ถ้าพูดถึงอาชีพนักแสดง คนส่วนใหญ่ที่มีหน้าที่เป็นผู้ชมมักมองข้ามถึงความยากก่อนจะมาเป็นภาพยนตร์หรือละครสนุก ๆ ให้เราได้รับชม เพราะภาพที่คนส่วนใหญ่เห็นคือนักแสดงที่มีคนคอยดูแลจัดการทุกอย่าง มีคนคอยกางร่มให้ มีคนแต่งหน้าให้ แถมยังเป็นอาชีพที่ใคร ๆ ก็มองว่าได้เงินง่าย หลาย ๆ สิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของนักแสดงดูเป็นอาชีพที่ได้เงินง่ายแถมมีคนคอยเอาใจอยู่เสมอ แต่น้อยคนนักที่จะเห็นถึงความยากลำบากที่นักแสดงก็ต้องพบเจอด้วยเช่นกัน ในวันนี้ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับนักแสดงมากความสามารถอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ ที่ทำให้เราได้รู้ว่าภายใต้อารมณ์ขันมากด้วยเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยมุ่งมั่นทุ่มเททั้งการทำงานและสิ่งที่รักไปพร้อมกัน ความจริงจังในการทำงานที่คนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็น จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของ มาริโอ้ เมาเร่อ มันเริ่มมาจากตรงไหน ? เริ่มมาจากตอนเด็ก ๆ ผมออกมาช่วยงานที่บ้านครับ บ้านของผมสมัยก่อนทำปั๊มน้ำมันผมก็เลยเป็นเด็กปั๊ม เติมน้ำมันอยู่แล้วก็มีแมวมองมาเห็นผม แต่ก่อนที่แมวมองจะเจอผมก็เคยไปแคสงานหลายที่นะครับแต่ว่าไม่ได้เลยเพราะผมขี้อาย สุดท้ายไปแคสหนังเรื่องแรกชื่อว่า ‘รักแห่งสยาม’ ที่ทำให้คนรู้จักโอ้ขึ้นมา การเข้าสู่วงการบันเทิงเป็นความฝันวัยเด็กของมาริโอ้รึเปล่า ? ไม่ได้เป็นครับ เพราะตอนเด็ก ๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องเข้าวงการเลย จริง ๆ แล้วผมอยากเป็นนักธุรกิจเพราะเห็นคุณพ่อทำธุรกิจแล้วเท่ แล้วผมก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วการทำธุรกิจไม่ใช่แค่นั่งเท่ ๆ อยู่ติดโต๊ะ แต่เราต้องจัดการอะไรหลายอย่าง พอเห็นพ่อแม่ทำก็เลยรู้สึกว่าอยากทำบ้าง แต่ด้วยจังหวะชีวิตทำให้เราได้ไปแคสติ้งภาพยนตร์ ตอนนั้นผมไม่ได้มองเรื่องการแสดงเลย คิดแค่ว่าจะเอาเงินไปซื้อสเกตบอร์ดเล่น ทุกเส้นทางของชีวิตต่างต้องเจอกับอุปสรรคและเรื่องราวที่ยากลำบาก
“ผมไม่ใช่คนตลก” อาจมีใครหลายคนออกตัวแบบนั้น อาจมีใครหลายคนที่บอกกับคนอื่น ๆ ว่าเรื่องมุกขำขัน เสียงหัวเราะ ความตลกและการเสียดสีเป็นเรื่องที่เขาไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ถ้า “ผมไม่ใช่คนตลก” คือประโยคที่ออกมาจากปาก น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พิธีกรมืออาชีพที่ใคร ๆ ก็ลงความเห็นว่าตลกหาตัวจับยาก เราคงส่ายหัวไม่เชื่ออยู่ในใจ แต่น้าเน็กบอกกับเราแบบนั้นจริง ๆ และเราก็ตกตะลึงเป็นครั้งที่หนึ่ง ก่อนจะตกตะลึงเป็นครั้งที่สองเมื่อน้าเน็กบอกว่าแม้เขาจะไม่ใช่คนตลก แต่สำหรับเขาความตลก อารมณ์ขันและเสียงหัวเราะเป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนชีวิตเขาไปสู่ความสำเร็จ สำหรับเขาความตลกจึงไม่ต่างจากปรัชญาและศาสตร์ล้ำลึกที่เขาตั้งใจเรียนรู้อย่างมุ่งมั่นและหนักหน่วงเพื่อทำให้ตัวเองแตกต่างและโดดเด่นออกมาในโลกและสมรภูมิการงานที่เชือดเฉือนกันอย่างดุเดือด เฮ้ย ถามจริง ความตลกนี่ต้องเรียนรู้กันขนาดนั้นเลยเหรอวะ? เราแอบอุทานในใจเพื่อไม่ให้น้าได้ยิน แต่เมื่อเขาบอกเราอย่างหนักแน่นว่าปรัชญาการทำงานอย่างหนึ่งของเขาคือการคิดอยู่ตลอดเวลาว่า “มันจะต่างออกไปในความเหมือนเดิมได้ยังไง?” เราก็เชื่อหมดใจว่าคนอย่าง น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พร้อมควานหา เสาะแสวงเพื่อตามหาหนทางที่ดีขึ้น แตกต่างขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ความตลกและเสียงหัวเราะที่แม้เขาจะไม่ใช่คนตลกโดยธรรมชาติ แต่ก็เรียนรู้มันในฐานะศาสตร์หนึ่งอย่างรอบด้านจนใช้ความตลกเป็นเครื่องมือได้อย่างมืออาชีพ จากโทรทัศน์สู่ออนไลน์ เพราะไม่ใช่คนตลกจึงหาหนทางใหม่ได้เสมอ เราเชื่อว่าใครหลายคนผูกภาพจำว่าน้าเน็กต้องมาพร้อมความตลก ดุเดือด จนเคยมีคำนิยามพิธีกรฝีปากคมผู้นี้ว่า “โลดโผน หัวสี ปราดเปรียว เกรี้ยวกราด” จากภาพลักษณ์วันวานในจอแก้วสู่รายการในโลกออนไลน์อย่าง อย่าหาว่าน้าสอน และ หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว ที่มีคนดูเป็นแสน ๆ