เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody ปลุกกระแสให้ตำนานไม่มีวันตายอย่างวง Queen กลับเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง เรื่องความเจ๋งของเขาเราไม่เถียง เพราะพวกเขาเป็นวง Glam Rock ระดับตำนานที่ไม่มีใครมาล้มล้างได้ แต่ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหนังเรื่องนี้มีส่วนทำให้วงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง แถมยังขยายฐานแฟนเพลงเด็กรุ่นใหม่มากมาย แม้สมาชิกในวงจะอายุรุ่นราวคราวปู่ ล่าสุดก็มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อโรงกษาปณ์ The Royal Mint แห่งสหราชอาณาจักรประกาศคอลเลกชันใหม่เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความยิ่งใหญ่ของวง โดยเป็นชุดแรกของคอลเลกชันในหมวด ‘Music Legends’ ซึ่งวงแรกที่ได้รับเกียรตินั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพวกเขาวง Queen แน่นอนว่าเหรียญระดับพรีเมียมแบบนี้ไม่ได้มาแค่ชิ้นเดียว แต่ผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกสรร (ถ้ากำลังทรัพย์ของคุณมากพอ) แบบธรรมดาราคา 13 ปอนด์ (ราว 514 บาท) แบบมีซองรูปวง Queen ราคา 15 ปอนด์ มีทั้งแบบธรรมดาและแบบ Limited Edition ผลิตแค่ 25,000 ชิ้น (ราว 593 บาท)
มวลมหาดราม่ากับวงดนตรีมีชื่อเสียงนั้นเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน ยิ่งวงอินดี้รุ่นใหม่ที่มีฟรอนต์แมนฝีปากกล้าอย่าง THE 1975 พวกเขาผ่านดราม่ามามากจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียวในรอบปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกไปให้สัมภาษณ์อะไรสุ่มเสี่ยงที่รายการไหน อย่างไรก็ไม่รอดอยู่ดี ล่าสุดก็เป็นเรื่องเป็นราวอีกแล้ว เมื่อศิลปินหนุ่ม Lauv (เจ้าของเพลงฮิต I Like Me Better, Paris In The Rain) ปล่อยมิวสิควิดีโอตัวใหม่ล่าสุด Tattoos Together ออกมา ซึ่งก็ดูเฮฮาน่ารักดี แต่บรรดาแฟนคลับนี่สิ ดันปั่นกันไปใหญ่โตว่ามันเหมือนมิวสิควิดีโอเพลง Sincerity Is Scary ของ THE 1975 ซะงั้น อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากการเดินไปเต้นไป มีผู้คนตามถนนมาเต้นด้วยเยอะ ๆ เพียงแต่สถานที่ตรงฉากหลังมันก็ดูไปในทิศทางเดียวกันจริง ๆ ซึ่งตัว Lauv เองพอรู้ข่าวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบส่งข้อความไปขอโทษขอโพย Matt Healy ฟรอนต์แมน The 1975 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ จากนั้นก็นำข้อความที่คุยกันนั้นมาโพสต์ทางทวิตเตอร์วันที่ 17 มกราคม เพื่อยืนยันว่าเขาทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกันแล้วเรียบร้อย
