ในช่วงวัยรุ่นเราเรียนรู้เรื่องเพศจากอะไรบ้าง ? จากการเรียนในห้อง จากหนังสือ จากการถามพ่อแม่ เพื่อนเล่าให้ฟัง หรือเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อหาคำตอบ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยประเด็นเรื่องเพศก็ยังคงเป็นหัวข้อที่พูดยากและสร้างความขัดเขินได้ทุกครั้ง เมื่อมีคนเล็งเห็นถึงปัญหาของหัวข้อสนทนาที่แสนประดักประเดิดนี้จึงทำให้เกิด Chatbot สำหรับเรื่องเพศขึ้น Chatbot ทางเลือกใหม่สำหรับการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพและเรื่องเพศที่พูดถึงนี้มีชื่อว่า “Roo” เกิดจากการร่วมมือกันของ Planned Parenthood Federation of America หรือ สหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกา และบริษัท Work & Co ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัฑณ์ดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนชาวอเมริกันที่มีความสงสัยเรื่องเพศสามารถส่งข้อความหา Roo เพื่อถามคำถามเรื่องเพศได้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะได้รับคำตอบที่แม่นยำกลับมาภายในเวลาไม่กี่วินาที เหตุผลที่ทางสหพันธ์วางแผนครอบครัวแห่งอเมริกาตัดสินใจร่วมพัฒนา Chatbot นั้นเป็นเพราะผลจากการศึกษาและสำรวจข้อมูลในปี 2014 พบว่าผู้คนมักรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องเซ็กซ์ของตัวเองผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ไม่ระบุตัวตน มากกว่าการคุยเรื่องเซ็กซ์กับคนรู้จักหรือคนในครอบครัว Dr. Leana Wen ประธานบริหารของสหพันธ์ฯ แสดงความคิดเห็นเรื่องเพศที่ผู้คนไม่อยากเปิดเผยนี้ว่า แชทบอทอย่าง Roo จะทำให้ผู้คนมีพื้นที่ส่วนตัวพร้อมกับการให้ข้อมูลเรื่องเพศที่ถูกต้อง ดีกว่าให้แต่ละคนไปหาคำตอบในอินเทอร์เน็ตเอาเองเพราะข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไป และอาจทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องเพศแบบผิด ๆ ได้ ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามได้ทุกเรื่องที่สงสัยตั้งแต่หัวข้อง่าย ๆ อย่าง
ความสำเร็จที่รายล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ตำแหน่งที่สมกับความสามารถ ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับความทุ่มเท ด้านชีวิตส่วนตัว บ้านหลังใหญ่ รถคันโปรดที่พาเราไปไหนมาไหนทุกที่ แต่แล้วเรากลับพบว่าท่ามกลางความสำเร็จที่พาของรอบตัวเหล่านั้นมา มีบางสิ่งข้างในที่มันขาดหายไป ความรู้สึกเว้าแหว่งยามที่ควานลงไปพบแต่ความดำมืดและความว่างเปล่า หากคุณเกิดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจ UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาสำรวจความรู้สึกของตัวเองว่าอะไรกันที่มันขาดหายไป เพราะเหตุใดเราจึงรู้สึกว่าเติมอะไรก็ไม่เคยเต็ม เรามัวแต่ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เมื่อเราเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ อย่างวัยทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องมาก่อนสิ่งที่ถูกใจ สังคมรอบข้างหล่อหลอมให้เราเชื่อว่า หากทำแบบนั้นได้ เราจะดูเป็นคนมีวุฒิภาวะ รู้จักเลือกสิ่งที่จำเป็นมาก่อนสิ่งอื่น จนนั่นทำให้เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ถูกต้องเสียมากมาย หากไม่ทันรู้ตัวก็อาจจะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือไปกับสิ่งที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวเลยก็ได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องทำจริง