ใครมีโอกาสแวะเวียนไปย่านทองหล่อซอย 9 คงต้องคุ้นตากับอาคารสีฟ้าเด่นตระหง่านอยู่ต้นซอย แต่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าภายในอาคารสีสันสดใสแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของร้าน LA DOTTA แหล่งรวมเมนูพาสต้าชั้นยอด ที่คงความสดใหม่ พร้อมวัตถุดิบคุณภาพ และการขั้นตอนการปรุงแบบดั้งเดิม เหมือนส่งตรงจากอิตาลีวาร์ปมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะที่เมืองไทยกันเลยทีเดียว โดยร้าน Passta Bar สีฟ้า ซึ่งนำเอาชื่อเล่นของเมือง Bologna ที่มีความความว่า ‘ผู้รอบรู้’ มาตั้งเป็นชื่อร้านแห่งนี้ เกิดขึ้นจากไอเดียของคุณโชติพงษ์ และ คุณเด็บบี้ ลีนุตพงษ์ สองสามีภรรยาที่หลงใหลอาหารอิตาเลียน ผู้อยู่เบื้องหลังร้านดังอย่าง Vesper (บาร์คุณภาพลำดับที่ 11 ของเอเชียจากเวที Asia’s 50 Best Bars 2020) และ il Fumo Charcoal & Cocktail ร้านอาหาร Fine Dining สไตล์อิตาเลียนและโปรตุเกสบนถนนพระราม4 ที่อยากทำร้านอาหารที่มีเมนูพาสต้าเป็นตัวชูโรง เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสเสน่ห์ของเมนูเส้นจากอิตาเลียนเมนูนี้ในแนวทางที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งร้าน LA DOTTA มีคอนเซ็ปต์ในการหยิบเอา ‘พาสต้า’ เมนูอิตาเลียนที่ทุกคนรู้จักกันดีมานำเสนอในแบบฉบับอิตาเลียนขนานแท้ ผสานไปกับเทคนิคร่วมสมัยของเชฟรุ่นใหม่ ให้ได้ลิ้มลองภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง
หลายคนคงอยากใช้เวลาคริสตมาสร่วมกับคนพิเศษ แต่ไม่รู้จะพาคนที่เรารักไปไหนดี UNLOCKMEN เลยรวบรวมสุดยอดรูฟท็อปบาร์ที่มีดีทั้งบรรยากาศ เมนูอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกับคนรักอย่างมีความสุข Mahanakhon Bangkok SkyBar มาเริ่มกันที่ Mahanakhon บาร์และร้านอาหารชื่อดังบนชั้น 76 ของ King Power Mahanakhon ที่นี่ขึ้นว่าเป็นรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และมีบรรยากาศภายในที่หรูหราซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของ Tristan Auer ดีไซน์เนอร์ระดับโลก ซึ่งสามารถผสมผสานความสวยงามหรูหราแบบไทยและฝรั่งเศสออกมาได้อย่างลงตัว นอกจากเรื่องโลเคชั่นแล้ว อาหารและเครื่องดื่มก็ดีงามไม่แพ้กัน เพราะทุกอย่างได้รับการดูแลโดยเชฟและบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ทุกคนสามารถประทับใจกับมื้ออาหารควบคู่ไปกับการชมวิวของเมืองจากมุมสูงได้อย่างฟิน ๆ Location: ชั้น 76 King Power Mahanakhon 114 ถนนนราธิวาส แขวงสีลม เขตบางรัก 10500 Facebook: @MahanakhonBangkokSkyBar IG: mahanakhonbangkokskybar Tel: 02-677-8722 Red Sky Bar ต่อมา คือ Red Sky Bar รูฟท็อปบาร์สไตล์ลักชัวรี่ บนชั้น
