พูดถึงชื่อวง Oasis หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงเพลงอย่าง “Wonderwall” หรือ “Don’t Look Back In Anger” มาเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันคือเพลงที่โด่งดังมากที่สุดของวงร็อกจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แต่หากจะให้พูดถึงบทเพลงที่โชว์ความอัจฉริยะของ Noel Gallagher ในการครีเอตท่วงทำนองของดนตรีขึ้นมา จะต้องมีเพลง “All Around The World” อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน “All Around The World” คือผลงานจาก “Be Here Now” อัลบั้มที่ 3 ของวง Oasis ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1997 แต่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาให้ฟังทาง BBC Radio 1 ก่อนวันวางแผงอัลบั้ม 10 วัน แต่หากให้มองไปถึงแบ็คกราวน์ของ “All Around The World” แท้จริงแล้วมันเป็นบทเพลงที่ถูกทำไว้ตั้งแต่ปี 1992
ต่อเนื่องจากบทความครั้งที่แล้ว “11 อัลบั้มโคตรแรร์! ของวงการอันเดอร์กราวน์ไทยปี 2000-2005” มาต่อกันที่ผลงานที่กลายเป็นของหายากสำหรับวงการร็อกและเมทัลไทยในช่วงปี 2006-2010 จะเป็นของศิลปินวงใดกันบ้าง เราไปทำการขุดมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันแล้วครับ G6PD “PAST OF PIECES” (2006) G6PD วงดนตรีสไตล์เมทัลคอร์ จากเมืองล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ พวกเขาเติบโตมาจากวงการอันเดอร์กราวน์แบบขนานแท้ ก่อนจะได้รับโอกาสร่วมงานกับสังกัด Day One Records ที่ดูแลโดย สมศักดิ์ แก้วทิตย์ มือกลองของวงดอนผีบิน “Past Of Pieces” คืออัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขา ที่เต็มด้วยท่วงทำนองอันหนักหน่วง ทำลายล้าง มันส์ตั้งแต่เพลงแรกไปยันเพลงสุดท้าย แถมยังทำความเข้าใจกับเนื้อหาของเพลงได้ง่ายเพราะใช้ภาษาไทยในการเล่าเรื่องทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ G6PD สร้างรากฐานแฟนเพลงเมทัลเฮดไทยอย่างรวดเร็ว แทร็กแนะนำ : “เส้นทางความฝัน” IMAGINARY LIE (2007) หากพูดชื่อวง Imaginary Lie หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่หากพูดถึงชื่อวง No More Tear หลาย ๆ
เพิ่งจะเปิดการแสดงสดในบ้านเราถึง 2 รอบไปหมาด ๆ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี สำหรับ LANY วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ป๊อป/ร็อก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันที่ 3 พฤศจิกายน ตรงกับโชว์วันแรกของพวกเขา ทาง Unlockmen ก็ได้รับเกียรติให้เป็น 1 ใน 6 สื่อที่ได้เข้าไปนั่งสัมภาษณ์กับ 2 หนุ่ม Paul Jason Klein และ Jake Clifford Goss แบบ Exclusive สุด ๆ Lany ก่อตั้งวงเมื่อปี 2014 โดยเริ่มต้นกันมาทั้งหมด 3 คนด้วยกัน ได้แก่ Paul Jason Klein ร้องนำ/กีตาร์/คีย์บอร์ด, Jake Clifford Goss กลอง และ Charles Leslie
