ม้ากับผู้ชายเป็นของคู่กันก็ว่าได้ เพราะเรามักจะเห็นผู้ชายเท่ ๆ ขี่ม้า อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เอลวิส เพรสลีย์ ตำนานร็อกแอนด์โรลชื่อดังอันดับโลก, รัสเซล โครว์ นักแสดงชาวนิวซีแลนด์-ออสเตรเลีย หรือ ริชาร์ด แฮมมอนด์ พิธีกรรายการทีวีชื่อดังชาวอังกฤษ ฯลฯ การขี่ม้าจึงเป็นกีฬาแอดเวนเจอร์ที่ผู้ชายหลายคนหลงใหลเลยก็ว่าได้ แต่จะดีสักแค่ไหน ถ้าผู้ชายอย่างเรา ๆ สามารถขี่ม้า ชมม้า และทานอาหารในเคบินสไตล์สแกนดิเนเวียที่เปิดให้สัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาภายใน และชมความเขียวชะอุ่มของธรรมชาติไปพร้อมกันได้ในที่เดียว เรากำลังพูดถึง ‘The Hay’ ซึ่งเป็นร้านอาหารครอบครัวที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านชานเมืองอย่างบางบอน โดยความพิเศษของที่นี่คือเป็นทั้ง ศูนย์ขี่ม้า (Equestrian Center) และร้านอาหาร (Eatery) ในที่เดียวกัน เดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปดูว่าร้านนี้มีความพิเศษและเหมาะกับผู้ชาย UNLOCKMEN อย่างไรบ้าง จุดเริ่มต้นของ The Hay ร้านนี้เริ่มต้นขึ้นจากแนวคิดการใช้พื้นที่เปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอนแรกพื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงที่เลี้ยงม้าเท่านั้น แต่ต่อมาได้มีการเพาะพันธุ์ม้าเพิ่มขึ้น ม้าในพื้นที่จึงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมา ทางเจ้าของร้างจึงเกิดไอเดียสร้างสนามฝึกสอนขี่ม้าขึ้น พร้อมดึงคนในครอบครัวมาช่วยทำร้านอาหาร จึงเกิดเป็น The Hay
สุดสัปดาห์มาถึง พร้อมบรรยากาศวันลอยกระทงของปี 2020 ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมพอดิบพอดี ถึงหลายปีที่ผ่านมาเราจะออกไปลอยหรือไม่ลอยกระทงบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำนั้นช่วยเยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าจากการงานมาทั้งสัปดาห์ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะคืนลอยกระทงที่พระจันทร์สว่างนวล มีแสงเทียนจากกระทงวิบไหวให้เราได้ผ่อนคลาย อย่ามัวนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ลองดู 5 บาร์ที่เราอยากชวนไปรู้จัก รับรองว่าลมแม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนคลื่น และกลิ่นเฉพาะของเจ้าพระยาจะช่วยปลอบโยนหัวใจและร่างกายแสนเหนื่อยล้าได้แน่นอน Samsara Bar ถ้าจะมีสักพื้นที่ในเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้ที่เป็นเหมือนสถานที่พักใจ สถานที่ที่เวลาเดินช้าลง และทำให้เราได้อยู่กับแต่ละวินาทีตรงหน้าอย่างเต็มอิ่มที่สุด เราขอยกให้ Samsara Bar เป็นหนึ่งในสถานที่นั่น การที่ที่ตั้งบาร์ซ่อนตัวอยู่ในซอกซอยที่ต้องเดินผ่านอู่ซ่อมรถเข้ามา ยิ่งทำให้เหมือนเราได้เดินทางเข้าไปสู่อีกโลก พร้อมกับที่บรรยากาศของ Samsara Bar อยู่ชิดแม่น้ำเจ้าพระยาในระดับที่ได้ยินเสียงคลื่นแม่น้ำซัดฝั่งทุกครั้งที่เรือแล่นผ่าน ชวนให้หัวใจสงบอย่างประหลาด ที่นี่บริการเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงอาหารที่พอกินแบบหอมปากหอมคอ (ถ้าไม่อิ่ม เดินไปกินต่อที่เยาวราชได้อย่างอิ่มหนำ) ที่สำคัญในร้านมีแมวคอยเดินนวยนาดเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศที่เวลาเดินช้าลง ห้ามพลาด Location: 1612 ถนน ทรงวาด แขวง สัมพันธวงศ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร Open: 5.00 pm – 12.00 am