ร้านอาหารจีนถือเป็นหมุดหมายที่ทำให้หลายครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน เพราะหลายบ้านมีพื้นเพเป็นคนจีนที่ออกจากบ้านเกิด เข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทย เราจึงรู้สึกผูกพันกับอาหารจีนกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ ก็มีร้านอาหารจีนหลายแห่งที่น่าสนใจ และทุกคนควรลองไปกันสักครั้ง ซึ่ง UNLOCKMEN ได้รวบรวมห้องอาหารจีนที่มีดีทั้งอาหารและบรรยากาศมาเสิร์ฟให้ทุกคนถึงที่แล้ว Fei Ya ใครที่ชอบร้านอาหารจีนสไตล์โมเดิร์น ไม่ควรพลาด Fei Ya ที่อยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel โดยร้านนี้จะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของบรรยากาศที่เหมือนอยู่ใน lounge ตะวันออกผสมตะวันตก และความมีระดับของอาหาร ซึ่งได้รับการปรุงโดยเชฟมากฝีมือ พร้อมส่งรสชาติอาหารสไตล์จีนแท้สู่จานอาหารแต่ละจาน นอกจากเรื่องอาหารและบรรยากาศแล้ว คุณภาพของร้านยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล Thailand’s Best Restaurant 5 สมัยซ้อน (2011 – 2015) เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในร้านอาหารจีนคุณภาพดีที่เราควรไปกันสักครั้งในชีวิต ภายในร้านจะมีทั้งมุมทานอาหารปกติ และห้องส่วนตัวที่บรรจุคนได้ 8 – 10 ท่าน และมีเมนูหลากหลายให้เราเลือกทาน ไม่ว่าจะเป็น ติมซำ เมนูอาหารทะเลจีน เมนูข้าวผัด เมนูซุป ไปจนถึงเมนูซิกเนเจอร์อย่าง
หลายคงชื่นชอบ ‘พาสต้า (Pasta)’ อาหารเส้นของชาวอิตาลีที่อยู่กับเรามานานกว่าพันปีแล้ว ซึ่งในกรุงเทพฯ ก็มีร้านพาสต้าสุดพรีเมี่ยมมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ละร้านมีความพิถีพิถันทั้งในเรื่องการเลือกวัตถุดิบ การทำเส้น และการปรุงเมนูแต่ละจานให้มีความเป็นอาหารอิตาเลียนแท้ ในบทความนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำ 5 ร้านพาสต้าที่จะทำให้คุณต้องหลงรักเมนูเส้นจานนี้มากขึ้นกว่าเดิม 300% !! La Dotta ร้านพาสต้าที่ของกลุ่มร้านอาหาร Foodie Collection เจ้าของ Vesper บาร์ค็อกเทล และ Il Fumo ร้านอาหารโปรตุเกส โดยเมนูพาสต้าแต่ะจานของ La Dotta จะรังสรรค์โดย Giampiero Quartararo เฮดเชฟมากประสบการณ์จากเมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี เราจึงวางใจได้ว่าพาสต้าของร้านมีความเป็นอาหารอิตาเลียนแท้ เมนูพาสต้าของร้านจะใช้เส้นสดทำมือทั้งหมด แถมยังมีความหลากหลายให้เลือกอย่างจุใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แทลเลียเตลเล บูคาตินี หรือ ตัลยาเตลเล และอื่น ๆ ซึ่งเราสามารถเลือกสั่งได้ตามความสนใจของเรา การรับประทานเมนูพาสต้าทามกลางบรรยากาศสีฟ้าอันแสนอบอุ่นของร้าน นับเป็นหนึ่งในวิธีการผ่อนคลายความเครียดทีดี หากใครมองหาร้านพาสต้านั่งชิว La Dotta จะตอบโจทย์มาก นอกจากเมนูพาสต้าแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟอาหารอย่างอื่นด้วย
ManUp สัปดาห์นี้เป็นการอัพสกิลเมนูเบสิกที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง ‘ข้าวผัด’ แต่จะผัดข้าวยังไงให้ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจไม่จำเจ? บอกเลยว่าต้องลองเมนู ‘ข้าวผัดมันเนื้อ’ ข้าวผัดพริกเผาจีนหอม ๆ คลุกเคล้าเนื้อสันคอหั่นเต๋าย่างขนาดกำลังเคี้ยว ท็อปด้วยสเต็กสันคอชิ้นหนามันเนื้อฉ่ำแตกซ่านทุกคำที่กัดเข้าไป โปะหน้าอีกรอบด้วยไข่ดาวกรอบ ๆ ไข่แดงเยิ้ม ๆ เรียกได้ว่าทั้งหมดทั้งมวลในจานนี้มันคือสวรรค์ดี ๆ ที่รอเดินทางเข้าปากเท่านั้นเอง งานนี้ใครอยากทำข้าวผัดฟิน ๆ กรุ่นกลิ่นสเต็กชั้นดี รีบเตรียมวัตถุดิบ แล้วลงมือทำตามขั้นตอนได้เลย ส่วนผสม วัตถุดิบและเครื่องปรุงข้าวผัด ▪️เนื้อ Chuck (เนื้อส่วนสันคอ) หั่นเต๋า 50 กรัม ▪️ข้าวสวย 130g (แนะนำเป็นข้าวเก่าหุงแล้วแช่เย็นทิ้งไว้ 1 คืน) ▪️ซอสถั่วเหลือง 20 กรัม ▪️น้ำปลาเล็กน้อย ▪️ซอสหอยนางรม 30 กรัม ▪️น้ำพริกเผาจีน 45 กรัม ▪️กระเทียมฝานหรือสับ 15 กรัม ▪️พริก 15 กรัม ▪️ไข่ไก่ 1 ฟอง
หากใครเคยมาเดินเล่นที่ ‘สามย่าน’ คงคุ้นเคยกับสถานที่ที่เป็นเหมือนกับแลนด์มาร์กจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น สามย่านมิตรทาวน์ จามจุรีสแควร์ หรือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงร้านขายของหวานที่เป็นดั่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่านักศึกษามานานกว่า 8 ปีอย่าง ‘Creamery Boutique Ice Creams’ ซึ่งนอกจากจะเป็นร้านที่มีบรรยากาศชวนให้มานั่งชิวแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟเมนูพาสต้าและของหวานที่มีเอกลักษณ์และใช้วัตถุดิบสุดพรีเมี่ยมอีกด้วย บรรยากาศร้าน เมื่อผลักบานประตูและเดินเข้าไปภายในร้าน สิ่งที่สะดุดตาเรามาก คือ ตู้ไอศกรีมหน้าร้านที่บรรจุสกู๊ปไอศกรีมสุดพรี่เมี่ยมเอาไว้กว่า 10 รส ซึ่งมีทั้งรสชาติที่เราคุ้นเคยอย่าง วานิลลา และที่เราไม่คุ้นหูอย่าง รสนมเด็ก ซูกัส หรือ ใจแตก ซึ่งทางร้านบอกว่า ปกติจะมีรสชาติไอศกรีมมากถึง 30 รส แต่เลือกที่จะนำมาขายเพียง 10 รส และจะเปลี่ยนรสชาติไอศกรีมใหม่ทุกเดือนเหมือนเป็นกิมมิคที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า เราสามารถจับคู่ไอศกรีมกับรสชาติคุ๊กกี้ที่เราชื่นชอบ หรือ จะสั่งมาทานแบบเดี่ยวก็ได้ตามใจเรา ที่ร้าน Creamery เราสามารถเอนจอยกับของหวานภายใต้บรรยากาศแบบห้องนั่งเล่น (living room) อันประกอบไปด้วยของตกแต่งสุดชิวอย่าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ หนังสือ ผ้าม่านสีขาว กรอบรูปตั้งโต๊ะ หรือ ดอกไม้ประดับ
เมื่อพูดถึงสเต็กเนื้อ เมนูนี้น่าจะติดอยู่ในลิสต์อาหารโปรดอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน เรียกได้ว่าชื่นชอบจนถึงกับต้องมาลองทำกินเองที่บ้าน แน่นอนว่ามีทั้งประสบความสำเร็จอร่อยถูกใจ หรืออาจจะเฟลจนไม่กล้าเปิดเตาแสดงฝีมือกันอีกต่อไป สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจในฝีมือทำสเต็กของตัวเอง คอลัมน์ ManUP อยากชวนให้ลุกขึ้นมาอัพสกิลการลงครัวอีกครั้งกับ Filet mignon with Pomme