ในช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 กำลังรุนแรง โรงพยาบาลหลายแห่งต่างประสบปัญหาเรื่องการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายพันคนทุกวัน เครื่องมือตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น จึงได้รับความสนใจมากขึ้น และตอนนี้รัฐบาลได้อนุญาตให้อุปกรณ์ตรวจที่น่าสนใจตัวหนึ่งชื่อว่า ‘Rapid Antigen Test’ เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในการตรวจหาเชื้อไวรัสแล้ว UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักเจ้าอุปกรณ์ตรวจนี้ให้มากขึ้น Rapid Antigen Test คือ อะไร ? ‘Rapid Antigen Test’ เป็นหนึ่งในวิธีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อย่างรวดเร็ว (Rapid Test) ที่มีลักษณะเป็น swab test หรือ การตรวจหาสารพันธุกรรรมของเชื้อในระบบทางเดินทางหายใจ โดย Rapid Test ประกอบไปด้วย 2 ประเภท ได้แก่ ‘Rapid Antigen Test’ และ ‘Rapid Antibody Test’ โดยทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกัน Rapid Antigen Test จะตรวจโดยการค้นหาโปรตีนของไวรัส
ปัญหาเรื่องการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อมนุษย์ทุกคนได้มากมาย ผลร้ายของมัน ไม่ว่าจะเป็น ทำให้ไม่มีแรงในการใช้ชีวิต ขาดสมาธิในการทำงาน เคยทำชีวิตของใครหลายคนพังมานักต่อนัก และยิ่งไปกว่านั้น ปัญหานี้อาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาได้อีกเช่นกัน UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำเทคนิคจาก NASA ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น บอกเลยว่าใครที่นอนหลับยาก ไม่ควรพลาดบทความนี้ด้วยประการทั้งปวง !! เริ่มจากสร้างตารางชีวิตประจำวัน เคยสงสัยไหมว่าบางครั้ง นอนเยอะ นอนหลายชั่วโมงแล้ว แต่ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกง่วงอยู่ นั่นอาจเป็นเพราะร่างกายของเรารับรู้เวลารับตื่นไม่ถูกต้อง ร่างกายของเรามีระบบที่เรียกว่า ‘นาฬิกาชีวิต’ (Biological Clocks) ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมช่วงเวลาตื่นและหลับของเรา โดยการหลั่งฮอร์โมนและสารต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้เราเรารู้สึกง่วง (เมื่อถึงเวลานอน) หรือ ตื่นตัว (เมื่อถึงเวลาตื่น) หากเรานอนไม่เป็นเวลา นอนดึก ตื่นสาย นาฬิกาเรือนนี้สามารถเกิดความผิดปกติขึ้นมาได้ และอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น โรคนอนไม่หลับ หรือ อาการเหนื่อยล้า ขึ้นมาได้ด้วย การกำหนดตารางเวลาตื่นนอน จะช่วยให้เรานอนเป็นเวลา และป้องกันไม่ให้นาฬิกาชีวิตผิดปกติ ซึ่งเวลาทำตารางเวลาควรให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมชาติของนาฬิกาชีวิต และพฤติกรรมการนอนของตัวเอง อีกทั้งควรมีการระบุเรื่องวิธีการเปิดไฟ การกินอาหาร การออกกำลังกาย และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการนอนของเราด้วย เพื่อให้เราสามารถลงมือทำจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคยรู้สึกไหมว่า ยิ่งเราโตขึ้น สมองของเรายิ่งเฉื่อยชาลงทุกวัน ? ถ้ารู้สึก มันอาจเป็นเพราะเราไม่ได้ทำกิจกรรมที่เพิ่ม ‘ความยืดหยุ่นของสมอง’ (Neuroplasticity) ส่งผลให้สมองไม่มีการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ หรือ เรียกว่าไม่มีพัฒนาการใด ๆ และเกิดอาการเฉื่อยชาขึ้นมา UNLOCKMEN จึงอยากมาแนะนำกิจกรรมที่จะช่วยให้สมองของเรามีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมันจะช่วยให้เราทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเดิมด้วย จดจำคำศัพท์ใหม่ทุกวัน หากคุณกำลังเรียนภาษาต่างประเทศอยู่ คุณอาจมีสมองที่ดีกว่าคนอื่น เพราะงานวิจัยบอกว่าการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ทำให้สมองพัฒนาขึ้นได้ อ้างอิงงานวิจัยของ Tom A F Anderson จากมหาวิทยาลัย National Central University ที่ศึกษาผลของการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ที่มีต่อการทำงานสมอง และพบว่า การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ช่วยพัฒนาความจำเพื่อใช้ปฎิบัติงาน (Working Memory) รวมถึงความสามารถในการสื่อสารกับคนรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกใช้มือข้างที่ไม่ถนัด หากเราเป็นคนที่ถนัดมือขวา ลองฝึกใช้มือซ้ายในการทำสิ่งต่าง ๆ ดู ไม่ว่าจะเป็น แปรงฟัน เขียนหนังสือ หรือ จับเมาส์ การฝึกฝนมือข้างที่ไม่ถนัดจะช่วยให้สมองเกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นได้ สามารถสร้างวิถีประสาทใหม่ (neural pathways) ได้มากขึ้น และยังช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสามทมีความแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย นั่นหมายความว่าสมองของคุณจะทรงพลังมากกว่าเก่า ฝึกโยนลูกบอลสลับมือ การฝึกโยนลูกบอลสลับมือ หรือ
หลายคนเวลาเริ่มทำงานกลุ่ม หรือ โปรเจ็กต์ อาจประสบกับปัญหาสมองค้าง เพราะต้องรับข้อมูลมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี หรือ บางคนอาจเริ่มจากการรวบรวมความคิดเห็นของสมาชิกในนกลุ่มทุกคนก่อน ก่อนที่จะพบว่าทุกคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันจนไม่สามารถหาจุดตรงกลางได้ การคิดไอเดียมักเป็นเรื่องยากเสมอ UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำวิธีการที่เรียกว่า HMW ซึ่งจะช่วยให้เรามองปัญหาถูกจุด และคิดไอเดียการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น HMW คืออะไร HWM เป็นวิธีการคิดแก้ปัญหาที่ได้รับความนิยมในหมู่ดีไซนเนอร์ มันมักถูกใช้ในเวลา brainstorming เพื่อทำโปรเพื่อเจ็กต์ใหญ่ หรือ คิดกลยุทธ์ในการทำงาน โดย HMW เป็นคำย่อของประโยคภาษาอังกฤษ How might we ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “เป็นไปได้ไหมที่จะ…” คนมักจะเขียนประโยคนี้ลงในโน้ตหรือโพสอิท เพื่อสำรวจว่ามีอะไรคือปัญหาที่ควรแก้ไข หรือ สิ่งที่เราควรทำให้สำเร็จ ซึ่งมักใช้งานได้ดี เพราะการตั้งคำถามมักทำให้คนคิดถึงปัญหาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น มองเห็นปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น ช่วยให้คิดวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามมา ดังนั้น หากทุกคนสามารถ HMW ไปใช้ได้ จะสามารถแก้ปัญหา และคิดไอเดียได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน วิธีการนำ HMW ไปใช้ เริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำโน้ต HMW ก่อน ได้แก่ โพสอิท อุปกรณ์ในการเขียนหนังสือ
