประกาศคอลเลกชันใหม่ร่วมมือกันระหว่างแบรนด์แปลก ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างตำนานไม่เว้นแต่ละวัน เราเลยมีโอกาสได้ลุ้นว่าแบรนด์เสื้อผ้าที่ใส่ประจำจะมีโอกาสออกคอลเลกชันเด็ดให้สะสมบ้างไหม ล่าสุดแบรนด์เสื้อผ้า Greyhound เกิดไอเดียเท่ ๆ ว่า ถ้าหากนำโลโก้ในตำนานที่คนไทยทุกคนต้องเคยเห็นผ่านตาสักครั้งบนซองยาอมแก้ไอราคา 15 บาท มันจะต้องไปได้สวยแน่นอน และแบรนด์เสื้อผ้าก็ไม่รอช้าจับมือกับบริษัทยาอมเพื่อเตรียมออกไอเทมแฟชั่นเท่ ๆ ทันที คอลเลกชันพิเศษที่เกิดจาก Greyhound x Takabb มีไอเทมหลากหลายทั้งเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวที่แต่งแต้มด้วยตะขาบสีแดงตัวใหญ่จำนวนมาก คล้ายกับว่าตะขาบพวกนี้กำลังเดินยั้วเยี้ยอยู่บนผ้าสีขาว และเพิ่มลูกเล่นตรงแขนเสื้อข้างซ้ายด้วยโลโก้อันเป็นตำนานจากซองยาอมแก้ไขตราตะขาบ
ครั้งหนึ่งในชีวิตของเราอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ศิลปะเป็นเรื่องไกลตัว และเป็นเรื่องสำหรับคนรวยเท่านั้น” ประโยคที่ฟังแล้วทำให้คิดตามว่า จริงหรือไม่ที่ศิลปินและคนเสพศิลปะจำกัดไว้เฉพาะแวดวงร่ำรวย ถ้าเป็นอย่างที่ว่า คนจนหรือคนชนชั้นกลางไม่มีสิทธิ์เข้าถึงศาสตร์แห่งการเล่าเรื่องด้วยภาพเลยเหรอ ? ในช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิดว่าคนรุ่นใหม่จะหันมาเป็นศิลปินเยอะหรือไม่ หรือคิดว่าประเทศไทยจะไม่มีศิลปินรุ่นใหม่ ๆ อย่างที่เขาว่า ก็ดันเหลือบไปเห็นแฮชแท็กหนึ่งที่ขึ้นเทรนด์ความนิยมในทวิตเตอร์ช่วงนี้ที่สามารถตอบคำถามคาใจได้ แฮชแท็กขึ้นเทรนด์ที่ว่าคือ #Thaiartist ที่มีความหมายตรงตัว เปิดโอกาสให้ศิลปินน้อยใหญ่ลงผลงานของตัวเองกันอย่างเต็มที่ และจากแฮชแท็กทำให้ UNLOCKMEN พบว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยศิลปินมากความสามารถ เห็นผลงานหลากสไตล์กับลายเส้นที่บ่งบอกตัวตน บางคนวาดลงบนผ้าใบหรือกระดาษ บางคนวาดบนไอแพดหรือใช้เมาส์ปากกาวาดในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งผลงานเท่ ๆ สไตล์คอลลาจ จนเราอดใจไม่ไหว อยากแบ่งปันผลงานศิลปะจากฝีมือคนไทยมาให้ทุกคนได้ชมกัน ART & TECHNOLOGY ถ้าเป็นสมัยก่อนผลงานศิลปะส่วนใหญ่จะอยู่บนผืนผ้าใบ แผ่นกระดาษหรือแผ่นไม้ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนศิลปะก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมปัจจุบันด้วยเช่นกัน ในยุคนี้จึงมีศิลปินรุ่นใหม่จำนวนมากใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ บ้างก็เพื่อความสะดวกสบาย บ้างก็เป็นความชอบและรสนิยมแถมเครื่องมือไฮเทคก็จะช่วยถ่ายทอดจินตนาการที่มีอยู่เต็มหัวออกมาเป็นผลงานจับต้องได้จริง ศิลปินไทยหลายคนนิยมสร้างสรรค์ผลงานด้วยโปรแกรม Illustrator หรือใช้เครื่องมือแตกต่างกันไปตามความถนัดของศิลปิน แต่สิ่งที่เราจะเห็นเหมือนกันคือความชอบและลายเส้นที่บ่งบอกตัวตนเฉพาะตัว บ้างก็หยิบสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวัน ความทรงจำกับสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงความชอบของตัวเองสื่อออกมาเป็นผลงาน การนำแรงบันดาลใจจากศิลปินยุคเก่าที่วาดภาพบนผ้าใบมาปรับแนวให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองก็น่าสนใจไม่น้อย เช่นภาพของกลุ่มผู้ชายยุคกลางกับโทนภาพมืด ๆ เน้นเส้นสีสะเทือนอารมณ์ และเล่นเรื่องแสงเงาตามแบบมิเกลลันเจโล คาราวัจโจ นอกจากนักวาดและศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเท่ ๆ เราจะเห็นสายอาชีพออกแบบอื่น
หลังจากก่อนหน้านี้เกิดข่าวลือมากมายเกี่ยวกับภาคต่อของหนัง Sci-Fi ที่คนทั่วโลกรู้จักอย่าง The Matrix ว่าจะสร้างภาคต่อหลังจากห่างหายไปนานถึง 20 ปี หลายสำนักข่าวคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ จนเกิดข่าวลือว่าจะมีตัวละครเอกเป็นชายผิวสีบ้าง หรือข่าวว่าสองพี่น้อง Wachoski จะกลับมาเขียนบทและกำกับอีกครั้งจนทำให้แฟน ๆ The Matrix ทั่วโลกหัวหมุนไปตาม ๆ กันว่าอะไรคือความจริงกันแน่ ท้ายที่สุดก็ได้รับการยืนยันกันเสียทีว่า The Matrix ภาค 4 จะถูกสร้างอย่างแน่นอนในปี 2022 แถมยังมีโอกาสสูงมาก ๆ ที่พระเอกของเรื่องอย่าง Keanu Reeves กลับมารับบทเป็น Neo อีกครั้ง และในตอนนี้โรงภาพยนตร์ของประเทศไทยก็นำหนังเรื่องนี้กลับเข้ามาฉายอีกครั้งด้วยความชัดระดับ 4K ทำให้ UNLOCKMEN ไม่พลาดหยิบแฟชั่นจากเรื่อง The Matrix มาเล่าสู่กันฟังเผื่อหนุ่ม ๆ คนไหนอยากจะแต่งตัวสไตล์นี้ไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ THE MATRIX’S STYLE The Matrix ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติอย่าง Olympic Games การแข่งกีฬาระหว่าง 200 กว่าประเทศ ส่งตัวแทนนักกีฬาหลายพันคนต่างตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อชิงชัยในงานนี้ การเลือกเจ้าภาพจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุก ๆ สี่ปี และ Olympics ครั้งนี้เจ้าภาพที่จะได้จัดมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ก็คือเมืองเกาะกลางทะเลอย่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อกีฬาสุดยิ่งใหญ่ Tokyo 2020 กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ ทำให้ Omega แบรนด์นาฬิกาที่อยู่คู่กับการแข่งขัน Oympics มาอย่างยาวนานในฐานะ Olympic Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจึงไม่พลาดเปิดตัวนาฬิกาที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจาก Tokyo 2020 นาฬิกาที่บอกเล่าเรื่องราวของ Tokyo 2020 จาก Omega มีชื่อว่า Seamaster Planet Ocean Tokyo 2020 Limited Edition (Ref.522.33.40.20.04.001) ด้วยชื่อที่ยาวเกินไปกว่าจะเรียกจบนาฬิกาเรือนนี้ก็คงขายหมดไปแล้ว ทำให้เหล่านักสะสมเรียกมันว่า Omega Tokyo 2020 แทน และจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีขาวล้วนก็ทำให้ใคร ๆ ต่างก็ให้ความสนใจกับนาฬิกาเรือนนี้ Omega Tokyo 2020 สีขาวล้วนตัวเรือนทำมาจากสเตนเลสสตีล ขนาด