Puree เมนูสเต็กเนื้อสันในฉ่ำ ๆ เคียงคู่กับมันบดเนื้อเนียนนุ่ม รสกลมกล่อม เอาไว้ทำกินที่บ้าน หรือโชว์ฝีมือเซอร์ไพรส์คนพิเศษก็เท่ไม่หยอก งานนี้ส่วนผสมและขั้นตอนวิธีทำจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย ส่วนผสม สเต็ก เนื้อ Tenderloin 300 กรัม น้ำมันมะกอก 30 กรัม เนย 40 กรัม กระเทียม 2 -3 กลีบ ใบ Thyme / Rosemary เกลือ พริกไทยดำ มันบด มันฝรั่ง 100 กรัม นมสด 30 กรัม เนย 50
หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการให้สามารถออกไปนั่งทานอาหารที่ร้านได้อีกครา เชื่อว่าหลายคนที่คิดถึงบรรยากาศ การชิลล์เอ้าท์ กินดื่มพูดคุยกับครอบครัวเพื่อนฝูง คงจะออกไปตามเก็บร้านอาหารโปรดร้านต่าง ๆ ที่ห่างหายไม่ได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยือนเป็นเวลานานหลายเดือน และในวันนี้เราก็จะขอชวนทุกคนออกไปทานข้าวนอกบ้านให้หายคิดถึง ด้วยการมุ่งหน้าไปยังร้าน Charm Eatery and Bar สาขาซอยสาทร 12 ร้านอาหารไทยแท้สืบทอดตำรับมาจากรสมือคุณย่า ผสานอาหารฟิวชั่นที่เป็นส่วนผสมของอาหารไทยและอาหารตะวันตกได้อย่างลงตัว ซึ่งเราเชื่อว่าร้านนี้ต้องหนึ่งร้านโปรดในดวงใจของชาว UNLOCKMEN หลายคนเช่นกัน CHARM EATERY and BAR เริ่มต้นย่างเท้าเข้าร้าน ก็ได้พบกับบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเองที่คุ้นเคย กับความอบอุ่นของเฟอร์นิเจอร์ไม้ผสานความเท่ด้วยผนังปูนเปลือย และแน่นอนว่าเคาน์เตอร์บาร์หินอ่อนที่โดดเด่นอยู่หน้าร้านทำให้อาการคอแห้งโหยหาเครื่องดื่มเย็น ๆ มันกำเริบ แต่วันนี้ยังมีอีกหลายที่ต้องไปต่อ เลยจัดเป็นน้ำแตงโมปั่นเย็น ๆ มาดื่มดับกระหายไปก่อน ระหว่างรออาหารที่สั่งไปประมาณ 3 เมนู เราไม่พลาดที่จะเดินขึ้นไปชั้น 2 ของร้าน เพื่อขอเก็บภาพกลุ่มโคมไฟที่ทิ้งตัวไล่ระดับดิ่งตรงลงมาบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในมุมสวย ๆ ที่มีมากมายภายในร้าน หลังจากแอบไปเก็บภาพร้านมานิดหน่อย ก็ได้เวลาที่ 3 เมนูของวันนี้มาเสิร์ฟที่โต๊ะ เริ่มต้นมื้อด้วย ‘พาสต้าไส้กรอกอีสาน’ เมนูฟิวชั่นที่มาพร้อมความอร่อยดั้งเดิมของเส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับกระเทียม, โหระพา
“ไวน์คือบทกวีที่ถูกบรรจุลงสู่ขวด” เป็นคำที่นักเขียนชาวสก็อตติชอย่าง Robert Louis Stevenson เคยกล่าวเอาไว้ ซึ่ง UNLOCKMEN ว่านี่ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินความจริงแต่อย่างใด เพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มอันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดชวนให้ผู้ชายอย่างเราเข้าไปสัมผัส นอกจากนั้นวัฒนธรรมแห่งการดื่มไวน์ได้กลายเป็นศิลปะการลองลิ้มชิมรสสุดคลาสสิกที่ผู้ชายคูล ๆ ทุกคนไม่ควรพลาด การรู้เรื่องไวน์ประดับตัวไว้จึงเป็นทั้งการยกความเท่ของผู้ชายอย่างเราให้สูงขึ้นไปอีกระดับ แถมยังช่วยให้เราเข้าสังคมแห่งการดื่มไวน์ได้อย่างดื่มด่ำยิ่งขึ้น