“เด็กรุ่นใหม่มัวแต่เสียเวลาคิดถึงสิ่งแปลกใหม่ที่มันไม่เคยมีอยู่บนโลก…เราถูกสอนให้มี Role Model คือ Mark Zuckerburg, Jack Ma, Steve Jobs แต่มันเป็นแค่ 1 % บนโลกเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่เลย แค่หยิบของใกล้ตัวมาต่อยอด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว” นี่คือคำพูดของ CEO วัยเพิ่งผ่านเบญจเพสได้ไม่นาน แต่ชั่วโมงบินบนถนนสาย Event Organizer ของเขาเรียกได้ว่าไม่แพ้ใครในประเทศนี้อย่างแน่นอน สำหรับคุณบาส – เทพวรรณ คณินวรพันธุ์ ซีอีโอสุดหล่อจากบริษัท ZAAP Party หลังจากที่เราได้ติดตามผลงานของ ZAAP มาอย่างต่อเนื่อง จนทราบมาว่าในปัจจุบัน บริษัท ZAAP Party แทบจะกลายเป็น Event Organizer ที่มีงานรัดตัวชนิดเดือนชนเดือน หัวกระไดไม่เคยแห้ง โดยเฉพาะงานใหญ่ประจำปีอย่าง Single Festival คอนเสิร์ตรวมคนโสดแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย หรือจะเป็นมหกรรมคอนเสิร์ต EDM เปียกน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่มีใครเหมือนอย่าง Waterzonic ล้วนเป็นผลงานของบาสแทบจะทั้งหมด
ยุคนี้ใครๆก็อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเองกันทั้งนั้น คนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียกระฉูดหลายคนจึงแห่กันตั้งบริษัทสตาร์ตอัพ (Startup) ขึ้นมา เพื่อนำเสนอไอเดียตัวเองและหวังจะให้ธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว หลายธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าสตาร์ตอัพทุกบริษัทจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจด้วยเหตุหลายปัจจัย วันนี้เราจะพาดูตัวอย่างของสตาร์ตอัพ ที่เจ๋ง และสตาร์ตอัพที่เจ๊ง ในปี 2017 ที่ผ่านมากัน Discord เกมเมอร์ตัวยงน้อยคนจะไม่รู้จักโปรแกรมนี้ Discord คือโปรแกรมแชตข้อความและเสียงสำหรับนักเล่นเกมโดยเฉพาะ จุดเด่นของมันคือการที่มันทำงานร่วมกับเกมที่เราเล่นได้เลย โดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างไปมา ซึ่งแตกต่างจาก Skype หรือโปรแกรมอื่นๆ Discord เปิดตัวเมื่อต้นปี 2017 และปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 45 ล้านคน เจ๋ง! Beepi Beepi เป็นเว็บไซต์ตลาดซื้อขายรถมือสองที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2013 โดยมีทุนเริ่มถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเคยมีการคำนวณมูลค่าของบริษัทสูงสุดถึง 560 ล้านดอลลาร์ จุดเด่นของ Beepi คือมีการบริการลูกค้า โดยบริษัทจะนำรถที่ตกลงการซื้อขายได้แล้วส่งให้กับผู้ซื้อเองถึงบ้าน บริษัทปิดตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากเงินทุนหมด เจ๊ง! Segment Segment คือบริษัทที่เก็บและประมวลผลข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำมาสร้างเครื่องมือในการบริหารจัดการการตลาดออนไลน์ให้กับบริษัทที่ต้องการสร้างฐานการตลาดดิจิทัล โดยจุดเด่นคือการรวบรวมข้อดีของแอพลิเคชั่นที่ช่วยเหลือเรื่องการเก็บและประมวลผลข้อมูลต่างๆเข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยลดความยุ่งยากลงไปได้มาก บริษัทเปิดตัวตั้งแต่ปี
