“คนคือเมือง เมืองคือคน” ใครบางคนว่าไว้ แทบจะแยกกันไม่ขาดระหว่าง “การใช้ชีวิต” และ “การทำงาน” สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ ที่ไม่มีเวลาว่างให้เหงาระหว่างวัน มีแต่ความเมามันส์กับการทำงานเพื่อความสำเร็จตามที่ต้องการ พอเลิกงานก็ไม่หายใจทิ้ง ไม่มีหรอกที่จะอยู่นิ่ง ๆ เผาเวลาทิ้งให้สูญเปล่า เรียกได้ว่าทั้ง 24 ชั่วโมงที่มีอยู่ใช้คุ้มสุด ๆ ทั้งงาน ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งคนรัก ทั้งสังคม ทั้งกิจกรรม ทั้งทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง ที่เหลือก็ปาร์ตี้ แฮงเอาท์ตามสไตล์ work hard-play hard guy ที่ไม่ชอบอยู่สบายไปวัน ๆ ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเรามันเป็นแบบนี้ สิ่งที่เราต้องการก็คือ เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่ทำให้เราตามโลกได้ทัน ความสะดวกในการเดินทางระหว่างที่ทำงานและที่อยู่อาศัย มีความปลอดภัย ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ย่านที่มีสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ และที่ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขในทุก ๆ วัน เหมือนกำลังจะเดินทางไปเที่ยวทุกครั้งที่กลับบ้าน องค์ประกอบเหล่านี้นอกจากจะตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานได้แล้ว ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาตัวเองได้อีกด้วย ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัยกันบ้าง ต้องลองถามตัวเองว่าที่พักของเรามีความเป็น “ที่พัก” มากแค่ไหน ? Urban
ว่ากันเรื่องผู้ชายกับยานพาหนะ ย่อมมีความหมายมากกว่าแค่ผู้ขับขี่และรถคันหนึ่ง นอกจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยมที่ทำให้เราประทับใจแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ของรถคู่ใจยังเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงใหล เป็นความหมายที่ช่วยผลักดันให้ทำสิ่งที่เปี่ยมไปด้วย Passion ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ จากการวิจัยพบว่า สาเหตุที่ผู้ชายอาจหลงใหลในยนตรกรรมมาก ๆ ก็เพราะว่าเสน่ห์ของการออกแบบที่อยู่ถาวร ความรู้สึกอิสระในเวลาที่ได้ควบคุมพวกมาลัยและคันเร่งที่จะพาเราไปทุกที่ การอยากจะดูแลยานพาหนะสักคันตามสัญชาติของหนุ่ม ๆ มันสามารถบ่งบอกตัวตนของเราได้ จึ่งไม่แปลกที่ผู้ชายจะรู้สึกว่ารถคันโปรดของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต ราวกับมิตรสหายที่โตมาด้วยกัน และถ้าพูดถึงยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Story, Passion และ Feeling นั้น ชื่อแรก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในใจก็คือ BMW ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีที่ผู้คนทั่วโลกต่างยอมรับทั้งชื่อเสียง สมรรถนะ เทคโนโลยี ความสวยงาม และเรื่องราวระดับตำนานมาถึง 100 ปี ซึ่งความคล้องจองระหว่าง insight และตัวแบรนด์ใบพัดฟ้า-ขาว ทำให้ BMW ผุดไอเดียแคมเปญ #BMWStories ที่เกิดจากความเชื่อที่ว่า “เรื่องราวของทุกคน สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถ BMW ในประเทศไทยได้บอกเล่าเรื่องราว, passion และความประทับใจของรถคันโปรด และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น จากแคมเปญ #BMWStories ทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองกับรถ BMW คู่ใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมี passion ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถ, นักเดินทาง