ๆ นั่นแหละ แล้วการทำสิ่งที่ถูกต้องมันแย่ตรงไหนกัน ? คำตอบคือมันไม่แย่เลย หากเรารู้จัก Balance ชีวิตของเราให้ดีในทุกด้าน ไม่ให้ตัวเองตึงเพราะสิ่งที่ถูกต้องเกินไป จนตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์หาเงิน แล้วจะทำยังไงเราถึงจะ Balance ชีวิตของเราได้ ไปดูข้อต่อไปกัน ยังไม่ลงมือทำสิ่งที่รัก หลายคนต่างเคยมีความฝันหรืองานอดิเรก ความชอบ ที่มันยังอยู่ในใจของเราเสมอมา เพียงแต่ในตอนเด็กเราไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะ Support สิ่งนั้นไปได้สุดทาง (แต่ถ้าใครทำได้แล้ว เรายินดีด้วยจากใจจริง) พอโตขึ้นมาอยู่ในวัยทำงาน เรามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะ Support สิ่งที่เรารัก
“Single is not a status, it is a word that describes a person who is strong enough to live and enjoy life without depending on others.” เป็น Quote ที่เราคิดว่าเหมาะกับการอธิบาย การใช้ชีวิตโสดเป็นอย่างมาก เพราะความจริงแล้วหลายคนเลือกที่จะโสด ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีใครเอา แต่เขาเลือกที่จะโสดเพราะมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมากกว่า สบายใจกว่า ตัดสินใจอะไรได้เร็วกว่า ใช้ชีวิตอิสระกว่า และเมื่อวันหนึ่งที่คุณตัดสินใจแล้ว ว่าจะใช้ชีวิตโสดแบบตลอดชีพ คุณก็ควรมีการวางแผนชีวิตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พูดถึงเรื่องการวางแผน เราไม่อยากให้คุณกุมขมับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรขนาดนั้น เราเพียงอยากให้คุณเริ่มมองถึงความเป็นอยู่ในอนาคตของคุณ เพราะเราไม่อยากให้คุณต้องไปลำบากยากแค้นยามแก่เฒ่า ดังนั้นเราควรเริ่มวางแผนชีวิตกันตั้งแต่วันนี้ และนี่คือคำแนะนำที่ทุกคนควรเริ่มคำนึงถึงตั้งแต่เนิ่นๆ อาชีพการงานที่มั่นคง “งาน คือ เงิน เงิน คือ งาน” เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เรามักมองหาความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ
คำชื่นชม ยินดี เป็นสิ่งที่รื่นหูคนฟังเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเป็นคนที่ได้รับสิ่งหอมหวานเหล่านั้น ในทางกลับกัน หากเราได้รับคำที่ไม่น่าฟังอย่างการด่าทอ เกรี้ยวกราด เราก็คงมีวิธีการตอบกลับที่แตกต่างกันไป สำหรับสิ่งที่มันชัดเจนว่ามันแง่บวกหรือลบ เราก็จะมี Re-Action ที่อยู่ในหัวของเราอยู่แล้วว่าถ้าได้รับมาแบบนี้จะตอบกลับอย่างไร แต่สิ่งที่เราจะหยิบยกชวนทุกคนมาพูดคุยกันในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือเรื่องที่แย่ มันคือสิ่งที่อยู่ตรงกลาง อย่างการยอมรับผิด สิ่งนี้ต่างหากที่สร้างบรรยากาศแสน Awkward ว่าเราจะรับมือสิ่งนี้ยังไงดี หรือการรับมือแบบไหนคือสิ่งที่ควรทำกันแน่ UNLOCKMEN จะชวนหนุ่ม ๆ มาพูดคุยเล่น ๆ ในเรื่องที่แสนจะจริงจังนี้กัน ว่าทำไมคนเราถึงไม่ค่อยจะยอมรับว่าตัวเองผิดหรือไม่รู้ มันไม่ดียังไง แล้วการยอมรับผิดที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี มันดีกว่าจริงมั้ยและดีกว่ายังไงบ้าง ทำไมการยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดมันช่างยากเย็น เราไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องการยอมรับผิดที่อ้างถึงการทำผิดต่อใครสักคนแต่ยังหมายถึงการยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ หรือสิ่งที่รู้มานั้นมันผิด สิ่งเหล่านี้ที่พูดมาทำไมคนเราถึงชอบฮึดฮัดอารมณ์เสีย เมื่อเราไปตกอยู่ที่นั่งของฝั่งคนผิด