มนุษย์ใช้ประโยชน์จากอารมณ์ขัน (humor) มานานกว่าหลายพันปี และพบว่ามันมีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ช่วยคลายความเครียด หรือ ช่วยให้เข้าสังคมได้ดีขึ้น ฯลฯ แต่การเล่นมุกมันก็มีความยากอยู่ เพราะมันต้องคำนึงถึงบริบท เวลา และความเหมาะสมในการเล่นมุกด้วย หากเราละเลยเรื่องเหล่านี้ไป เราอาจได้รับผลเสียจากการทำตัวตลกได้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจว่า ผู้นำควรใช้มุกตลกตอนไหนดี ถึงจะไม่ดูน่าเกลียด และส่งผลดีต่อการทำงานมากที่สุด ประโยชน์และโทษของมุกตลก งานวิจัยหลายชิ้นได้ศึกษาและค้นพบประโยชน์ของการใช้ อารมณ์ขัน หรือ มุกตลก ในการสื่อสาร การทำงาน หรือ การเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็น ช่วยให้กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ลดความเครียด ให้ประโยชน์ด้านการเรียนหนังสือ (เช่น เด็กนักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น หรือ มีความสุขกับการเรียนมากขึ้น) รวมไปถึง ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ หรือ ช่วยให้วัฒนธรรมการทำงานดีขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อเราใช้มุกตลกผิดประเภท หรือ ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ มันก็ทำให้เกิดโทษได้เหมือนกัน เช่น การใช้มุกตลกเกรี้ยวกราดในการสอนหนังสือ อาจทำให้เด็กเรียนรู้ได้แย่ลง หรือ การใช้มุกตลกเวลาพูดถึงปัญหาทางการเมืองและสังคม ก็อาจทำให้ผู้นำเสียเครดิต และกลายเป็นคนที่ไม่จริงจังในสายของคนทั่วไปได้ อีกทั้งการใช้มุกตลกสามารถส่งผลเสียต่อการทำงานได้เหมือนกัน ถ้าเราโฟกัสกับมันมากเกินไป
ทุกคนคงเคยมีช่วงเวลาแย่ ๆ ในชีวิต ซึ่งแต่ละคนได้รับผลจากมันแตกต่างกัน บางคนอาจเครียดจากเรื่องเหล่านั้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อาจมีภาวะซึมเศร้า และร้ายกว่านั้นบางคนอาจคิดถึงการฆ่าตัวตายอย่างหนัก หรือที่เรียกกันว่าเกิด Suicidal Ideation ขึ้นมา ในบทความนี้เราอยากมาพูดถึงวิธีการรับมือกับอาการ Passive Suicidal Ideation หรือ Passive Death Wish ซึ่งเป็นปัญหาที่อยู่ใกล้ตัว และทุกคนควรรู้จักวิธีรับมือกับมัน What is Passive Suicidal Ideation Passive Suicidal Ideation ถือเป็นประเภทหนึ่งของ Suicidal Ideation หรือ อาการที่เราหมกหมุ่นกับความคิดฆ่าตัวตายอย่างหนักจนจิตใจเราห่อเหี่ยว และมีอาการต่าง ๆ เช่น คิดถึงวิธีการฆ่าตัวตาย หรือ ความตายของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นต้น ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากภาวะซึมเศร้า ความเครียด เจอเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างคนรักตาย หรือ การรับประทานยาบางประเภท เช่น antidepressant อาการของ Suicidal Ideation จะมีทั้งหมด 2 ประเภท