เย็นวันศุกร์เวียนมาอีกหน สายชิล สายดื่มที่ทำงานมาทั้งสัปดาห์จะให้นั่งร้านเดิม ๆ ในย่านธุรกิจกลางเมืองก็ดูจะไม่พิเศษเอาเสียเลย UNLOCKMEN อยากชวนคุณออกจากคอมฟอร์ตโซน กระโจนเข้าหาย่านเมืองเก่าที่วันปกติธรรมดาเราคงไม่ได้ปรายตามองบ่อยนัก แต่อย่าลืมว่าเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์มาเยือน ลองไปใช้เวลาอย่างที่อยากใช้ดูก็ไม่เสียหาย ที่สำคัญตอนนี้ MRT ก็พาเราไปเยือนย่านเมืองเก่าง่ายขึ้น ที่สำคัญ 5 บาร์ย่านเมืองเก่าเคล้าบรรยากาศสุดคลาสสิกที่บาร์กลางเมืองอาจให้คุณไม่ได้ มาดื่มด่ำแสงเงา เมามายกับเครื่องดื่มรสชาติยวนใจไปด้วยกัน Buddha & Pals “นางเลิ้ง”นับเป็นย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยของกินรสเด็ดเจ้าเก่าสารพัดร้าน แต่ใครจะรู้ว่ามุมหนึ่งของตึกแถวเก่าแก่ของย่านนี้มี บาร์หนึ่งตั้งอยู่อย่างกลมกลืน Buddha & Pals คือสถานที่ที่กลางวันเป็นคาเฟ่เสิร์ฟชา กาแฟ และขนมรสชาติละมุนลิ้น แต่ทันทีที่ตะวันคล้อยต่ำ ความมืดคืบคลาน เมื่อนั้นเองที่ Buddha & Pals เดียวกันนั้นก็จะแปลงกายเป็นบาร์แสงสลัวที่บรรยากาศคลาสสิกอย่าบอกใคร เสน่ห์ของ Buddha & Pals คือการตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณอายุราว 80 ปี ที่ผ่านการเก็บรักษาสภาพบางส่วน และรีโนเวตบางส่วนอย่างลงตัว จากโรงงานผลิตน้ำมันมวยยี่ห้อที่เราคุ้นเคย สู่อาคารที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันน่าหลงใหล สำหรับใครที่ชอบเพลงแจ๊ซ ที่นี่มีดนตรีแจ๊ซบรรเลงสดทุกวันพฤหัส ศุกร์ และเสาร์ ตั้งแต่ 2
สำหรับช่วงวันหยุด คงไม่มีอะไรดีกว่าการได้พาตัวเองไปพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับเรื่องที่ชอบซึ่งหนุ่ม ๆ หลายคนก็มีวิถีแห่งการพักผ่อนแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามสำหรับขาดื่มหรือเหล่า Bar Hopping ทั้งหลายคงไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการได้ลิ้มรสเครื่องดื่มในบรรยากาศของค่ำคืนที่แปลกใหม่ที่ช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กลับมาให้ทุกครั้ง สำหรับคนที่ยังไม่มีเป้าหมายในค่ำคืนนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 พิกัดบาร์ค็อกเทลไม่ลับที่เราอยากให้คุณไปลอง ซึ่งแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจยังไงบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันได้เลย BYT BAR BYT BAR บาร์ค็อกเทลที่ผุดขึ้นมาในซอยสาทร 12 พร้อมคอนเซ็ปต์ของซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่มีเอกลักษณ์ โดยแต่ละแก้วจะตั้งชื่อขึ้นตามเมืองหลวงของประเทศในทวีปยุโรปที่มาพร้อมรสชาติที่เข้มและอ่อนละมุนแตกต่างกันไป แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบคลาสสิกค็อกเทลทางร้านก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในส่วนของบรรยากาศภายในร้านถูกแต่งเติมด้วยเก้าอี้และโซฟาหนังที่ย้อมด้วยแสงไฟสีแดง