“STARTED IN THE GARAGE” หนุ่ม ๆ ชาว UNLOCKMEN ที่เป็นคอดนตรีหลายคน หรือแม้จะไม่ใช่ก็ตามแต่ คงได้เห็นรายการ Garage Music ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง ที่มีทั้ง Live Performace เจ๋ง ๆ ให้ชาว UNLOCKMEN ได้ฟังแบบ Exclusive ไม่ซ้ำกับที่ไหน พร้อม Conversation พูดคุยถึงเรื่องราว ตัวตน ของคนดนตรี ถึงที่มาของแต่ละก้าวเดินในการสร้างสรรค์ผลงาน ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังปกอัลบั้ม และสารที่พวกเขาอยากจะสื่อถึงคนฟังด้วยผลงานเพลงในฐานะศิลปิน Garage Music จึงเป็นเหมือนพื้นที่ให้เหล่าคนดนตรีได้บอกเล่าตัวตนและโชว์ผลงานของพวกเขา หลังจากนี้สามารถติดตามรายการ Garage Music ที่จะมีทั้งวงหน้าใหม่หรือวงรุ่นเก๋าผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาพูดคุยกับเราในทุกเดือน ที่ผ่านมา Garage Music มีศิลปินมากหน้าหลายตาได้แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกวงต่างสร้างความประทับใจทั้งในผลงานเพลงและตัวตนของพวกเขาได้แบบไม่รู้ลืม เลยอยากหยิบเอา 5 กลุ่มคนดนตรีหลากหลายสไตล์ ที่เรามีโอกาสได้พูดคุยและรื่นรมย์ไปกับเสียงเพลงของพวกเขาในปีนี้ แต่ทุกคนมีจุดร่วมเดียวกับคือความรักในดนตรีที่พวกเขามีและอยากให้ดนตรีของพวกเขาเป็นมากกว่าความบันเทิงสี่นาทีที่ผ่านไป เราในฐานะคนฟัง อาจตีความเพลงของศิลปินไปตาม Experience ของตัวเอง ลองหมุนกลับมามองในมุมของศิลปินกันดูว่า พวกเขามองเพลงของตัวเองเป็นอะไรกันบ้าง Srirajah Rocker “เราอยากให้เพลงของเราเป็นเหมือนยาเม็ดเล็ก ๆ รักษาสังคมเน่า ๆ
ปีเก่ากำลังผ่านไป ปีใหม่กำลังจะผ่านเข้ามา ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ ทั้งอารมณ์ อากาศ และบรรยากาศ มันเหมือนเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการรีบเคลียร์งาน รีบปาร์ตี้ รีบเล่นเกมปราบบอสเคลียร์เลเวลให้เทพกว่าใคร รีบไปฉลองและเก็บทุกกิจกรรมมันส์ ๆ ช่วงส่งท้ายปีที่มีวันหยุดเยอะแยะเหลือเกิน อะไรที่เคยคิดหรือแพลนว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ ผู้ชายหลายคนน่าจะเลือกใช้โอกาสนี้เก็บแต้มให้ครบจบปีสวยงาม แต่แม้กายจะพร้อม ใจจะพร้อม วันหยุดพร้อม ผิวหน้าของพวกเราอาจจะไม่พร้อมรับกิจวัตรสุดหักโหมในช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้ ส่งผลให้ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ผู้ชายเราหน้าโทรมหมองคล้ำรับปีใหม่กันเสมอ ซึ่งครั้นจะไปรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ไขก็ดูจะไม่ใช่สไตล์ผู้ชายหน้าหล่อ ทางที่ดีเราควรลุกขึ้นมาจัดเต็มพร้อมดูแลบำรุงผิวหน้าให้มีพลัง สดใสพร้อมลุยทุกกิจกรรม ปาร์ตี้หนัก ทำงานจัดเต็ม ใช้ชีวิตสุดขนาดนี้ อาจจะมีอาการหน้าโทรมเป็นซอมบี้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าได้ ผู้ชายเราจึงไม่ควรมองข้ามการดูแลผิวหน้า ทำความสะอาดและบำรุงรักษาให้ผิวหน้าสดใสมีออร่าแบบผู้ชาย เป็นการให้รางวัลตัวเองที่ดีในการเริ่มปีใหม่แบบหล่อ ๆ ของพวกเราทุกคนใน The Men