หากกล่าวถึงวัฒนธรรม Punk (พังก์) เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงจะเป็นแฟชั่นที่จัดจ้าน เพลงร็อกรุนแรงบาดหู และแนวคิดหัวขบถต่อต้านสังคม เพราะวัฒนธรรมย่อยประเภทนี้เกิดขึ้นเพื่อปลดแอกวิถีชีวิตของคนบางกลุ่มออกจากกรอบของสังคม พวกเขาใช้ศิลปะและเสียงเพลงในการแสดงออก ต่อต้าน ประท้วง จนสามารถรวบรวมผู้คนที่คิดเหมือนกันให้เป็นปึกแผ่นได้ จากอังกฤษ ไปอเมริกา ต่อมาก็แพร่กระจายไปทั่วโลกและเฟื่องฟูถึงขีดสุดในยุค 1970 ตอนต้น พอเข้าสู่กลางยุค 70 การมาของวัฒนธรรม New Wave (นิวเวฟ) ก็เริ่มต้นขึ้น สิ่งนี้คือดนตรีที่เกิดจากรากฐานของพังก์ร็อก แต่หลอมรวมเอาดนตรีแนวดิสโก้และซาวด์ซินธิไซเซอร์มาผสมผสานให้กลายเป็นเพลงป๊อปแปลกใหม่ที่มีความเป็นศิลปะ ฟังง่าย เป็นมิตรต่อหูคนทุกเพศทุกวัยได้มากกว่าพังก์ พังก์จึงเริ่มเสื่อมความนิยมลงในที่สุด นิวเวฟกลายเป็นขวัญใจใหม่ของผู้คนและได้ขึ้นมาเฉิดฉายในวงการเมนสตรีม ซึ่งวงดนตรีที่ถูกจัดว่าอยู่ในซีนของ New Wave นี้ ก็มีแนวเพลงที่แตกแขนงแยกย่อยไปอีก ไม่ว่าจะเป็น New Romantic, Power Pop หรือ Post-Punk วงดนตรีชื่อดังอย่าง Blondie ก็จัดเป็นแถวหน้าของซีน New Wave นี้เช่นกัน หากพูดกันแค่ในแง่ของดนตรีอาจจะรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างช่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่อันที่จริงสถานการณ์บ้านเมืองนิวยอร์กยุคนั้นกลับไม่ได้สวยหรู เมื่อย่างเข้าสู่ ค.ศ.1977 ภาพฝันอเมริกันชนก็ต้องดับสลาย อเมริกาเป็นพ่ายแพ้ในสงครามเวียดนาม คุณภาพประชากรร่วงสู่จุดตกต่ำ แต่ยอดอาชญากรรมกลับพุ่งขึ้นสูง
“รักฉัน รักฉันเถอะนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ” “ที่เธอเห็นแค่ฝุ่นมันเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องไห้” หากบทเพลงของผู้ชายที่ชื่อ ‘อะตอม – ชนกันต์ รัตนอุดม’ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณมาโดยตลอด ขอให้รู้ไว้ว่าเรากับคุณคือเพื่อนกัน จากวันแรกที่เด็กชายอะตอมได้เห็นนักร้องในโทรทัศน์เป็นครั้งแรก เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าในอนาคตตัวเองจะต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ ถึงแม้จะเรียนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของอะตอมกลับวนเวียนอยู่กับเสียงเพลงมาโดยตลอด และถ้าหากคุณรู้สึกว่าบทเพลงของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต วันนี้ก็ถึงคราวที่คุณจะได้ไปเรียนรู้ชีวิตของผู้ชายเจ้าของบทเพลงเหล่านั้นกันบ้าง เขาเริ่มต้นการเป็นนักร้องไมค์ทองคำตัวยงบนเวทีประกวดเพลงลูกทุ่งชั้นประถม สู่การเริ่มเขียนเพลงจริงจังในสมัยมัธยม จนถึงวันที่เขาตัดสินใจส่งเดโมให้ค่ายใหญ่ ทุกความสำเร็จล้วนเกิดขึ้นจากความพยายาม หาใช่โชคช่วยหรือการเป็นไวรัลทางอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด บทสนทนาในครั้งนี้จะพาเราทุกคนไปย้อนประวัติศาสตร์บนเส้นทางดนตรีของอะตอมกันอีกครั้ง รวมถึงรับฟังมุมมองด้านกฎหมายลิขสิทธิ์เข้มข้น ที่เราการันตีว่าจะเป็นประโยชน์กับศิลปินและเหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกคนอย่างแน่นอน จุดเริ่มต้นของคุณคือการฝากเดโมเพลงตัวเองไปกับ ‘แอมมี่ The Bottom