พอพูดถึงความขยัน หลายคนคงเบือนหน้าหนีแล้ว ชาวขยันน้อย (หรือขี้เกียจนั่นเอง) อาจจะรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องขยันจริง ๆ หรอ เราต้องขยันไปทำไม ความขยันมันเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวหรือเปล่า ที่แต่ละคนก็ต้องมีนิสัยที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าหากมองดี ๆ ความขยันมันสร้างจุดแข็งให้เราได้หลายอย่าง UNLOCKMEN เลยชวนมามองข้อดีของความขยัน เอาไว้จุดไฟให้ตัวคุณเองในวันที่เหนื่อยหน่าย หรือปลุกไฟให้ใครที่เป็นคนขยันน้อย เกิดอยากจะขยันขึ้นมาบ้าง ทำอะไรได้มากขึ้น ในเวลาที่น้อยลง หากเราเกิดอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรด้วยไฟที่ลุกโชนข้างใน มันจะทำให้เราได้จัดการหลาย ๆ สิ่งในชีวิตได้มากขึ้นในแง่ของจำนวน วันนึงที่อาจจะทำได้แค่ไม่กี่อย่าง บางทีก็ผลัดวันประกันพรุ่งไปทำวันอื่นด้วยซ้ำ นั่นทำให้เราเสียเวลาไปโดยที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำหรืออยากทำเลย ลองลุกขึ้นมาจุดไฟให้ตัวเอง ลุกขึ้นมาใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า เริ่มจากลงมือทำในสิ่งที่อยากทำก่อน จะได้มีกำลังใจมากขึ้น สัมผัสความสำเร็จได้ง่ายขึ้น หากเราได้ลงมือทำอะไรด้วยความตั้งใจ จากแรงผลักดันของเราข้างในแล้ว มันเหมือนเป็นต้นทุนให้เราไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยิ่งใส่ความขยันลงไปแล้ว เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟให้การทำงานของเราเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ยิ่งเราขยัน เรายิ่งลงมือทำอะไรได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าเราอาจได้เจอทั้งทางลัด ความผิดพลาด อุปสรรค อะไรก็แล้วแต่ที่คนลงมือทำได้เจอจริง ๆ แบบที่คนอยู่เฉย ๆ ไม่เคยได้สัมผัส นั่นยิ่งทำให้เราแข็งแกร่งและก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกขั้น Earn More And More จัดการงานของตัวเองเรียบร้อยไปแล้วด้วยไฟที่ลุกโชนอยู่ในตัว หากไฟนั้นยังไม่ดับไปซะก่อน อย่างปล่อยมันทิ้งให้น่าเสียดายเปล่า
หากพูดถึงนักกีฬาสักคนที่มีชีวิตดั่งบทละคร เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ล้มลุกคลุกคลานจนแทบเกือบเอาชีวิตไม่รอดบนความสำเร็จที่สร้างมา แต่กลับกลายเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ทิ่มแทงตัวเอง ชื่อของ Allen Iverson คือนิยามของคำว่าอัฉริยะบนความไม่สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าเกิดเราย้อนกลับไปในยุค 90s แฟนกีฬาทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกันเกมส์อย่างบาสเก็ตบอล แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ความเก่งกาจและพรสวรรค์ราวฟ้าประทานของพอยต์การ์ดร่างเล็กใจใหญ่คนนี้ ซึ่ง UNLOCKMEN อยากจะนำเรื่องราวของเขามาถ่ายทอดให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน My Name is Bubba Chuck ! Allen Iverson เด็กหนุ่มผิวสีร่างเล็กเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ย่านสลัมของมลรัฐ Virginia เพราะพ่อของเขาต้องเดินเข้า ๆ ออก ๆ คุกเป็นว่าเล่น Allen Iverson มีเพียงแม่ที่คอยดูแล แถมต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่บ้านพักเคหะ ที่ซึ่งความเป็นอยู่ดีมากยิ่งขึ้น เหตุการณ์ในวัยเด็กจากการที่ต้องเห็นพ่อถูกจับกุมต่อหน้าต่อตาอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงปฎิฎาณกับตัวเองว่าจะต้องเอาชีวิตของตัวเองออกจากชีวิตตรงจุดนี้ให้จงได้ด้วยการเล่นกีฬา Iverson จึงพยายามเล่นทั้งอเมริกาฟุตบอลอยากหนักในช่วงแรก ทว่าแม่ของเขายอมทำงานหนักเพื่อซื้อรองเท้า Air Jordanให้กับ Iverson เพื่อจูงใจให้เขาสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอลควบคู่กันไป เนื่องจากแม่ของ Iverson ไม่ค่อยมีเวลาให้ เขาจึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านของเพื่อนที่ชื่อ Jamie Rogers อยู่บ่อยครั้ง
‘ความเหงา’ เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี บางคนอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกับมันเลยด้วยซ้ำ แม้ในประวัติศาสตร์จะไม่มีจารึกไว้ว่าจุดเริ่มต้นของความเหงามาจากอะไร เกิดขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าจะให้คาดเดาผู้เขียนคิดว่าความเหงาน่าจะเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์นั่นแหละ เป็นหนึ่งในอารมณ์ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล เพียงแต่ปัจจุบันสภาพสังคมที่เป็นอยู่ยิ่งขับความเหงาออกมาให้เป็นสิ่งที่มีนิยามชัดเจนขึ้นถูกพูดถึงมากขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้จักและคุ้นเคยกับอารมณ์สีเทานี้เป็นอย่างดี แต่คงมีน้อยคนที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วความเหงานั้นซับซ้อนกว่าที่คิดมาก เพราะถ้าเรานำมันมาจับแยกประเภทพบว่ามันมีด้วยกันถึง 7 ประเภท ดังนั้นวันนี้เราไปทำความรู้จักเพื่อนสนิทคนนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ New-Situation Loneliness ลองนึกถึงวันแรกที่คุณต้องย้ายไปเรียนต่อหรือทำงานที่ต่างประเทศต่างจังหวัด ความเหงาประเภทนี้คือความรู้สึกในวันนั้นแหละ มันเกิดจากความไม่คุ้นเคยที่คุณต้องพบเจอผู้คน สภาพสังคม บ้านเมือง วัฒนธรรมใหม่ ๆ ความเหงาประเภทนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อคุณสามารถปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ได้มันก็จะหายไปเอง I’m-Different Loneliness ‘โดดเดี่ยวเพราะแตกต่าง’ คือคำจำกัดความของความเหงาประเภทนี้ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว กลับกันคุณอยู่ในสถานที่หรือสังคมที่มีผู้คนมากมายให้พบปะ แต่คุณไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเหล่านั้นได้เพราะคุณรู้สึกว่าคุณมีบางอย่างแตกต่างกับคนอื่น คุณไม่ได้ปฏิเสธสังคม คุณอยากเป็นส่วนหนึ่งในสังคมนั้นแต่ไม่สามารถเป็นได้ อย่างไรก็ตามคุณเองก็ไม่มีความปัจเจกพอที่จะอยู่ในโลกของตัวเองอย่างมีความสุข ความเหงาประเภทนี้อาจหายไปได้ถ้าคุณเจอคนที่เหมือนตัวเอง แต่มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก No-Sweetheart Loneliness น่าจะเป็นความเหงาที่หนุ่มโสดทั้งหลายคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้คุณจะรายล้อมด้วยเพื่อนสนิทและครอบครัวที่อบอุ่นแต่นั่นก็ไม่สามารถทดแทนที่ว่างในหัวใจอันเกิดจากความโสดนี้ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์รูปแบบคนรักมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยความสัมพันธ์รูปแบบอื่น เอาเป็นว่าหนุ่มโสดคนไหนกำลังเหงาก็ขอให้เจอคนที่จะเข้ามาเติมเต็มเร็ว ๆ ละกัน No-Animal Loneliness บางคนอาจจะไม่เข้าใจและไม่เคยพบเจอความเหงาประเภทนี้ แต่ถ้าคุณเป็นทาสแมวหรือทาสสุนัขเชื่อว่าคงเข้าใจเป็นอย่างดี สำหรับบางคนสัตว์เลี้ยงคือสิ่งช่วยเยียวยาจิตใจได้ แค่ได้นอนเกลือกกลิ้งกับเจ้าขนฟูตัวโปรดก็คลายเหงาได้แล้ว
คุณโทรหาใครครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? นี่ไม่ใช่คำถามที่ตอบยาก เราอาจเพิ่งโทรหาใครบางคนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันก่อน ชั่วโมงก่อน หรือไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง คุณโทรหาใครด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? คำถามนี้จะเริ่มตอบยากขึ้นมา เราอาจนึกถึงตอนที่เราอายุน้อยกว่านี้ ตอนที่เราแลกเหรียญเตรียมไว้เพื่อแอบแม่มาโทรหาใครสักคน หรือตอนที่ต้องวิ่งหาตู้โทรศัพท์เพื่อบอกเรื่องด่วนกับใครบางคน แต่เราอาจนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเราโทรหาใครด้วยตู้โทรศัพท์ครั้งสุดท้ายตอนไหนกัน เผลอ ๆ เราอาจจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเราเห็นโทรศัพท์สาธารณะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? เราได้หันไปมองมันด้วยความตื่นเต้นอย่างที่เคยไหม ? UNLOCKMEN อยากพาคุณไปเจอหน้าโทรศัพท์สาธารณะเพื่อนเก่าที่วันนี้เราอาจเคยเดินผ่านไปโดยไม่หันมอง ลองมองเพื่อนเก่าแบบใหม่ในวันนี้ อาจมีบางอย่างที่มันกำลังสื่อสารกับเราอยู่ ย้อนกลับไปในยุคที่เราจีบสาวสักคน แล้วต้องหาตู้โทรศัพท์ว่าง ๆ หยอดเหรียญโทรหาเธอได้นาน ๆ แบบไม่มีใครกวนได้สักตู้นี่มันเหมือนสวรรค์จริง ๆ แม้วันนี้เรามีมือถือแล้ว จะคุยกับใคร คุยที่ไหนก็ได้ แถมไม่มีใครมาต่อคิวใช้ต่อ แต่บางครั้งการได้เห็นตู้โทรศัพท์โล่ง ๆ ก็ชวนให้ความทรงจำเก่า ๆ ย้อนกลับเข้ามา วันนี้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโล่ง ๆ ไม่มีใครต่อแถวอีกแล้ว แถมส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ตามใต้สะพานร้างไร้ ไม่มีผู้คนเดินผ่าน หรือถึงเดินผ่านก็ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ แล้วคุณล่ะ เคยสังเกตไหม ? ตู้โทรศัพท์บางตู้กลายเป็นพื้นที่โฆษณาจำเป็น หูโทรศัพท์ไม่มีสาย ถูกตัดขาดจากการเป็นตู้โทรศัพท์แบบสิ้นเชิง รอบตู้มีป้ายโฆษณาสารพัดชนิดตั้งแต่รับสมัครงานไปยันให้กู้เงินราคาถูก ร่องรอยการติดแปะแล้วถูกลอก ก่อนจะถูกติดซ้ำวนใหม่ไม่รู้จบ กลายเป็นภาพศิลปะเว้าแหว่งไม่สมบูรณ์ที่เราเชื่อว่าถ้าคุณตามไปดู แต่ละตู้กำลังเล่าเรื่องราวของตัวเองให้คุณฟังอย่างเงียบ
