ไม่อยากจะอวดให้เหมือนเนื้อเพลง YOUNGOHM ว่า “ยังไม่ได้นอนเลยจะ 10 โมงเช้า” แต่อาการ Insomnia หรือนอนไม่หลับช่วงนี้มันไล่ล่าผมเหลือเกิน พอจะมีทางออกหรือทางเยียวยาเพิ่มไหมครับ ? สำหรับใครที่เกลียดกลางคืนเสียเหลือเกิน พวกเราเข้าใจความทรมานของการนอนไม่หลับดี และ UNLOCKMEN ก็ส่งคอนเทนต์กล่อมคุณเข้านิทรากันมาหลายชิ้น แต่ถ้ามันยังไม่ได้ผลและอยากขอทางเลือกเพิ่ม ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเขาออกมาบอกแล้วว่าแค่เปลี่ยนชุดนอนก็มีผลทำให้เราได้โบนัสการนอนเพิ่มขึ้นอีก 15 นาที รอช้าอยู่ไย แค่ปลดกระดุมเปลี่ยนประเภทชุดนอน แม้จะดูประหลาดแต่ก็เป็นเรื่องจริง เพราะ Dr Paul Swan นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัย Sydney เขาวิจัยมาแล้วว่าการเปลี่ยนชุดนอนจากผ้าฝ้ายตัวเดิมไปเป็นผ้าขนสัตว์จะทำให้ร่างกายของเราเข้าสู่ Thermal comfort zone หรือสภาวะน่าสบาย ที่เอื้อกับการนอนพักผ่อนได้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ผู้เชี่ยวชาญจัดกลุ่มคนเข้าทดสอบการนอน 2 กลุ่ม ได้จำแนกเป็นคนต่างวัยได้แก่ วัยเด็กและวัยชรา โดยกลุ่มแรกที่เป็นวัยเด็ก คัดเลือกนักเรียนที่อายุ 20 ปีขึ้นนำมาทดลองให้สวมชุดนอนจากเนื้อผ้า 2 แบบได้แก่ ผ้าขนแกะ merino และผ้าฝ้าย เพื่อเปรียบเทียบกัน ผลปรากฏว่าการสวมชุดขนแกะทำให้เหล่าผู้ทดลองสัปหงกได้เร็วกว่าผ้าฝ้ายประมาณ 4 นาทีหรือเร็วกว่านั้น ชุดนอนขนสัตว์ใช้เวลา
ไม่ว่าจะมีงานวิจัยชิ้นแล้วชิ้นเล่าออกมาพูดถึงอันตรายจากแสงสีฟ้ามากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่เรารู้ดีกว่าพฤติกรรมเหล่านี้คงไม่สามารถแก้ได้ทันที เพราะช่องทางสำหรับตามข่าวสารให้ทันของเราส่วนใหญ่ก็มาจากสมาร์ตโฟน แท็บเล็ตหรือจอคอมพิวเตอร์อยู่ดี ดังนั้น แทนที่จะมานั่งพูดเรื่องเดิม เรามามองอีกด้านหนึ่งอย่างพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนไปกันดีกว่า ในยุคที่คนเปิดหนังสือน้อยลง เปิดจอมากขึ้น แล้วพฤติกรรมการอ่านของเรามันเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน GO-Gulf บริษัท Web Agency ของ Dubai เขารวบรวมและนำเสนอสถิติออกมาในรูปแบบ Infographic ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ แล้ว ลองเดาตัวเลขในใจเล่น ๆ แล้วไปดูพร้อมกัน ผู้เขียนบอกได้เลยว่าข้อมูลนี้มันเป็นประโยชน์กับ Online Marketing และคนที่เขียน Content online มาก 8 วินาทีมาตรฐาน เกิน 15 วินาทีขึ้นไปถึงได้ใจ จากปี 2000 เราเคยใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 12 วินาที แต่ผ่านมา 18 ปีเราทำสถิติลดลงไปอีก 4 วินาที เหลือการใช้งานอยู่ที่ราว 8 วินาทีแล้ว และจำนวนนักท่องเว็บ 55% ใช้เวลาไม่ถึง 15 วินาทีเท่านั้นในหน้าเว็บไซต์ แต่ถ้าเว็บไซต์ไหนสามารถสร้าง