Expert Bible #5 by L’Oreal Men Expert ไบเบิลเสริมหล่อ Ep 5 ที่จะมาปิดท้ายหลักสูตรดูแลผิวหน้าผู้ชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงกิจกรรมหนัก ๆ แบบช่วงสิ้นปีหรือจะเป็นช่วงหยุดยาวไหน ๆ หรือช่วงหักโหมเมื่อไหร่ ก็สามารถนำวิธีดูแลผิวหน้าสดชื่นกระจ่างใสที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก พร้อมรับวันใหม่แบบเร่งด่วนนี้ไปใช้ได้เช่นกัน สำหรับการปลุกพลังผิวหน้าให้สดชื่นกระจ่างใสในขั้นตอนเบื้องต้น สามารถย้อนไปดูได้จาก The Men Expert
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในสังคมยุคปัจจุบัน โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ทำให้คนตายได้มากพอ ๆ กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง และโรคซึมเศร้าก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตาย รวมถึงเรื่องของการใช้ยาเสพติด ไม่ว่าจะด้วยสภาพทางเศรษฐกิจ หรือปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนให้เกิดความเครียดทั้งนั้น ด้วยจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากวันนึงคนรอบข้างเป็นโรคซึมเศร้าถึงขั้นคิดว่าตายไปน่าจะดีกว่า เราควรจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ? เข้าใจว่าความรู้สึกอยากตายเกิดจากอะไร? บางคนเกิดมาจนถึงตอนนี้อาจไม่เคยเกิดความรู้สึกว่าอยากตายเลยสักครั้ง แต่สำหรับคนที่มีอาการซึมเศร้า เมื่อเจอปัญหาหนักเกินรับไหวก็จะเริ่มเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมา และจะถูกสะกิดให้คิดถึงมันได้แม้จะไม่มีปัจจัยอะไรมากระตุ้นก็ตาม เพราะความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และเปลี่ยนแปลงง่ายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางสภาพแวดล้อม คนรอบข้าง หรือตัวเองก็ตาม ทุกอย่างล้วนสร้างความคิดที่วนเวียน จมอยู่ในช่วงเวลาแย่ ๆ ในหัวจนรู้สึกโดดเดี่ยวออกมาจากสังคม หากครั้งหนึ่งใครเคยได้ยินชื่อของ JD Schramm ที่ปรึกษาด้านธุรกิจการสื่อสารของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ก็คงจะนึกออกว่าเขาคือชายผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดสะพานแมนแฮตตัน เขาเลือกการตายเพื่อจบความเจ็บปวดจากโรคซึมเศร้า และสุดท้ายเขาก็ถูกช่วยชีวิตไว้ได้ทัน จึงได้เอาประสบการณ์เกือบตายในครั้งนี้มาเล่าใน Ted Talk JD บอกว่าเขาเข้าใจความคิดของคนที่ต้องการฆ่าตัวตายเป็นอย่างมาก เพราะความคิดแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเหมือนกัน เขารู้ซึ้งถึงพลังของความเงียบเหงา และความหดหู่นั้นน่ากลัวกว่าที่คิด เพราะมันจะเปลี่ยนสิ่งรอบตัวเราให้กลายเป็นความทุกข์อันมืดดำ จนรู้ตัวอีกทีไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำให้มีความสุขได้อีกแล้ว และทางออกเดียวที่คิดว่าจะช่วยทำให้ความทุกข์หายไปก็คือการฆ่าตัวตาย JD สรุปว่าจิตใจเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก และถ้าหากเริ่มมีความเครียดนึกถึงแต่เรื่องแย่ ๆ ก็ต้องหาวิธีรับมืออย่างทันท่วงทีก่อนที่มันจะบานปลายจนถึงขั้นเกิดความคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง ทางด้านองค์กรต่างๆ ก็พยายามค้นหาคำตอบว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้คนคิดฆ่าตัวตายเกิดจากอะไร ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ฯ หรือ