การกลับมาของอัลบั้มชุดที่ 6 (เลขจริงที่ไม่ได้ตั้งเอาชื่อมงคลแบบชุดที่ 8) ของวง POP ที่ม่วนที่สุดในค่ายห้องเล็ก Smallroom ชื่อ Tattoo Colour หลังจากที่หายจากการปล่อยอัลบั้มเต็มถึง 5 ปี แล้วก็ต้องบอกว่าพวกเขากลับมาอย่างสม ‘ศักดิ์ศรี’ จริง ๆ ทั้งการมีชื่อด้อมของตัวเองเป็นครั้งแรกว่า ‘ชาวนัวร์’ ไปจนถึงคอนเซปต์ของการทำอัลบั้ม ‘เรือนแพ ชุดที่ 6’ ที่ทั้ง 4 คนเช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพื่อตกผลึกเพลงของทั้งอัลบั้ม จนทำให้กลายเป็นอัลบั้มที่สำหรับแฟน ๆ แล้ว ใช้คำว่า ‘ใช่’ ได้อย่างสิ้นเปลืองที่สุด ย้อนเวลากลับไปในปี 2008 ตอนที่อัลบั้ม ‘ชุดที่ 8 จงเพราะ’ กำลังโปรโมทซิงเกิล ‘จำทำไม’ อยู่นั้น มันเป็นตอนเดียวกับที่ผู้เขียนกำลังนั่งเรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามัธยมปลาย ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาว่ากันว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญและยากที่สุดในชีวิตวัยรุ่น แต่เราก็โชคดี ที่มีเพลงของ Tattoo Colour เป็นเหมือนซาวด์แทร็คประกอบชีวิต ชุบชูจิตวิญญาณของเด็กคนนั้นให้การเติบโตอย่างไม่ยากจนเกินไปนัก และในปัจจุบันที่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว ความเป็นเด็กของเราก็ยังถูกซ่อนไว้ในความทรงจำที่มีร่วมกับเพลงของพวกเขาเสมอ จะเปิดเพลงไหน เปิดเมื่อไหร่
ฮิปฮอปแนวดนตรีที่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ในช่วงปี 1970’s นอกจากจะมีจังหวะดนตรีที่โดดเด่น อีกสิ่งที่มาคู่กันคือการร้องแร็ป ซึ่งในปัจจุบันมันก็ได้แตกแขนงออกมามากมาย แพร่กระจายไปทั่วโลกไม่เว้นในประเทศไทย ซึ่งในบ้านเรากระแสดนตรีฮิปฮอปก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยมในคนหมู่มากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นแร็ปเปอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมามากมาย แต่ถ้าหากให้พูดถึงกลุ่มศิลปินฮิปฮอปไทย ที่สร้างอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงให้กับศิลปินรุ่นหลังคงหนีไม่พ้น Thaitanium โดยเฉพาะอัลบั้ม “Thai Rider” ที่สร้างปรากฏการณ์ต่อวงการเพลงไทยได้มากมาย ด้วยสไตล์ที่เรียลและเท่ จึงไม่น่าแปลกใจที่อัลบั้มนี้จะถูกยกย่องให้เป็น “Pioneer” ของวงการฮิปฮอปในบ้านเรา และมันก็เพิ่งมีอายุครบรอบ 20 ปีไปหมาด ๆ ด้วยเหตุนี้ทาง Unlockmen จึงขอพาทุกคนไปเจาะลึกถึงแบ็คกราวน์ของ “Thai Rider” จากปากของสมาชิกทั้ง 4 คน ได้แก่ KH, SDthaitay, DABOYWAY และ BIG CALO มาฟังประสบการณ์ของการต่อสู้จากนิวยอร์กสู่กรุงเทพกันครับ AA CREW ก่อนจะมาสู่ Thaitanium หลาย ๆ คนอาจจะทราบกันดีว่าสมาชิกบางคนเคยมีผลงานเพลงกันมาก่อนแล้ว ได้แก่ ขันที่เคยทำฮิปฮอปดูโอ้ในชื่อ “ขันที” ส่วนเวย์ก็เคยอยู่กับ “Teen 8 Grade A” และนั่นมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงแต่อย่างใด