คุณเคยสงสัยไหมว่าทุกอาชีพบนโลกใบนี้เกิดขึ้นจากไหน ทำไมเรามีครู มีนักเขียน มีกราฟิก มีนักร้อง ฯลฯ ถ้าคุณคิดว่ามันเกิดขึ้นมาเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไป มันคงแปลได้ว่า เมื่อมีบางสิ่งเข้ามาทดแทนในอนาคต เราอาจกลายเป็น loser ที่ต้องโดนแย่งไปในที่สุด แต่ถ้าเราสร้างอาชีพนั้นขึ้นมาเองล่ะ คงเป็นไปได้ยากที่จะมีใครทำได้เหมือนเราและเป็นอาชีพสุดมั่นคงทางใจเราอย่างแน่นอนเพราะมันเกิดขึ้นจากแรงขับเคลื่อนที่เรามี “PLANT HUNTER” คือหนึ่งอาชีพ ที่เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้จักมันดีเช่นเดียวกับเรา อาชีพนักล่าสิ่งมีชีวิตสีเขียวอย่างพืช ทำไมถึงต้องมีอาชีพนี้ เขาทำอะไรกัน และมันมีความสำคัญอย่างไร เราจะอธิบายมันไปพร้อมกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยที่ทำอาชีพนี้มานับ 10 ปี “Seijun Nishihata” ชายผู้พบความฝันที่ระดับความสูง 4,095 เมตร SEIJUN NISHIHATA คือชายชาวญี่ปุ่นที่เติบโตและเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของบริษัท Hanau ที่ค้าส่งพันธุ์พืชและดอกไม้มานานกว่า 150 ปี เขาหลงใหลและทำอาชีพนักล่าต้นไม้มาตั้งแต่ยังอายุ 21 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้วันที่เขากลายเป็นหนุ่มวัย 38 อันที่จริงเขาเหมือนใครอีกหลายคนที่ไม่ได้หาตัวเองเจอตั้งแต่แรก แต่อาจจะแปลกกว่าคนอื่นสักหน่อยตรงที่เจอว่าตัวเองชอบอะไรที่ระดับความสูง 4,095 เมตร หลังจากปีนเขาที่เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซียแล้วพบกับ Nepenthes rajah หรือหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อของเขาเคยเล่าเรื่องราวของมันไว้อย่างตื่นเต้น แต่มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกมหัศจรรย์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเลย นับจากนาทีนั้นเขาเลิกคิดว่ามีต้นไม้อีกมากให้ปลูก
เรานั่งทำงานเดิมซ้ำ ๆ ปีแล้วปีเล่าอย่างภักดี เพื่อวันหนึ่งเจ้านายจะบอกว่า “จากนี้นี่คือตำแหน่งของปัญญาประดิษฐ์” แม้ประโยคนี้ฟังแล้วจะบัดซบมาก ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ความจริงมันไล่ล่าเราทุกวินาที ทั้งที่ครั้งหนึ่งเทคโนโลยีเคยทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญของเราแท้ ๆ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มันกลับต้อนเราทุกทิศทาง ใครที่ยังคิดภาพไม่ออกเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้เห็นง่าย ๆ ว่าระยะห่างที่เคยเว้นช่วงระหว่างความสามารถของเรากับปัญญาประดิษฐ์เหมือนกระต่ายกับเต่า เราคือกระต่ายที่โดนเต่าไล่ตามท้าทายเรื่อยมา จนวันนี้สิ่งที่มันมาท้าทายเราคือความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การทุ่นแรงงานเหมือนที่เคย เอาเป็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด สิ่งสำคัญคือเมื่อเราเลี่ยงไม่ได้แล้วเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้ต่อไป และ 3 สิ่งนี้ที่ UNLOCKMEN นำมาบอกเล่าต่อเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่บอกได้เลยว่ามีทั้งข้อมูลที่ชวนใจชื้นและทำให้ต้องใจหาย ใครพร้อมแล้วไปดูกัน 