ทั้งหมดทำให้ BYT BAR เป็นร้านที่เหมาะสำหรับชวนเพื่อนที่รักค็อกเทลไปหาความแปลกใหม่ของทั้งรสชาติ บรรยากาศ และผู้คนรอบตัว สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ: BYT BAR หรือติดต่อที่เบอร์ 085-553-5844 BAR 335 BAR 335 บาร์ค็อกเทลไม่ลับที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร Metropole ท่ามกลางบรรยากาศโมเดิร์นที่ตกแต่งเรียบง่ายในสไตล์บาร์ญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสได้เลือกนั่งได้ทั้งหน้าบาร์ โต๊ะคู่ หรือโต๊ะยาวในกรณีมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนจำนวนมาก BAR 335 (ทีร์ทีร์ไฟฟ์) มาพร้อมซิกเนเจอร์ค็อกเทลรสชาติละมุนลิ้นที่มีทั้งเรื่องราวและวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเอง แถมตลอดทั้งค่ำคืนยังขับกล่อมด้วยดีเจสลับกับเพลล์ลิสต์เพลงที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ช่วยทำให้ค่ำคืนของที่นี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สอบถามรายละเอียดและติดต่อสำรองโต๊ะ:
น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาคารเก่าแก่ 3 ชั้นใกล้หัวลำโพงอายุนับ 100 ปี ที่เคยเป็นทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธนาคาร และอาบอบนวดอย่าง “Mustang Blu” หรืออีกชื่อยอดฮิตที่พูดแล้วต้องร้องอ๋อชี้พิกัดถูกว่ามันคือ “คลีโอพัตรา” ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา MANCAVE ครั้งนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในวันที่ไม่มีคลีโอพัตราอาบอบนวด แต่แทนที่ด้วยห้องพักสวย ๆ พร้อมให้ Booking ค้างคืน สัมผัสเสน่ห์วินเทจแท้ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุนับศตวรรษที่ทั้งขลังทั้งมีเสน่ห์ หรือถ้ามีเวลาไม่มาก การแวะมาเยี่ยมเยือนชั่วคราวชื่นชมความสวยงามของโครงสร้างข้างในระหว่างจิบเครื่องดื่มและละเลียดเมนูอร่อย ๆ ชั่วคราวในคาเฟ่ก็ถือว่าคุ้มค่า เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือค้างคืน ถ้าไปเยือนแล้วที่นี่จะเป็นที่ ๆ คุณติดใจอยากจะมาพักใหม่ บอกตามตรงว่าก่อนจะเปลี่ยนมือจากอาบอบนวดมาเป็นโรงแรมและคาเฟ่สไตล์โคโลเนียลเหมือนปัจจุบันที่คนแห่แหนกันต่อคิวเข้าไป พวกเราเองยังไม่เคยมีโอกาสย่างกรายเข้าไปใช้บริการมาก่อน แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาในอาคาร แม้จะไม่รู้ว่าสภาพดั้งเดิมเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่อีกพื้นที่หนึ่งทันที บรรยากาศคอนทราสต์กับด้านนอกชัดเจน เพราะการตกแต่ง บรรยากาศ และเสียงเพลงสไตล์บทกวีอาหรับที่กล่อมเกลาไปทั่วทั้งอาคาร ทุกองค์ประกอบที่เราเห็นเหล่านี้คือผลงานการสร้างสรรค์ของ คุณจอย อนันดา สไตลิสต์และโชว์ไดเรกเตอร์ชื่อดังในวงการแฟชั่น โปรเจกต์ The Mustang Blu