เมื่อจะต้องเดินทางไกลทั้งที เรื่องหนึ่งที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาก็คงไม่พ้นเรื่องของการเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน ที่คิดยังไงก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องของความสะดวกสบาย รวมไปถึงระบบความปลอดภัยเพื่อความสบายใจของชีวิต UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลือกที่นั่งบนเครื่องเพื่อให้เหล่านักเดินทางได้ศึกษาเผื่อจะจองที่นั่งบนเครื่องบินครั้งต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ามันเป็นเพียงสถิติที่มีการศึกษาจากทีมวิจัยต่างประเทศ ไม่ได้แปลว่าที่นั่งอื่นนั่งไม่ได้แต่อย่างใด เพราะปัจจุบันเครื่องบินทุกลำของทุกสายการบินมีการตรวจสอบอย่างละเอียดยิบทุกขั้นตอน จึงมีความปลอดภัยที่สูงมาก ๆ เรียกว่าแทบจะมีโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันเป็น 0% เลยทีเดียว (สถิติเครื่องบินพาณิชย์ในปี 2018) ว่ากันว่าการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการเดินทางโดยเครื่องบิน แม้จะมีความเสี่ยงต่อชีวิตถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย เรียกว่าใกล้กับคำว่า 0% ปลอดภัยยิ่งกว่ารถยนต์หรือรถไฟฟ้าเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยก็ไม่หยุดตั้งตำถามว่า จากตำแหน่งที่นั่งหลายร้อยที่บนเครื่องบินโดยสาร ตำแหน่งไหนมีความปลอดภัยมากที่สุดในเชิงสถิติ เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่เมื่อเครื่องบินตกแล้วผู้โดยสารจะเสียชีวิตยกลำเสมอไป ยกตัวอย่างกรณีเครื่องบินของสายการบิน US-Bangla ตกและมีผู้เสียชีวิต 49 คน จากทั้งหมด 67 คน หรือในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็พึ่งมีข่าวว่าเครื่องบินของสายการบิน Aeromexico เที่ยวบิน AM2431 เกิดอุบัติเหตุจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่และมีผู้โดยสารบาดเจ็บบ้างแต่รอดชีวิตทั้งลำ แล้วคนที่รอดชีวิตส่วนมากนั่งกันตรงไหน? จากสถิติการสำรวจของ The Popular Mechanics ระบุว่าเหตุการณ์อุบัติเหตุของเครื่องบินในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 20 ครั้ง ที่ได้ข้อมูลจากสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งสหรัฐ ฯ หรือ National Transportation