อีกหนึ่งทีมชาติในศึกฟุตบอลโลกที่มีคนเชียร์ในบ้านเราจำนวนไม่น้อย คงหนีไม่พ้น “อิตาลี” เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย และแชมป์ฟุตบอลยุโรปอีก 2 สมัย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีลีกอันแข็งแกร่งนามว่า “กัลโช่ เซเรียอา” ที่มีสโมสรยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Juventus, Inter Milan, A.C. Milan, Roma, Lazio และ Napoli นอกจากนั้นแล้วทีมชาติอิตาลียังมีประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาอย่างยาวนาน ผลิตนักเตะระดับตำนานมามากมาย เช่น Paolo Maldini, Franco Baresi, Roberto Baggio, Giuseppe Meazza, Paolo Rossi หรือ Dino Zoff เป็นต้น และยังมีเหล่าตำนานอีก 1 ชุดที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ณ ประเทศเยอรมนีนั่นเอง อิตาลี 2006 ที่อุดมไปด้วย นักเตะเก๋าประสบการณ์ ชุดนักเตะของทีมชาติอิตาลีที่ถูกคัดตัวไปโม้แข้งในศึกฟุตบอลโลกปี 2006 ภายใต้การคุมทีมของ Marcello Lippi
หนึ่งในรูปแบบ ‘อัลบั้มที่ดี’ สำหรับเรา คือการที่เพลงในนั้นมีหลาก Mood & Tone เพื่อที่จะสามารถเล่าเรื่องราวของคอนเซปต์อัลบั้มซึ่งถูกคิดเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แล้วจากจุดนั้นเอง ดนตรีที่อะเรนจ์ เนื้อร้องที่ถูกเขียน ก็ต้องเกิดขึ้นจากศิลปินซึ่งเข้าใจตัวเองและจุดที่ว่าไปมาก ๆ และอัลบั้ม Your Girl เป็นแบบนั้น … นี่คือเพลง Pop ในยุคสมัยใหม่ ที่ประกอบด้วยซาวด์จากเครื่องสังเคราะห์เต็มไปหมด แต่กลับยังสามารถคงความประณีตในการเรียบเรียงได้เป็นอย่างดี ไปจนถึงเนื้อร้องที่เขียนเองก็เยี่ยมไม่แพ้กันเลย เคยฟังบทสัมภาษณ์ที่ไหนสักที่เมื่อนานมากแล้ว จำได้ว่าคุณวีชอบซีรีส์เรื่อง That 70’s Show มาก คือที่จำได้แม่นจนขึ้นใจเนี่ย เป็นเพราะมันบังเอิญมากว่าเราเองก็เป็นแฟนคลับของเรื่องนี้ด้วย และก็ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนที่ชอบเหมือนกันมาก่อน เรารัก Sit-Com ของเหล่าวัยรุ่นที่ใช้เวลาด้วยกันในห้องใต้ดิน ‘บ้านฟอร์แมน’ มาก ๆ ถึงขนาดว่าเมื่อดูซีซั่นสุดท้ายจบลงไปแล้ว ก็ติดตามอ่านชีวิตของนักแสดงแต่ละคน พร้อมดูคลิปวันสุดท้ายที่พวกเขายืนเรียงกันหน้ากระดานพร้อมกันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด 8 ปี ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง และเสียใจเสมอที่ Topher Grace ที่รับบท Eric Forman เลือกจะไม่อยู่ในช่วงเวลานั้นด้วย เอ้า ๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเล่าเสียยืดยาว
เสน่ห์ของซีรีส์ดราม่ากึ่งคอมเมดี้ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเบาสมอง ได้ยิ้มมุมปาก เรายังจะได้สัมผัสการโอเวอร์แอคติ้งที่คล้ายกับการชมอนิเมะเอามาก ๆ แถมมักจะแฝงข้อคิดดี ๆ เอาไปปรับจูนให้ชีวิตคิดบวกมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับซีรีส์เรื่อง “วิถีเผ็ดแซ่บร้อน (The Way Of The Hot & Spicy)” ที่ออกฉายเมื่อปี 2021 ทาง Netflix ซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 12 ตอน เป็นผลงานของ 3 ผู้กำกับ ได้แก่ Keisuke Shibata จำนวน 7 ตอน, Paul Young จำนวน 3 ตอน และ Tatsuro Nishikawa จำนวน 2 ตอน โดยในแต่ละตอนมีความยาวที่ไม่ถึงชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา ในการรับชมซีรีส์ที่มีความยาวได้เป็นอย่างดี ส่วนเนื้อหาของเรื่องนี้คือการเบลนด์เอาชีวิตของเซลส์แมนมาโยงเข้ากับปรัชญการกินเผ็ด! สำหรับนักแสดงนำ ประกอบด้วย Akito Kiriyama (อดีตสมาชิกวงไอดอล “Johnny’s West”) รับบทเป็น
ในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความโกลาหลจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เข้ามาไม่หยุดหย่อนแบบนี้ หลาย ๆ คนก็คงมีวิธีคลายเครียดต่างกันออกไป แต่สำหรับคนที่หลบจากโลกความจริงเอาใจไปปล่อยในมังงะอย่างพวกเรา การมาถึงของอนิเมะบู๊เลือดสาดอย่าง Chain Saw Man ที่กำลังไฮป์ที่สุดในทุกแพลตฟอร์มตอนนี้ ดูจะหนักเกินไปเหลือเกิน ก็ชอบแหละ แต่ขอห่างกันสักพักไปก่อน เพราะตอนนี้มังงะแบบ Slice Of Life น่าจะตอบโจทย์ชีวิตตอนนี้มากกว่า มังงะแนว Slice Of Life เป็นการ์ตูนที่จะพาเราปล่อยใจ พร้อมค้นหาความหมายของชีวิตบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความสามัญธรรมดาในทุกวันที่ผ่านไป จริง ๆ ถ้าลองสังเกตุดี ๆ ก็จะเห็นว่ามังงะแทบทุกเรื่องจะมีตอนที่เป็น Slice Of Life ซ่อนอยู่เสมอ เป็นวันที่ตัวเอกของตอนนั้น ๆ ทำอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่คิดอะไรมาก แค่เดินไปตามท้องถนนเฉย ๆ ให้คนอ่านได้พักหายใจก่อนที่จะออกเดินทางเสพเนื้อเรื่องหลักอันเข้มข้นต่อไป UNLOCKMEN ขอแนะนำมังงะ Slice Of Life ที่ผู้เขียนอ่านเอง รักเอง และเชื่อว่าคนอ่าน UNLOCKMEN น่าจะชอบด้วยเหมือนกัน เพราะโลกมันเครียดมากแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรดีเท่ากับการที่มังงะสักเล่มจะสามารถสร้างวันหยุดให้กับใจเราทุกครั้งที่เปิดอ่านนี่ล่ะ : ) โคทาโร่อยู่คนเดียว
วงการดนตรีเพลงร็อกและเมทัล นอกจากจะโดดเด่นด้วยความหนักหน่วงของตัวดนตรีแล้ว เรื่องภาพลักษณ์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเช่นกัน บางวงก็อาจจะแต่งตัวเท่ ๆ ธรรมดา บางวงก็ฉีกออกไปทางแฟนซีราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ระทึกขวัญประสาทเลยทีเดียว จะมีวงอะไรที่น่าสนใจบ้าง Unlockmen ลองคัดมาให้ชมทั้งหมด 5 ศิลปินแล้วครับ SLIPKNOT วงแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น 9 หน้ากากนรกจากเมืองไอโอว่า นามว่า “Slipknot” วงดนตรีที่มีสมาชิกร่วมกันถึง 9 คน เกือบเทียบเท่ากับทีมฟุตบอลอยู่แล้ว พวกเขาเดบิวต์อัลบั้มแรกที่มีชื่อเดียวกับวงกับค่าย Roadrunner Records เมื่อปี 1999 มาพร้อมกับภาพลักษณ์สุดหลอนกับการปิดบังใบหน้าภายใต้หน้ากากอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งแต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ของหน้ากากแตกต่างกันออกไป เท่านั้นยังไม่พอพวกเขายังสวมใส่ชุดหมีสีแดงที่เหมือนกับนักโทษ หรือให้มองอีกมุมก็เหมือนผู้ป่วยโรคจิตด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้วง Slipknot สร้างภาพจำให้กับแฟนเพลงได้อย่างรวดเร็ว และสุดท้ายพวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นวงเมทัลที่โด่งดังไปทั่วโลกได้เป็นผลสำเร็จ สำหรับหน้ากากของ Slipknot มีการเปลี่ยนแปลงเสมอในทุก ๆ อัลบั้ม เท่บ้าง แย่บ้าง สลับกันไป แต่ถ้าถามว่าเวอร์ชั่นไหนประทับใจมากที่สุด ก็กล้าตอบได้เต็มปากว่าอัลบั้มแรกครับ MARILYN MANSON อีกหนึ่งศิลปินที่มีพร้อมภาพลักษณ์ชวนช็อก คงหนีไม่พ้น Marilyn Manson ที่โดดเด่นด้วยการเมคอัพที่ดูชวนสยองด้วยการเขียนตา ทาปาก ใส่คอนแทคเลนส์ รวมไปถึงคอสตูมที่หลุดโลกแบบสุด
วันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว 29/10/2002 เป็นวันที่ GTA ภาค Vice City เปิดตัวให้เล่นวันแรกบนเครื่อง Playstation 2 พร้อมได้รับเสียงวิจารณ์ด้านบวกมากมาย โดยเฉพาะที่สำคัญเลยซึ่งผู้พัฒนาซีรีส์ GTA น่าจะยิ้มกริ่มไปตาม ๆ กัน คือการพัฒนาระบบการเล่นที่สนุกขึ้นจาก Grand Theft Auto III ภาคก่อนได้ดีขึ้นมากในหลาย ๆ ด้าน จนถึงส่วนสำคัญอย่างเนื้อเรื่องของเกมโลกเปิดแบบที่ลงลึกมากยิ่งขึ้นด้วย Grand Theft Auto: Vice City จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1986 โดยให้ผู้เล่นสวมบทเป็น Tommy Vercetti ผู้พยายามไต่ขึ้นเป็นใหญ่ในวงการมาเฟีย ณ Vice City เมืองซึ่งจำลองภาพของชายหาดของไมอามีอันโดดเด่นด้วยต้นปาล์มขนาบข้าง แสงสีจากไฟนีออนของไนท์คลับชื่อดัง เสื้อฮาวาย และเหล่าตำรวจที่มาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดของวงการใต้ดิน ความเจ๋งที่ทำให้ GTA ในภาคนี้ยังคงเป็นที่ถูกพูดถึงเสมอไม่แพ้กับภาคอื่น แม้ว่าจะผ่านมา 20 ปี แล้วนั้นมีมากมายเต็มไปหมด แต่โดยส่วนตัวเราเองเชื่อว่าความเคารพต่อการหยิบเรื่องราว ‘มาเฟีย’ มาเล่าของผู้สร้างนั้นมีส่วนสำคัญมาก
ย้อนกลับไปยังช่วงสมัยสโมสร Barcelona ครองโลก ในยุคที่ Pep Guardiloa (2008-2012) นั่งบัญชาการคุมทีม ต้องยอมรับเลยว่าลูกทีมของพวกเขาในตอนนั้นที่นำโดย Xavi Hernandez, Andres Iniesta, Sergio Busquets, Gerard Pique, Carles Puyol รวมไปถึง Lionel Messi มีทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยม มีทักษะอันเหนือชั้นขั้นเวิร์ลคลาส เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างมารวมตัวกัน ทำให้ทีมดังแห่งแคว้นกาตาลุญญาไร้เทียมทาน ยากที่ทีมใดจะมาต่อกรได้ แถมเจอแทคติกการต่อบอลแบบตีกี-ตากา เข้าไปอีก ยิ่งทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับจนปัญญาที่จะเข้าไปแย่งบอล สไตล์การเล่นดังกล่าวมันไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในทีม Barcelona เท่านั้น แต่มันยังส่งอิทธิพลโดยตรงไปสู่ทีมชาติสเปน ในยุคการคุมทีมของ Vicente Del Bosque ในช่วงระหว่างที่คุมทีมกระทิงดุปี 2008-2016 แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงต้องยกให้ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พลาดท่าตั้งแต่นัดแรก สเปนทะลุเข้ามาสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และถูกจับมารวมอยู่ในกลุ่ม H ร่วมกับทีมชาติชิลี, สวิตเซอร์แลนด์ และฮอนดูรัส ซึ่งหากดูจากรายชื่อทั้งหมดและพิจารณากันจริง ๆ ใคร ๆ ก็ต้องมองว่าทีมชาติสเปนจะต้องผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อย่างสบายแน่นอน