การ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับผู้ชายไทยมาตั้งแต่เด็กจนโต บางคนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็อาจเลิกอ่านมังงะหันไปชื่นชอบสิ่งอื่นแต่สำหรับใครหลายคนมังงะเหมือนกับเพื่อนคู่ใจที่โตมาด้วยกัน เพราะไม่ว่าวันไหนที่เหนื่อยจากการเรียนหนัก หรือท้อจากชีวิตการทำงาน เพียงแค่กลับมาที่ห้องและพักผ่อนไปกับการ์ตูนเรื่องโปรดก็สามารถทำให้เรามีแรงไปสู้ต่อในวันรุ่งขึ้นได้แล้ว UNLOCKMEN ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคนที่เติบโตมากับมังงะด้วยเช่นกัน จึงทำให้เราอยากพาหนุ่ม ๆ ทุกท่านมาพบกับ 5 อันดับมังงะจาก Shonen Jump นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ Shueisha ที่ตีพิมพ์มานานกว่า 51 ปี ว่ามังงะเรื่องไหนจะโดดเด่นทั้งเรื่องราวและตัวละครจนได้รับความนิยมจากผู้ชมมาโดยตลอด อันดับ 5 SLAM DUNK ถ้าพูดถึงมังงะเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอลใคร ๆ ก็จะต้องพูดถึงเรื่อง Slam Dunk อย่างแน่นอน ผลงานจากอาจารย์ Inoue Takehiko ทั้งหมด 31 เล่ม สามารถจำหน่ายได้มากกว่า 100 ล้านเล่มทั่วโลก Slam Dunk เป็นมังงะที่สามารถถ่ายทอดความสุขและความเศร้าของเหล่านักกีฬาจำเป็นได้อย่างครบถ้วน เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กอันธพาลเกลียดการเล่นบาสฯ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจเดินเข้าสนามแข่งเพื่อแย่งลูกกลม ๆ ยัดลงห่วง เพียงเพราะสาวที่เขาแอบปลื้มชื่นชอบนักกีฬาบาสเกตบอล จึงทำให้เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อเด็กหนุ่มไม่สนใจกีฬาบาสได้มาอยู่ในวงการ สัมผัสกับความฝันของคนในทีม
บ่อยครั้งที่โลกของแฟชั่นนิยมหยิบตัวแทนของศาสนาอย่างศาสดามาอยู่บนไอเทมแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์หรูหราแบบชนชั้นสูงไปจนถึงแฟชั่นของเหล่าวัยรุ่นชาวสตรีต และตอนนี้ก็มีคนนำ ‘จีซัส’ หรือหลายคนรู้จักในนามของ ‘พระเยซู’ มาอยู่บนแฟชั่นคูล ๆ ของชาว Hiphop อีกครั้ง ดีไซเนอร์ผู้เอาจีซัสมาอยู่บนไอเทมแฟชั่นที่ว่าก็คือ Kanye West นักร้องนักแต่งเพลงและดีไซเนอร์ที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเขา ล่าสุดเขากำลังจะออกอัลบั้มใหม่ชื่อว่า Jesus is King พร้อมกับรายชื่อเพลงที่เกี่ยวกับพระเจ้าทั้งหมดอย่าง God is, Baptized, Sunday หรือ Sweet Jesus แต่ก่อนจะปล่อยเพลงเขาก็ปล่อยแฟชั่นไอเทมเรียกน้ำย่อยเหล่าสาวกกันก่อน คอลเลกชันเครื่องแต่งกาย Jesus is king ของ Kanye West ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะคริสเตียนหรือ Christian art ภาพวาดในโบสถ์คาทอลิกต่าง ๆ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูจากพันธสัญญาใหม่ ศิลปะทรงคุณค่าที่ข้ามผ่านกาลเวลาพร้อมกับความศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์และหัวใจของการวาดภาพเรื่องราวของเทพเจ้าและพระเยซู West จดจำศิลปะที่พบเห็นจากโบสถ์ต่าง ๆ กลับมาประยุกต์ด้วยลายเส้นและสไตล์ของตัวเอง จนในที่สุดก็เกิดคอลเลกชันเสื้อผ้าเท่ ๆ ชื่อว่า Jesus is king โดยไอเทมจะมีทั้งเสื้อยืดสีพื้นอย่างขาว