ถ้าจะถามว่า ‘ความน่ารัก’ ของผู้หญิงหนึ่งคนคืออะไร เราคงไม่สามารถหาคำตอบได้ เนื่องจากแต่ละคนมีเสน่ห์ในรูปแบบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรสนิยมของปัจเจกว่าจะมีความรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่คน ๆ นั้นแสดงออกมา A GIRL WE LOVE คือคอลัมน์ที่อยู่คู่กับ UNLOCKMEN มาอย่างยาวนาน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราได้มีโอกาสทำความรู้จักและพูดคุยกับหญิงสาวมาไม่น้อย โดยเฉพาะในปี 2018 ที่ผ่านมา แม้พวกเธอจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านรูปลักษณ์ภายนอก, อุปนิสัย, การงานอาชีพ, หรือแม้แต่ทัศนคติวิธีคิด แต่ทุกคนล้วนแต่มีเสน่ห์อัดแน่นอยู่ภายในอย่างเต็มเปี่ยม เป็นความน่ารักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร เมื่อปี 2018 กำลังจะผ่านพ้นไป เราจึงได้รวบรวม GIRLS WE LOVE MOST 5 ผู้หญิงที่เรารักที่สุดในปี 2018 มาให้ทุกคนได้ HIGH & HYPE กับความน่ารักล้นเหลือของพวกเธอและทำความรู้จักตัวตนของพวกเธอเหล่านี้กันอีกครั้ง อิ้งค์ – วรันธร เปานิล ความน่ารักที่มาในรูปแบบเพลง Synth-Pop ไม่ใช่แค่ในคอลัมน์ A GIRL WE LOVE ของ UNLOCKMEN
ก่อนอื่นคงต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าบทสัมภาษณ์ของ Befor.tart เป็นการคุยที่ “ออกรส” ส่งท้ายปี 2018 ของ UNLOCKMEN มากที่สุด เพราะเรามีโอกาสลิ้มรสแพสชั่นของชายที่อยู่ตรงหน้ากับปาก เคี้ยว crack ได้เต็มคำทุกอณูแรงบันดาลใจของเขา เช่นเดียวกับบทสนทนาถูกคอที่ละลายเวลาอย่างรวดเร็วเหมือนผ่านไปเพียงไม่นาน พร้อมเสียงหัวเราะ เพราะทั้งหมดนี้คือคำพูดที่ไม่เคลือบน้ำตาลแต่ดิบและจริงใจจากเขา ซิก-สุรัตน์ ซิการี่ เจ้าของร้านทาร์ตมากคอนเซ็ปต์ที่ทำขึ้นเพื่อคุณเท่านั้น “Befor.tart” เรื่องหนึ่งที่เราเห็นชัดจากซิก คือเซนส์ความเข้าใจตัวเองที่ชัดเจนจนน่านับถือ แม้หลายคนยอมรับความก้าวหน้าเส้นทางการเติบโตที่ตัวเองต้องเจอ แต่เขากลับแบกรับความกล้าเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้ารู้ว่าไม่ชอบและวันหนึ่งจะไม่ใช่ เขาจะไม่เสียใจที่ต้องเริ่มใหม่ นั่นจึงเป็นเส้นทางสายใหม่ของอดีตนักภูมิศาสตร์ทำงานเขียนแผนที่ แต่สำรวจพบในการทำงานปีที่ 3 ว่าตัวเองชอบกินขนมและอยากทำอะไรที่สนุกมากกว่าเดิมทุก ๆ วัน “ตอนที่เราทำงาน เราสนุกมากครับ แต่พอทำไปทำมามันไม่สนุกแล้ว ตำแหน่งการทำงานแล้วมันไม่ใช่แบบเดิมแบบที่คิดไว้ มันก้าวหน้าเติบโตมากขึ้นแต่ไม่สนุก เราก็อยากทำอะไรที่สนุกกับมันมากกว่า ประจวบกับตอนนั้นชอบกินขนมมากก็เลยมาทำขนม เราวางแผนว่าต้องทำอะไรบ้าง การเรียนมันต้องใช้เวลาและการเก็บเงิน พอเราทำทุกอย่างได้ตามแผนแล้วก็ออกมาเริ่มเรียนขนมจริงจัง” Before BeFor. : 3 ปี 3 สถานที่งานทำขนมสู่ความกลมกล่อมที่ลงตัว ความชอบจะพาเราไปถึงไหน คำตอบของแต่ละคนน่าจะไม่เหมือนกัน สำหรับซิก ความชอบพาเขาออกจากงานที่เคยหลงใหลไปสู่การข้ามน้ำข้ามทะเลไปต่างแดน
เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นทีมชาติม้ามืดที่พาตัวเองผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศสในศึก 2018 FIFA World Cup แม้ผลจะออกมาว่า Croatia ต้องพ่ายแพ้ไป แต่มันก็ยิ่งใหญ่พอจะทำให้คนทั้งประเทศยกย่องให้นักเตะชุดนี้เป็นฮีโร่ตัวจริงถึงขั้นขนานนามว่าเป็น “Golden Generation” ที่ประกอบด้วยนักเตะดี ๆ มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Luka Modric