1. แรงคนหลบไป แรง AI สิชัวร์กว่า เรื่องแรงของมนุษย์เชื่อว่าพวกเราคงเปิดโหมดเจอไฟไหม้ ทำงานหักโหมคุ้มทุนแบบยอดมนุษย์ไม่ได้ทุกวัน ความเสถียรเรื่องแรงของ AI จึงเป็นเรื่องที่เราต้องยอมยกธงขาวให้ และเรื่องแรงนี่แหละที่มันจะส่งผลกับการปรับรูปแบบขององค์กรหลายองค์กร ด้านการลดจำนวนพนักงานวันนี้พวกเราคงเห็นแล้วว่ามีหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ ไม่ว่ามันจะเป็นงานฝืมือหรือไม่ ถ้าเขียนโปรแกรมได้ ก็มีแนวโน้มโดนเลื่อยขาเก้าอี้อย่างแน่นอน ล่าสุดมีสถิติเรื่องตัวเลขที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจเรื่อง Future of Job 2018 ของ World’s Economic กล่าวว่า แรงงานของมนุษย์ลดลงจากเดิมถึง 23% หากนับจากวันนี้จนถึงปี 2025 (จาก
ไม่ว่าคุณจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหน กำลังจิบกาแฟร้านดังอยู่หรือชงกาแฟกินเอง หากคุณก้าวเท้าออกจากบ้านย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่เราต้องเข้าไปติดต่อเขา พวกเขาก็เป็นคนเดินเข้ามาหาเราเอง และส่ิงเหล่านี้คือตัวแปรที่คุณควบคุมไม่ได้ ซึ่งบางคนในนั้นคือคนสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาล หลายครั้งที่เรานั่งฟังคนประสบความสำเร็จเล่าเรื่องราวชีวิตแล้วพบว่า นอกจากการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาจากการลงมือทำงานด้วยตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อปีนป่ายจนถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จแล้ว ผู้คนระหว่างทางก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นเช่นกัน คำพูดของใครบางคนจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Mind set ที่ยิ่งใหญ่หรือทำให้เขาสามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้ และนี่คือ 4 คนดังคุ้นหน้าที่เป็น Iconic ของความสำเร็จและบทสนทนาที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา 1st World Billionaire: Jeff Bezos ถ้าพูดถึงความสำเร็จระดับโลกจะลืมผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้ เพราะเขาคือเจ้าพ่อเว็บ E-commerce ชื่อดังอย่าง Amazon และได้รับการจัดอันดับจากสื่อใหญ่หลายเจ้าไม่ว่าจะเป็น Forbes และ Bloomberg ให้เป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงที่สุดของโลกในปีนี้ แน่นอนว่าเรื่องสัญชาตญาณและความเป็นอัจฉริยะของเขาจากการขึ้นตำแหน่งสำคัญตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี แต่จุดเปลี่ยนหนึ่งของเขาคือการได้พูดคุยกับหัวหน้าในครั้งที่เขาจะเสนอการ E-commerce ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเติบโตของธุรกิจกว่า 2300 % ในวันนั้น เจ้านายมาบอกว่าไม่มีวันทำได้สำเร็จ: “นายมีงานที่ดี ๆ ทำอยู่แล้วนะ ทั้งรายได้และเงินโบนัส คิดดี ๆ นะ” จากคำพูดนั้นที่เขาคุยด้วยทำให้เขาตัดสินใจลาออกและเลือกเดินหน้าทำตามฝันของตัวเอง โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก Mackenzie ผู้เป็นภรรยาให้ลงมือทำ เขาจึงเดินหน้าบุกเบิกและตะลุยมาเรื่อย