หากพูดถึงการ workout ในแง่ของการส่งเสริมบุคลิกภาพนั้น จะเห็นได้ว่าบางท่านไม่ค่อยเน้นการออกกำลังกายช่วงล่างเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับช่วงขา อาจเป็นเพราะอยากให้ร่างกายช่วงบนดูดี ร่างเป็น V-shape ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจกับขาที่พาเราไปสู่จุดหมายเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วการมีกล้ามเนื้อขาสวยงาม และมีขนาดที่เหมาะสม จะทำให้เราดูสมส่วนไปทั่วร่าง ดูดีกว่าการที่ตัวใหญ่แต่ขาเล็ก ส่วนในเรื่องประสิทธิภาพที่ส่งผลกับร่างกายนั้นยิ่งกินขาด เพราะการมีช่วงขาที่แข็งแรงจะทำให้เราทรงตัวได้มั่นคงกว่า เดินเหินได้คล่องตัว และวิ่งได้ดีขึ้น เร็วขึ้น ยิ่งใครที่เป็นสายวิ่งยิ่งต้องการขาที่แกร่ง เพื่อไปสู่เส้นชัยได้ไกลกว่า แบบนี้ต้องลุยหนักกับช่วงล่างกันหน่อยแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าเริ่มต้นอย่างไรดี UNLOCKMEN มีวิธีการฟิตกล้ามขาของ BJ Gaddour อดีต fitness director ชื่อดังมาฝากกัน รับรองว่ารากฐานของคุณจะมั่นคงขึ้น 1. Squat มันส์ทุกวัน ท่า squat ถือเป็นท่าพื้นฐานของการออกกำลังกายช่วงล่าง และเพื่อผลการฝึกที่ดีที่สุด ก็ควรจะทำมันทุกวันมันส์สุด ๆ ไปเลย โดยพยายามทำท่านี้ให้หลากหลาย และทำให้ได้มากที่สุดด้วยท่าทางที่ถูกต้อง เราแนะนำให้ใช้ดัมบ์เบลล์ หรือบาร์เบลล์ไปด้วย ฝึกสัปดาห์ละ 3 ครั้ง (จ-พ-ศ) ส่วนวันอื่นให้ใช้แต่น้ำหนักตัวเรา ฝึกครั้งละประมาณ 5-10 นาที โดยวันที่ใช้อุปกรณ์ฟรีเวทนั้น ควรฝึกด้วยน้ำหนัก และจำนวนครั้งที่สลับกัน
ว่ากันด้วยเรื่อง sex ของชายหนุ่มอย่างเราที่บอกเล่ากันได้ไม่รู้จบ คงเป็นเพราะธรรมชาติของมนุษยชาติที่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ ทว่าความถี่ของการถึงจุดสุดยอดนั้นคงแล้วแต่เลเวลความจัดจ้าน รวมถึงโอกาสที่จะได้ประกอบกามกิจของแต่ละคน คำถามจึงมีอยู่ว่า “ต้องเสร็จบ่อยแค่ไหนถึงจะดี ?” หนุ่ม ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีคู่หรืออยู่คนเดียว ผลการศึกษาที่ได้รับการโพสต์ใน Journal Of Sexual Medicine บอกไว้ว่า เราควรมี sex อย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์ถึงจะดีต่อสุขภาพ โดยจากผลสำรวจกลุ่มเป้าหมาย 2,267 คน พบว่า ผู้ที่ทำการบ้านอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะทำให้การหลั่งสาร homocysteine (โฮโมซีสทีน) น้อยลง ซึ่งสารที่เกิดจากการย่อยสลายของอาหารประเภทโปรตีนนี้ ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำลายหลอดเลือด และเพิ่มอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การที่เราจะมีสุขภาพดีในภาพรวมได้ นอกจากการมี sex เพื่อหัวใจและจิตใจที่แข็งแรงขึ้นแล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองให้ครบทุกด้าน