ปรับตัวไม่ทันก็ต้องตาย คือสัจธรรมของโลกธุรกิจ เพราะในทุกวันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เรามีอินเทอร์เน็ต โซเชี่ยลมีเดีย ทุกอย่างเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ธุรกิจบางอย่างที่ปรับตัวไม่ทันก็ต้องปิดตัวลง แต่ไม่ใช่กับ Asics แบรนด์รองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 70 ปี นับว่าเป็นอีกแบรนด์เก่าแก่ที่กำลังพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้ตามทันความต้องการของผู้บริโภค อย่างที่เราทราบกันดีว่า Asics โด่งดังอย่างมากในเรื่องของรองเท้าวิ่ง เพราะกว่า 30% ของนักวิ่งที่ลงแข่งขันในรายการ NYC มาราธอนต่างสวมใส่รองเท้าดังกล่าว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เพียงพอต่อภาพรวมของทั้งบริษัท เพราะเราต้องไม่ลืมว่าภายใต้หลังคา Asics ยังประกอบไปด้วย Asics Tiger และ Onitsuka Tiger ที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์แฟชั่นมากกว่าแบรนด์กีฬา ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้ CEO ของแบรนด์ Gene McCarthy ต้องวางกลยุทธ์ใหม่โดยการดึง fitness fashion เข้ามาไว้ด้วยกันพร้อมทำการ relaunch แบรนด์ในทิศทางใหม่ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าเจตนารมณ์ของแบรนด์ผิดแปลกไปจากความตั้งใจเดิมของผู้ก่อตั้ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว Asics เริ่มก่อตั้งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนาย Kihachiro Onitsuka ที่ต้องการจะสร้างสรรค์รองเท้ากีฬาให้กับเด็ก ๆ ญี่ปุ่นได้รู้จักกับการออกกำลังกายทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะกีฬาวิ่ง ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า
ตอนเราเป็นเด็ก เราคงไม่เข้าใจที่หลายคนต่างบอกว่า ชีวิตที่มีความสุขที่สุดคือตอนเป็นเด็ก เพราะถ้าย้อนภาพไปตอนนั้น เราจำได้ว่าตอนเป็นเด็กมันช่างลำบาก ไม่มีอิสระ โดนพ่อแม่สั่งนู่นนี่ โดนตีโดนดุอยู่ตลอดเวลา อยากออกไปเล่นกับเพื่อน ก็โดนดุ ขอให้พ่อพาไปเที่ยวอย่างที่คนอื่นได้ไป บางทีพ่อก็ไม่ว่าง ไปเล่นซนจนจมน้ำเกือบตาย แต่ก็ฟื้นขึ้นมาโดยที่จำอะไรไม่ได้ว่าใครช่วย รู้ตัวอีกทีก็โดนพ่อด่าจนร้องไห้หนักกว่าเดิมซะแล้ว พวกเราอาจจะเคยโกรธคุณพ่อ เกลียดคุณพ่อ ไม่เข้าใจถึงเหตุผลใด ๆ ที่พ่อต้องดุ ต้องตีเราขนาดนั้น เรียกว่าชีวิตวัยเด็กของหลายคน น่าจะเห็นคุณแม่เป็นนางฟ้า แต่เห็นคุณพ่อเป็นที่สุดของคนดุ ที่แค่เปิดประตูไปเจอหน้า ก็เกร็งจนทำอะไรไม่ถูก มีอะไรก็เรียกหาแม่ก่อนเป็นประจำ ‘พ่อ’ จะเป็นคนสุดท้ายที่เราอยากใช้เวลาด้วยเสมอ แต่มาถึงวันนี้ วันที่หลายคนกลายเป็นผู้ใหญ่ เรากลายเป็นพ่อคนบ้าง เราถึงจะเข้าใจในเหตุผลความเป็นพ่อ จากความโกรธ ความกลัว ต้องผ่านเวลายาวนานหลายสิบปี กว่าจะแปรสภาพเปลี่ยนเป็นความเข้าใจในสิ่งที่พ่อทำ ความลำบากใจ ความห่วงใยที่พ่อทำลงไป บางคนอาจจะเข้าใจได้ทันเวลา สามารถวิ่งไปหาคุณพ่อเพื่อบอกว่าเราเข้าใจแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่กล้าพูดคุยเรื่องซึ้ง ๆ กับพ่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะรู้หรือไม่ว่า คุณพ่อเองก็เขินที่จะพูดเรื่องซึ้ง ๆ กับเราไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะท่านเลือกที่จะมองดูพวกเราเติบโตอยู่ข้างหลังเสมอ ความเป็นห่วง คอยช่วยเหลือ คอยถามแม่ว่า ‘วันนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง ลูกสบายดีมั้ย ลูกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?’
เห็นประเด็นชวนแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ เฮ้ย น่าสนใจดี เข้าไป COMMENT แสดงความคิดเห็นบ้างดีกว่า ผ่านไปห้านาที มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่าง ก็ยังดูดีอยู่ เราก็ COMMENT เหตุผลอธิบายกันไปตามปกติ ผ่านไปสามนาที มีคนอื่นเข้ามาด่าสวนความคิดเห็นของเราเพิ่ม แต่คราวนี้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนโดนแซะ อารมณ์เริ่มเดือด แซะมาก็แซะกลับ คราวนี้มีพวกที่เห็นด้วยมาช่วยกันแซะ ทีนี้เรื่องบานปลาย ต่างฝ่ายต่างเรียกพวกมาด่ากันจนออกทะเลไปไกลจากประเด็นที่น่าสนใจ และควรจะมีประโยชน์ กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า DRAMA ท้าต่อย ท้าตีกันไป รวมถึงการพูดคุยเรื่องงาน ที่สมัยนี้มักจะ COMMENT งานกันผ่านทาง LINE และหลายครั้งที่การสั่งงานผิดพลาด เพราะพิมพ์อธิบายไม่ดี คนอ่านตีความพลาด หรือเข้าใจอารมณ์ผิดไป กลายเป็นผิดใจกัน ขิงกันไป ขิงกันมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีประเด็นอะไรเลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะ DRAMA ชาวไทย แต่ทุก SOCIAL MEDIA ทั่วโลกก็เป็นเหมือนกันหมด นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า มนุษย์มีการตอบสนองต่างกันระหว่างการฟัง และการอ่าน แม้จะเป็นข้อความเดียวกัน ซึ่งการตอบสนองจากการอ่านความคิดเห็น มักจะให้ผลเป็นลบมากกว่ามาก เพราะเราไม่รู้อารมณ์เบื้องหลังคำพูดนั้น เช่น
พูดถึงเพื่อนซี้ เราคงนึกถึงเพื่อนประถม มัธยม เรียนจบยันมหาวิทยาลัย เพื่อนที่กอดคอ ร่วมหัวจมท้าย ไปไหนไปกัน ทั้งวันมันส์และวันทุกข์ เพราะเพื่อนคือคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ “#เพื่อนซี่รู้ดีสุด” จึงเกิดเป็นแคมเปญล่าสุดจาก “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ที่ได้ชวน “เวียร์-ศุกลวัฒน์” มาร่วมถ่ายทอดความหมายของคำว่าเพื่อนซี้ ในโฆษณาชุดใหม่ “เรื่องจริงจากเพื่อนซี้” สร้างจากเรื่องจริงระหว่างเวียร์และแก๊งเพื่อนซี้นอกวงการ ซึ่งแนวคิดในการนำเสนอมาจาก เพื่อนซี้ที่เติบโตมาด้วยกันจนเสมือนเป็นคนในครอบครัว รู้ใจกันจนสามารถทำสิ่งดีๆ ให้กันโดยไม่ต้องพูด เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนซี้ ทำให้เรารู้ใจเพื่อน และเพื่อนรู้ใจเราดีที่สุด คุณอัศวิน โรจน์เมธาทวี ผู้อำนวยการสื่อสารการตลาด และผู้อำนวยการช่องทางการจัดจำหน่ายออนเทรด บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสื่อสารถึงคำว่า “เพื่อน” ในแง่มุมต่างๆ มาโดยตลอด ล่าสุดจึงได้เปิด แคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด ภายใต้แนวคิดเรื่องเพื่อนซี้ที่เติบโตมาด้วยกันจนเสมือนเป็นคนในครอบครัว รู้ใจกันจนสามารถทำสิ่งดีๆ ให้กันโดยไม่ต้องพูด เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนซี้ ทำให้เรารู้ใจเพื่อนและเพื่อนรู้ใจเราดีที่สุด โดยแคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด มี “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” มาร่วมถ่ายทอดเรื่องจริงระหว่างเวียร์และแก๊งเพื่อนซี้นอกวงการ ที่มีมิตรภาพอันยาวนานกว่า 20 ปี ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่