เราจะแยกเป็นหัวข้อคร่าว ๆ ให้พอเข้าใจง่าย ๆ กัน โดนเปลี่ยนความคิดที่เชื่อมาตั้งนาน หากเรารับรู้อะไรสักอย่างมาแล้วเชื่อว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก ฝังในหัวเราอยู่อย่างนั้น แล้ววันนึงเกิดมีคนมาบอกว่า เฮ้ย! อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงนะ หรือนิสัยบางอย่างที่เราปฏิบัติมานานโดยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนอื่นหรือสังคมโดยรวม วันนึงเกิดโดนเปลี่ยนขึ้นมา อย่างแรกเลยมันเสียความมั่นใจ ว่าเราจำ/ทำสิ่งผิด ๆ มาตั้งนานหรอวะเนี่ย คิดว่าถูกมาตลอด พอโดนทัก
‘ถึงเราจะไม่ได้เกิดมาร่ำรวย แต่ถ้าเราตั้งใจเรียนสักวันเราต้องประสบความสำเร็จแน่นอน’ ‘คนที่ล้มเหลวในชีวิตคือคนที่ไม่ตั้งใจเรียน’ เหล่านี้คือมายาคติที่เราถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่จำความได้ เป็นมายาคติหล่อหลอมคนในสังคมให้เดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างไม่มีใครกล้าแปลกแยก แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว เมื่อผลวิจัยล่าสุดเผยว่าตั้งแต่ยุค 80 เป็นต้นมา การปฏิรูปการศึกษาในสหราชอาณาจักรแทบไม่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา เหล่าผู้ประสบความสำเร็จในสังคมต่างก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่งอยู่แล้วแทบทั้งสิ้น “กว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมา นโยบายทางการศึกษาได้เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าถึงแม้หนุ่มสาวรุ่นใหม่จะตรากตรำเล่าเรียนเพียงใด ก็ยากที่จะทำตัวเองให้ประสบความสำเร็จเหมือนคนรุ่นก่อน” Dr.John Goldthorpe นักสังคมวิทยาแห่ง University of Oxford และผู้เขียนวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางสังคมและระบบการศึกษาอังกฤษสมัยใหม่ กล่าวกับ Vice Impact “กล่าวคือพวกเขามีโอกาสน้อยมากที่จะผลักดันตัวเองให้ฐานะสูงขึ้นจากการตั้งใจเรียน” งานวิจัยของ Dr.John Goldthorpe เผยให้เห็นว่าการลงทุนเพื่อการศึกษานั้นสร้างแรงกระเพื่อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและฐานะน้อยมาก ดังนั้นครอบครัวที่ร่ำรวยจึงมักจะลงทุนกับเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลูก ๆ ของพวกเขามากกว่าเรื่องการศึกษา” “ไม่ปฏิเสธว่าการศึกษาคือสิ่งสำคัญ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นไปอีกขั้นได้” Dr.Wanda Wyporska ผู้อำนวยการบริหารของ The Equality Trust องค์กรรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจกล่าวกับ VICE Impact “ในหลาย ๆ อาชีพ พบว่าเด็กที่จบจากโรงเรียนมัธยมเอกชนราคาแพงมีแนวโน้มที่จะได้เงินเดือนมากกว่าเด็กที่จบจากโรงเรียนมัธยมของรัฐอย่างมีนัยยะสำคัญ ถึงแม้ว่าในช่วงมหาวิทยาลัยพวกเขาจะเรียนในคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม นอกจากนั้นยังพบว่าช่องว่างของรายได้ของแต่ละอาชีพในอังกฤษยังอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว” ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้ในขณะนี้จะมีนักเรียนจบใหม่ที่มีความพร้อมในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยมากกว่ารุ่นก่อน แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำก็ยังคงมีที่ว่างจำกัดเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามันมีไว้สำหรับเด็กจากครอบครัวฐานะร่ำรวยที่จบจากโรงเรียนเอกชนเนื่องจากอัตราค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างสูง ในทำนองเดียวกัน การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสหราชอาณาจักรส่งผลให้มีผู้จบออกมาสู่ตลาดแรงงานมากมาย