กัปตันทีมชาติ Croatia นักเตะ midfielder จาก Real Madrid ที่สามารถคว้ารางวัล Ballon d’Or ปีล่าสุด เบียด Messi และ Ronaldo ได้อย่างสวยงาม “Luka Modric เป็นนักเตะที่ครบเครื่องและแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มีส่วนสำคัญทั้งกับทีมชาติและสโมสร การวิ่งเข้าใส่แบบถวายชีวิตไม่มีเหนื่อย ความสามารถในการทำประตู การขับเคลื่อนเกม และการสร้างกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนสังเกตเห็นได้จากตัวของเค้า” แต่ถ้าเราย้อนกลับไปดูลึก ๆ จะเห็นถึงความพยายามและความกระหายในการเล่นฟุตบอลของ Luka Modric ชายผู้เกิดมาในช่วงสงครามที่แย่ที่สุดของ Croatia ชายผู้เกือบจะสูญเสียทุกอย่างไป มีเพียงเศษกระดาษที่ปั้นเป็นลูกบอลกลม ๆ คอยประคองให้ตัวเค้าก้าวผ่านความเลวร้ายเหล่านั้น และเป็นแรงผลักดันให้เค้ารักฟุตบอลอย่างสุดหัวใจ Lucky Luka คือชื่อเล่นของนักเตะกองกลางที่เรารู้จักกันดีในชื่อ LUKA
“ความมั่นใจ”เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ถ้าใครสักคนมีมันอยู่ในตัวก็จะได้รับการยอมรับทั้งในโลกแห่งการทำงานและโลกแห่งการปฏิสัมพันธ์ แต่หลายครั้งความมั่นใจในตัวเองกับความบ้าอำนาจหรือหลงตัวเองก็มีเส้นกั้นบาง ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นคนที่มีความมั่นใจแบบถึงแก่นหรือที่แท้เราแค่บ้าอำนาจและหลงตัวเองเท่านั้น ? ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย ลองสำรวจตัวเองจาก 12 สิ่งต่อไปนี้ เพราะนี่คือ 12 สิ่งที่มนุษย์มีความมั่นใจถึงแก่นแตกต่างจากคนทั่วไป มีความสุขจากภายใน ความสุขคือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของความมั่นใจ เพราะมนุษย์ที่มั่นใจในตัวเองแบบถึงแก่นนั้นไม่ว่าเขาเลือกจะทำอะไรเขาย่อมคำนึงถึงความสุขของตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันส่งผลให้เขาพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือเปล่า ดังนั้นคนที่มั่นใจในตัวเองนั้นมีความสุขมาจากตัวตนของตัวเอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปมันมีค่าให้ตัวเขาเองชื่นชมตัวเองหรือไม่ ถ้าเขารู้สึกว่านี่ดีกับตัวเขาเองแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องรอฟังคำชมจากคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีความสุขอีกต่อไป ไม่ตัดสินคนอื่น มนุษย์ที่มั่นใจในตัวเองอย่างถึงแก่นจะไม่ใช้มาตรฐานตัวเองเป็นมาตรวัดตัดสินคนอื่น ๆ เพราะเขารู้ดีว่ามนุษย์ทุก ๆ คนมีบางสิ่งบางอย่างในตัวเองที่เป็นจุดพีค และแต่ละคนไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกัน ดังนั้นเขาจะไม่บอกว่าตัวเองเหนือกว่าใคร หรือตัดสินใครว่าต่ำกว่าใคร เพื่อยกระดับความสามารถตัวเองให้ดูดี คนที่ตัดสินคนอื่นหรือมัวแต่เปรียบเทียบอาจจะไม่ได้มั่นใจอย่างที่เขาแสดงออก แต่ตัวตนเขาแสนเปราะบาง ไม่ตอบตกลงมั่ว ๆ แต่จะตอบเมื่อตัวเองต้องการ งานวิจัยจาก University of California ระบุว่าการที่มนุษย์คนหนึ่งไม่กล้าปฏิเสธคนอื่น