ผู้ชายแมน ๆ คนไหนที่เคยคิดไว้ว่าการดื่มไวน์นั้นยากแสนยาก วันนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะการได้รู้จักเครื่องดื่มแห่งความลุ่มลึกมีระดับอย่างไวน์จะทำให้เราติดใจจนบอกได้เลยว่ามันคุ้มค่าที่จะลิ้มลองบทกวีบรรจุขวดให้ลึกซึ้ง ถ้าพร้อมจะดำดิ่งไปกับความคลาสสิกในโลกของไวน์แล้ว UNLOCK WINE 101 ที่เก็บเรื่องไวน์พื้นฐานให้ครบถ้วนทุกเม็ดก็พร้อมจะปลดล็อกศักยภาพการสัมผัสไวน์ให้คุณถึงที่แล้วเช่นกัน สำหรับมือใหม่ที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การเริ่มต้นนับหนึ่งในโลกของไวน์จะเป็นไปอย่างราบรื่น มีระดับและไม่ซับซ้อน ถ้าเราเริ่มจากพื้นฐานของไวน์กันก่อน โดยคำถามสุดเบสิคที่เราควรรู้ก็คือ “ไวน์คืออะไร?” นอกจากความงดงามคล้ายบทกวีแล้ว ไวน์คือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการหมักของน้ำองุ่นที่ได้จากผลองุ่นสด ๆ นั่นเอง โดยแต่ละท้องที่ก็จะมีกระบวนการผลิตแตกต่างกันไปตามสไตล์ที่แต่ละท้องถิ่นกำหนดขึ้น ถ้าในหัวผู้ชายอย่างเรายังนึกออกแค่ไวน์แดงกับไวน์ขาวก็ไม่ต้องห่วงไป ครั้งนี้เราจะพามาทำความเข้าใจไวน์ 3 ประเภทที่แบ่งตามเทคนิคการผลิตให้เข้าใจแจ่มแจ้งกันไปเลย เริ่มต้นกันที่ Still Wine เป็นไวน์ที่ไม่มีฟอง หรือพูดง่าย ๆ คือไม่มีการอัดก๊าซ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 8-15% Still Wine แบ่งออกเป็นไวน์ได้อีก
‘กัญชา’ สมุนไพรรื่นรมย์ที่หลายคนคุ้นเคย ถูกนำมาใช้ในวงการอาหารและคาเฟ่มากขึ้น หลังจากมีการปลดล็อก ใบ และ รากกัญชา ที่มีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) น้อยมากจนไม่ก่อให้เกิดให้เกิดอาการมึนเมา ออกจากรายชื่อสารเสพติด ถือเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ และเป็นเมนูใหม่ที่น่าลิ้มลอง เราเลยอยากมาแนะนำ 5 ร้านในกรุงเทพฯ ที่มีการรังสรรค์เมนูกัญชา ให้ทุกคนไปเปิดประสบการณ์อาหารแนวใหม่จากพืชชนิดนี้กัน เขียวไข่กา ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ local รวมเมนูพื้นถิ่นของไทยจากหลายภูมิภาคมาไว้ในที่เดียว เราสามารถดื่มดำกับอาหารถิ่นท่ามกลางบรรยากาศสไตล์โอเอซิส ในบ้านกระจกขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งภายในด้วยไม้ประดับสีเขียวชอุ่ม แต่นอกจากความเขียวของไม้ประดับแล้ว เราสามารถเห็นความเขียวได้ในเมนูอาหารเช่นกัน เพราะทางร้านได้ตามเทรนด์ จัดเมนูกัญชาไว้ต้อนรับลูกค้าหลายเมนูทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เมี่ยงกระพงกรอบกัญชาหวาน แกงเขียวหวาน (เจี๊ยบ) ไข่เจียว อารมณ์ดี หรือ ข้าวยำบูดูใบกัญชา เวลาทำการ: ทุกวัน (11.00 – 22.00 น.) ที่ตั้งของร้าน: 33 นาคนิวาส ลาดพร้าว เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/kiewkaika WINNER HOUSE ร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ในประเทศไทย ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 30