วันหยุดพักผ่อนมักลวงตาให้เราต้องกระเสือกกระสนเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่กลางกรุงเองก็มีสถานที่พักผ่อนอัดแน่นวัฒนธรรม มีอาหารดี ๆ มีที่ให้นอน แม้ในมุมที่เป็นย่านการค้าพลุกพล่านอย่างเยาวราชตอนนี้ก็เริ่มผุดทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา 350 STATION CAFE & HOMESTAY คือคลาสสิกคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งใหม่ย่านเยาวราชที่เกิดขึ้นจาก คุณต๊ะและคุณแลม คู่หูนักเดินทางที่รักการเดินทางด้วยรถไฟ ฝันอยากสร้างที่พักเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง จนกระทั่งได้ตึกแถวสไตล์ลูกครึ่ง จีนผสมชิโน-โปรตุกิส (Sino-Portuguese) ซึ่งเคยเป็นอดีตร้านขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ใกล้วงเวียน 22 มารีโนเวต จึงปรับพื้นที่ด้านล่างเป็นคาเฟ่และด้านบนเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ ด้านหน้าร้านตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยประตูบานเฟี้ยมโบราณ มีต้นไม้สีเขียวสบายตา ใครเดินผ่านไปมาจะรู้สึกคล้ายเป็นโอเอซิสบนถนนมังกร ชวนให้อยากเดินเข้าไปพักดื่มเครื่องดื่ม แต่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแห่งนี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก้าวเข้าไป เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์จากการเก็บโครงสร้างดั้งเดิมของผนังที่กร่อนตามกาลเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งให้ช่างเคลือบร่องรอยทั้งหมดไว้เพื่อให้คงความสวยงาม 350 station สถานีคลายความเหนื่อยล้า ชื่อร้าน 350 Station & Homestay มาจากคอนเซ็ปต์ “ยุครถไฟรุ่งเรือง” เพราะเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็น “สถานีหมายเลข 350” สำหรับพักกายใจของนักเดินทาง จากเหตุผลที่ลงตัวระหว่างความชอบเดินทางด้วยรถไฟ เอกลักษณ์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่ค่อนข้างช้าไม่เร่งรีบเหมาะให้สโลว์ไลฟ์ ประกอบกับโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ในย่านสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งจะปิดทำการและเปิดให้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนตัวเลข 350 นั้นมาจากเลขบ้านเลขที่ของคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งนี้ แต่ความประณีตที่ทำให้
สารภาพตามตรงว่าตั้งแต่ Covid-19 เข้ามามีบทบาทในชีวิต ดูเหมือนว่าการพาตัวเองไปดื่มด่ำสุนทรียภาพกลายเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่เราแทบใส่ใจ ไหนจะงาน ไหนจะเงิน ไหนจะความสัมพันธ์ คล้ายว่ามีเรื่องสำคัญ ๆ อยู่อีกมากรอให้เราดูแล เดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว จนกระทั่งสี่เดือนกว่าที่เราเคร่งขึงตึงเครียดกับชีวิต จนในที่สุดเราก็ถามตัวเองว่าใจดีกับตัวเองได้บ้างหรือยัง? คิดได้แบบนั้นก็อยากพาตัวเองไปดื่มด่ำบรรยากาศ ผ่อนคลายกับเครื่องดื่มให้ชื่นใจ และสนทนากับใครสักคนในบาร์สักแห่งที่แสงสลัวแปลกตา ราวกับว่าได้หลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริงไปชั่วขณะ Tai Soon Bar คือคำตอบของวันนี้ บาร์แสงสลัวที่เราอยากพาตัวเอง และชาว UNLOCKMEN ไปหลงใหลดื่มด่ำด้วยกัน ตึกรามเก่าแก่ย่านเมืองเก่า คลาคล่ำไปด้วยรถราและร้านอาหารเด็ดเจ้าดังที่ดึงดูดคนจากทั่วสารทิศ สองข้างทางมีผู้คนที่ดั้นด้นมาลิ้มรสของอร่อย นี่คือบรรยากาศของย่านประตูผีที่ใครหลายคนคุ้นเคย