นั่นแปลว่าคนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับภาวะสุดตึงเครียด หมดไฟ หรือแม้กระทั่งซึมเศร้า ในขณะที่มนุษย์ที่มีความมั่นใจถึงแก่นรู้ดีว่าการรู้จักปฏิเสธในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการนี่แหละที่ดีต่อตัวเอง ที่สำคัญคือพวกเขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากพอที่รู้ว่าเรื่องไหนมันต้องปฏิเสธ และเรื่องไหนคือเรื่องที่พวกเขาเต็มใจทำจริง ๆ ไม่ใช่ตอบตกลงส่ง ๆ แค่เพราะเกรงใจคนอื่น หรือตอบตกลงแค่เพราะกลัวคนอื่นไม่ชอบขี้หน้า ฟังมากกว่าพูด มนุษย์ที่มีความมั่นใจถึงแก่นจะฟังมากกว่าพูด เพราะพวกเขารู้ว่าการฟังมากกว่าพูดทำให้เขาเรียนรู้และเติบโตขึ้น และเขาไม่ได้มองว่าวงสนทนาเป็นสถานที่ที่มีไว้อวดว่าใครฉลาดกว่าใคร หรือใครรู้อะไรมากกว่าใคร แต่เขามองว่าวงสนทนาคือสถานที่ที่มีไว้เพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
สิ้นปีกำลังจะมาถึงในไม่กี่อาทิตย์ เพื่อไม่ให้ปลายปีนี้เราต้องเฉามานั่งไล่ลิสต์ที่เขียนไว้ต้นปีเพื่อกดก๊อปปี้วาง แล้วไปพอกไว้ปีหน้า UNLOCKMEN ขอทำหน้าที่เป็นป๋าดัน แนะนำวิธีคลอดไอเดียเป็นล้านที่คุณมี ให้มันไม่เป็นแค่จินตนาการฟุ้ง ๆ ในอากาศ สามารถบรรลุเป้าหมายได้แม้ว่าคุณจะงานล้นมือหรือมีเวลาน้อยนิดแค่ไหนก็ตาม เหตุผลคนดองไอเดีย ไม่ได้ขี้เกียจแค่ทางเลือกมันเยอะเกิน ใครที่ไอเดียพลุ่งพล่านมาหลายปี แต่ชั่วชีวิตนี้ไอเดียก็ยังเป็นได้แค่ไอเดียเฉย ๆ ไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างในชีวิตจริงสักที เรื่องนี้อธิบายได้ว่ามันมีเหตุผลของมัน เพราะเคยมีนักจิตวิทยาทำวิจัยเรื่องการวางแผนลงทุนเพื่อนการเกษียณสำหรับพนักงานไว้แล้วพบว่า ยิ่งเรามีทางเลือกให้เลือกเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ แทนที่เราจะได้ทำตามทางเลือกเหล่านั้นกลับกลายเป็นว่าไอ้ทางเลือกเยอะ ๆ นี่แหละที่สกัดดาวรุ่งเรา จนสุดท้ายคนที่เข้าร่วมการวิจัยที่เจอทางเลือกลงทุนเยอะ ๆ เข้าไปเลยล้มแผนออมเพื่อเกษียณมันซะเลย ดังนั้น การขยับไปทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิบเป็นร้อยสิ่งนี่แหละที่มันดูดพลังงานเราเหลือเกิน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นกับเรา นี่คือ 5 สิ่งที่เราควรปักหมุดในใจและลงมือทำเสมอไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ ใครพร้อมลุยก่อนสัปดาห์สุดท้ายของปีจะมาถึงก็เริ่มได้ทันที ไม่ต้องรอฤกษ์ปีใหม่แต่อย่างใด 1. สร้างเดดไลน์ย่อย ๆ ให้เดินตาม โปรเจ็กต์งานชิ้นนี้ให้เวลา 2 เดือน ฟังดูเหมือนจะนานเพราะเราคิดเอาเองว่างานชิ้นนั้นวันสองวันก็เสร็จแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงสิ่งที่เราเจอมันกลับกลายเป็นหวุดหวิดจะไม่ทันเสียได้ ถ้าใครอยู่ในอาการนี้อาจจะเข้าข่ายว่าเรากำลังเข้าโหมด Parkinson Law ที่กล่าวไว้ว่า “การทำงานมันยืดจนเต็มเวลาเดดไลน์ได้เสมอแหละ” ซึ่งถ้าถามว่าเวลาไปไหนหมด ทำไมไปปั่นตอนใกล้นนาทีสุดท้ายมันชัดเลยว่าเราเอาไปเติมอย่างอื่น เช่น ขอเล่นเกมก่อน