“รู้ไหมก่อนหน้านี้พี่ได้เงินเดือนแค่ 9,000 เราน่ะสบายแล้ว เงินเดือนตั้ง 15,000” เราเชื่อว่าชาว MILLENNIAL ที่เกิดมาในวันที่ความไฮเทคมากมายรายล้อม คงอยากเถียงแทบขาดใจกับคำสบประมาทบางอย่างของรุ่นพี่ยุคก่อน ทั้งคำกล่าวหาเรื่องความอดทน วุฒิภาวะการทำงาน หรือที่ร้ายกาจกว่านั้นคือเรื่องการจัดการเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ว่าเป็น Generation แห่งความฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินไม่เป็น เพราะทุกวันนี้ชาว MILLENNIAL จำนวนไม่น้อยกำลัง Run The World ด้วยการเป็นนักช้อปขาใหญ่ของตลาด ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่มีอายุนอกช่วงระหว่าง พ.ศ. 2524 และ พ.ศ. 2539 เราขอให้คุณเปิดใจมาอาบน้ำเย็น รับความต่างเผชิญหน้าเพื่อสร้างความเข้าใจกับปัญหาหนี้สินของเหล่ารุ่นน้องที่อาบ “น้ำเย็น” มาทีหลังจาก 6 เหตุผลเหล่านี้ แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตของพวกเขามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ไม่ต่างจาก “น้ำร้อน” ที่คุณอาบมาก่อนที่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ส่วนชาว MILLENNIAL ถ้าคุณได้อ่านแล้ว จะออกมาให้ความเห็นหลังอ่านจบก็ได้ว่าสิ่งที่คุณเจอมันเป็นแบบนี้จริงไหม ผู้เขียนหวังว่านี่จะเป็นพื้นที่ปะทะทางความคิดเพื่อความเข้าใจ เพราะ “เงิน” ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเกิดมาในยุคไหนก็ตาม เด็กที่เกิดในยุคข้าวยากหมากแพง ตั้งแต่เกิดมา ชาว MILLENNIAL แทบไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า
“THE FIRST STEP IS THE HARDEST.” ก้าวแรกยากที่สุด ยังเป็นประโยคที่ใช้ได้จริงกับคนที่อยู่ในทุกวงการเพราะไม่ว่าพวกเราจะแตกต่างกันแค่ไหน สุดท้ายเราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกันคือการตัดสินใจเพื่อ “เลือก” ที่จะ “ทำ” หรือ “ไม่ทำ” อะไรบางอย่างเสมอ เช่นเดียวกับการตัดสินใจสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนฝันไว้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงเพราะต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากมากมายโดยเฉพาะเรื่องการเงิน ครั้งนี้ UNLOCKMEN ขอชวนทุกท่านมาร่วมพูดคุยกับกลุ่มคนที่มีส่วนสำคัญต่อการทำธุรกิจของเราทุกคนอย่างธนาคาร ที่ล่าสุดสามารถคว้าความสำเร็จระดับโลกในวงการธนาคารมาครองจากการสร้างสรรค์ “Start Biz” นวัตกรรมแอปพลิเคชันชวนทึ่ง! ล้างระบบการทำธุรกรรมจากปึกเอกสารมาใช้ลายเซ็นแค่ลายเซ็นเดียวลงบน iPad (อย่าเซ็นเยอะ กลัวนิ้วล็อก) ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เกิดจากความกล้า บ้าพลัง ใส่ใจลูกค้า และกัดไม่ปล่อยของทีมงาน ซึ่งก่อตัวขึ้นจากแนวคิดที่เราทุกคนต้องหลงรัก นี่คือโฉมหน้าของเสาหลักทีมผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ทางการเงินครั้งแรกในระดับโลกที่เรามีโอกาสร่วมพูดคุยด้วยทั้ง 5 คน ทีมที่รวมตัวกันจากต่างฝ่ายเพื่อร่วมงานด้วยคอนเซปต์ Agile และสร้างความสำเร็จระดับโลกที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ในครั้งนี้จาก SCB 1. คุณอาทิตย์ ศรีอัมพร (ตี้) – Commercial Banking Solutions Team 2. คุณบุณณพัฒน์ แก้วสถิตย์ (จอม)