เป็นนักเขียนมันโตยาก Career Path ของนักเขียนมันสั้น เป็นนักเขียนแล้วไม่ได้โชว์ความสามารถเต็มที่ เป็นนักเขียนรายได้ไม่ค่อยดี ลืมภาพอารมณ์นักเขียนแบบที่ว่ามาให้หมดไป เพราะถ้าคุณกำลังอ่านถึงตรงนี้ แปลว่าคุณต้องเข้าใจสไตล์ความมันส์ของ UNLOCKMEN มาพอสมควรแล้ว และยังแปลว่าคุณต้องมีความสนใจในเรื่องราวที่ UNLOCKMEN นำเสนอเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่อย่างที่เห็นว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้พูด หรือพูดไปแล้วยังไม่ดีพอ และเรากำลังหวังว่า คุณนักเขียนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ จะสามารถช่วยเราได้ โดยการเข้ามาเป็นทีมกองบรรณาธิการกับเรา และแน่นอนว่า เรามั่นใจในข้อดีของ UNLOCKMEN ที่อยากจะชวนให้คุณลองเอาไปพิจารณาดู ถ้าคิดว่าสไตล์เราเข้ากันได้ ก็อย่ารอช้า ส่ง Resume และ Portfolio มาหาเราได้ที่ [email protected] WE HAVE COOL OFFICE อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ Open House Party เปิดตัวออฟฟิศใหม่ของเรา ที่ออกแบบให้มีอารมณ์ Industrial เต็มขั้น มีบาร์สุดเท่ในออฟฟิศสำหรับพักผ่อน พร้อม Playstation 4 ให้เล่นเพื่อให้หัวโล่ง อยู่ในตึก 208 Wireless Road ถนนวิทยุ
ไม่เอาแล้วเว้ย ไม่อยากทำอะไรแล้ว กูแม่ง หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ทำอะไรต่อไปก็ไม่มีอะไรดีหรอก หลายคนอาจเคยผ่านอารมณ์ ความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าทุกอย่างยังไม่หมดสิ้น ถ้าคุณยังไม่สิ้นลมหายใจ เพียงแต่ความรู้สึกนี้อาจทำให้ช่วงชีวิตของคุณดูโหดร้าย หดหู่ ซึมเศร้า เหมือนหมดอะไรตายอยาก ก่อนอื่นถ้าคุณได้เข้ามาอ่านบทความนี้ เราอยากให้คุณตั้งสติ เรื่องเลวร้าย ความผิดพลาด ความไม่สมหวังทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เริ่มจากที่ตัวคุณเอง “ตั้งสติ และ ลุกขึ้นใหม่” อาการหมดไฟ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Burnout เป็นอาการทางด้านอารมณ์ที่อาจเกิดจากการสะสมของความเครียดมากมาย จนเรารู้สึกว่า รับไม่ไหวแล้ว รู้สึกหมดหวัง หมดพลัง ขาดกำลังใจจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว ซึ่งบางครั้งอาการเหล่านี้เราอาจปรับตัวได้ทันก่อนที่จะถึงขั้นหมดไฟ ก่อนอื่นลองเช็คกันดูหน่อยว่าคุณเริ่มเข้าข่ายมีอาการ “หมดไฟ” หรือเปล่า รู้สึกว่าทำไมแต่ละวันมีแต่เรื่องแย่ ๆ รู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งรอบตัวไปเสียหมดทุกอย่าง รู้สึกหมดพลังไม่อยากจะทำอะไรเลย รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำให้ภูมิใจในชีวิต รู้สึกว่ามีแต่เรื่องหนัก ๆ ผ่านเข้ามาให้แต่ละวัน จากเช็คลิสเบื้องต้นนี้ ถ้าคุณมีอาการเข้าข่ายเหมือนใกล้หมดไฟอย่างข้างต้น เราแนะนำให้คุณหยุดตั้งสติกับตัวเองสักพัก ทุกอย่างจะดีขึ้นได้เริ่มจากการปรับทัศนคติของตัวคุณเอง ลองหาสาเหตุ “ทำไม” คุณถึงรู้สึกหมดไฟ ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งเราโตขึ้น เรายิ่งเจอะเจอกับปัญหามากมายขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ และ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ จับมือกับ 6 พันธมิตรระดับโลกด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำ จัดงาน ‘EVERYDAY VISIONARIES: The evolution of next-generation living’ จัดงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกมาให้ได้สัมผัสก่อนใคร ตอกย้ำความสำเร็จการขยายขอบข่ายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างรอบด้าน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีผู้บริหารจากแบรนด์พันธมิตรทั้ง 6 บินมาร่วมงาน ได้แก่ มร. อามาร์ ลาลวานี่ ซีอีโอ และ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล มร. ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle มร. วัน ซิง คง ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง JustCo มร. จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร
คุณเคยเจอปัญหายาก ๆ แบบที่นั่งคิดจนปวดหัว จดจ่อกับมันอยู่ทั้งวัน ก็ยังคิดไม่ออกไหม ถ้าเคย ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของอดีตประธานาธิบดีโอบาม่าแห่งประเทศสหรัฐอเมริกามาเล่าให้คุณฟัง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไปลุยกันเลยครับ เย็นวันหนึ่งในปี 2011 ขณะที่อเมริกากำลังอยู่ในช่วงตามล่าผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงอย่าง โอซามะ บินลาเดน อยู่นั้น ประธานาธิบดีโอมาม่าได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่า พบสถานที่พักอาศัยแปลกประหลาดแห่งหนึ่งในปากีสถานตอนใต้ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ก่อการร้ายและครอบครัวชั้นล่าง ๆ พูดง่าย ๆ ว่าพวกตัวกี้ ๆ และลูกเมียในไอ้มดแดงนั่นแหละ แต่ความประหลาดมันอยู่ที่ไอ้บ้านหลังนี้ดันมีกำแพงคอนกรีตหนาถึง 18 ฟุต แถมมีรั้วลวดหนามล้อมรอบระโยงระยางเต็มไปหมด คำถามคือ ไอ้นี่ต้องเป็นผู้ก่อการร้ายระดับล่างที่รวยขนาดไหนถึงขนาดสรรหาสิ่งป้องกันตัวเองได้อลังการขนาดนี้ ความประหลาดอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาพบคือ จากภาพสอดส่องทางอากาศระยะอย่างไกล พวกเขาพบผู้ชายหนึ่งหน่อที่ดูไม่เข้าพวกกับคนอื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวกไม่ใช่ว่า คนหนึ่งแต่งตัวปากีสถานโคตร ๆ อีกคนหนึ่งแต่งเป็นผู้ดีอังกฤษนั่งจิบชา อะไรแบบนี้ไม่ใช่ สิ่งที่ไม่เข้าพวกคือ “ความยาวเงาของชายคนนั้น” ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่สูงกว่าคนอื่นมากเกินไป พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เขาต้องไม่ใช่คนในครอบครัว ยังไงก็แล้วแต่ ก็ยังไม่มีอะไรบอกได้ว่านั่นคือ บินลาเดน เพื่อพิสูจน์สมมติฐานให้ชัดเจน ประธานาธิบดีโอบาม่าจึงเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาประชุมเพื่อหาแนวทางเข้าโจมตี ผลปรากฎว่ามีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ
แม้ว่าการรับชมภาพยนตร์จะเป็นกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนอย่างหนึ่งที่มุ่งเน้นให้ความบันเทิงเริงรมย์เป็นหลัก แต่ภายในภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักสอดแทรกเรื่องราวแง่คิดต่าง ๆ ไว้ หากเราใช้วิจารณญาณในการรับชมก็จะได้รับบทเรียน ประสบการณ์ที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ต่อไป ดังเช่นบทเรียนล่าสุดที่ทีมงาน UNLOCKMEN ได้จากการรับชมซีรีส์เรื่อง Walking Dead