สิ่งที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นต้องพบเจออยู่เสมอคือความตึงเครียดในการทำงานแต่ละวัน กลายเป็นภาพลักษณ์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าคนญี่ปุ่นมักบ้างาน แต่ใช่ว่าขยันแล้วจะดีเสมอไปเพราะแท้จริงแล้วความขยันมากไปนั่นแหละที่จะสร้างความลำบาก บางครั้งก็เสียเวลาไปกับการทำโอทีโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร วัฏจักรแบบมนุษย์เงินเดือนที่เวียนไปทุกวันไร้ซึ่งการตอบคำถามว่าทำอย่างไรถึงจะมีความสุขท่ามกลางกองงานพะเนิน แล้วโรคบ้างานแบบนี้มีโอกาสจะเกิดกับมนุษย์เงินเดือนไทยมากน้อยแค่ไหน ? จุดเริ่มต้นของ ‘โรคบ้างาน’ หรือ ‘Workaholic’ เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1969 เหล่าทีมวิจัยค้นพบโรคบ้างานหรือ ‘คาโรชิ’ มีต้นเหตุจากการเสียชีวิตของหนุ่มญี่ปุ่นอายุ 29 ปี เพราะพื้นฐานของคนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจ ความภักดีต่อองค์กรที่ตัวเองอยู่ รวมถึงเรื่องความรับผิดชอบที่สูงลิบ ค่านิยมเหล่านี้ทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ และไม่แปลกที่พวกเขาจะทำให้โรคบ้างานกลายเป็นโรคยอดฮิตของชายชาวญี่ปุ่น เดิมทีโรคบ้างานถูกพบแค่ในหมู่ชายชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญกับความเครียดจากการทำงานไม่ต่างจากผู้ชายญี่ปุ่นเท่าไหร่นัก โรคบ้างานจึงแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลกรวมถึงในประเทศไทย จากการสำรวจประชากรไทยพบว่ามีคนเป็นโรคบ้างานถึงร้อยละ 67 และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เราอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าใคร” ขอบอกเลยว่าไม่จริง แม้บางครั้งเหล่าผู้ขยันทำงานเกินเหตุอาจรู้สึกสนุกไปกับการทำงานหนัก โดยไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบกับร่างกายเท่าไหร่นัก แต่แท้จริงแล้วโรคภัยจำนวนมากต่างแห่เข้ามาอย่างไม่รู้ตัวทั้ง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต เพราะความเครียดทำร้ายระบบการไหลเวียนของเลือดจนไปเลี้ยงสมองไม่ทัน รวมถึงโรคซึมเศร้าที่คนบ้างานมีโอกาสจะเจอสูงกว่าคนทั่วไป วิจัยวารสารวิชาการ PLOS One ของมหาวิทยาลัย Bergen University กล่าวว่าคนขยันทำงานเกินเหตุมีโอกาสเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำสูงถึง 25.6% เมื่อเทียบกับคนที่ทำงานตามปกติ รวมถึงมีโอกาสเกิดอาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ง่าย เห็นได้ชัดว่าการทำงานหนักนั้นก่อให้เกิดโรคทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมเมื่ออยู่กับความเครียดเป็นเวลานาน เหล่ามนุษย์เงินเดือนผู้ขยันขันแข็งมักหาทางออกโดยการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จัด และทำให้ต้องเพิ่มโรคมะเร็งปอดกับตับแข็งเข้าไปอีก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นบ้างานหรือไม่? มนุษย์เงินเดือนบ้างานสามารถสังเกตุว่าตัวเองมีอาการปวดตามร่างกายหรือไม่ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้ายทอย