Blues’ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันที่จริงตอนเริ่มต้นไม่ใช่ว่าทำเดโมเลยตามหาตัวพี่แอมมี่เพื่อเอาไปฝากนะ ไม่รู้ว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรหรือเปล่า วันที่เราไปอัดเดโมเซตสุดท้ายที่เราตั้งใจว่าถ้าเสียเงินให้ห้องอัดที่นี่รอบนี้ แล้วเอาไปส่งรอบนี้ ถ้าไม่รอดก็คือไม่รอด ถือว่าสุดทางแล้ว มีเพลงที่แต่งมาเยอะประมาณ 5-6 เพลง อัดเป็นกีตาร์โปร่งกับเสียงร้อง ซึ่งห้องอัดนี้เราหาจาก Google พยายามหาอันที่ดูดี ที่คนเขาใช้กันเยอะ ๆ ก็ไปเจอห้องอัดนึงชื่อ LopStudio อยู่ตรงตึกลิเบอร์ตี้ ท้ายซอยทองหล่อ แล้วก็เข้าไปอัด
หากกล่าวถึง MAYA MUSIC FESTIVAL หลายคนคงจะคิดถึงงานดนตรีแนว EDM ระดับบิ๊กที่จัดเป็นประจำทุกปี ณ เมืองพัทยา งานเดียวที่จะทำให้เราได้แดนซ์แบบข้ามวันข้ามคืนไปกับบรรดาดีเจชั้นนำระดับโลก สุดเหวี่ยงไปกับแสงสีเสียงและบรรยากาศ จนหลายคนก็พูดปากต่อปากว่าหากปีหน้าจัดต้องมาซ้ำอีกแน่นอน สำหรับปี 2020 นี้ MAYA เขาก็จะครบรอบ 5 ปีเต็มพอดี ครั้งนี้เลยจัดใหญ่ใส่เต็มกว่าเดิม ด้วยการขยับขยาย LIVE STAGE ให้อินเตอร์กว่าที่เคย พวกเขาได้รวบรวมศิลปินแถวหน้าหลากหลายแนวมาไว้ให้คุณได้เต็มอิ่มในเวทีเดียว แถมบางวงยังเป็นวงรุ่นใหญ่ที่ไม่ได้หาดูกันง่าย ๆ งานนี้ใครซื้อบัตรแล้วบอกได้คำเดียวว่ามีแต่คุ้มกับคุ้ม มาทบทวนกันอีกครั้งว่าใน 6 วงนี้จะมีวงอะไรบ้าง เผื่อคนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไปดีจะได้ทราบข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจครับ H 3 F H3F คือวงคนไทยที่ทำเพลงสากล มีสมาชิก 3 คน ได้แก่ ก้อง แม็ก และหม่อม (ชื่อวงของเขาก็ย่อมาจากคำว่า Happy 3 Friends ครับ) แนวเพลงฟังสบายที่ผสมผสานดนตรีหลากหลายแนวเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น บลูส์ ฟังก์ โซล หรือร็อก กลมกล่อมลงตัว
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา บรรดาสื่อดนตรีต่างประเทศต่างออกมาจัดอันดับ ‘สุดยอดเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล’ ในหมวดต่าง ๆ ตามธรรมเนียมของทุกปี ซึ่งเพลงดีตลอดกาลที่ว่านี้ก็ไม่มีมีดีแค่หัวข้อเดียว เพราะมันยังแยกประเภทออกมายิบย่อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพลงร็อกยอดเยี่ยม เพลงป๊อปยอดเยี่ยม เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม แต่มีหนึ่งหัวข้อที่เตะตาเรามาก ๆ จนไม่นำมาพูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือหัวข้อ เพลงไลน์เบสยอดเยี่ยมตลอดกาล นั่นเอง คอเพลงทุกคนคงคุ้นเคยกับวลีติดปากที่มักจะพูดกันว่า เบสหนึบ เบสโหด เบสเทพ ซึ่งไอ้ความรู้สึกเหล่านี้ถ้าไม่ใช่นักดนตรีก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าไลน์เบสใครที่เจ๋งสุดในวงการ หรือต่อให้รู้ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เราชอบจะดีที่สุดเสมอไป วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะหยิบยกเพลงไลน์เบสโดดเด่นที่พวกนิตยสารดนตรีดัง ๆ เขาเคลมว่าดีมาบอกต่อบรรดาคอเพลงทั้งหลาย มาดูกันว่าจะมีเพลงอะไรบ้าง แล้วที่ว่าดีนี่มันดีแค่ไหนกันเชียว! Around The World – Daft Punk Select By NME เพลงนี้อยู่ในอันดับ 10 เพลงไลน์เบสยอดเยี่ยมตลอดกาลของ NME แน่นอนว่าวงอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Daft Punk ให้ความใส่ใจเรื่อง Beat ยืนหนึ่งกว่าวงไหน หลายเพลงของพวกเขาไม่มีเนื้อร้องด้วยซ้ำ Around The World เพลงนี้ก็เช่นกัน