ทานอาหารให้เหมาะสม รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งช่วยให้กิจกรรมบนเตียงของคุณยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก แล้วสำหรับคนที่ไม่มีใคร อยากเสร็จเพื่อสุขภาพบ้าง ต้อง “โลกสวยด้วยมือเรา” บ่อยแค่ไหน ? ไม่ใช่เรื่องน่าอายหากหนุ่มโสดจะช่วยตัวเอง อย่างน้อยก็เป็นการระบายออกที่จบได้แบบไม่เดือดร้อนใคร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จาก Harvard University ได้สำรวจและบันทึกพฤติกรรมของผู้ชายกว่า 32,000 คน เกี่ยวกับการช่วยตัวเองของแต่ละคน
ความเครียดที่เคยตามเราเหมือนเงาไปทุกที่ มันไม่ได้ทิ้งไว้เพียงแค่ความตึงเครียดของความคิดเท่านั้น แต่หลายครั้งมันส่งผลมาถึงกายภาพของเราอีกด้วย ในรูปแบบของความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หรือแม้แต่ความปวดเมื่อย เป็นอีกหนึ่งร่องรอยที่ความเครียดได้ทิ้งเอาไว้บนร่างกายของเรา ความปวดเมื่อยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มันไปโผล่ได้ในทุกที่ที่มันอยากไปนั่นแหละ ความซวยจะตกอยู่ที่ใครได้ นอกจากเรานี่แหละ ที่ต้องแบกทั้งความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจเอาไว้ด้วยกัน แค่ฟังก็เจ็บปวดแล้ว แต่เราจะทนอยู่กับความปวดเมื่อยแบบนั้นไปทำไม UNLOCKMEN อยากแนะนำนวัตกรรมเจ๋ง ๆ ที่จะช่วยให้เราหายปวดเมื่อยได้ง่าย ๆ เหมือนมีหมอนวดส่วนตัว (หมอนวดแบบ Literally ไม่ใช่นวดปู๋แต่อย่างใด) ที่ไปกับเราได้ทุกที่ มาดูกันว่ามันคืออะไร Masseuse In Your Wallet! หยิบครีมแก้ปวดกล้ามเนื้อขึ้นมานวดก็เลอะเทอะ กลิ่นแรง คนรอบข้างได้มองกันเป็นแถบแน่ ๆ เก้าอี้นวด เครื่องนวด ก็ไม่ใช่ของที่อยู่ในขนาดที่พกพาได้แบบไม่ขัดเขิน ลองนี่กันหนุ่ม ๆ “Cardlax” มันก็คือเครื่องนวดนี่แหละ แต่มันมาในขนาดพอ ๆ กันนามบัตร เพียง 4.7 mm ประมาณบัตรเครดิตสามใบซ้อนกัน บางซะจนเราเอาใส่ไว้ในกระเป๋าตังได้สบายบรื๋อ นอกจากจะพกพาง่ายแล้ว เวลาหยิบขึ้นมาใช้ช่วยให้ไม่เคอะเขิน ด้วยจุดเด่นที่ขนาดมันเล็กน่ารัก ไม่ว่าจะเมื่อยล้าจากการนั่งทำงาน ขับรถ กิจวัตรประจำวัน
หนึ่งในดาราฮอลลีวูดที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด และเป็นชายชาตรีที่มักจะมีคิวบู๊ให้จดจำเสมอก็คือ Tom Cruise ซูเปอร์สตาร์หนุ่มรุ่นใหญ่วัย 56 ปี ที่ผ่านบทบาทบนจอเงินมากว่า 50 เรื่อง ซึ่งเรื่องล่าสุดที่กำลังจะออกฉายก็คือ Mission: Impossible – Fallout มีกำหนดเข้าฉายในบ้านเราในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ แน่นอนว่าเขาขออาสาเล่นฉากเสี่ยงตายส่วนใหญ่เองอีกแล้วเพื่อความสมจริง โชว์ความเป็นคนจริงอีกครั้ง เส้นทางสายภาพยนตร์ของ Tom Cruise เริ่มต้นตั้งแต่เขาอายุ 19 ปี มีผลงานที่โดดเด่นอย่าง Top Gun, War of the Worlds, Risky Business, Jerry Maguire และ Mission Impossible รวมถึงอีกหลาย ๆ เรื่อง ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาราฮอลลีวู้ดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ แต่เขาก็ยังคงมีไฟที่จะพัฒนาศักยตัวเองต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง UNLOCKMEN จึงอยากถ่ายทอดประโยคดี ๆ จากชายคนนี้มาเป็นแรงบันดาลใจให้คุณผู้อ่านได้นำไปเสริมพลังในการปลดล็อกตัวเองสู่เป้าหมาย นี่คือสิ่งที่เขาได้กล่าวไว้ และมันทำให้เขาประสบความสำเร็จ “When I work, I work