แม้บาร์คราฟต์เบียร์แสงสลัวจะดูโดดเด่นออกมาจากสิ่งอื่น ๆ แต่ทันทีที่เราเดินทางมาถึงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะ Tai Soon Bar ทั้งโดดเด่นแต่ก็กลมกลืนด้วยดีไซน์ที่เจ้าของเลือกรีโนเวตอาคารที่เคยเป็นร้านขายยาจีนเก่าแก่ของตระกูล ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโครงสร้างที่ยังคงความเก่าแก่ ความดิบ คู่ไปกับบรรยากาศที่เหมาะแก่การปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคืนค่ำได้อย่างดี “ไท้ซุ่นตึ๊ง” ป้ายชื่อร้านยาเดิมยังตระหง่านอยู่เหนือประตูทางเข้า พร้อมป้าย “Tai Soon Bar” สีแดงสดที่ดึงดูดให้เราเข้าไปค้นหา ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป กำแพงปูนสึกกร่อนดึงสายตาเราไว้ บางส่วนหลุดลอกเป็นลวดลายเฉพาะ บางส่วนเผยให้เห็นอิฐเก่าสีส้มเรียงตัว เป็นความตั้งใจของเจ้าของที่อยากให้
จะเช้า สาย บ่าย หรือเย็น แทบปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘กาแฟ’ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หนุ่ม ๆ หลายคนใช้เพื่อรีเฟรชตัวเอง กระตุ้นความตื่นตัว และฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่ามาสู่ร่างกายกำยำที่จวนจะหมดแรง แม้ยุคนี้จะมีคาเฟ่เปิดใหม่ผุดขึ้นทั่วกรุงเป็นดอกเห็ด แต่คงต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกร้านที่จะถูกใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์แมน ๆ ของผู้ชายอย่างเรา วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มาอัปเดตคาเฟ่เท่ๆ พร้อมดีไซน์ร้านคูล ๆ และอาหารเครื่องดื่มเลิศรส รับรองเลยว่าวันว่างแสนน่าเบื่อของพวกคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน SARNIES BANGKOK จากร้านขายของเก่าอายุร่วม 100 ปี แห่งย่านเจริญกรุง กลายมาเป็นคาเฟ่แอนทีคสุดเก๋าที่อิมพอร์ตมาจากสิงคโปร์ SARNIES BANGKOK โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งแบบคลาสสิก ใช้กำแพงอิฐ ปูนเปลือย และเฟอร์นิเจอร์วินเทจช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้คาเฟ่แห่งนี้น่านั่งขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้โครงสร้างของตึกเก่าซ่อนคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่น ที่มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนม เน้นเสิร์ฟเมนูคอมพอร์ตฟู้ดง่าย ๆ ที่กินได้ทุกช่วงเวลา ส่วนเครื่องดื่มไฮไลต์ต้องยกให้ Orange Mocha ซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ความหอมของส้มที่ผสมกับรสขมของกาแฟให้รสเข้ากันดีอย่างบอกไม่ถูก Location: ถนนเจริญกรุง เขตสาทร กรุงเทพฯ Open: 8.00
คำว่า Reserve (รีเซิร์ฟ) เป็นคำที่พวกเราคุ้นตากันดี โดยเฉพาะบนฉลากเบียร์หรือไวน์ ซึ่ง definition ของมันจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบ ความหมายของมันมีตั้งแต่ การจอง การสำรอง และในบางรูปแบบ คำว่า Reserve หมายถึงความพิถีพิถันเป็นพิเศษ การเก็บรักษาผ่านช่วงเวลายาวนานเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด ทำให้มันเป็นของที่มีคุณค่า หายากกว่าปกติ หรือมีในจำนวนที่จำกัด ต้นกำเนิดของการใช้คำว่า