วันที่ 10 มกราคม 2020 คือวันครบรอบ 4 ปีที่ราชาเพลงร็อกตลอดกาลอย่าง David Bowie (เดวิด โบอี) ได้จากโลกใบนี้ไป หลายคนจดจำผลงานเพลงของเขา บ้างก็จดจำเขาในฐานะนักแสดง หรือแม้กระทั่งบางคนที่ไม่เคยเสพผลงานของเขาเลยก็ยังสามารถจดจำเขาได้จากแฟชั่นและการแต่งกายอันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แถมยังมีหลากหลายลุคและมีบุคลิกที่ชวนจดจำ เขาคนนี้เป็นดั่งผลงานศิลปะที่มีชีวิต แถมยังรู้จักเปลี่ยนแปลงปรับตัวตามยุคสมัย ทำให้ตลอดชั่วชีวิตของเขาเต็มไปด้วยสีสันและควาฟน่าสนใจ แถมยังกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้คนบนโลกในทุก ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็นในแง่งานเพลง การแสดง จนไปถึงการวงการแฟชั่น คนอย่างเดวิด โบอีไม่จำเป็นต้องตามแฟชั่น แต่เป็นแฟชั่นต่างหากที่มีเขาเป็น Trendsetter! เพลง Space Oddity – David Bowie โบอีล้ำหน้ากว่าผู้คนไปก้าวหนึ่งเสมอ ลองคิดดูสิครับว่าเพลง Space Oddity ที่แต่งออกมาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เหตุใดเรานำมาเปิดฟังในวันนี้มันก็ยังคงเข้ากับความไซไฟในทุกยุคทุกสมัย ต่อมาช่วงปลาย 70 เขาก็ยังเป็นคนแรก ๆ ที่นำซาวด์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในเพลงก่อนดนตรีแนวซินธ์ป๊อปจะเฟื่องฟู หรือแม้กระทั่งในยุค 90 ที่โลกเต็มไปด้วยเพลงกรันจ์ร็อกและบริทป๊อป เดวิด โบอีกลับเลือกที่จะทำเพลงแนว Drums and
“โปรดเห็นใจฉันหน่อย ปล่อยให้ตัวฉันไป” ประโยคเชือดเฉือนใจบนทำนองเศร้าซึมจาก Moving and Cut ได้เข้าไปครอบครองหัวใจใครหลายคน จนเหล่าสมาชิกศาลาคนเศร้าต่างสถาปนาตัวเองเป็นแฟนเพลงของเขา ตั้งแต่ยังมีสมาชิกวงเพียงคนเดียว และไม่ได้ทำเพลงกันเป็นอาชีพ บ้างก็พบเจอพวกเขาจาก Youtube ได้ยินผ่านคลื่นวิทยุเพลงอินดี้ หรือรู้จักผ่านเพลย์ลิสต์เพลงเศร้าในช่องทางสตรีมมิงต่าง ๆ เรื่องมันเริ่มจาก มีน (นักร้องนำ) เริ่มปล่อยเพลงที่เขาทำเองลงบน Youtube โดยตั้งใจให้สิ่งนี้เป็นเพียงงานอดิเรก จนกระทั่งเพลงที่ปล่อยไว้เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจ ยอดวิวพิ่มพูนขึ้นและเกิดการติดต่อจ้างงาน Moving and Cut ให้ไปเล่นสด ๆ ต่อหน้าผู้ชม ทำให้มีนตัดสินใจชวนสมาชิกที่เหลือมารวมตัวกัน ได้แก่ การ์ตูน เพื่อนสมัยเรียนลาดกระบังมาเป็นมือซินธิไซเซอร์ บุ๊ค มาเป็นมือกีตาร์ ต้น มาเป็นมือกลอง และ ต้นหยาง อดีตสมาชิกวง SomeMary มาเป็นมือเบส ก็เป็นอันสมบูรณ์ครบในที่สุด จากจุดเริ่มต้นที่สวยงามสู่คอนเสิร์ตสุดประทับใจที่เพิ่งผ่านมาในอีเวนต์คอนเสิร์ตต่อเนื่องตลอด 5 วันในเชียงใหม่งาน “Independence Day” (สัปดาห์แห่งการปลดปล่อย) ที่จัดขึ้นโดย LEO หลายคนยังคงประทับใจการขึ้นเวทีแสดงสดวันสุดท้ายของพวกเขาและยังกระหายเรื่องราวเพิ่มขึ้น วันนี้ UNLOCKMEN จึงมาเยือนเขาถึงบ้านพักย่านพระโขนง สถานที่รวมตัวของสมาชิกวง