ผู้ชายอย่างเราร้อยทั้งร้อยถ้ามีรถส่วนตัวใช้มักต้องทำหน้าที่สารถีมาจนเคยชิน ว่ากันตามตรงต่อให้รถสมรรถนะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่การอยู่หลังพวงมาลัยนาน ๆ ก็ทำให้เพลียได้เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าอีกมุมโลกประดิษฐ์รถอัจฉริยะที่สามารถขับขี่เองได้สำเร็จและอยู่ระหว่างการทดลอง เราเลยรู้สึกโล่งอกที่ปัญหานี้จะหมดไป ทว่าไม่ใช่แค่ความสะดวกสบายเท่านั้นที่เข้ามา เพราะอีกมุมเจ้ารถไร้คนขับมันส่งผลกระทบด้านการทำธุรกิจด้วย ลองนึกภาพเล่น ๆ ว่าถ้ารถยนต์แบบนี้เข้ามาในบ้านเรามันจะมีผลกระทบกับอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน UNLOCKMEN นำข้อมูลนี้มาฝากจาก CBINSIGHT บอกได้เลยว่าหลายอุตสาหกรรมเป็นประเภทธุรกิจที่เราเองก็คาดไม่ถึง พร้อมแล้วอย่ารอช้า เก็บคำตอบที่คิดไว้ในใจ แล้วไปชมอุตสาหกรรมทั้ง 10 ธุรกิจ ที่ต้องเตรียมรับความสั่นสะเทือนระดับ 10 ริกเตอร์จากรถไร้คนขับได้เลย 1. ประกันภัย ด้วยความที่การขับขี่แบบไร้คนขับมันต้องได้รับการออกแบบมาให้มีวิจารณญาณในการขับขี่มากขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขอุบัติเหตุจะลดจำนวนลง ทำให้คนประหยัดค่าประกันมากขึ้น รูปแบบการทำประกันภัยในยุคของรถอัจฉริยะเหล่านี้จึงอาจเปลี่ยนเป็นนโยบายประกันการใช้งาน (UBIs) ซึ่งจะเรียกเก็บเงินจากผู้บริโภคตามระยะทางที่พวกเขาขับรถ 2. ธุรกิจซ่อมรถ เรื่องซ่อมรถก็มีผลกระทบตามมา ช่างที่เคยทำเงินจากการซ่อมรถจากนี้งานนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่เคย เพราะเมื่อคนขับไม่ได้ขับ ปัจจัยความประมาทไม่เกิด การซ่อมก็น้อยลงตาม ที่สำคัญความไฮเทคยังกลบเรื่อง Human error ที่เราเจอทุกวันนี้ได้ด้วย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า อนาคตเราจะมีสตาร์ทอัพที่คิดระบบการตรวจสอบสภาพรถ เวลามีปัญหาเรื่องระยะทาง ความเสื่อมล้อ ลมยาง ฯลฯ เจ้า AI ที่ติดตั้งจะเตือนเราล่วงหน้า จากเดิมที่กว่าจะรู้เครื่องก็พังต้องเสียเงินก้อนใหญ่กลายเป็นจ่ายแค่ก้อนเล็ก
นัดยากกว่าหญิงก็ “เพื่อน” นี่แหละ เรื่องนี้เชื่อว่าพวกเรารู้กันดี โดยเฉพาะถ้าแก๊งใหญ่ คนเยอะ เรื่องและเหตุผลการเลื่อนนัดก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ต่อให้นัดล่วงหน้าไปเป็นเดือน ก็ยังมีโอกาสโดนเบี้ยวได้อยู่ดี ต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้เรานัดเพื่อนมาเจอไม่ค่อยได้มักไม่พ้นเหตุผลเดิมอย่างการต้องมานั่งเสนอว่าจะกินข้าวที่ไหน บรรยากาศร้านเป็นอย่างไร จะหาที่นั่งกินข้าวนั่งคุยกัน หรือร้านเหล้าสักร้านไว้ปาร์ตี้กระดกน้ำเมาแทน