Reserve เพื่อบอกความพิเศษของคุณภาพ เริ่มต้นมาจากโลกแห่งไวน์ ซึ่งในอดีตเหล่า Winemakers จะเลือกเก็บไวน์ของบางช่วงเวลาเอาไว้ อาจจะเป็นช่วงที่อากาศเหมาะสม ความชื้นดี ดินสมบูรณ์ ทำให้องุ่นมีรสชาติดีเป็นพิเศษ จึงเลือกหมักไวน์เอาไว้ให้นานขึ้น เพื่อรอให้ได้รสชาติที่ต้องการ แทนที่จะบรรจุส่งขายทันทีเหมือนปกติ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด Winemakers จะนำเอา Edition ที่เก็บไว้ออกมาขาย พร้อมระบุคำว่า ‘Reserve’ บนฉลากเพื่อบอกถึงคุณภาพที่พิเศษกว่า และมักจะมีราคาที่สูงกว่า ทำให้นักดื่มในสมัยก่อนทราบทันทีว่าไวน์วินเทจตัวไหนผ่านการหมักบ่มมานานมากน้อยกว่ากัน คำว่า Reserve (Riservas, Reservas) ในบางประเทศอย่าง Spain, Italy และ Portugal มีไวน์เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่คำที่นึกจะนำมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีกฏหมายควบคุมซึ่งต้องผ่านมาตรฐานข้อกำหนดบางอย่างถึงจะสามารถใช้คำว่า
หากพูดถึงเมนูของหวานอันดับต้นๆ หลายคนคงนึกถึงไอศกรีม และไอศกรีมแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คงหนีไม่พ้น ไอศกรีมรสชาติกะทิ ซึ่ง “ไอศกรีมกะทิ” ถือเป็นเมนูของหวานที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน เพราะความหอม หวาน มัน ของกะทิที่ละมุนนุ่มลิ้น และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้กะทิเป็นส่วนผสมที่ใส่รวมอยู่ในเมนูต่างๆ มากมาย ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เป็นต้น ไอศกรีมกะทิ ถือเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ นิยมทานคู่กับท็อปปิงต่างๆ เพื่อเพิ่มความอร่อย โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นไอศกรีมกะทิมักทานคู่กับถั่วลิสง ข้าวเหนียว และลูกชิด แต่วันนี้ เนเจอร์ เซ็นเซชั่น แบรนด์ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ผลไม้อบแห้ง และน้ำผลไม้ออร์แกนิกภายใต้เครือเฮอริเทจ จะมาแชร์ไอเดียการจับคู่ระหว่างไอศกรีมกะทิกับผลไม้ไทยอย่าง มะม่วง ซึ่งถือเป็นผลไม้ยอดฮิตที่นิยมไปทั่วโลก ที่รับรองได้ว่าเป็นการผสมผสานความอร่อยและยังได้ความหอมมันจากทั้งกะทิและมะม่วงไปในตัว ทำให้คุณสดชื่นและอารมณ์ดีได้ตลอดวัน มะม่วง เป็นผลไม้ตามฤดูกาล ที่ออกผลผลิตในฤดูร้อน ดังนั้นเราจึงเลือกใช้มะม่วงอบแห้งเป็นส่วนผสมในการทำเมนูนี้เพราะเนื่องจากหาได้ง่ายกว่า ทั้งยังสะดวกไม่ว่าจะทำทานตอนไหนเวลาไหน ก็ให้ความสดชื่นอยู่เสมอ พร้อมทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ โพแทสเซียม โฟเลต และที่สำคัญยังให้เส้นใยอาหารสูงอีกด้วย การทำเมนู “ไอศกรีมกะทิมะม่วงอบแห้ง” ในยุคนิวนอร์มอลนี้ก็แสนจะง่ายดาย เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำไอศกรีมให้ยุ่งยาก เพียงแค่นำแม่พิมพ์ใส่ไอศกรีมหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่มีลักษณะเป็นหลุมลึกมาเตรียมไว้ พร้อมส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้ ส่วนประกอบเมนู “ไอศกรีมกะทิมะม่วงอบแห้ง”