‘วงดนตรียิ่งอยู่นาน ๆ พลังยิ่งหมด’ วลีนี้อาจไม่จริงเสมอไป เพราะในโลกดนตรีอันแสนกว้างใหญ่ยังมีวงดนตรีอีกมากที่ ‘ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า’ ยิ่งอายุมากประสบการณ์ก็มากตาม และถ้าจะพูดถึงวงดนตรีแถวหน้าสักวงในไทยที่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ เราเชื่อว่า Paradox อาจเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง ช่วงชีวิตของใครหลายคน อาจเคยมีบทเพลงของพวกเขาเป็นซาวด์แทร็กประกอบ ผลงานของพวกเขามีตั้งแต่เพลงรักหวานซึ้ง จนไปถึงบ้าระห่ำสุดขั้ว ราวกับพจนานุกรมของวง Paradox ไม่มีคำว่าจำเจ วันนี้เราจะพาทุกคนไปล้วงลึกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของวง Paradox จากปากสมาชิกทั้งสี่ ต้า (ร้องนำ), สอง (มือเบส), บิ๊ก (มือกีตาร์) และโจอี้ (มือกลอง) ตัวจริงเสียงจริง อะไรที่ทำให้พวกเขายังผงาดง้ำค้ำโลก รักษาความสดใหม่ พร้อมจะยิงมุกใส่แฟนเพลงได้ราวกับกระสุนที่ไม่เคยหมดแม็ก ตบท้ายด้วยไฮไลต์เด็ดที่ทุกคนอยากรู้ ‘เคล็ดลับซื้อหวยอย่างไรให้ถูก’ จาก สอง Paradox! เข้าปีที่เท่าไหร่แล้วสำหรับวง Paradox สอง: 22 ปีแล้วครับ ผมขอนับตั้งแต่อัลบั้มแรกวางแผง ไม่ได้นับตั้งแต่ตอนตั้งวงละกัน เพราะเดี๋ยวมันจะแก่ไปกว่านี้ (หัวเราะ) จากเพลง ‘ฤดูร้อน’ ถึงเพลง ‘ฤดูฝน’ การเดินทางของวง เป็นอย่างไรบ้าง ต้า:
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1988 ในวันที่ทุกสิ่งดำเนินไปตามปกติ ผู้โดยสารและลูกเรือหลายร้อยชีวิตกำลังเดินทางจากท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ บนเครื่องบินของสายการบิน Pan Am เที่ยวบินที่ 103 มีจุดหมายปลายทางคือท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค สหรัฐอเมริกา Paul Jeffreys มือเบสวง Be Bop Deluxe กับ Rachel Jones ภรรยาของเขาเป็นหนึ่งในผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานจึงตัดสินใจบินไปฮันนีมูนกันถึงอเมริกา โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะมีหายนะอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า และวันฮันนีมูนแสนสุขเหล่านั้นก็ไม่อาจมาถึง Paul Jeffreys และ Rachel Jones ในเมืองล็อกเกอร์บี ประเทศสก็อตแลนด์ หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้เมืองกลาสโกลว์ ชาวบ้านที่อาศัยแถบนั้นได้ยินเสียงกึกก้องเหมือนฟ้าร้อง จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระแทกดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ อะไรบางอย่างร่วงลงกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากแรงระเบิดนั้นพุ่งขึ้นฟ้าสูงถึง 300 ฟุต