โลกส่วนตัวของเราไม่ได้มีอยู่แค่ในความคิดยามที่เราปิดการเชื่อมต่อตัวเองออกจากสิ่งรอบข้าง แต่พื้นที่ที่เป็นของเราอย่าง “บ้าน” หรือ “ห้องส่วนตัว” (พูดถึงในเชิงสถานที่ไม่ใช่บ้านในความหมายของครอบครัว) คืออีกพื้นที่ที่ทำให้เราได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปลดปล่อยความคิด อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นระเบียบ ของกระจัดกระจายตามประสาห้องของหนุ่ม ๆ หรือเป็นห้องที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก็ตาม หากมันเป็นพื้นที่ที่เราได้เลือกสรรให้เป็นไปอย่างใจ การตกแต่งตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ทุกมุม ของตกแต่งทุกชิ้น ถูกเลือกให้มาอยู่ในพื้นที่ของเราแล้วล่ะก็ นั่นแหละถึงจะเรียกว่าโลกส่วนตัวได้แบบเต็มปาก ไม่ว่าห้องนั้นจะเป็นห้องนั่งเล่นที่รวมทุกคนเอาไว้ด้วยกัน ห้องทำงานที่เป็นเหมือนมุมสงบให้เราได้ปลีกวิเวกอย่างเต็มที่ ห้องนอนที่เป็นสุดยอดฐานทัพลับของผู้ชายที่ไม่อาจให้ใครก้าวเข้ามาได้ง่าย ๆ อย่าปล่อยให้มันเป็นห้องที่เลือกอะไรก็ได้มาวางอยู่ในนั้น เมื่อมันเป็นพื้นที่ของเรา ต้องลงมือทำให้มันเป็นของเราโดยสมบูรณ์ หากยังไม่มีไอเดียอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นห้องในฝันด้วยเทคนิคการแต่งห้องแบบคุมโทนด้วยการจับคู่สี ฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ลองใช้วิธีของเรากันก่อน รับรองว่าง่ายจนคุณอยากจะลงมือทำมันเดี๋ยวนี้เลย คุมโทนไม่ยาก ถ้ารู้จักจับคู่สี การคุมโทนคำพูดง่าย ๆ ที่แสนจะทำยาก ไล่มาตั้งแต่ในไอจีที่พยายามคุมแล้วคุมอีกก็ยังไม่ถูกใจเราเสียที จนมาถึงห้องที่เราเคยเห็นภาพห้องแสนจะคุมโทนอย่างใน Pinterest, Tumblr แต่ไม่เคยทำแบบนั้นได้ ซื้อของให้เหมือน วางเฟอร์นิเจอร์ตามแทบจะทุกมุมแล้ว ก็ยังมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางและนั่นอาจเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปอย่างเรื่องของสีนี่แหละ ที่ไม่ได้เลือกอย่างพิถีพิถันมากพอ การจับคู่สีไม่ใช่เรื่องยาก แม้ไม่ได้มีหัวด้านศิลปะก็สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เหมือนกัน มารู้จักการจับคู่สีกันทีละขั้นตอน อย่างแรกเราอยากให้นึกถึงวงล้อสีที่เราเคยเรียนในตอนประถมศึกษา เจ้านี่แหละที่จะทำให้เราเข้าใจเรื่องสีมากขึ้น
ตกกลางคืนทีไร แทนที่ร่างกายจะได้จมดิ่งลงห้วงแห่งการนอน แต่กลับมีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ ไม่ว่าจะข้างห้องกินเหล้า รอดูบอลทีมรัก งานที่ตามหลอกหลอนถึงที่บ้าน หรือแม้แต่นอนไม่หลับเองก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การนอนไม่หลับหรือไม่มีเวลานอน มันช่างบั่นทอนสุขภาพและอารมณ์สำหรับวันต่อไป แต่เมื่อปัจจัยมันบังคับ UNLOCKMEN ขอแนะนำทางลงให้กับคนนอนน้อย ด้วยวิธีง่ายแสนง่ายอย่าง “การหายใจเข้าลึก ๆ” ก็สามารถทำให้เราเข้าสู่ห้วงนิทราได้แบบไม่เปลืองแรง การนอนไม่เต็มอิ่ม มันสามารถสะสมหลาย ๆ คืนจนทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียได้ ผลกระทบที่มันสะสมต่อเนื่อง นานเข้ามันไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกายหรือใต้ตาที่ดำคล้ำเพียงอย่างเดียว มันยังส่งผลกับสมองของเราอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย โฟกัสกับอะไร หรือคิดไอเดียใหม่ ๆ ไม่ราบรื่นเอาซะเลย แม้วิธีการพาเราเข้าสู่ห้วงนิทรามีสารพัดวิธีที่จะขับกล่อมตัวเองยามหัวถึงหมอน ไม่ว่าจะกลิ่นอโรมา การฟังเพลง แต่เรามีวิธีที่ง่ายกว่านั้น ง่ายและใกล้ตัวจนเราอาจมองข้ามไปอย่าง “การสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ” ปกติแล้วการเลือกสูดลมหายใจลึก ๆ เป็นจังหวะ เรามักจะทำตอนที่อารมณ์ของเราพุ่งไปแบบฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะโกรธ กลัว ตื่นเต้น เพราะช่วยบรรเทาความรู้สึกนั้น ผ่อนคลายความเครียด ความกังวล และปัดเป่าอารมณ์ขุ่นมัวให้ลดลง แต่วันนี้เราจะใช้ประโยชน์จากมันนำมาช่วยให้เรานอนหลับง่าย หลับได้ลึก จากการหายใจเหมือนกันนี่แหละ โดยผู้วิจัยอย่าง Christophe Andre ได้ทดลองฝึกการหายใจให้ลึกและเป็นจังหวะ จนเป็นเหมือนการออกกำลังกายด้วยลมหายใจ ซึ่งไม่เพียงได้ผลตรงตามที่บอกว่าแค่ช่วยลดความเครียด ทว่ามันช่วยเรื่องการนอนของเราได้
ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียด ความสับสนและความโดดเดี่ยว ไม่แปลกที่ผู้คนจะรู้สึกอ้างว้างและความอ้างว้างนี้ก็กัดกินเราแทบตลอดเวลาไม่ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายหรืออยู่ลำพังก็ตาม แม้เราจะอ้างว้างและเหงากันจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ ความเหงา กลับอันตราย รวมถึงส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจมากกว่าที่คิด งานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าคนที่ตกหลุมพรางของความเหงามีแนวโน้มจะเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่ชอบเข้าสังคม 50% ด้วยตัวเลขที่สูงมากจึงทำให้นักสังคมวิทยาได้ออกมาเตือนถึงอันตรายที่เป็นผลพวงมาจากความเหงา การศึกษาระบุว่าชาวอเมริกันมากถึงหนึ่งในสามไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกเหงาด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้สูงอายุจะรู้สึกเหงามากกว่าคนวัยอื่นถึง 18% และความเหงาเป็นเหตุที่ทำให้เราตายได้ Julianne Holt-Lunstad ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Brigham Young University ได้นำเสนองานวิจัยของสมาคมจิตวิทยาอเมริกันที่สำรวจผู้คนกว่า 3.4 ล้านคนในสหรัฐ ฯ (รวมถึงการสำรวจในทวีปยุโรปและเอเชีย) พบว่าผลของความเหงาที่เกิดจากการอยู่คนเดียวนั้นจะก่อให้เกิดผลเสียกับร่างกายและชีวิตวัยเด็กได้เท่ากับโรคอ้วน เพราะยิ่งเหงาจะยิ่งเครียด และยิ่งเหงาก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนามีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าความเหงาร้ายกาจพอ ๆ กับโรคเบาหวาน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด รวมไปถึงงานวิจัยที่พูดถึงอันตรายของความเหงาในคอนเทนต์ Loneliness Kills: เป็นคนเหงามันเจ็บปวด เพราะการเหงา “อันตรายกว่าการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน” ที่แสดงให้เห็นว่าความเหงาอันตรายเทียบเท่ากับโรคมะเร็งปอดที่มาพร้อมกับบุหรี่ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความน่ากลัวของความรู้สึกอ้างว้างที่สามารถทำร้ายเราได้ นอกจากความเหงาที่ทำให้เกิดโรคแล้ว ศาสตราจารย์ Holt-Lunstad ยังแจ้งให้คนทั่วไปได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของความเหงา และพยายามหาวิธีสลายความรู้สึกเหงา รวมถึงค้นหาคำตอบว่ากลุ่มคนประเภทไหนจะมีอัตราเสี่ยงเผชิญกับความเหงามากที่สุด คำตอบที่ได้นอกจากเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มักเหงาอยู่บ่อย ๆ แล้ว