กว่าเราจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจใครสักคนให้มาร่วมเตียงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเวลานอนหลับคือช่วงเวลาที่เราปล่อยตัวปล่อยใจที่สุด เราอ่อนแอที่สุดและป้องกันตัวเองได้น้อยที่สุด ดังนั้นใครสักคนที่เรายอมพลีกายร่วมหมอนนอนเสื่อด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัว หรือสาวน่ารัก ๆ สักคนจึงเป็นคนสำคัญกับเราไม่น้อย ในฐานะผู้ชาย ถ้าเรานอนร่วมเตียงกับใครสักคนเราก็ย่อมอยากให้เขาหรือเธอคนนั้นได้หลับเต็มอิ่ม มีคุณภาพการนอนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนนั้นคือคุณภรรยาสุดที่รักหรือแฟนสาวที่อยู่กินด้วยกันมา แต่มันจะช็อกโลกแตกขนาดไหน ถ้าเรากำลังจะรู้ความจริงที่สาว ๆ ออกมาระบุว่า “นอนกับหมายังหลับสบายกว่านอนกับคน!” อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย หายใจลึก ๆ แล้วมาอ่านรายละเอียดงานวิจัยชิ้นนี้ไปด้วยกันก่อน ดร. Christy L. Hoffman ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมสัตว์ นิเวศวิทยาและการอนุรักษ์จาก Canisius College ผู้เป็นทีมนักวิจัยผู้พยายามสำรวจว่าสัตว์เลี้ยงมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับของมนุษย์อย่างไรโดยงานวิจัยนี้มีชื่อว่า An Examination of Adult Women’s Sleep Quality and Sleep Routines in Relation to Pet Ownership and Bedsharing พวกเขาสำรวจผู้หญิงจำนวน 962 คนในสหรัฐอเมริกา พบว่า 55% นอนร่วมเตียงกับสุนัขอย่างน้อยหนึ่งตัวและ 31 %
เสียงเคี้ยวอาหารเป็นจังหวะ เสียงเคี้ยวหมากฝรั่ง เสียงเคาะโต๊ะ เสียงกรรไกรที่กำลังแบ่งกระดาษเป็นชิ้น ๆ และอีกสารพัดเสียงที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา นับเป็ย Ambient ที่เรามองข้ามและอาจไม่เคยตั้งใจฟังมันจริง ๆ เลยสักครั้ง เชื่อไหมว่ามีบางคนที่ “ฟิน” กับเสียงเหล่านั้น (หรือคุณเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน) เราอาจจะคุ้นเคยกับการฟังเพลงแล้วฟิน ด้วยดนตรี เนื้อเพลง หรือเสียงของนักร้อง แต่ครั้งนี้มันจะแตกต่างออกไป เพราะเสียงที่คนบางกลุ่มฟินนั้น มันคือเสียง Ambient ในชีวิตประจำวัน ที่ถูกทำขึ้นมาอย่างจงใจ แล้วเก็บเสียงนั้นมาร้อยเรียงเป็นแทร็กให้เราฟังไม่ต่างจากเพลง UNLOCKMEN พามาทำความรู้จักกับ ‘ASMR’ จะได้เก็ตว่าทำไมคนเราถึงฟินกับเสียงประหลาดเหล่านั้นได้ เสียงเหล่านั้น ทำอะไรกับร่างกาย ? ‘ASMR’ หรือ Autonomous sensory meridian response เข้าใจง่าย ๆ คือการตอบสนองทางความรู้สึกเมื่อประสาทสัมผัสของเราไป Touch กับอะไรที่มันตรงจุดแล้วทำให้เราฟินได้ วันนี้ที่เราจะพูดถึงคือเสียง Ambient ในชีวิตประจำวัน อย่างการเคี้ยวอาหาร การตัดกระดาษ เสียงห้องครัวในตอนที่ทำกับข้าว หรือเสียงที่เป็นระเบียบมากขึ้นอย่างเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้า พัดลม เครื่องซักผ้า เสียงที่มีจังหวะแน่นอนหรือที่เราเรียกมันว่า White Noise เสียงเหล่านี้ทำให้เราเกิดสมาธิ จดจ่อกับมันได้นานจึงถูกนำไปใช้เป็น