และบ้านหลายหลังของชาวบ้านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ถูกเผาวอดวาย จากรายงานพบว่า มีกลไก ‘ระเบิดแสวงเครื่อง’ ถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางของหนึ่งในผู้โดยสาร และเกิดระเบิดขึ้นในห้องเก็บสินค้า ศูนย์ควบคุมทางอากาศระบุว่าเรดาร์ตรวจจับว่าเครื่องบินลำนี้เกิดการระเบิดเกิดขึ้นก่อนทางอากาศ ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือ ลูกเรือไม่ได้สวมหน้ากากออกซิเจน
ผ่านคริสต์มาสมาก็ได้เวลาของวันปีใหม่! ยิ่งช่วงเทศกาลที่บรรยากาศบ้านเมืองเต็มไปด้วยความครื้นเครงแบบนี้ อาจจะยิ่งสร้างความเหงาจับใจให้ใครหลายคนเลยว่าไหมครับ ? และหนึ่งในภารกิจของ WEEKLY PLAYLIST ก็คือการบรรเทาทุกข์ (เบื้องต้น) ให้กับบรรดาคนเหงาทั้งหลายนั่นเอง! มาดูกันดีกว่าว่าจะมีเพลงเพราะ ๆ อะไรบ้างที่เกี่ยวกับปีใหม่ เอาไว้ให้เพื่อน ๆ เปิดฟังกระตุ้นอารมณ์ตัวเองเพลิน ๆ แน่นอนว่าเพลงซ้ำซากแบบเปิดตามห้างเราไม่แนะนำ มารับฟังสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่คุณอาจไม่เคยฟัง ก่อนจะข้ามไปทศวรรษใหม่กันดีกว่าครับ (แต่ถ้าเคยฟังแล้วก็คิดเสียว่าเข้ามาอ่านเพลิน ๆ) New Year – Beach House ใครอยากฉลองปีใหม่แบบฟุ้ง ๆ ขอแนะนำเพลงนี้จากวง Beach House เลยครับ ยิ่งถ้าได้เบียร์สักขวดสองขวด ดนตรีของเพลงนี้อาจพาจินตนาการของคุณล่องลอยไปไกลแสนไกล แƒต่เนื้อเพลงอาจจะพาเหงานิดหน่อย เพราะมันสื่อถึงชีวิตที่ไม่เคยทำตามคำสัญญาและหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ รอคอยให้ปีใหม่มาถึง เผื่อว่าสิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตเสียที แต่ด้วยเมโลดี้และซาวด์โดยรวมของเพลงที่ไม่หม่นจนเกินไป ก็หวังว่าจะถูกใจใครสักคนบ้างนะครับ New Years Project – Mayday Parade จริง ๆ เพลงนี้เป็นเวอร์ชันคัฟเวอร์ของวง Further
เพลงบางเพลงสามารถสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับผู้คนมากมายได้ด้วยทำนองชวนแดนซ์ เปิดเมื่อไหร่ก็มันส์ ฟังสนุก แต่ใครจะรู้ว่าบางครั้ง บทเพลงเหล่านั้นก็เป็นดั่ง ‘มีดอาบน้ำผึ้ง’ ที่ซ่อนเนื้อหาดาร์ก ๆ เอาไว้บนเมโลดี้สดใส จนหลายคนไม่ได้สังเกตมาก่อนว่าความหมายในเพลงมันโหดร้ายแค่ไหน วันนี้ UNLOCKMEN จะหยิบยก 5 เพลงฮิตติดหูที่ฟังแล้วอารมณ์ดี มาตีแผ่เนื้อหาขม ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เปิดเพลงนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณอาจรู้สึกกับมันไม่เหมือนเดิม! Pumped Up Kicks – Foster The People เพลงนี้จัดว่าเป็นที่นิยมสำหรับงานรื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นสาวกของวงก็คงจะรู้ที่มาที่ไปของเนื้อหากันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ฟังแบบไม่ได้คิดอะไร รู้ไหมครับว่าในเนื้อเพลงที่ร้องว่า “All the other kids with the pumped up kicks You’d better run, better run, out run my gun” (พวกเด็กทั้งหลายที่ใส่รองเท้า Pumped up kicks เธอควรจะวิ่งหนีไป