เรื่องของอายุที่ยืนยาวของเหล่าเศรษฐีก็ส่งผลทำให้เหงาได้ง่ายกว่าคนที่มีฐานะทั่วไปเช่นกัน เมื่อพวกเขาป่วย เขาพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อรักษาโรค และใช้เงินไปกับการซื้อความสุข เสริมสุขภาพจิตด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศหรือกินอาหารที่ชอบ แต่จากผลสำรวจนั้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐีเหล่านี้ถึงจะอายุยืนแต่อัตราการแต่งงานนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไม่แต่งงานก็ไม่มีลูกหรือบางคนที่แต่งงานก็หย่าร้างและอยู่ตัวคนเดียว
ทุกคนต่างรู้ดีว่ายาเสพติดทุกชนิดนั้นให้โทษและเต็มไปด้วยพิษภัย แต่ภายใต้พื้นผิวแห่งความอันตรายก็กลับกลายเป็นว่า “ความลึกลับ” และ “ความท้าทาย” นั้นกำลังรอการเผยตัวอยู่ นั่นเป็นเหตุผลให้คนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจมุ่งเข้าสู่วังวนของยาเสพติด แต่ถ้าให้เจาะลึกลงไปถึงเหตุผลจริงแท้มากกว่าความอยากลองว่าเพราะอะไรคนถึงหันมาเสพยา ? UNLOCKMEN อาสาหาคำตอบมาให้ถึงที่แล้ว พันธุกรรมทำให้เราเสพติด บทความเทคโนโลยีทางการแพทย์เขียนถึงเรื่องพันธุกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละคนและพบว่ายีนมีส่วนกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากลองใช้สารเสพติดได้ง่ายขึ้นจริง หนังสือเรื่อง “โคเคน พิษร้ายจากอเมริกาใต้” เขียนโดยกลุ่มแพทย์ที่ทดลองทฤษฎีเกี่ยวกับโคเคนและได้คำตอบที่น่าสนใจว่าผู้มีความบกพร่องทางพันธุกรรมบางประเภทที่ส่งผลทำให้มีอาการจิตเภท หรือเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีส่วนที่ทำให้พวกเขาเริ่มหันมาใช้ยาเสพติดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป สภาพแวดล้อมรอบตัว การสำรวจระบุว่าผู้อาศัยย่านใจกลางเมืองจะตัดสินใจริลองยาเสพติดง่ายกว่าตามเขตชายขอบ เพราะมีผู้ค้าจำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อก็มีจำนวนมากตาม การเข้าถึงยาเสพติดจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากถ้าอยู่กลางเมือง รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น กลุ่มเพื่อน คนใกล้ชิด เพราะเมื่อเราเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ นัดกันปาร์ตี้เล่นยา บางครั้งอาจเกิดความรู้สึกอยากใช้ยาบ้างเพื่อทำให้ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนมากขึ้น เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ สภาพเศรษฐกิจมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจใช้ยาของคนในสังคม บางคนเป็นหนี้ เกิดความเครียดและหาทางออกด้วยการเริ่มต้นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยจะเริ่มจากประเภทไม่ร้ายแรงอย่างบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ และเมื่อมีจุดเริ่มต้นเมื่อไหร่อาจจะลามไปถึงโคเคนหรือเฮโรอีนก็เป็นได้ ในขณะที่เรื่องภาษีก็มีส่วนกำหนดอัตราการใช้สารเสพติดของผู้คนได้เช่นกัน บางรัฐในสหรัฐฯ มีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำเนื่องจากภาษียาสูบแพงกว่าที่อื่น เมื่อยาเสพติดมีราคาแพงขึ้นคนก็จะใช้น้อยลงไปเอง เพราะถ้ายามันแพงเกินไปใครจะจ่ายไหวล่ะ บุคลิกภาพ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบุคลิกภาพถูกจัดให้เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจใช้ยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดประเภทอื่น ๆ เพราะบุคลิกในภาพยนตร์หลายเรื่องที่พระเอกโคตรจะเท่เวลาถือซิการ์ หรือบทบาทเจ้าพ่อมาเฟียที่มาพร้อมยาเสพติดทุกประเภทที่ไม่ว่ามุมไหนก็ให้ภาพลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา
วินัย กฎเกณฑ์ การอยู่ภายในกรอบ เป็นสิ่งที่ผู้ชายเราเรียนรู้และเดินตามมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากผมรองทรง เสียบเสื้อในกางเกง จัดหมู่ลูกเสือยาวไปถึงขึ้นเขาชนไก่ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บ่มรากฐานของการวางแผนใช้ชีวิตให้เป็นระเบียบทั้งสิ้น แต่นั่นก็เป็นแค่เสี้ยวแรกของชีวิตเท่านั้น เพราะพอหลุดจากรั้วมหาวิทยาลัย เริ่มต้นชีวิตการทำงาน กระทั่งจับจูงมือคนรู้ใจมาใช้ชีวิตคู่ เราก็มีอันต้องคิดอะไรให้มากขึ้นและสิ่งที่คิดก็มักพัวพันกับเรื่อง “เงิน ๆ ทอง ๆ” ไปเสียหมด เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เงินก็ไม่ต่างจากปัจจัยสี่ในชีวิตไปแล้ว ต่อให้เป็นหนุ่มโสดก็ต้องเริ่มคิดว่าแก่ไปใครจะดูแล ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ รวมไปถึงหนุ่มโสดไม่จริงทั้งหลายที่แต่งงานมีครอบครัวเองก็ต้องเริ่มคิดถึงภรรยาและเจ้าตัวเล็กเช่นกัน หากใครกำลังมองหาไดนามิกการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถสร้างหลักประกันให้กับชีวิตไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา เราเชื่อว่าประกันภัยคือหนึ่งในคำตอบนั้น แต่หลายคนก็ยังรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อประกัน เพราะมันดันไม่ใช่สิ่งที่เห็นผลชัดเหมือนหุ้นแดง ๆ เขียว ๆ ในพอร์ต แต่เสมือนสัญญาผูกมัดระยะยาวที่กว่าจะได้ใช้เงินเต็ม ๆ ก็ต้องผวาว่าเงินจะละลายหายไปไหมวันที่เราไม่มีเงินจ่ายเบี้ย ถ้ามีใครสักคนที่เข้าใจความรู้สึกนี้ มาเคลียร์ปมปัญหา สร้างความยืดหยุ่นตามความต้องการของเรา ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและการลงทุนได้ทุกช่วงเวลา แม้แต่ตอนเจอปัญหาเฉพาะหน้าก็สามารถพักจ่ายเบี้ยและถอนเงินลงทุนออกบางส่วนมาใช้จ่ายได้ก่อน ย่อมเป็นข้อเสนอตอบโจทย์ที่เราไม่อาจละสายตา mDesign คือประกันชีวิตควบการลงทุนจากเมืองไทยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความยืดหยุ่นของชีวิต โดยไม่ทิ้งรายละเอียดระหว่างทางทั้งจากวันที่เรามีพลัง ยังไร้ภาระ มาสู่วันที่เราสร้างครอบครัวมีหน้าที่รับผิดชอบ ที่สำคัญรายละเอียดที่ลงลึกทุกมิติเหล่านี้ทำให้ความยืดหยุ่นกลายเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีกว่า ยืดหยุ่นทำให้เราวางแผนชีวิตและสร้างผลตอบแทนได้ หลายคนอาจจะคิดว่าการซื้อประกันชีวิต เป็นการออมเงินระยะยาวกว่าจะได้เห็นดอกผลมักกินระยะเวลานาน สู้เอาเบี้ยประกันไปลงทุนหาเงินให้งอกเงยเหมือนการลงทุนเพียว ๆ รูปแบบอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเรากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวที่มีคนข้างหลังต้องดูแล การลงทุนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราควรเตรียมความคุ้มครองชีวิตไว้จะได้อุ่นใจเมื่อเจอกับวิกฤตไม่คาดฝัน ความยืดหยุ่นของ