ใครที่ชอบดื่มน้ำกระป๋อง ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ น้ำอัดลม หรือ กาแฟ UNLOCKMEN มี Gadget อันหนึ่งที่น่าสนใจอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก มันมีชื่อว่า Draft Top ซึ่งเป็นอุปกรณ์เปิดกระป๋องน้ำที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ชาวเมืองนิวเจอร์ซีย์คนหนึ่งชื่อว่า Armand Ferranti ได้ริเริ่มโครงการระดมทุนในเว็บไซต์ Kickstarter เพื่อรวบรวมเงินไปพัฒนาและผลิตอุปกรณ์เปิดกระป๋องสุดเจ๋งชื่อว่า ‘Draft Top’ ซึ่งเขาเคลมว่ามันจะเป็น bar tool ชิ้นแรกของโลกที่สามารถเปิดกระป๋องเครื่องดื่มอลูมิเนียมได้ และจะช่วยยกระดับประสบการณ์การดื่มเบียร์กระป๋องของนักดื่มให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเขาได้ใช้ในการเวลาพัฒนามันมานานกว่า 3 ปี สำหรับแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาสามารถผลิตอุปกรณ์นี้ มาจากช่วงที่เขากำลังเรียนที่โรงเรียนการบินในเซาท์แคโรไลน่า เขามีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เอนจอยกับการดื่มเบียร์กระป๋องโดยใช้ฟันตัดฝากระป๋องเบียร์ ช่วงนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองชิมเบียร์กระป๋องแบบไม่มีฝา และสามารถดื่มเบียร์กระป๋องแบบได้รสชาติเต็ม ๆ เพราะในระหว่างที่เขาดื่ม เขาได้กลิ่นอโรม่าของเบียร์อย่างเต็มที่โดยไม่มีฝากระป๋องมากันมันไว้ เขาเก็บประสบการณ์นี้ไว้ในความทรงจำ จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกหลายปี เขาได้ลองเปิดไวน์โดยใช้ที่ตัดฟอยล์ (Foil Cutter) ซึ่งพอเขาหมุนอุปกรณ์จนสามารถตัดฟอยล์ขาดและสามารถเปิดจุกไวน์ได้อย่างง่ายดายแล้ว เขาก็เกิดไอเดียขึ้นมาว่าทำไมเขาถึงไม่ลองทำอุปกรณ์ที่สามารถตัดฝาด้านบนของกระป๋องเบียร์ได้ดูละ และเกิดเป็น Draft Top ขึ้นมาหลังจากนั้น สำหรับ Draft Top เรียกได้ว่าเป็นโครงการระดมทุนที่ประสบความสำเร็จมากทีเดียว เพราะจนถึงปัจจุบันมีผู้สนับสนุนโครงการแล้วกว่า
หลายคนเวลาไถ่หน้าฟีดโซเชียลมีเดีย ฟังวิทยุ หรือ เปิดทีวี มักจะรับรู้แต่ข่าวร้ายที่สื่อเผยแพร่ให้เรา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไปจนถึง โรคระบาด หรือ อาชญากรรม ซึ่งการรับข้อมูลเหล่านี้มาก อาจทำให้รู้สึกว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของความสุข และการเผยแพร่พลังงานบวกในเวลานี้อาจเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะมันจะทำให้คนอื่นจะมองพวกเขาเป็น Ignorant หรือ คนที่ไม่สนใจโลกได้ บางคนเวลามีความสุข จึงพยายามทำพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อบดบังความรู้สึกของตัวเอง เช่น เสแสร้งว่าตัวเองโศกเศร้า หรือ ไม่สนใจความสุขของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบไป และไม่มีความสุขในชีวิตตามมา อาการนี้มีชื่อเรียกว่า Happiness Guilt และอาจส่งผลเสียต่อเราได้หลายอย่าง เช่น ทำให้เรามีความสุขได้ไม่เต็มที่ หรือ ทำให้เราไม่สามารถแสดงความจริงใจกับคนอื่นได้ เราเลยอยากมาแนะวิธีการรับมือกับอาการ Happiness Guilt ให้อยู่หมัด อย่าจมกับความรู้สึกแย่ Happiness Guilt มักทำให้เราไม่สนใจความสุขของตัวเอง เช่น พยายามซ่อนมัน หรือ ไม่สนใจมัน ซึ่งส่งผลให้เราไม่มีความสุขในชีวิต และเสี่ยงต่อการเป็นซึมเศร้ามากขึ้น เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของเรา
ในขณะที่เรากำลังใช้ชีวิตตามปกติ เราเริ่มจะรู้สึกโอเคกับของที่ใช้ รายได้ที่มี แต่เมื่อเราเปิด Instagram หรือ Facebook เราก็ได้เห็นผู้คนใช้ชีวิตหรูหรา ทุกคนขับ Porsche ราวกับเป็นรถเริ่มต้นที่คนควรจะมี หรือทริปเรือ yatch กลางทะเลเป็นกิจกรรมวันหยุดปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน ทันใดนั้นจากความสุข เรากลับรู้สึกทุกข์เพราะคิดว่าสิ่งที่มีอยู่ยังไม่พอ มันทำให้เราเกิดความสงสัยว่าคนอื่นมีรายได้เท่าไหร่ จากไหน และใช้เงินทำอะไรมากน้อยแค่ไหน และกลายเป็นความเครียดจากการเปรียบเทียบด้านการใช้เงิน ซึ่งเป็นความเครียดที่มีเพิ่มมากขึ้นในยุคที่ผู้คนนิยมเปิดชีวิต (ด้านดี) ผ่าน Social Media เป็นยุคที่ความอิจฉาเกิดขึ้นได้ง่าย อิจฉาได้ทุกเรื่อง คนนั้นทำงานน่าอิจฉา คนนู้นมีรถน่าอิจฉา คนนี้กินอาหารหรูน่าอิจฉา Aristotle เคยพูดไว้ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนว่า มนุษย์รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นคนอื่นมีชีวิตที่ดีกว่า ขนาดในยุคที่ไม่มี Social Media ไม่มีการสื่อสาร เจ้าเมืองต่าง ๆ ยังยกกองทัพไปตียึดครองเมืองกันเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีชีวิตที่ดีกว่า Ethan Kross, professor of psychology, University of Michigan บอกว่าทุกวันนี้ Social media
ในยุคนี้เราพูดคุยกับคนแปลกหน้ากันง่ายขึ้น เพราะเรามี Social Media ที่ทำให้เราเข้าถึงคนทั่วทุกมุมโลกได้อย่างง่ายดาย แต่นอกจากจะทำให้เราคุยกันได้ง่ายขึ้นแล้ว มันยังทำให้เราจีบกันได้ง่ายขึ้น และโดน Breadcrumbing ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ความหมายของ Breadcrumbing Breadcrumbing หมายถึง พฤติกรรมการอ่อยที่คนทำไม่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟน แต่เพื่อล่อลวงให้อีกฝ่ายสนใจตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดย Breadcrumbing อาจมาในรูปแบบของการส่งข้อความหวาน ๆ โทรหากัน หรือ นัดเดท แต่ไม่เคยมีอะไรที่คืบหน้าไปมากกว่านั้น ซึ่งพอเวลาผ่านไป เหยื่ออาจเกิดความงุนงงในสถานะความสัมพันธ์ และอาจสะสมความเจ็บปวดเอาไว้ในส่วนลึกได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้คน Breadcrumbing นั่นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ต้องการหาคนคุยแก้เหงา อยากรักษาใครสักคนไว้เป็นทางเลือก หรือ ยังไม่พร้อมที่จะตัดความสัมพันธ์เลยยื้อไว้ก่อน ฯลฯ ถ้าเราเข้าใจเบื้องหลังพฤติกรรมของพวกเขาจะช่วยให้เรารับมือกับ Breadcrumbing ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เราควรสังเกตคนที่เข้ามาจีบเราด้วยว่าทำให้เรารู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้รึเปล่า อีกฝ่ายไม่พยายามพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเรา เช่น เวลานัดเดท เขามักยกเลิก หรือ ไม่มาตามนัดเสมอ อีกฝ่ายทำให้เราสับสนในสถานะความสัมพันธ์ อีกฝ่ายมักทำให้เราสนใจแล้วก็หายไปแบบดื้อ ๆ เช่น ใช้เวลาตอบข้อความนาน เราไม่เข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่าย ถ้าคุณตอบใช่หลายข้อ คุณอาจกำลังโดน