ไม่ได้นัดกับเพื่อน ๆ เสียนาน พอหลาย ๆ ร้านเริ่มเปิดให้กลับไปกิน ดื่ม สมาคมกันได้ตามมาตรการรัฐ UNLOCKMEN ก็ได้ฤกษ์ขอกลับมาชวนไกด์ ไปชิลกันอีกครั้ง เปิดตัวด้วยร้านคาเฟ่คลาสสิกย่านพระนครเพื่อสายสกู๊ตเตอร์กับ Lambreta Cafe Thailand ร้านที่ไม่ได้มีดีแค่เมนูอร่อย แต่น้องแลมฯ สกู๊ตเตอร์คันเจ๋ง ๆ จอดรอเรียกเราตั้งแต่หน้าร้านแล้ว ใครที่ยังรู้ไม่จักสกู๊ตเตอร์แบรนด์อิตาลีอย่าง Lambretta สรุปย่อ ๆ ว่าแลมฯ เป็นสกู๊ตเตอร์ตำนานที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1947 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับอายุตอนนี้ก็เข้าขั้นปู่แล้วเพราะ 73 ปีแล้ว ถือเป็น Top 5 แบรนด์ที่เคียงคู่มากับเวสป้า ถึงแม้ในไทยจะยังไม่แมสเท่ากับเวสป้า แต่ก็เป็นแบรนด์ที่ดังในระดับสากลและเริ่มจะดังในไทยบ้างแล้วจากการนำเข้า ใครที่ชอบดีไซน์สองล้อคลาสสิกมักจะติดใจดีไซน์ของแลมฯ จากตัวถัง ทรวดทรงองค์เอวรอบคัน ไฟหน้า ไฟท้ายที่ทรงดีไม่แพ้เวสป้าเลย Lambretta Thailand Shop&Cafe แห่งนี้เป็นร้านมีประวัติเพราะเป็นร้านของคุณตูน – ภิญโญ สิงหเสนีและเพื่อน ๆ ที่ทำ LAMBRETTA
เดือนมิถุนายนนี้ถือได้ว่าเข้าสู่หน้าฝนกันแบบเต็มตัวแล้ว หลาย ๆ คนคงไม่อยากเดินทางไปไหน แม้ว่าจะออกไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารหรือภัตตาคารก็ตาม UNLOCKMEN และ เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีเมนูแนะนำที่ทำได้ง่าย ๆ และเหมาะกับทุกคนในครอบครัว อย่างเมนู “ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์” ที่ถือเป็นเมนูยอดฮิตที่หลาย ๆ บ้านคุ้นเคยกันดี และยังนับว่าเป็นเมนูที่ถูกปากทั้งคนไทยและคนต่างชาติอีกด้วย เมนู “ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์” เหมือนจะดูยุ่งยาก แต่ความจริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด เมนูนี้เป็นอาหารจานเดียวที่ใช้เวลาในการทำไม่นาน เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากในร้านอาหารและภัตตาคารหรู เหมาะทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวต้ม หากจะให้เมนูนี้อร่อยได้อาจจะต้องทราบเคล็ดลับ ซึ่งก็จะสามารถทำให้เมนูนี้อร่อยเหมือนมีเชฟจากภัตตาคารมาเสิร์ฟเลยทีเดียว เคล็ดลับที่ว่ามีอยู่ 2 อย่าง 1. การเลือกเนื้อไก่ ให้เลือกใช้อกไก่แบบไม่มีหนัง เพราะเนื่องจากเมนูไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้มีความมันอยู่แล้ว จึงไม่ควรเลือกเนื้อไก่แบบมีหนังมาใช้ เพราะจะทำให้ไปเพิ่มความมันให้กับเมนูนี้เข้าไปจนไม่น่ารับประทาน 2. คือการเลือกใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ต้องสดใหม่ และไม่มีกลิ่นหืน เมนูนี้เราเลือกใช้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ออร์แกนิคของแบรนด์เฮอริเทจ ที่ผ่านการรับรองในระดับมาตรฐานสากลและได้รับสิทธิใช้ตรา USDA ว่าเป็นสินค้าออร์แกนิคอย่างแท้จริง ไม่มีการเกี่ยวข้องกับสารเคมีหรือกรรมวิธีที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ จึงทำให้เชื่อได้ว่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างครบครัน อย่างการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย การช่วยลดการดูดซึมไขมัน แถมยังให้เส้นใยอาหารสูง เป็นต้น ลองมาดูว่าเมนู