“หวามไหว” ดูไม่ใช่คำศัพท์ที่ผู้ชายอย่างเราจะยกมาใช้ได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่ละเช้าเราตื่นมาเพื่อทำงานหนัก ตกเย็นสังสรรค์เพื่อพักผ่อน ก่อนจะกลับห้องเพื่อหลับไปแล้วตื่นมาทำกิจวัตรเดิม ๆ วนย้ำซ้ำเก่า “หวามไหว” จึงไม่ใช่คำที่เราจะได้ใช้และอาจถึงขั้นลืมไปแล้วว่าคำนี้มันมีความหมายแบบไหน ชวนให้รู้สึกอย่างไร UNLOCKMEN อาสากระตุกความวาบหวามในหัวใจ กระตุ้นความหวั่นไหวในร่างกายผู้ชายด้วยวรรณกรรมอีโรติก 7 เล่มสุดเย้ายวนรัญจวนใจที่เราชวนอ่านเพื่อเสพเรื่องราว ดื่มด่ำภาษาที่งดงามราวกับมีมนตร์สะกด ที่สำคัญเนื้อหาชวนสุขสมจนผู้ชายอ่านเมื่อไหร่เป็นต้องตื่นทั้งตัวและหัวใจ เนินนางวีนัส Anaïs Nin เนินนางวีนัส แปลจากหนังสือ: Delta of Venus ผู้เขียน: Anaïs Nin ผู้แปล: รังสิมา ตันสกุล สำนักพิมพ์: Library House เซ็กซ์สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ ไม่ใช่เรื่องลึกลับดำมืดขนาดนั้น แต่จินตนาการดูสิว่าช่วงทศวรรษที่ 1940 ช่วงที่เรื่องราวเซ็กซี่ เย้ายวน ยังไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ก็พูดถึงได้ขนาดนั้น ความน่าค้นหามันจะยิ่งเพิ่มความรัญจวนเป็นกี่เท่า ? อนาอิส นิน นักเขียนหญิงสายเลือดสเปน ฝรั่งเศส และเดนมาร์ค เขียนเรื่องสั้นเล่มนี้ขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 โดย ณ
ในบางครั้งเราอาจรู้สึกโดดเดี่ยวและคิดว่ามีเพียงแค่เราเท่านั้นที่ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกแย่และผิดหวังให้ออกไปจากใจได้ แต่แท้จริงแล้วในโลกใบนี้มีคนมากกมายกำลังเผชิญกับความรู้สึกด้านลบและพยายามกำลังจัดความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปอยู่เช่นกัน ดังนั้น UNLOCKMEN จึงอยากตบบ่าแนะนำวิธีที่จะทำให้คนที่กำลังเผชิญหน้ากับความเครียด ความเศร้าและความรู้สึกแย่ ๆ ให้สามารถผ่านมันไปให้ได้ เพราะโลกไม่ได้มีเพียงเราแค่คนเดียวที่กำลังเครียด จากการสำรวจในงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าชาวอเมริกันจำนวนกว่า 16 ล้านคน ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกแย่ ๆ ได้ และจากความเครียดที่ต้องเผชิญจึงทำให้โรคซึมเศร้ากลายเป็นอาการทางจิตเวชที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐ ฯ บุคคลที่ทางการแพทย์ให้คำนิยามว่าเป็น โรคซึมเศร้า จะมีอาการหลายอย่างที่แสดงออกมาอย่างเช่น ความเครียด ความเศร้า ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก หรือลดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ ไม่อยากอาหาร รวมถึงนอนหลับไม่สนิท บางคนอาจจะยังไปไม่ถึงคำว่าโรคซึมเศร้า หากมีความเครียดอยู่ในหัวตลอดไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม การใช้ชีวิตในแต่ละวันจะมีความยากลำบากมากขึ้น อย่างเช่นการสะบัดผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียงอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และความเครียดจะก่อให้เกิดความรู้สึกว่าไม่พร้อมก้าวออกจากเตียงเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวัน เพราะมวลความเครียดที่กระจายอยู่ทั่ว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตหลายคนจึงได้แบ่งปันเคล็ดลับที่จะทำให้ผู้ที่มีความเครียดหรือความกังวลใจสามารถเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างราบรื่น วางแผนล่วงหน้าก่อนลุกจากเตียง หากวันไหนเริ่มรู้สึกว่ากลุ่มก้อนความสิ้นหวังกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ การสำรวจอารมณ์ของตัวเองในตอนเช้ารวมถึงวางแผนเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเจอเมื่อลุกจากเตียงคือการเริ่มต้นที่ดี เช่น การตั้งปลุกล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะตื่นขึ้นจริง ปกติเราอาจตื่นตอน 8 โมงเช้า ก็ให้เปลี่ยนไปตั้งปลุกเป็น 7 โมง และลุกออกจากเตียงอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง Harben Bradford นักจิตวิทยาในรัฐจอร์เจียกล่าวว่า