Rare BKK เปิดประสบการณ์เชฟเทเบิลแห่งใหม่ล่าสุด บนถนนนครไชยศรี โดยได้แรงบันดาลใจจากอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิก ผสานวัตถุดิบชั้นเลิศจากญี่ปุ่น ภายใต้ฝีมือการสร้างสรรค์ของ เชฟแบม – ธนโชติ ดลชลัยย์กร ในบรรยากาศแบบอบอุ่นเป็นกันเอง ร้าน Rare BKK มุ่งเน้นไปที่การคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ชั้นเยี่ยมจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ ทรัฟเฟิล จากอิตาลี, กุ้ง Langoustine จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เนื้อวากิว A5 จากเมืองมิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่น รวมถึง อูนิ (Uni) และ ล็อบสเตอร์ ผสมผสานกับเทคนิคการปรุงอาหารอย่างละเมียดละไมมารังสรรค์เมนูอันสดใหม่และรสชาติที่น่าจดจำ ภายในร้านตกแต่งในสไตล์เรียบง่ายสบายตา ด้วยจำนวนโต๊ะประมาณ 10 ที่นั่ง ในบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง มีห้องครัวแบบเปิดที่ทุกท่านสามารถรับชมการปรุงอาหารของทีมเชฟได้ จุดเด่นที่สำคัญของร้านคือเมนูที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ตามฤดูกาล ด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่สดใหม่ ผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารที่เชฟแบมและทีมได้จัดเตรียมไว้ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศในบรรยากาศอันอบอุ่นและเป็นกันเอง หลังจากการเปิดร้านแบบซอฟท์โอเพนนิ่งเป็นเวลา 6 เดือน Rare BKK มีความพร้อมที่จะนำเสนอซิกเนเจอร์คอร์สเมนูใหม่ “French Fine” ประจำฤดูกาล โดยอาหารทั้ง 10 คอร์ส ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิก
ต้อนรับข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนโควิดที่ใกล้จะได้ฉีดสร้างภูมิต้านทานกันเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะรีบมุ่งไปญี่ปุ่นทันทีที่เปิดประเทศกัน ด้วยการนำเสนอจุดหมายปลายทางที่คนรัก Osaka และ Louis Vuitton ต้องห้ามพลาด หลายคนอาจจะจำได้ว่ามีข่าวเกี่ยวกับการเปิดคาเฟ่และร้านอาหารของ Louis Vuitton ตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้เราจะพาไปดูบรรยากาศเพิ่มเติมของ ‘Le Cafe V’ และ ‘Sugalabo V.’ ร้านอาหาร fine dining ที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของ flagship store ใน Osaka โดยได้ chef ญี่ปุ่นชื่อดัง Yosuke Suga เชฟผู้ผ่านประสบการณ์จากร้านอาหารระดับโลกในหลายประเทศ และยังเป็นลูกศิษย์ของ Joel Robuchon “Chef of the Century” ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับสถิติ 32 Michelin Guide stars เป็นผู้ดูแลเรื่องเมนูและอาหารทั้งหมด Le Cafe V ตั้งอยู่บนชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร สำหรับนักชอปที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจด้วยกาแฟและอาหารเบา ๆ