ไม่ว่าคุณจะมีผิวสีไหนมาก่อน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวลาเห็นผู้ชายผิวแทนนั้น มันช่างดูเท่ ดูเหมือนผู้ชายที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เสาร์อาทิตย์เล่น Surf ว่าง ๆ ก็ฟรีรันนิ่ง เห็นอย่างนี้แล้ว หนุ่ม ๆ คนไหนที่อยากมีผิวแทนแบบนั้นบ้าง แต่ว่าสีผิวโดยกำเนิดไม่เอื้ออำนวย ลองทางลัดผิวแทนอย่างการอาบแดด ที่จะช่วยให้หนุ่ม ๆ มีสีผิวแบบ Golden Brown ได้แบบไม่ต้องออกแรงอะไรมากนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การอาบแดด แม้ไม่ต้องออกแรงแต่ก็มีข้อระวังเยอะไปหมด UNLOCKMEN จะมาแนะนำข้อควรระวังของการอาบแดดให้หนุ่ม ๆ ได้มีผิวแทนแบบปลอดภัย ไม่หน้ามืด ไม่ผิวไหม้ ก่อนที่จะได้ผิวแทน อาบแดดแต่ก็ต้องทากันแดด ครีมกันแดดนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการอาบแดดแบบปลอดภัย แม้ชื่อจะบอกกันแดดแต่ไม่ต้องห่วง คุณจะยังได้ผิวแทนอยู่ดี แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ ครีมกันแดดที่มี SPF ประมาณ 15 สำหรับการอาบแดดเพื่อให้มีผิวแทน ที่จะมาช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่จะเบิร์นผิวคุณและรังสี UVA สุดอันตราย เข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ลึกและเป็นต้นเหตุของริ้วรอยอีกด้วย และอย่าลืมใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ปัญหาส่วนมากคือใช้น้อยเกินไปจากปริมาณที่แนะนำ วิธีง่าย ๆ คือบีบครีมกันแดดบนนิ้วให้ได้สองข้อนิ้วมือ ต่ออวัยวะหนึ่งส่วน เช่น
เหนื่อยจากงาน กลับบ้านมาก็อยากจะพักผ่อนแบบเต็มที่ แต่ร่างกายดันไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย สี่ทุ่มก็แล้ว ห้าทุ่มก็แล้ว ใกล้เวลา Deadline ของการเข้านอนไปทุกที แต่ร่างกายก็ยังไม่เข้าใกล้ความง่วงเอาซะเลย เรื่องการ Relax ตัวเอง หาทางออกให้คนนอนหลับ เราได้พูดถึงในคอนเทนต์ก่อน ๆ ไว้แล้ว UNLOCKMEN จะพามาดูอีกปัญหาที่รบกวนการนอนของหนุ่ม ๆ อย่างการตื่นมากลางดึก แล้วหลับต่อยาก มาดูถึงสาเหตุและทางแก้ไปพร้อม ๆ กัน จะได้ตื่นมาพร้อมการนอนแบบคุณภาพเยี่ยม การนอนอย่างไม่เต็มอิ่ม มันสามารถสะสมหลาย ๆ คืนจนทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียได้ ผลกระทบที่มันสะสมหลาย ๆ วัน นานเข้ามันไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกายหรือใต้ตาที่ดำคล้ำเพียงอย่างเดียว มันยังส่งผลกับสมองของเราอีกต่างหาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย โฟกัสกับอะไร หรือคิดไอเดียใหม่ ๆ ไม่ราบรื่นเอาซะเลย ตื่นมากลางดึก เป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่ ? มันไม่ถึงขนาดที่จะบอกว่าเป็นเรื่องผิดปกติซะทีเดียว สำหรับการตื่นกลางดึกสามสี่ครั้งต่อคืน วงจรการนอนตามปกของคนเรานั้น จะขยับ Stage ทุก ๆ 90-120 นาที Dr. Michael Breus ผู้เชี่ยวชาญการนอน