ในปีนี้เรายังคงเจอปัญหาอะไรหลายอย่างที่ต่อมาจากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น COVID-19 หรือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิต และวิธีการทำงานของเรา หัวหน้าต้องมีความสามารถมากขึ้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้ทักษะประชุมทางไกล หรือ การบริหารงานจากบ้าน ฯลฯ ซึ่งบทความนี้ UNLOCKMEN อยากมาแนะนำ 5 ทักษะที่หัวหน้าทุกคนควรฝึกฝนเพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทักษะที่ 1: ความเห็นใจคนอื่น (Empathy) แน่นอนว่าคนที่เป็นหัวหน้าต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึง ทักษะในการพูดโน้มน้าวใจเพราะพวกเขาต้องทำงานร่วมกับทีมไม่ใช่ทำงานแบบลุยเดี่ยว การรู้จักวิธีการพูดคุยกับคนอื่นเพื่อให้เกิดงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ความสามารถในการคุยเรื่องงานอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะช่วงนี้จิตใจของคนอยู่ในช่วงเปราะบางเพราะวิกฤต ซึ่งส่งผลให้พนักงานหลายคนอาจเบิร์นเอ้าท์กันง่ายขึ้น Empathy หรือ ความเห็นใจคนอื่น จึงกลายเป็นคุณสมบัติที่หลายคนต้องการในหัวหน้ามากขึ้น เพราะถ้าหัวหน้าเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก หรือ ปัญหาส่วนตัวที่ลูกน้องกำลังเผชิญอยู่ และสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม นอกจากลูกน้องจะรู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้นแล้ว พวกเขาจะมีความสุขในการทำงานมากขึ้นด้วย ทักษะที่ 2: ความคล่องแคล่วทางอารมณ์ (Emotional Agility) อารมณ์มักเป็นอุปสรรคต่อการทำงานรอยู่เสมอ โดยเฉพาะการทำงานของหัวหน้า ถ้าหัวหน้าตัดสินใจทุกอย่างด้วยอารมณ์ และใช้เหตุผลน้อย โอกาสที่การตัดสินใจจะผิดพลาดและธุรกิจได้รับผลกระทบก็มีสูงขึ้น หัวหน้าจึงต้องพัฒนา
ช่วงนี้คนที่อยู่คนเดียวอาจรู้สึกเหงาหรือดาวน์กันบ้าง เพราะช่วงนี้จะไปเที่ยวไหนก็ลำบาก ต้องอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ซึ่งอาจส่งผลให้สุขภาพจิตเสียได้ UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำแอปพลิเคชั่นมือถือที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถคลายเหงาได้เวลาอยู่บ้าน QUARANTINE CHAT Extroverts คนไหนที่ช่วงนี้รู้สึกเหี่ยวเฉา เพราะไม่ได้ออกไปปาร์ตี้ หรือ ไปเที่ยวผจญภัยข้างนอกบ้าน และขาดการพูดคุยกับญาติสนิทมิตรสหายมาเนินนาน เราขอแนะนำให้ลองใช้ Quarantine Chat ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ได้รับการพัฒนาโดย Danielle Baskin และ Max Hawkins นักสร้างสรรค์มัลติมีเดียที่อาศัยอยู่ในยุโรป ซึ่งแอปนี้เกิดขึ้นมาเพื่อให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุค COVID-19 สามารถหาเพื่อนคุยระบายความเหงาในช่วงกักตัวได้ง่ายขึ้น โดยมันจะสุ่มให้เราได้คุยกับคนแปลกหน้าที่กำลังกักตัวอยู่เหมือนกันเพื่อคลายความโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการลงทะเบียน ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://quarantinechat.com/ TALK LIFE สำหรับคนเหงาที่อยากระบายความรู้สึกในใจของตัวเอง เราขอแนะนำให้ลองใช้ TalkLife ซึ่งเป็นแอปที่ช่วยให้เราสามารถระบายความรู้สึกแย่ที่อยู่ในใจออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็น ซึมเศร้า ความกังวล ความเครียด รวมไปถึง ความเหงา แอปนี้เกิดขึ้นมาเพื่อให้คนกลัวการพูดถึงความรู้สึกแย่ ๆ ของตัวเองน้อยลง โดยมันจะทำตัวเป็นเหมือนคอมมิวนิตี้ที่มีคนเข้ามาระบาย รับฟังปัญหาของคนอื่น แลกเปลี่ยน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.talklife.com/ MindDoc ใครที่ไม่ชอบการพูดคุยกับคนอื่น