เกี่ยวกับภาวะการเลือกเป็นผู้นำ ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ผ่านตัวละคร Protogonist และ Antagonist ในเรื่องความชัดเจนของการดูแลบริวารของตัวเอง ผ่านวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Walking Dead พยายามให้แง่คิดกับคนดู เพราะหากใครเป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเรื่องนี้ก็คงพอจะทราบว่าตลอดเวลา Walking Dead ได้พยายามสอดแทรกเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมการเป็นมนุษย์ จนมันเป็นภาพยนตร์ที่ให้อะไรมากกว่าแค่หนังซอมบี้ไล่ฆ่าคนทั่วไป *เนื้อหาต่อไปนี้อาจจะมีการสปอยล์บางส่วนของซีรีส์ดังนั้นหากใครไม่อยากสูญเสียอรรถรสควรจะข้ามคอนเทนต์นี้ไป ใน Walking Dead เราจะสามารถแยกตัวละครสองตัวที่มี conflict กันอย่างชัดเจนนั่นคือนายอำเภอ Rick Grime และ Negan ไบเกอร์ขาโหด ซึ่งเราได้วิเคราะห์พฤติกรรมของทั้งสองอ้างอิงจากงานวิจัยของ Daniel Goleman และทีมของเขาในชื่อ “Leadership that gets results, a landmark 2000 Harvard business review
สำหรับคนที่เริ่มศึกษาเรื่องราวการลงทุน ค้นหาข้อมูลอัพเดตการลงทุนในอินเตอร์เน็ตในช่วงนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเพจ “ลงทุนแมน” เพจการลงทุนที่เล่าเรื่องธุรกิจการลงทุน ข้อมูลบริษัท ตัวเลข งบการเงินมากมายให้สนุก และอ่านเข้าใจได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งทีมงาน UNLOCKMEN เองก็เป็นหนึ่งในแฟนเพจที่ติดตามตั้งแต่ในเพจมีคนอยู่เพียงหลักพัน ซึ่งเวลาเพียงไม่นานจนถึงตอนนี้ เพจลงทุนแมนมีคนติดตามมากกว่าสามแสนคน อะไรเป็นจุดแข็งให้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แนวคิดการลงทุนให้ประสบความสำเร็จในสไตล์ของลงทุนแมนเป็นอย่างไร เรารู้ว่าคุณก็อยากรู้เหมือนเรา ลงทุนแมนเริ่มต้นได้อย่างไร อะไรเป็นแรงจูงใจในการทำเพจนี้ ต้องบอกก่อนว่า เราชอบเรื่องการลงทุนเป็นอย่างมาก เลยอยากลองแชร์เรื่องราวการลงทุนในภาษาที่เข้าใจง่าย จึงได้เริ่มลองทำเพจ “ลงทุนแมน” นี้ขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจการลงทุน ซึ่งตอนแรกที่เขียนก็แปลกใจว่าทำไมคนแชร์กันมาก ก็เลยลองเขียนดูอีก ปรากฏว่าคนแชร์กันมากอีก สุดท้ายจากการตอบรับของคนอ่านที่มีมากมายเกินที่คาดคิด จึงเป็นแรงจูงใจให้ตั้งใจทำเพจนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้การลงทุนอย่างจริงจังขึ้นมา ทำเพจมาไม่นาน แต่มียอด Follower เยอะมาก คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนติดตามมากขนาดนี้ สาเหตุที่ยอด follower เยอะ คงไปตอบแทนคนที่ติดตามไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เดาจากคนที่มาคอมเมนต์ คงเป็นเพราะการเล่าเรื่องที่อ่านและเข้าใจง่าย เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจใกล้ตัวเขา เป็นเรื่องที่เขาก็อยากรู้ แต่ไม่เคยมีใครมาหาข้อมูลให้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเขาได้ประโยชน์จากความรู้ที่เราหามาให้ เขาเลยเลือกที่จะติดตาม เพื่ออยากได้ความรู้แบบนี้อีก จุดเด่นของลงทุนแมน ที่ต่างจากเพจการลงทุนอื่น ๆ คืออะไร ลงทุนแมนไม่เหมือนเพจอื่นตรงที่ ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้เชียร์หุ้น