ไหนจะเรื่องแชร์โลเคชั่นให้เปิด GPS เดินทางไปร้านอีก เพราะทุกอย่างมันมีผลต่อการตัดสินใจ เหนือสิ่งอื่นใดส่วนที่ยากที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องนั่งรอโหวตเรียกเพื่อนที่ไม่ค่อยอ่านโซเชียลให้มันมาลงคะแนน ล่าสุด Google เขาเห็นความอลหม่านของคนเดินทาง เลยออกโรงมาแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของ Google Map ที่ทำให้นัดมีทติ้งกันได้อย่างสนุกสนานขึ้น รวดเร็วขึ้น สามารถโหวตได้เลย ปัดหมุด ช่วยประหยัดเวลามานั่งแชต นั่งอ่านทุกคอมเมนต์กันไปมาระหว่างทำงานหรือธุระอย่างอื่น ถ้าอยากรู้ว่ารูปแบบของมันจะง่ายแค่ไหน ลองให้ภาพเล่าเรื่องทั้งหมดนี้เลยดีกว่า SCOUT PLACES TO GO ค้นหาสถานที่เพื่อเติมความบันเทิงได้ทันทีใน Google Maps อยากไปเที่ยวแบบไหนก็เลือกแนวนั้น แต่สามารถเลือกได้หลายร้านไว้ทำ shortlist ให้เพื่อนเลือกพร้อมกันหลายร้าน SHARE IT WITH YOUR GROUP เลือกร้านเสร็จก็ถึงเวลาเตรียมแชร์ให้เพื่อนฝูงเตรียมโหวตลงความเห็น ADD OR DELETE PLACES
แม้เลือดข้นกว่าน้ำ แต่เงินอาจบ่อนทำลายทุกอย่าง ก่อนจะเข้าเรื่องกงสีเลือดนอกจอเราขอปูพื้นฐานกันสักนิด สำหรับใครที่เป็นลูกหลานจีนคงคุ้นเคยกับคำว่า “กงสี” กันดีอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่ค่อยอินกับเรื่องนี้เท่าไหร่อธิบายความหมายและคอนเซ็ปต์ระบบให้เข้าใจกันตรงนี้ว่าคำว่า กงสี (公司) เป็นคำในภาษาจีนที่แปลว่า กิจการหรือกองกลางของตระกูลที่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายของการมีกงสี คือความเกื้อกูลกันภายในครอบครัวและการสืบสานความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองของตระกูล แต่ความเหลื่อมล้ำที่ตกทอดทางวัฒนธรรมทั้งเรื่องเพศและลำดับอาวุโสก็กลายเป็นหนึ่งในประเด็นความขัดแย้ง อีกทั้งเมื่อเปลี่ยนรุ่นคนครอบครอง เจตนารมณ์ของคนที่กอดคอกันมาก็อาจจะสูญสลายไปตามกาลเวลา เหลือแค่การยื้อแย่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น และนี่คือ 3 ตระกูลดังเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยกับประเด็นความขัดแย้งเรื่องกงสี ที่บ้างก็ยังคงคุกรุ่นอยู่และบ้างก็จางหายไปจากหน้าสื่อแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN ขอ RECAP เรื่องเล่าเปิดซีรีส์ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่คุณอาจยังไม่เคยรู้เหล่านี้ ตระกูลชัยผาติกุล: ไผ่ทองที่กินของจริงหรือของก๊อป? ไอศกรีมละลายในปาก แต่ดราม่าไม่มีวันละลาย กับข่าวที่หลายคนสงสัยเรื่องแบรนด์เจ้าของการค้า “ไอศกรีมไผ่ทอง” ที่เข็นผ่านหน้าบ้านเราตอนสาย ๆ ว่าอันไหนจริงอันไหนเก๊ เพราะหนึ่งในนั้นขึ้นโพสต์เตือนว่าอีกฝ่ายเป็นของปลอม ทว่าเมื่อสืบค้นกันไปมากลับกลายเป็นว่าทั้ง 2 แบรนด์ดันเป็นพี่น้องกันเสียได้ แต่โลโก้และการสะกดที่แตกต่างกันตามภาพ มูลค่าธุรกิจ : 111 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ย. 61) ความขัดแย้ง : สงครามแย่งแบรนด์สินค้าจากรุ่นแรก คือ